ความคิดเห็นที่ 1 ก็ดูสิ่งที่เค้าเจอสิ สึนามิ แผ่นดินไหว เจอมาตลอด ภูเขาไฟฟูจิจะระเบิดอีกเมื่อไหร่ไม่รู้ จากคุณ : เด็กขงเบ้ง เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 14:27:14

ความคิดเห็นที่ 2 ***     ในประวัติศา่สตร์ของมนุษยชาตินับแต่ยุคกลางเป็นต้นมา  จะมีห้วงเวลาที่ประเทศญี่ปุ่นไปรุกรานบรรดาอารยะประเทศอื่นอยู่2ช่วงเท่านั้นครับ  ช่วงแรกคือสมัยไดเมียว "โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ" ครองความยิ่งใหญ่ในญี่ปุ่น(กลางคริสตศตวรรษที่16)  ซึ่ง "ฮิเดโยชิ" ได้ส่งกองทัพของตนเองไปรุกรานเกาหลีถึง2ครั้ง (ตรงกับช่วงราชวงศ์หมิงในจีน)  ทว่าลงท้ายแล้วกองทัพญี่ปุ่นก็ต้องถอยกลับทั้ง2ครั้งเพราะทหารเหนื่อยล้าจากการทำศึกประจวบกับกองทัพจีนยื่นมือเข้ามาช่วยเกาหลีพอดี     ซึ่งการนำกองทหารไปละเลงในสงครามเลือดที่คาบสมุทรเกาหลีนี้  จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ลูกหลานและตระกูลของ "ฮิเดโยชิ" ไปพ่ายแพ้สงครามกลางเมืองที่ "เซคิงาฮาร่า"  จนกระทั่งดุลย์แห่งอำนาจเปลี่ยนไปอยู่ในมือของตระกูล "โตกุกาว่า" ซึ่งนำโดย "โตกุกาว่า อิเอยาสึ" ที่ต่อมาได้สั่งปิดประเทศเป็นเวลาหลายร้อยปี  จวบจนสมัยที่พวกมะริกันส่ง "เรือดำ" เข้ามาบีบบังคับให้ญี่ปุ่นเปิดประเทศนั่นเอง       จากนั้นญี่ปุ่นก็ได้เริ่มทำตัวเกเรออกต่อยตีชาวบ้านชาวช่องอีกครั้งในช่วงปลายศตวรรษที่19(หลังการปฏิรูปในยุคเมจิ)ต่อเนื่องลากยาวถึงกลางศตวรรษที่20(ค.ศ.1945)  โดยช่วงนั้นญี่ปุ่นได้เปิดประเทศและเร่งปฏิรูประบอบการเมืองการปกครอง เทคโนโลยี และกองทัพเสียใหม่จนเริ่มมีความเข้มแข็งมากขึ้น  ประจวบกับการพัฒนาตนเองให้กลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมอย่างเต็มตัว  ดังนั้นญี่ปุ่นจึงต้องการทรัพยากรและวัตถุดิบมาป้อนสายการผลิตของตนเอง     โดยในห้วงเวลานั้นญี่ปุ่นได้ไปช่วยฝรั่งทำสงครามกับ "ราชวงศ์ชิง" ของจีนในคราวกบฏนักมวย(ค.ศ.1900)  ทำสงครามชนะจักรวรรดิรัสเซีย(ค.ศ.1905)  รุกรานเกาหลีและหมู่เกาะต่างๆ  ขับไล่ทหารเยอรมันบริเวณ "เมืองท่าชิงเต่า" ในจีนระหว่างสงครามโลกครั้งที่1(ค.ศ.1914-1918)  ซึ่งหลังสงครามญี่ปุ่นได้อาณานิคมเดิมของเยอรมันในจีนมาเป็นของตนเองทั้งหมด     ต่อมาในช่วงต้นยุค30'กองทัพญี่ปุ่นจึงได้เข้ายึดครองแมนจูเรียเป็นขั้นแรก  โดยช่วงนี้ญี่ปุ่นจะไปมีปัญหากับโซเวียตจนถึงขั้นต้องรบรากัน  แต่เพราะดันไปเจอ "นายพลซูคอฟ" ของโซเวีัยตที่เป็นพวกบ้าพลังเข้าเลยต้องเจรจาสงบศึกกันภายหลัง  ซึ่ง "ซูคอฟ" นี้เป็นนายพลที่นิยมหลักยุทธวิธีการใช้กำลังที่มากกว่าเข้าบดขยี้ข้าศึก  โดยไม่สนใจว่ากำลังพลของตนจะเสียหายล้มตายไปเท่าไหร่  ซึ่งตอนหลังนายพลคนนี้จะเป็นฮีโร่ของโซเวียตในการรับมือกับกองทัพเยอรมันนาซีของฮิตเลอร์       จากนั้นญี่ปุ่นได้ใช้พื้นที่ในแมนจูเรียเป็นหน้าด่านในการยกพลบุกประเทศจีน(ค.ศ.1937-1945)  จนการรบในจีนมาถึงจุดสะดุดเข้าญี่ปุ่นจึงต้องแผ่ขยายอำนาจไปยังเอเซียบูรพาและทำสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร  กระทั่งญี่ปุ่นไปพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่2แก่ฝ่ายสัมพันธมิตรในปีค.ศ.1945  และถูกพวกมะริกันกดหัวเขียนรัฐธรรมนูญให้อยู่อย่างสงบสเงี่ยมเจียมตัวไม่กล้าไปรบราฆ่าฟันกับใครเหมือนสมัยก่อนมาจนถึงปัจจุบัน (มะริกันห้ามพวกยุ่นมีกองทัพเป็นของตนเอง แต่ในปัจจุบันกองกำลังป้องกันตัวเองของยุ่นก็คือกองทัพดีๆนั่นเองแหละ)   ป.ล. แต่ทางด้านเศรฐกิจพวกยุ่นกลับไม่สงบสเงี่ยมเจียมตัวไปด้วย  เพราะกราฟของเขาขึ้นๆลงๆเป็นรถไฟเหาะเสมอมา (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 14:33:44

ความคิดเห็นที่ 3 1. ญี่ปุ่นเผชิญกับปัญหาประชากรล้นประเทศ และขาดแคลนทรัพยากรหน่ะครับ ทำให้ต้องเริ่มลัทธิจักรวรรดินิยมไปกับเขาด้วย แต่อันที่จริงด้วยสถานการณ์โลกสมัยศตวรรษที่ 19 ที่ลัทธิจักรวรรดินิยมขึ้นถึงขีดสูงสุดนั้น ใครมีอำนาจก็ต้องออกไปล่าอาณานิคมเพิ่มพูนกำลังให้ตนเองทั้งสิ้นครับ เพราะโลกในตอนนั้นมีแต่เจ้าอาณานิคม กับอาณานิคม ไม่ล่าก็ถูกล่าครับ 2. รัฐจารีตในเอเชียนั้น ส่วนใหญ่ก็ขยายอำนาจกันเป็นปกติอยู่แล้วครับ ไม่มีใครเรืองอำนาจแล้วอยู่เฉยๆ ไม่ออกไปตีบ้านเมืองอื่นมาเป็นบริวารเลย แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 54 20:13:54 จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 20:12:44

ความคิดเห็นที่ 4 "ซูคอฟ" นี้เป็นนายพลที่นิยมหลักยุทธวิธีการใช้กำลังที่มากกว่าเข้าบดขยี้ข้าศึก . . . ญี่ปุ่นเองก็ออกไปทางสายบ้าพลัง+เสี่ยงโชคไม่น้อยนะครับ      บางศึกญี่ปุ่นก็ชนะแบบยับเยินเอามากๆ     คือชนะแบบเสียหายหนักกว่า         ญี่ปุ่นคงคิดสรตะดู    ขืนบ้าพลังไปชนกันจังๆไม่ว่าจะชนะรึแพ้     ก็คงเสียหายอย่างมหาศาลแน่ๆ      คิดไปคิดมาอย่ารบกับหมอนี่ดีกว่า จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 22:41:53

ความคิดเห็นที่ 5 ...ผมว่า ซูคอฟน่าจะเก่งด้านการใช้รถถังเข้าถล่มข้าศึกมากกว่ามั้ง จากคุณ : LegalisM เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 01:50:23

ความคิดเห็นที่ 6 ญี่ปุ่นแพ้ในด้านสงคราม แต่มรดกจากสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้ญี่ปุ่นเจริญรุ่งเรืองในฐานะ "ประเทศอุตสาหกรรม" มาจนถึงทุกวันนี้ครับ จากคุณ : อะไรก็ได้ ง่ายๆ... เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 06:09:56

ความคิดเห็นที่ 7 ตอนที่อเมริกาบังคับญี่ปุ่นเปิดประเทศนั้นทางญี่ปุ่นก็เห็นชัดแล้วครับว่าภัยอันตรายจากเหล่าจักรวรรดิทั้งหลายนั้นไม่สามารถทัดทานได้ด้วยอานุภาพของญี่ปุ่นในตอนนั้น จึงตัดสินใจเปิดประเทศและรีบพัฒนาตนเองให้เป็นประเทศอุตสาหกรรมให้ได้อย่างรวดเร็ว โดยยึดหลักที่ว่า"ประเทศร่ำรวย กองทัพเข้มแข็ง" โดยหวังให้กองทัพที่เข้มแข็งเป็นปราการป้องกันภัยจากการล่าอาณานิคม และให้ประเทศร่ำรวยเพื่อเลี้ยงกองทัพนี้ได้ ดังนั้นพูดได้ว่ากองทัพญี่ปุ่นนั้นตอนแรกมีเพื่อป้องกันตนเองจริงๆครับ แต่การเน้นพัฒนากองทัพนั้นทำให้แนวคิดสายทหารของญี่ปุ่นนั้นเข้มแข็งตามไปด้วย กองทัพเข้มแข็งนอกจากจะใช้ป้องกันตนเองแล้วก็ยังใช้รุกรานล่าอาณานิคมได้เช่นกัน ประกอบกับช่วงกลางกับช่วงปลายคริสตศตวรรษที่ 19 นั้นเป็นช่วงที่แนวคิดการล่าอาณานิคมกำลังเข้าสู่ช่วงรุ่งโรจน์ยุคสุดท้าย ทางกองทัพญี่ปุ่นก็ผลักดันนโยบายล่าอาณานิคมนี้ และญี่ปุ่นเองก็มีพื้นที่น้อยเมื่อเทียบกับประชากร มีทรัพยากรในประเทศตนเองน้อย การล่าอาณานิคมจึงมีแรงจูงใจทางเศรษฐกิจและสังคมด้วย (เพื่อหาทรัพยากรและเพื่อถ่ายโอนประชากรไปอยู่ในถิ่นใหม่) ญี่ปุ่นก็เริ่มกวาดสายตาออกนอกประเทศอีกครั้งในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ครับ การพัฒนาที่เน้นกองทัพจนขนาดที่รัฐบาลคุมกองทัพไม่ค่อยจะอยู่นั้นทำให้ญี่ปุ่นมีกองทัพที่เกรียงไกรอยู่ช่วงหนึ่ง ประกอบกับประเทศใกล้ก็ไม่มีศักยภาพพอที่จะคานอำนาจญี่ปุ่นได้ ทำให้ญี่ปุ่นสร้างจักรวรรดิของตนขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว แต่เส้นทางที่ญี่ปุ่นเลือกเดินนี้นำไปสู่การปะทะกับอีกหนึ่งมหาอำนาจโพ้นทะเลก็คืออเมริกาครับ จากคุณ : HotChoc เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 15:55:06

ความคิดเห็นที่ 8 เพราะเค้าขาดแคลนทรัพยากรค่ะ ซึ่งทุกวันนี้เค้าก็เนียนๆ มาใช้พื้นที่และทรัพยากร ของไทยอยู่ค่ะ และนอกจากญี่ปุ่นแล้ว ต่อไป ภัยโลกร้อน ก็จะทำให้ ต่อไป เราจะเห็น สงครามเงียบๆ ที่แฝงมาในแต่ละประเทศ  ที่ปท ที่ใหญ่กว่าพยายามเนียนๆ เข้ามาแย่งชิง ทรัพยากร ด้วยค่ะ ปลาใหญ่ กินปลาเล็ก ค่ะ จริงๆ มันก็มีมาอยู่ทุกยุคทุกสมัยอยู่แล้วอะนะคะ พวกเหตุผลที่เค้าใช้ล่าอาณานิคมเนี่ยก็อ้างว่าขาดแคลน ทรัพยากร เลยต้องแย่งชิงทรัพยากร ค่ะ จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 14:48:01