ความคิดเห็นที่ 1 ไม่เห็นจะเกี่ยว จากคุณ : ปีเตอร์นอร์ธ เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 12:44:36

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่มีปัญหากับการเมืองหรอกครับ แต่จะมีปัญหากับการพัฒนาประเทศมากกว่า เพราะด้านวิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี ก็ถือว่าสำคัญมาก ๆ เป็นด้านหนึ่งเลยทีเดียวที่มีความจำเป็นต้องพัฒนา อย่างในบ้านเรา ที่ยังต้องมีการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ปีหนึ่งก็ไม่ใช่น้อย ๆ เยอะมาก ถ้าสมมติ เราสามารถพัฒนาเทคโนโลยีของเราเองได้มากขึ้น เราก็สามารถลดการนำเข้าจากต่างประเทศได้ และยังสามา่รถส่งออกเทคโนโลยีนั้นไปยังประเทศอื่น ๆ ได้อีกด้วย ซึ่งทำให้ดุลการค้าของเราเพิ่มขึ้่น แล้วถ้าบริษัทในบ้านเรา เป็นผู้ผลิตเอง (ซึ่งก็มีโรงงานผลิตจำนวนมากในประเทศอยู่แล้ว) ที่เพิ่มขึ้นแน่ ๆ คือ GNP (Gross National Product) ซึ่งมันส่งผลแน่ ๆ ต่อเศรษฐกิจมวลรวมของประเทศ ดูอย่างประเทศมหาอำนาจต่าง ๆ ก็ให้ความสำคัญกับการพัฒนา ในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกันทั้งนั้น ไม่ใช่แค่เฉพาะในเชิงเศรษฐกิจอย่างเดียว แต่ในด้านการทหาร ก็มีการพัฒนาเทคโนโลยีการทหารด้วย อย่างเช่นพวกอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ในประเทศมหาอำนาจ เขาก็ผลิตเองกันทั้งนั้น รถถัง ปืนใหญ่ เรือ เครื่องบิน ฯลฯ แต่มาดูในบ้านเรา ยังต้องสั่งของนอกมาแทบทั้งหมด แต่ในกองทัพเรือ ก็เริ่มให้ความสำคัญในการพัฒนาส่วนนี้แล้ว มีเรือตรวจการณ์ที่จ้างต่อเองจากอู่ในประเทศ มีเรือดำน้ำไร้คนขับขนาดเล็กที่พัฒนาขึ้นเอง ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่ในบ้านเราจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีการทหาร แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 54 16:02:52 จากคุณ : ABP@BDZ เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 15:42:10

ความคิดเห็นที่ 3 คงไม่เกี่ยวกับประชาธิปไตยสักเท่าไร แต่เกี่ยว กับวิธีคิด วิธีตัดสินใจมากกว่า ขาดการคิดแบบวิทยาศาสตร์ มากกว่า ซึ่งความคิดและการตัดสินใจแบบวิทยาศาสตร์ มีความสำคัญ ในการตัดสินปัญหา และความขัดแย้งในสังคมได้ดีกว่า จากคุณ : ข้าวสุก เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 16:15:59

ความคิดเห็นที่ 4 ฟังแล้วงงงงงงงงงงงงงงง เอ นี่มันอะไรกันเนี่ย ประเด็นของ จขกท คือ การเมืองมันสัมพันธ์กับ เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ อย่างไร หรือเปล่า จากคุณ : ปากจัดชะมัดยาด (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 16:31:52

ความคิดเห็นที่ 5 เกี่ยวครับ คณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องของแบบหรือวิธีคิดเป็นระบบที่อิงกับแบบแผน ประเทศที่บูชาเทพเจ้าจะไม่เอาประชาธิปไตยและคิดในเชิงรูปแบบไม่เป็น.. สุดท้ายจะเลือกคนโดยอ้างเทพเจ้าบันดาลหรือเอาคนดีความดีมาอ้างกันลอยๆ สุดท้ายคนดีเหล่านั้นก็สั่งสอนประชาชนผู้โง่เขลาด้วยการกอบโกย ประชาธิปไตยก็มีที่มาบางส่วนจากเหตุการณ์เช่นนี้ในอดีต จากคุณ : vincentlenon เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 16:42:16

ความคิดเห็นที่ 6 กระทู้นี้น่าสนใจในแง่การตอบแบบอัตนัย (ส่วนการตอบแบบปรนัยนั้น ถึงอย่างไรก็ไม่ยาก) นักคณิตศาสตร์,นักวิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี.... (1) การเมืองแบบประชาธิปไตย... (2) ความขาดแคลนนักคณิตศาสตร์,นักวิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี... (1/1) ปัญหาต่อการเมืองแบบประชาธิปไตย..... (2/1) ตามนัยกระทู้ที่ตั้งไว้ อาจตั้งเป็นประพจน์เงื่อนไขได้ว่า *ถ้า (1) แล้วก็ (2)* *ถ้า (1/1) แล้วก็ (2/1)* ประเด็นก็คือ 1 กับ 2 นั้นมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ ซึ่งอาจจำแนกความเห็นเป็นกลุ่มได้ว่า... ก. พวกที่เห็นด้วยว่าเชื่อมโยงกัน ข. พวกที่ไม่เห็นด้วย.... ค. พวกที่เห็นว่าเชื่อมโยงกันบางส่วน แต่บางส่วนก็ไม่เชื่อมโยงกัน และ ง. พวกที่ไม่สนใจ (ถ้ามี) อย่างไรก็ตาม ยังมี ประพจน์ปลอมๆ นั่นคือ แม้จะไม่เชื่อมโยงกัน ก็ใช้ความเห็นให้ดูประหนึ่งว่าเชื่อมโยงกัน.... หรือ แม้จะเชื่อมโยงกันเพียงเล็กน้อย ก็อาจใช้ความเห็นให้ดูเหมือนว่าเชื่อมโยงกันมาก และนัยตรงข้าม แม้จะเชื่อมโยงกัน ก็ใช้ความเห็นให้มองว่าไม่เชื่อมโยงกัน... หรือแม้จะเชื่อมโยงกันมาก ก็ใช้ความเห็นให้คล้ายกับว่าเชื่อมโยงกันเพียงเล็กน้อย นัยตามประพจน์ปลอมๆ ทำนองนี้ มีศัพท์เรียกว่า *การทำให้มีเหตุผล* หรือ *เหตุผลเข้าข้างตัวเอง* (Rationalization) ว่าไปว่ามาทำนองนี้ ก็ตกลงสู่ *กับดักทางตรรกศาสตร์* จากคุณ : ณ. ลังค่าย เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 18:37:30

ความคิดเห็นที่ 7 ^^^^^ หมายถึงว่า ความคิด(แบบมีตรรกะ หรืออิงเหตุผล) ทำให้คนเราไม่เชื่อใครง่ายๆ จึงต้องเน้นที่ปัจเจกบุคคล ส่วน ความเชื่อ (มักจะไร้เหตุผล?????) ทำให้คนเราคิดไม่เป็น หรือคิดได้ในมิติเดียว  คนที่คิดได้มากกว่าจึงยึดอำนาจ   ถูกต้องไหมครับ   หากเป็นเช่นนั้น คงไม่กล้าเถียงแล้วหล่ะ จากคุณ : ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 19:18:59

ความคิดเห็นที่ 8 ดีใจและขอบคุณทุกท่านครับ ขอติดหนี้ แจกกิฟท์หมดเกลี้ยง จะมาแจกเมื่อพันทิปปล่อยมาอีก..อิอิ ผมไปตั้งกระทู้นี้ในห้องหว้ากอด้วย ทั้ง๒ห้องล้วนใช้ตรรกะและเหตุผล อาจจะได้เห็นความแตกต่างทางวิธีคิด คห#1 มาแบบเร็วไปเร็ว คห#2 ABP@BDZ ให้ความเห็นต่างที่ทำให้มองเห็นปัญหาการพัฒนาที่รวมถึงด้านการทหาร   สะใจกับเรื่องเทพๆ ของ#5..คุณvincent และ#7..คุณปรารถนาดีฯ ระหว่าง ความคิด/ความเชื่อ ค่ำคืนนี้ได้เรียนวิชา จาก#6..ณ.ลังค่าย แบบเต็มอิ่ม ... :) จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 54 22:01:54

ความคิดเห็นที่ 9 โลกทัศน์แบบวิทยาศาสตร์   ที่จริง  มันครอบโลกไว้อยู่แล้ว และกลายเป็นกระแสหลักอย่างค่อนข้างถ้วนทั่ว แต่ปชต.เป็นเรื่อง ของปริมาณปชช.ที่เลือกผู้ปกครอง ไม่ใช่แค่รูปแบบที่ทรงความหมาย  แต่คุณภาพปชช.นั้นสำคัญ ในฐานะสุขภาวะที่เป็นจริง ของทั้งสังคมที่ปชต.ดำรงอยู่ให้ประจักษ์ หรือไม่? เพราะ ตราบใดที่ช่องว่างระหว่าง รวย-จน ยังมีแนวโน้มหนีห่างกัน ปชต.ที่ปรากฏ   ก็ไม่แคล้ว  การสงเคราะห์จากผู้สูงศักดิ์และอ้างความดีที่หน้าจอร่ำไป หลักการพัฒนา  คือ  ไม่ใช่การยื่นปลาให้  แต่คือการสอนเขาถึงการใช้เครื่องมือจับปลา เพราะ  ถ้าต้องการให้ชุมชนเป็นไทโดยปชต.  ก็ต้องไม่ครอบโดยการให้เปล่า แต่สอนเขาถึง  การจัดการชุมชนอย่างมีหลักการ และหวังให้พวกเขาพึงตนเองได้จากภายในชุมชนก่อน วัฒนธรรมชุมชนจะผสานเป็นหนึ่งเดียวกับวิถีจัดการสมัยใหม่อย่างเป็นวิทยาศาสตร์อย่างไร? นั่นคือ  ประเด็นการยกระดับการเรียนรู้ของชาวบ้าน  เพื่อ รู้เท่าทันพลังครอบจากภายนอกชุมชน ในทางยุทธศาสตร์ คือ การกระจายดอกไม้งามไปทั่วเขตคาม ไม่ใช่การรวมศูนย์ความเจริญอย่างที่คุ้นชิน จงทำให้ปชต.เกิดขึ้นที่หมู่บ้าน   ไม่ใช่วิถีแห่งผู้เรียนสูงที่มักลืมถิ่น   หันไปไต่บันไดความสูงศักดิ์ แห่งนาคร จากคุณ : dicky5 เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 13:16:32

ความคิดเห็นที่ 10 ผมก็ว่าจริงอย่างที่สุดนะ อยากให้รวมนักปรัชญาด้วย ประชาธิปไตยฐานอำนาจอยู่ที่ประชาชน ถ้าปชช.มีศาสตร์องค์ความรู้ ความตรึก ตรอง น้อยเกินไป ถ้าเทียบกับคอมพิวเตอร์ก็เหมือนต้องมีฐานข้อมูลต่างๆนานารอบด้าน การปกครองแบบนี้ถึงจะเข้มแข็ง ประเทศต้นแบบอย่างอเมริกาจะเห็นว่าเค้าเปิดช่องให้ปชช.เข้าถึงข้อมูลได้กว้างขวางเมื่อถึงเวลา ไม่ใช่เก็บความรู้ที่องค์กรเดียว ที่จริงทุกสิ่งอย่างในชีวิตมาจากปรัชญาแนวคิดทีถูกต้องก่อนเสมอ ตอนนี้ประเทศไทยกำลังเรียนรู้ร่วมกันอยู่ น่าจะอีก7ปี ตอนนี้กำลังเทคคอร์สเรื่อง ความแตกต่างระหว่างระบบพวกมากลากไปกับปชต.ที่แท้จริง ต้องเสียเวลาทำความเข้าใจกันอีกสักพักเพื่อหาขอบเขตที่จะทำได้ ต้องเสียผู้คนอีกมากมาย เหอ ขอมองดูเฉยๆดีกว่า จากคุณ : @VVIEWW เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 19:49:38 A:58.64.107.244 X: TicketID:173601

ความคิดเห็นที่ 11 คห#9 แต่ปชต.เป็นเรื่อง ของปริมาณปชช.ที่เลือกผู้ปกครอง ไม่ใช่แค่รูปแบบที่ทรงความหมาย  แต่คุณภาพปชช.นั้นสำคัญ คห#10 ระหว่างระบบพวกมากลากไปกับปชต.ที่แท้จริง ต้องเสียเวลาทำความเข้าใจกันอีกสักพัก นี่แหละครับ คณิตศาสตร์การเมือง(ประชาธิปไตย) เลขคณิตคิดในใจ ชั้นประถม ความสมมาตร/สมดุล ระหว่างเลขเชิงคุณภาพ ที่สามารถแปลง/ประเมินค่าคุณภาพเป็นเลขเชิงปริมาณ ผมอยากให้กระทรวงศึกษาธิการสร้างหลักสูตรนี้ขึ้นมา เลขคณิตคิดในใจ/เหตุผลในรูปแบบตรรกะ/วิจารณญาณ หรือการประเมิน สิ่งนี้คือ ความสามารถคิดในใจ สมดุลยุติธรรมของตาชั่งประชาธิปไตย ด้านหนึ่งความเห็นแก่ตัว ความอ่อนแอ ไสยศาสตร์ย่อมเข้าครอบงำ ด้านหนึ่งความมีจิตสาธารณะ ความเข้มแข็ง วิทยาศาสตร์จะมีในปัจเจกชนประชาชน ความมีจิตเห็นแก่ตัว กับ ความมีจิตสาธารณะ ความลำเอียงของตาชั่งชีวิต ทำให้คิดเลขในใจผิด ความมักได้ส่วนตัวในระยะสั้น เกิดผลเสียกับสาธารณะในระยะยาว ในที่สุดการกระทำ(กรรม)ก็ย้อนมาถึงตัว ตัวอย่างมี๒กรณีสดๆร้อนๆ ๑.มหาอุทกภัย๕๔ครั้งนี้ ๒.การปล้นทรัพย์ปลัดกระทรวงฯ ชวนให้สมาชิกไตร่ตรองครับ แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 54 08:43:31 จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 54 08:40:23

ความคิดเห็นที่ 12 ประเด็นมันได้ได้มีแต่ศาสตร์วิทย์ คณิตนะสิถึงจะได้พาโลกเจริญ ความสามารถในการเชื่อมโยงแบบบูรณการต้องมี คำนวณได้อย่างเดียวไม่เพียงพอ รู้จำทฤษฎีได้ก็ไม่พอ มันอาศัยองค์ความรู้ทางด้านมนุษยศาตร์ สังคมศาสตร์ รวมไปถึงปรัชญาที่เป็น infinity เข้าไว้ด้วย   นักศึกษาสาขาด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์มีสัดส่วนเป็นครึ่งหนึ่งในมหาวิทยาลัยทุกแห่งในประเทศ แต่หลายคนไม่สามารถเชื่อมโยง ความเป็นตรรกะทางคณิตศาตร์ ความเป็นเหตุเป็นผลทางวิทยาศาสตร์กับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในสังคมได้ เพราะอะไร..... จากคุณ : emptysoul เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 54 18:07:21

ความคิดเห็นที่ 13 คุณ#12 emptysoul 1.จริงนะครับ องค์ความรู้ด้านมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์รวมถึงด้านปรัชญาและด้านอื่นเป็นสิ่งจำเป็น 2. แต่หลายคนไม่สามารถเชื่อมโยง ความเป็นตรรกะทางคณิตศาตร์ ความเป็นเหตุเป็นผลทางวิทยาศาสตร์กับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในสังคมได้ เพราะอะไร..... [I]'คนหลายคน'[/I] นั้น ตามตรรกะแล้วคงเป็นเพียงกลุ่มประชากรส่วนน้อยนะครับ ไม่ใช่ส่วนใหญ๋ เป็นเรื่องจริงทีเดียว ก.ทางด้านความเชื่อและการตีความทางศาสนา ผมพบหลายคนแบบที่คุณกล่าวถึง มีความเชื่อสนิทใจว่าคนเรารับเคราะห์กรรม เพราะกรรมเก่า ทำให้ต้องไปทำบุญที่วัดมากๆ โดยที่ไม่ใช้เหตุผลว่ามันเป็นเรื่องของกรรม(การกระทำ)ปัจจุบัน หรือเป็นเรื่องลักษณะของธรรมชาติ๓ลักษณะ ข.ทางด้านการเมือง คนมีความโลภ/เห็นแก่ตัว ไม่เข้าใจความเป็นสังคมมนุษย์ คือยังเป็นเพียงสังคมฝูง ก็อาจมีความเห็นแก่ตัวมาบังตา หรือได้รับข้อมูลเฉพาะด้าน ทำให้คนเราแบ่งเป็นซ้าย/ขวา และตรงกลางทุกครั้งในทางการเมือง ไม่อาจเป็นเอกฉันท์ได้เลย แต่ผมยังอยากทราบและขอให้คุณยกตัวอย่าง เพื่อให้เห็นชัดและตรง ที่คุณกล่าวว่าหลายคนไม่สามารถเชื่อมโยงความเป็นตรรกะ...กับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในสังคมได้... เพื่อจะได้ลองตอบคำถามได้ ว่าเพราะอะไร จากคุณ : ขามเรียง เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 01:56:14