|
^
^
เราพูดซะยาว แต่สรุปสั้นๆได้ว่า
ขนาดคนขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นมาบีบแตรไล่คนเดินบนทางเท้าคนไทยส่วนใหญ่ที่เห็นเหตุการณ์ยังไม่มีใครกล้าไล่มันลงไปจากทางเท้าเลยเพราะกลัวโดนแทงหรือโดนยิงเอา ตกลงถ้าเราไล่มันคนเดียวคนที่ไม่ไล่ก็ดันหาว่าเราโง่บัดซบอีกนั่นหละ
แล้วในห้องประมูลงานจัดซื้อจัดจ้างที่โกงกินกันทีหนึ่งเป็นหลายๆพันล้านบาทนั่นน่ะพวกมาเฟียในนั้นมันใหญ่ยิ่งกว่ามอเตอร์ไซค์ขึ้นทางเท้าเสียอีก มันประกอบไปด้วยนักการเมือง นักธุรกิจ เจ้าหน้าที่รัฐ และคนที่มีอาวุธสงครามอยู่ในมือคือบิ๊กทหาร คอยกำกับดูแลอยู่ ซึ่งพร้อมที่จะออกฆ่าผู้ประท้วงทันทีที่เจ้าหน้าที่รัฐหรือนักการเมืองฝ่ายที่ทหารชอบสูญเสียประโยชน์จากการโดนประท้วงว่าโกงกิน เนื่องจากคนเหล่านี้มีผลประโยชน์ร่วมกัน
เพราะว่ามอเตอร์ไซค์ย้อนศรและมอเตอร์ไซค์ขึ้นทางเท้าโดยไม่มีคนไทยกล้าไล่ลงไป คอรัปชั่น และคนใหญ่ๆทำอะไรก็ไม่ผิดโดยไม่มีใครกล้าประท้วง เพราะมันเป็นจิตสำนึกที่ไม่มีใครอยากถูกฆ่าตาย เพราะความอยุติธรรมในสังคม ความอยุติธรรมในสังคมมันเป็นวิถีชีวิตของคนไทย มันจะอยู่คู่กับคนไทยไปอีกนานแสนนาน
ดังนั้นสุทรพจน์ปลูกจิตสำนึกสังคม มันก็เป็นแค่ละครอีกฉากหนึ่งในสังคมไทย ที่ทำให้ดูดีว่าเด็กๆอย่าง น้อง กษริน วงศ์กิตติชวลิต ก็คิดอะไรที่สร้่างสรรค์ได้ แต่น้องคงไม่ได้คิดว่า มันปลูกจิตสำนึกสังคมกันไม่ได้
คนในสังคมต่างหากที่จะต้องค่อยๆพัฒนาอารยธรรมทางด้านจิตไจไปทีละน้อยทีละน้อย ซึ่งอาจจะต้องพัฒนาระดับจิตใจไปเป็นเวลาอีกนับร้อยๆปี จนกว่ามอเตอร์ไซค์ขึ้นทางเท้าจะหายไปจากวิถีชีวิตแบบไทยๆ
แก้ไขเมื่อ 24 พ.ย. 54 23:05:17
| จากคุณ |
:
fortuneteller   
|
| เขียนเมื่อ |
:
24 พ.ย. 54 23:03:30
|
|
|
|
สุนทรพจน์ของน้อง กษริน วงศ์กิตติชวลิต กับการเรียนรู้ภาษาไทยและ ปลูกจิตสำนึกสังคม
