คุ้ยพงศาวดารจีน
คนชั่วแผ่นดินจิ้น
ตอนที่ ๑๗ เชื้อสายราชวงศ์ฮั่น
เล่าเซี่ยงชุน
ในสมัยสามก๊กตอนปลาย ซึ่งแซ่โจชิงราชสมบัติจากฮ่องเต้ราชวงศ์ฮั่น ตั้งเป็นราชวงศ์วุย และแซ่เล่าตั้งตัวเป็นฮ่องเต้สืบต่อราชวงศ์ฮั่น ที่เมืองเสฉวน แล้วสุมาเจียวมหาอุปราชของแซ่โจ ให้เตงงายเป็นแม่ทัพยกมาตีเมืองเสฉวนแตก ต่อมาสุมาเอี๋ยนบุตรของสุมาเจียว ชิงราชสมบัติจากฮ่องเต้ราชวงศ์วุย ตั้งเป็นราชวงศ์จิ้น และรวมสามก๊กเป็นแผ่นดินเดียว เรียกว่าแผ่นดินไซจิ้น
ที่เมืองเฮงเหนามีชายคนหนึ่งชื่อ เล่าเอียด มีภรรยาเป็นพวกฮวนชื่อ นางอูเอียนสี มีบุตรชายคนหนึ่งชื่อ เล่าง่วนไฮ้ เล่าเอียดนั้นสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์ฮั่นถึงห้าชั่วคน เมื่อเมืองเสฉวนต้องตกเป็นของแซ่สุมาเริ่มพระเจ้าซีโจบู๊ฮ่องเต้เป็นปฐมวงศ์นั้น เล่าง่วนไฮ้ยังเป็นเด็กอยู่ ครั้นเจริญวัยขึ้นจนอายุสิบหกปี รู้ว่าแซ่สุมาทำลายล้างแผ่นดินฮั่น อันสืบมาแต่แซ่เล่า ก็มีความพยาบาทแซ่สุมาอยู่มิได้ขาด จึงออกจากเมืองเฮงเหนา มาอยู่แผ่นดินจิ้น เที่ยวเรียนเพลงอาวุธได้ชำนิชำนาญดี เข้าทำราชการมีความชอบ ได้เป็นเจ้าเมืองจอเสียในแผ่นดินไซจิ้น
เมื่อสุมาเท็กมหาอุปราชของพระเจ้าเฮาฮุยเต้ พาฮ่องเต้ไปอยู่ที่เมืองเงียบเสียนั้น อยากจะได้เล่าง่วนไฮ้ไว้เป็นพวก จึงกราบทูลฮ่องเต้ให้มีรับสั่งเรียกตัวเล่าง่วนไฮ้มาเฝ้า แล้วฮ่องเต้ก็ตรัสว่า
.บัดนี้หัวเมืองใหญ่น้อย ตั้งตัวเป็นใหญ่ขึ้นหลายตำบล เกิดโจรผู้ร้ายชุกชุมมากกว่าแต่ก่อน ท่านจงเข้ามาช่วยเอาใจใส่อย่าให้เกิดอันตรายขึ้นได้
..
แล้วก็ตั้งให้เล่าง่วนไฮ้เป็นที่จอเฮียนอ๋อง เล่าง่วนไฮ้ก็ถวายบังคมลามาหาสุมาเท็กแล้วก็สั่งให้คนใช้ยกโต๊ะและสุรามาเลี้ยงฉลองตำแหน่ง เล่าง่วนไฮ้จึงพูดว่า ท่านจะมานั่งคอยท่าอะไรอยู่อีกเล่า เหตุใดจึงไม่เอาราชสมบัติ สุมาเท็กก็ว่าจะไปไหนเสีย ทำใจเร็วไปก็ไม่สู้ดี เล่าง่วนไฮ้ก็ไม่ว่าประการใด เมื่อลากลับมาที่อยู่ เล่าซวง คนสนิทก็มาหาแล้วบอกว่า
.เดิมท่านเป็นแต่เจ้าเมืองจอเสีย บัดนี้โปรดตั้งให้เป็นที่จอเฮียนอ๋อง มียศใหญ่ยิ่งขึ้นไปกว่าแต่ก่อนก็จริง แต่ต้องอยู่ในเมืองหลวง จะมีอำนาจใหญ่ไปที่ไหนได้ ด้วยสุมาเท็กเขาสำเร็จราชการอยู่ ถ้าท่านได้กลับออกไปเมืองจอเสียตามเดิมแล้ว ก็จะมีอำนาจมากขึ้น ด้วยเมืองจอเสียนั้นเมื่อครั้งแผ่นดินเลียดก๊กเรียกว่าเมืองเตียว ชัยภูมิบ้านเมืองแข็งแรงมีเสบียงอาหารบริบูรณ์
เล่าง่วนไฮ้ก็เห็นจริงด้วย จึงปรึกษากันที่จะคิดอ่านกลับไปเป็นใหญ่ในบ้านเมืองของตน เล่าซวงก็ไปหา โอเอียนฮิว ให้ไปลวงสุมาเท็กว่าเมืองเฮงเหนากับเมืองโงวป๋า ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองจอเสียนั้น รู้ข่าวว่าในเมืองลกเอี๋ยงเกิดวุ่นวายต่าง ๆ บัดนี้คิดจะยกกองทัพเข้ามาตีเมืองลกเอี๋ยง ถ้ามีกองทัพไปตั้งขัดอยู่ที่เมืองจอเสียแล้ว กองทัพทั้งสองเมืองนั้นก็จะยกเข้ามาเมืองหลวงไม่ได้ สุมาเท็กได้ฟังก็ตกใจจึงเชิญเล่าง่วนไฮ้มาปรึกษา ว่าความที่โอเอียนฮิวว่านั้นการจะเป็นจริงหรืออย่างไร เล่าง่วนไฮ้ก็ว่า เมื่อตนจะเข้ามาก็ได้ทราบข่าวอยู่บ้างแล้ว เล่าง่วนไฮ้ก็ว่าซึ่งจะไปตั้งขัดทัพที่เมืองจอเสียนั้น จะให้ตนไปหรือสุมาเท็กจะไปเองก็ตามใจ สุมาเท็กไม่อยากจะห่างฮ่องเต้ ก็เข้าเฝ้ากราบทูลว่า
.เดิมข้าพเจ้าทูลพระองค์ให้มีรับสั่งหาเล่าง่วนไฮ้เจ้าเมืองจอเสีย เข้ามาตั้งเป็นที่จอเฮียนอ๋อง ปรารถนาจะให้อยู่ป้องกันศัตรู บัดนี้ได้ข่าวว่าเมืองเฮงเหนาเมืองโงวป๋า จะยกกองทัพเข้ามาตีเมืองลกเอี๋ยง จะต้องให้เล่าง่วนไฮ้ออกไปอยู่เมืองจอเสียตามเดิม ด้วยเมืองจอเสียเป็นต้นทางสำคัญนัก ถ้าเล่าง่วนไฮ้ออกไปตั้งขัดแล้ว กองทัพเมืองเฮงเหนาเมืองโงวป๋าเห็นจะมาไม่ได้
พระเจ้าเฮาฮุยเต้ก็ตรัสว่าตามใจเถิด สุดแท้แต่จะเห็นสมควร สุมาเท็กก็กลับมาบอกเล่าง่วนไฮ้ตามที่ได้กราบทูลนั้นทุกประการ เล่าง่วนไฮ้มีความยินดีจึงกระซิบบอกว่า การที่ตนพูดไว้ว่าให้สุมาเท็กคิดเอาราชสมบัตินั้น อย่านิ่งนอนใจ แล้วก็ไปกราบถวายบังคมลาฮ่องเต้ กลับไปอยู่เมืองจอเสียตามเดิม
เมื่อเล่าง่วนไฮ้ออกมาอยู่เมืองจอเสียแล้ว ก็เกลี้ยกล่อมหัวเมืองใหญ่น้อย มาอ่อนน้อมยอมเป็นเมืองขึ้นมา และรวบรวมไพร่พลทหารได้หลายสิบหมื่น ด้วยมีใจโอบอ้อมอารีจานเจือเผื่อแผ่แก่ไพร่บ้านพลเมือง ได้อยู่เย็นเป็นสุขปราศจากโจรผู้ร้าย ข้าวปลาอาหารมีบริบูรณ์ กิตติศัพท์เล่าลือสรรเสริญความดีไปถึงหัวเมืองใหญ่น้อยก็พากันมาเข้าเป็นพวกโดยมาก เล่าซวงจึงมาหาเล่าง่วนไฮ้แล้วพูดว่า
..อันแซ่เล่าตั้งแต่พระเจ้าเล่าปี่ ตั้งตัวขึ้นเป็นกษัตริย์ในเมืองเสฉวน จนถึงพระเจ้าเล่าเสี้ยนสิ้นบุญแล้ว แซ่เล่าก็มีแต่จะเสื่อมน้อยถอยยศลงไปทุกที ไม่เห็นมีผู้ใดเจริญรุ่งเรืองขึ้น มีแต่ได้ความอัปยศแก่แซ่อื่น ๆ มาหลายสิบปีแล้ว บัดนี้ข้าพเจ้าเห็นท่านประกอบด้วยสติปัญญา มีอำนาจวาสนาแผ่อาณาเขตออกได้กว้างขวาง ควรจะตั้งตัวเป็นใหญ่ขึ้นสักก๊กหนึ่ง จะได้เป็นที่พึ่งแก่แซ่เล่าต่อไป ข้าพเจ้าขอยกท่านขึ้นเป็นฮั่นอ๋อง ตามวงศ์ฮั่นมาแต่ก่อน
.
เล่าง่วนไฮ้จึงว่า
..ซึ่งท่านพูดนี้เราขอบใจแล้ว แต่จะยกเราขึ้นเป็นฮั่นอ๋องนั้นยังไม่ได้ เรานึกขัดใจพวกแซ่สุมามากอยู่ ด้วยยกกองทัพไปตีเมืองเสฉวนของพระเจ้าเล่าเสี้ยนแล้ว มิหนำซ้ำถอดยศลงให้เป็นแต่อันลักก๋ง จะต้องตั้งหอไทเปียวขึ้น แล้วทำป้ายจารึกพระนามพระเจ้าเล่าเสี้ยนให้เป็นที่เฮาหวยฮ่องเต้ ตามพระนามเดิม เชิญขึ้นไว้ในหอไทเปี้ยวเสียก่อน แล้วจึงจะยอมให้ท่านยกเราขึ้นเป็นฮั่นอ๋อง ใครจะเห็นอย่างไร
.
ขุนนางก็ว่า
..ซึ่งท่านจะทำป้ายจารึกนามพระเจ้าเล่าเสี้ยนตามเดิมนั้นก็ควรแล้ว ต้องทำตั้งแต่พระเจ้าฮั่นโกโจเป็นลำดับกันลงมา จนถึงวงศ์พระเจ้าฮั่นกองบู๊ แล้วต่อมาอีกถึงพระเจ้าเล่าปี่ และพระเจ้าเล่าเสี้ยนจึงจะได้
.
เล่าง่วนไฮ้ก็เห็นชอบด้วย จึงให้เจ้าพนักงานสร้างหอไทเปียว แล้วทำป้ายจารึกพระนามฮ่องเต้แซ่เล่าทั้งหมด เชิญขึ้นไว้บนหอเป็นที่คำนับบูชา
ครันถึงวันฤกษ์ดี ขุนนางนายทหารผู้ใหญ่ ผู้น้อย และหัวเมืองขึ้นทั้งสิบเอ็ดหัวเมือง มาประชุมพร้อมกันแล้ว ก็ตั้งบวงสรวงเทพยดาฟ้าดิน และผู้ซึ่งมีคุณได้อุปถัมภ์บำรุงแซ่เล่ามาแต่ก่อน ๆ นั้น จงช่วยคุ้มครองรักษาเล่าง่วนไฮ้ ซึ่งเป็นที่ฮั่นอ๋อง ครองแผ่นดินฮั่นให้เจริญอยู่ในยุติธรรม ปกป้องขุนนางและราษฎรทั้งปวง ให้ได้อยู่เย็นเป็นสุขรื่นเริงทั่วกันเถิด
ครั้นอธิษฐานบวงสรวงแล้ว ก็ยกเล่าง่วนไฮ้ขึ้นเป็นที่ ฮั่นอ๋อง จึงให้ปล่อยนักโทษ และป่าวร้องให้ปล่อยสัตว์สี่เท้าสองเท้า ตามประเพณีทั่วทั้งอาณาเขต ให้ใช้ศักราชใหม่ กับตั้งเล่าซวงเป็นที่มหาอุปราช และตั้งขุนนางนายทหารครบตามตำแหน่งเหมือนเมืองลกเอี๋ยงแล้ว ก็ตั้งบุตรทั้งห้าคนเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ส่วน เล่าเอี๋ยว บุตรเลี้ยงนั้นเป็นแม่ทัพใหญ่
เล่าเอี๋ยว นี้เป็นหลานของพระเจ้าเล่าเสี้ยน เมื่อเมืองเสฉวนแตกนั้น นางนมพาหนีไปไว้กับเล่าบุ๋น ซึ่งเป็นพระราชบุตรองค์ที่สี่ของพระเจ้าเล่าเสี้ยน ณ เมืองฮุนหลำ เล่าบุ๋นอุปถัมภ์บำรุงเลี้ยงไว้จนอายุได้สิบห้าปี รู้ความว่าพวกแซ่สุมาแย่งชิงเอาราชสมบัติ ของพระเจ้าเล่าเสี้ยนผู้เป็นอัยกาก็มีความโกรธ ชวนเล่าบุ๋นผู้เป็นลุงจะให้คิดการใหญ่ คืนเอาเมืองเสฉวน เล่าบุ๋นไม่ตามใจว่ากำลังน้อยคิดไปไม่ตลอด เล่าเอี๋ยนจึงมาอยู่กับเล่าง่วนไฮ้ และเล่าง่วนไฮ้ก็รักเป็นบุตรเลี้ยงแต่นั้นมา
ต่อมาอีกไม่นาน สุมาโงวกับพวกก็ยกพลไปตีตำบลเงียบเสีย สุมาเท็กแตกหนีไปได้แล้วก็ป่วยลงด้วยความตรอมใจถึงเสียจริต กัดนิ้วมือตนเองด้วนไปหลายนิ้ว สุมาโงวจึงพาฮ่องเต้ไป อยู่ที่เมืองเซียงอาน สุมาอวดก็ยกพลมาตี สุมาโงวแตกหนีไปอีก แล้วเชิญเสด็จฮ่องเต้กลับมาอยู่เมือง ลกเอี๋ยงตามเดิม
สุมาอวดก็ได้เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน และสุดท้ายก็ให้ขันที เอายาพิษใส่ในเครื่องเสวยนำไปถวายฮ่องเต้ พระเจ้าเฮาฮุยเต้เสวยเข้าไปก็ประชวร กระสับกระส่ายอยู่ครู่เดียวก็สวรรคต
เมื่อพระเจ้าเฮาฮุยเต้สวรรคตนั้น พระชนม์ได้สี่สิบแปดปี อยู่ในราชสมบัติสิบเจ็ดปี ขุนนางข้าราชการไม่มีผู้ใดรู้ว่าฮ่องเต้ถูกยาพิษ สำคัญว่าประชวรพระโรคปัจจุบัน จึงเชิญ สุมาจี้ ผู้หลานฮ่องเต้ตำแหน่งฮ่องไทตี๋ขึ้นครองราชสมบัติ ทรงพระนามว่า พระเจ้าเฮาฮวยเต้ สุมาอวดก็เป็นผู้สำเร็จราชการตามเดิม
สุมาเท็กซึ่งแตกทัพและถูกถอดเป็นไพร่ จึงไปอยู่กับกงซือพวน ซึ่งเป็นโจรอยู่ที่ตำบลปักจี้หอ ถูกเจ้าเมืองกุนจิวยกทหารไปตีแตก ถูกจับตัวส่งไปให้สุมาเฮาที่เมืองเงียบเสีย สุมาเฮาสงสาร ก็เลี้ยงไว้ แต่เมื่อสุมาเฮาป่วยเป็นไข้พิษถึงแก่กรรม พวกศัตรูเก่าที่เมืองลกเอี๋ยงก็ปลอมรับสั่งพระเจ้าเฮาฮวยเต้ ส่งยาพิษมาให้สุมาเท็กกินถึงแก่ความตายไป
สุมาโงวซึ่งแตกทัพจากเมืองเชียงอาน ไปอาศัยอยู่กับเตียกวางที่เมืองซุนเอี๋ยง เมื่อ สุมาอวดได้ข่าวก็กราบทูลฮ่องเต้ ให้กลับมารับราชการในเมืองหลวง แต่พอสุมาโงวเดินทางมากลางทางก็ถูกพวกโจร ดักตีปล้นและจับสุมาโงวฆ่าตายไปอีกคนหนึ่ง
ฝ่ายเล่าง่วนไฮ้ซึ่งตั้งตัวขึ้นเป็นฮั่นอ๋อง ครั้นแจ้งความว่า พระเจ้าเฮาฮุยเต้สวรรคตแล้ว ขุนนางยกสุมาจี้ฮ่องไทตี๋ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ทรงพระนามว่าพระเจ้าเฮาฮวยเต้ จึงปรึกษาขุนนางว่า
.พระเจ้าเฮาฮวยเต้พึ่งได้ราชสมบัติใหม่ ๆ หัวเมืองทั้งปวงยังไม่เรียบร้อยเป็นปกติ เราคิดว่าถ้ายกกองทัพไปตีเอาเมืองแซจิวเห็นจะได้โดยง่าย แม้นได้เมืองแซจิวแล้ว เมืองตุนจิวก้เหมือนอยู่ในเงื้อมมือเรา
.
ขุนนางทั้งปวงก็เห็นชอบด้วย ฮั่นอ๋องจึงแต่งให้ กิบซวง คุมทหารสิบหมื่นยกไป ครั้นกิบซวงเดินกองทัพมาถึงเขากิบจุยซัว และพักกองทัพอยู่ที่ตำบลนั้น ก็มีนายโจรคนหนึ่งพาพวกบริวารประมาณหมื่นเศษ มาอ่อนน้อมกับกิบซวง อาสาไปรบด้วย.
###########
จากคุณ |
:
เจียวต้าย
|
เขียนเมื่อ |
:
26 พ.ย. 54 12:26:04
|
|
|
|