|  | 
จริงๆแล้วคนที่เรียนการแปลด้วยตัวเอง ถ้าไม่มีโอกาสไปลงมือแปลจริงโดยการทำงานเป็นนักแปลในบริษัทแปลอย่างที่เราเคยทำนะ ก็ยังมีทางหนีทีไล่อย่างอื่น นั่นก็คือไปหาตัวอย่างการแปลของนักแปลหลายๆรายมาศึกษาดู โดยการอ่าน source text เทียบกับ target text เพื่อเรียนรู้กระบวนความคิดของนักแปลแต่ละราย
 ^
 การศึกษาผลงานแปลอังกฤษไทย ทำได้โดยการหาหนังสือภาษาอังกฤษฉบับที่มีคนแปลแล้ว มาอ่านภาษาอังกฤษกับไทยเทียบกัน
 
 การศึกษาผลงานแปลไทยเป็นอังกฤษ พวกนิยายอาจหายากหน่อย แต่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กับประมวลกฎหมายอาญา ที่มีเป็นภาษาคู่ไทยอังกฤษ น่าศึกษาให้ดีๆ เพราะมันครอบคลุมเรื่องหลายๆอย่างในชีวิตจริง และที่น่าศึกษาก็คือ word order หรือลำดับคำ มันกลับหัวกลับหางกันบ่อยๆ มันทำให้เราเรียนรู้วิธีแยกส่วนประโยคในภาษาต่างๆ เพื่อการตีความและเพื่อการเรียน writing ในทั้ง 2 ภาษาอีกด้วย
 
 วิธีฝึกที่พื้นฐานที่สุดอีกอย่างหนึ่งที่เราทำก็คือ
 
 หาประโยคแค่ 1 ประโยค (ภาษาไหนก็ได้ โดยทำกับภาษาอังกฤษมั่งภาษาไทยมั่ง) มาเขียนใหม่ให้ออกมาหลายๆสิบประโยค โดยคงไว้ซึ่งความหมายเดิมของมัน
 
 นี่คือการฝึก variation of sentence patterns หรือ sentence structure types
 
 ^
 ความสามารถอันนี้ เป็นอาวุธสำคัญที่สุดของนักแปล เพราะเวลาเราเห็น source text สวยๆ แต่การแปลงมันเป็น target text โดยเก็บใจความให้ครบถ้วนหมดไม่ขาดไม่เกิน ซื่อสัตย์ต่อต้นฉบับ บ่อยครั้งที่มันกลายเป็น "อ่านไม่เป็นภาษาคน" (อย่างนี้เราเรียกว่า source text มีอิทธิพลต่อ target text อย่างแรง ซึ่งนักแปลมือใหม่จะปวดหัวมากๆ)
 
 ซึ่งเรื่องนี้ Yevgeny Yevtushenko เคยกล่าวไว้ว่า
 
 Translation is like a woman. If it is beautiful, it is not faithful. If it is faithful, it is most certainly not beautiful.
 ^
 แต่หลังจากที่เราศึกษาผลงานแปลของนักแปลหลายๆคน (ดูต้นฉบับเทียบกับคำแปล) เพื่อเรียนรู้กระบวนความคิดของพวกเขา แล้วจัด algorithms ออกมาเหมือนกับจะเขียน flowchart เพื่อเขียน computer programs เราจึงตระหนักว่า
 
 "ถ้านักแปลชำนาญ variation of sentence patterns (ระดับสูงมากๆถึงกับเอาประโยคแค่ประโยคเดียว (ภาษาไหนก็ได้) ไปเขียนใหม่ให้ได้หลายสิบประโยค โดยคงไว้ซึ่งความหมายเดิม)  เขาจะมีทางหนีทีไล่เยอะมากๆในการจัดการกับ source text ที่เหลือขอมากๆ ได้ในหลายๆรูปแบบ แม้ว่ามันจะมีอิทธพลต่อ target text มากสักแค่ไหนก็ตาม"
 
 อีกวิธีหนึ่งที่เราฝึกก็คือดูทีวีไทยแล้วคิดคำแปลภาษาอังกฤษตามให้ทัน
 กับดูทีวีฝรั่ง (สมัยก่อนเราใช้จานดาวเทียม แต่สมัยนี้ใช้ Internet สบายๆ)แล้วคิดคำแปลภาษาไทยตามให้ทัน
 แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 54 16:20:05
 แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 54 16:14:34
				 
				 
				
					| จากคุณ | : 
fortuneteller       |  
					| เขียนเมื่อ | : 
2 ธ.ค. 54 16:06:16 |  
					|  |  |  |  |