หัวกระทู้ตั้งซะแร๊งเชียวนะคะ "นิยายเอากัน"
เข้าสู่ในส่วนของการพูดถึงเรื่องงานเขียนกันเพียวๆ ในฐานะคนเขียนและคนอ่านคนหนึ่ง
โดยส่วนตัวมีความคิดเห็นในเรื่องนี้ชัดเจนมาตั้งแต่เริ่มอ่านนิยาย
อ่านมาแล้วแทบทุกแนว ไม่ว่าจะหนังสือแปลกี่ชาติกี่ภาษา หนังสือนิยายไทย
ทั้งแนววัยรุ่นวัยทำงาน การ์ตูนญี่ปุ่นทั้งบู้ทั้งติดเรท และเห็นพัฒนาการของหนังสือเรื่อยมา
จนกระทั่งได้ลงมือสร้างสรรค์นิยายของตัวเอง และได้จัดทำเล่ม
เมื่อก่อนนิยายแนวอิโรติก ถูกสร้างสรรค์เนื้อหา ภาษาไว้ได้อย่างละเมียดละไม
ความเป็นมาเป็นไปของเรื่องก็สมเหตุสมผลมีที่มาที่ไป ใส่บทอิโรติกในช่วง
ที่เหมาะสม เปรียบได้กับเมื่อมีปลาทูก็ต้องมีน้ำพริก มันถึงจะเข้ากันและอร่อยมากขึ้น
ซึ่งผลงานเหล่านี้ เราถือเป็นแบบอย่าง ต้นแบบในการเขียน เพราะนิยายไม่ใช่แค่การเขียนเพียงอย่างเดียว
แต่สำหรับเรามันคือการ เล่าเรื่องให้สละสลวย มีชั้นเชิงในการนำเสนอเพื่อให้น่าติดตาม
เพราะนวนิยายก็คือศาสตร์แขนงหนึ่ง ที่ควรจะอนุรักษ์ไว้ ซึ่งผู้เขียนทุกท่านควรจะมีจิตสำนึกถึงข้อนี้เป็นอันดับแรก
เชื่อว่าคนที่เริ่มเขียนหลายคน ก็เริ่มจากฉันอยากจะเขียนเพื่อถ่ายทอดจินตนาการของตัวเอง
ออกมาเป็นตัวหนังสือ ทำยังไงจะเขียนให้คนเข้าใจ และเขียนให้จบสมบูรณ์
ตัวเราเองก็เป็นแบบนั้นมาก่อน แต่เมื่อได้อ่านบทประพันธ์ของนักเขียนรุ่นปรมาจารย์
ก็พบว่านอกจากเขียนแล้ว เรายังต้องให้ความสำคัญในเรื่องภาษาด้วย
ถามว่าทำไมสมัยนี้นิยายอิโรติกถึงเกลื่อนตลาด เหตุหนึ่งมาจากวิวัฒนาการอันทันสมัย
ของอินเตอร์เน็ตนั่นเอง สมัยก่อนนักเขียนมีฝีมือจะเสนอผลงานกันที ไม่เขียนมือ ก็ต้องพิมพ์ดีด
จากนั้นก็ร่อนส่งไปตามสำนักพิมพ์ จากนั้นก็ถูกกลั่นกรอง กว่าจะได้ออกสู่สายตานักอ่าน
อาทิบางกอก กุลสตรี ขวัญเรือน และอีกมากมาย เรื่องไหนได้รับความนิยมก็จะ
ถูกนำมารวมเล่ม ขณะเดียวกันก็จะมีคนเขียนกลุ่มหนึ่ง...ซึ่งอยู่ในมุมมืดและด้านมืดของสังคม
เขียนงานให้กับผู้อ่านอีกกลุ่มหนึ่ง นั่นก็คือพวกหนังสือ...ปลุกใจเสือป่า
เล่าประสบการณ์เสียว สร้างเรื่องแนวกามารมณ์ ให้ออกมาเป็นเรื่องเป็นราว
ใช้ภาษาที่โต้งๆ ตรงๆ เน้นความดิบเถื่อน เพื่อกระตุ้นอารมณ์ดิบของมนุษย์
พอมาสมัยนี้หรือยุคปัจจุบันเน็ตเร็วเน็ตแรง จึงมีช่องทางการเสนอผลงาน
และมีที่ให้แสดงออกความคิดเห็นได้อย่างไร้ขีดจำกัด คนมากมายร้อยพ่อพันแม่
ต่างจิตต่างใจ ปนเปกันอยู่ในชุมชนออนไลน์ หากกว่าถึงกลุ่มคนชอบเขียนชอบจิตนาการแล้ว
ก็มี...2 ด้าน เช่นกัน ด้านหนึ่งก็คือคนเขียนงานดีมีสาระ สร้างความบรรเทิง+จรรโลงสังคม แฝงแนวคิดดีๆ
อีกด้านก็คือคนที่เน้นเขียนเพียงเพื่อสนองอารมณ์ ดึงเรื่องราวของกิเลส
ตัณหาและกามารมณ์มาเป็นเรื่องหลัก เนื้อหาคือเรื่องรอง สร้างเรื่อง
เพียงเพื่อพอให้มีความเป็นมาเป็นไป เธอเป็นใครฉันเป็นใคร แล้วมาเจอกันได้อย่างไร
เมื่อก่อนยอมรับนะคะว่าก็อยากรู้อยากเห็น เข้าไปเสาะหาอ่านนิยายแนวนี้
ในอินเตอร์เน็ตว่าเป็นอย่างไร...ทำไมคนพูดถึงนิยาย...แนวกระต่าย
แล้วกระต่ายคืออะไร?.....มันก็คือนิยายแนวอิโรติกนั่นล่ะค่ะ
บางเรื่องยอมรับว่าผู้เขียน เขียนได้ดีค่ะ แบ่งชัดเจนนะคะว่าเรื่องขนาดนี้
ผู้อ่านควรอายุเท่าไร มีเนื้อหา ความสมเหตุสมผลอยู่ เพียงแต่ยังมีความรุนแรง
อยู่มากจึงไม่เหมาะกับเยาวชน ส่วนอีกประเภทหนึ่งคือ....เรทแบบที่ว่า
อ่านแล้วมันก็คือหนัง X ดีๆนั่นเอง และนี่คือสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่า
หากเราจะเขียนอะไรสักอย่างลงในเน็ต สิ่งแรกต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมค่ะ
ความสนุกของนิยายไม่ได้อยู่แค่เรื่องบนเตียง ไม่ได้อยู่แค่ความรุนแรง
แต่มันอยู่ที่การผูกเรื่อง การวางโครงสร้างของเรื่อง เป็นสำคัญ
หากเราทำตรงนี้ได้ดี ฉากเรทก็จะกลายเป็นเพียงส่วนประกอบเล็กๆ
พอให้คนอ่านได้กระชุ่มกระชวย จักกะจี้หัวใจเท่านั้น ไม่ต้องถึงกับใส่ซะ
คนอ่านตะลึงพรึงเพริด บรรยายซะสิ่งสวยงามกลายเป็นสิ่งน่าเกลียด
อ่านแล้วพะอืดพะอม ปนขยะแขยง ไม่ใช่ว่าเรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องไม่ดีนะคะ
มุมมองของเราคิดว่าคือสิ่งที่สวยงามหากอยู่บนพื้นฐานของความรัก
หาใช่ความใคร่ ความรุนแรง และความวิปริต
มีน้องๆคนเขียนนิยายหลายคน เคยถามว่า ทำยังไงนิยายหนูจะได้ติดฮอตบ้าง
ได้ทำหนังสือบ้าง...ต้องเขียนเรทเยอะๆมั้ย
ฟังแค่นี้ก็แบบว่า....ต่อไปจะเป็นยังไงน้า....นี่แค่ระบาดในเน็ตนะคะ
และไม่กี่ปีเท่านั้น นิยายอิโรติกที่ไม่มีเนื้อหาแก่นสารอะไร ก็เริ่มทะยอยออกมาสู่ตลาด มากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ
คนเขียนบางคนก็ยึดมาอาชีพเขียนนิยายเป็นเรื่องเป็นราว บางคนเขียนเพราะใจรัก นั่นไม่ผิดค่ะ รักด้วย ได้รายได้ด้วย
บางคนเขียนตามใบสั่งสำนักพิมพ์...และหลายสำนักพิมพ์สมัยนี้ก็ขาดจิตสำนักที่ดี
ที่จะรับผิดชอบต่อสังคม ใฝ่แต่จะหานิยายเอาใจตลาด เอาใจกลุ่มคนซื้อซึ่งเป็น
วัยรุ่น ซึ่งยังขาดวุฒิภาวะ อย่าบอกว่า...มันไม่มีผลกับเยาวชนหรอก เค้าเลือกอ่าน เลือกเสพได้ เค้าคิดเป็น
คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์คะ...สำหรับเยาวชนในประเทศ ที่มีครอบครัวอบอุ่น อยู่ในสายตาผู้ปกครอง คิดเป็น เลือกเป็น
ไม่คิดเลียนแบบเนื้อหาในนิยาย เนื้อหาในละคร หรือภาพยนต์ คนกลุ่มนี้มีค่ะ
แต่เริ่มน้อยหากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์
ซึ่งหากเยาวชนที่ไม่ได้มีเกราะหรือภูมิคุ้มกันที่เรียกว่าความอบอุ่นในครอบครัว
ก็จะมีความเป็นไปได้สูงที่เค้าจะเดินไปตามทางที่สังคมปูไว้ให้ ปูสิ่งที่ดีก็ช่วยให้อนาคตของชาติดี
ปูสิ่งที่ไม่ดี อนาคตของชาติก็แย่ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีข่าวรุมโทรมหญิง โดยมีผู้ต้องหาเด็กขึ้นทุกวัน
ไม่มีข้อมูลว่าเด็กสาวสมัยนี้ท้องในวัยเรียนมากแค่ไหน ทำแท้งกันมากแค่ไหน
ผู้ชายข่มเหงรังแกผู้หญิงมากขึ้นขนาดไหน ขนาดว่าผู้บังคับบัญชาขืนใจลูกน้อง
พ่อข่มขืนลูก สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากสื่อทั้งนั้นค่ะ สมัยก่อนมันไม่ได้มากมายขนาดนี้เลย
เราไม่โทษสื่อสิ่งพิมพ์เพียงอย่างเดียวนะคะ แต่เรามองว่าหากเราเดินไปในกระแส หรือทิศทางเดียวกันหมด
อนาคตจะเป็นยังไง ความคิด วิจารณญาณ พฤติกรรมของคนจะต่ำลงมั้ย
เราเป็นส่วนหนึ่งของสื่อสิ่งพิมพ์ สิ่งที่เราจะทำได้คือ รักษาสิ่งที่ดีที่ควรไว้
มีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมให้มาก
ถ้าหลายคนร่วมแรงร่วมใจปฏิวัติและช่วยกันรับผิดชอบต่อสังคม
คิดว่า "นิยายเอากัน" ก็จะหายไปจากตลาดในที่สุด
ถ้าคุณคิดก่อนเขียนสักนิด
ถ้าคุณคิดก่อนตีพิมพ์สักนิด
ถ้าคุณคิดที่จะไม่หยิบนิยายขยะมาอ่านสักนิด
ไม่อุดหนุน ไม่เสพ สุดท้ายก็จะไม่มีคนเขียน
แต่ถ้าห้ามคนเสพไม่ได้ ก็ต้องห้ามที่คนขายและคนสร้างค่ะ
ถ้าไม่ช่วยกัน ต่อไปก็คงได้จมอยู่กับกองหนังสือ "นิยายเอากันนี่ละค่ะ"
สุดท้าย....
ขอฝากน้องๆ เยาวชนนักเขียนหน้าใหม่ที่อยากจะก้าวเข้าสู่วงการนักเขียน
พี่คนนี้ขอแนะนำว่า ให้เข้ามาอย่างสง่า เป็นที่ยอมรับของสังคม(ด้านดี)
อย่างน้อยในวันข้างหน้า น้องจะได้เล่าคุณพ่อคุณแม่ได้อย่างภาคภูมิใจ
ว่าน้องเขียนนิยายแล้วมีคนมากมายยอมรับในผลงานของน้อง
และสำนักพิมพ์ให้โอกาสที่จะตีพิมพ์นิยายของน้อง
และเมื่อน้องได้เห็นนิยายของตัวเองเป็นรูปเล่มสวยงาม
เนื้อหาภายในไม่เป็นพิษเป็นภัยกับสังคม น้องจะภูมิใจในตัวเอง
โดยไม่มีข้อกังขา อีกทั้งยังยื่นหนังสือผลงานของตัวเอง
ให้คนใกล้ชิดได้ชื่นชม อย่างไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ
นะจะบอกให้...นะเอ้อ
ขอจบความคิดเห็นแต่เพียงเท่านี้ค่ะ
ใครอ่านถึงตรงนี้ก็หวังว่าจะได้ประโยชน์บ้างนะคะ
คิดว่าคงมีสาระบ้างจึงได้พิมพ์ซะยาว
ขอบคุณค่ะ.....พิมพ์ผิดบ้างอย่าว่ากันนะคะ แอบเหนื่อย เพลียแขน เหอะๆ
แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 54 02:20:20