 |
ตอนเริ่มเรียนอังกฤษอย่าพยายามตะลุยเรียนแต่ grammar เพราะจะเบื่อเสียก่อน ควรเรียน conversation ให้ได้ก่อน และโปรดทราบด้วยว่าสื่อการสอนสมัยใหม่จะสอน conversation ไปพร้อมๆกับ grammar ได้ เพียงแต่เรียนด้วยตัวเองมันไม่หมูเท่านั้นเอง แต่เราก็ไม่รับประกันว่าใครจะสอนแนวนี้ได้ดีที่สุด เท่าที่เห็นๆมา คนไปเรียน aua ส่วนใหญ่ก็พูดกันได้ เพราะที่นั่นเขามีชมรมให้ฝึกพูด
พอคล่อง conversation แล้วก็หัดอ่านจากง่ายไปหายาก เริ่มง่ายๆก็คือ voa special English นี่แหละ ง่ายๆดี แค่ระดับ ม.3- ม.4 เอง พอคล่อง แล้วก็พยายามหัดเปิด dictionaries อังกฤษ-อังกฤษ ดูตัวอย่างประโยคเยอะว่าคำศัพท์มันใช้สร้างประโยคพลิกแพลงได้ไงบ้าง ค่อยๆอ่าน websites ฝรั่งเรื่องอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อยๆ ตอนนี้เราก็เรียนอังกฤษโดยการอ่าน websites ฝรั่งเรื่องหลายเรื่อง เพราะขี้เกียจอ่านหนังสือเป็นเล่มๆ เว้นเสียแต่ว่าต้องแปลให้สำนักพิมพ์ทั้งเล่มตามสัญญาว่าจ้างแปลเท่านั้น แต่ถ้าคุณเก่งขึ้นก็ขยับอ่านหนังสือมากๆก็จะเห็นรูปประโยคสวยๆให้จดจำไปเขียนได้ตั้งมากมาย
พยายามอ่านบทเรียนภาษาอังกฤษจาก websites ฝรั่ง มีมากมาย ตั้งแต่ grammar, writing ไปจนถึงเรื่องอะไรทุกเรื่องเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษ และพยายามเสพย์สื่อภาษาอังกฤษคือดูหนังฟังเพลงและอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ
ความรู้แค่ conversation กับ reading comprehension ช่วยให้คุณได้งานกฎหมายราคาแพงๆจากลูกความต่างชาติ แต่ถ้าคุณเขียนภาษาอังกฤษที่ใช้ในวิชากฎหมายได้แบบไม่หลุดเลย คุณทำเงินได้มหาศาล แต่มันไม่หมูนะ เพราะขนาดเราไปอยู่ต่างแดนในสภาพแวดล้อมของการพูดภาษาอังกฤษมาค่อนข้างนาน เรายังเรียนภาษาอังกฤษที่ใช้ในวิชากฎหมายตั้งหลายปีกว่าจะแตกฉานระดับตีความได้แม่นยำเพื่อแปลเอกสารกฎหมายจากอังกฤษเป็นไทยและเขียนได้ถูกต้องเป็นธรรมช่าติเพื่อการแปลเอกสารกฎหมายจากไทยเป็นอังกฤษ (เพราะมันไม่เหมือนภาษาคนธรรมดาๆทั่วๆไป) ซึ่งจริงๆแล้วเราทำงานเป็นนักแปลเอกสารในเมืองไทยมากว่า 15 ปี (นอกนั้นไปทำอย่างอื่นสะเปะสะปะ เช่นสอนภาษาอังกฤษบ้าง ตกงานบ้าง...555+++...) ซึ่งสาขาการแปลที่เราเชี่ยวชาญมากที่สุดคือแปลเอกสารราชการกับเอกสารกฎหมาย
ภาษาอังกฤษที่ใช้ในวิชากฎหมายมีความซับซ้อน แต่งดงามมากๆ มันทั้งรัดกุม ทั้งทรงพลัง มีระบบตรรกะที่เฉียบขาด โชคดีเป็นของเราที่เราหัดแยกส่วนประโยคภาษาอังกฤษที่เป็นภาษากฎหมาย (ในการทำงานแปลเอกสารกฎหมาย) มาหลายปีจนเรารู้ทางหนีทีไล่ เวลาเรากลับมาเรียนเขียนภาษาอังกฤษแบบภาษาคนธรรมดาทั่วๆไป มันทำให้เราเรียนได้รวดเร็วกว่าปกติ เพราะเคยเจอโครงสร้างประโยคซับซ้อนมาแล้ว และมาเจอโครงสร้างแบบธรรมดาๆมันเลยกลายเป็นยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่
เราเคยคิดเล่นๆว่าอยากจะไปเรียนวิชากฎหมาย แล้วหากินโดยเป็นนักกฎหมายที่รับลูกความต่างชาติกระเป๋าหนักๆ แต่บอกตรงๆว่า "ขี้เกียจ" อ้ะ เลยตอนนี้เราไม่ค่อยได้แปลเอกสารกฎหมายแล้ว แต่หันไปแปลนิยายให้สำนักพิมพ์ซะแทน มันเบาสมองดีอ้ะ กลายเป็นมาชอบนิยายตอนอายุมากๆแฮะ เพราะเมื่อก่อนอ่านแต่หนังสือ howtos
ที่แรกเราแค่อยากจะแปลหนังสืออังกฤษเป็นไทยให้สำนักพิมพ์ในเมืองไทยเท่านั้นเอง แต่ค่าแปลมันน้อย แปลไปไม่กี่เล่มก็ไม่อยากแปลแล้ว ก็เลยต้องดิ้นรนไปหัดแปลเอกสารราชการกับเอกสารกฎหมายบางทีก็ไปเป็นล่ามในศาล(ได้ตบตีกับทนายกวนๆในศาลพอสมควร) แต่ตอนนี้โชคช่วย สำนักพิมพ์เพิ่มค่าแปลให้ คราวที่เรารับค่าแปลครั้งสุดท้ายจากสำนักพิมพ์ตกใจได้มากกว่าเดิมเกือบ 2 เท่าแน่ะ สงสัยเป็นเพราะเขาเปลี่ยนระบบหน่วยงาน เปลี่ยนผู้บริหารใหม่ตั้งหลายแผนก เราก็เลยช่วงนี้แทบไม่ได้แปลเอกสารราชการกับเอกสารกฎหมาย คือคงได้กลับไปเอาดีทางแปลนิยายสมใจนึก...
แต่เผลอๆรอรับมรดก แล้วอยู่เฉยๆไม่ทำงานดีกว่าอ้ะ...อิๆๆ...
แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 54 00:05:39
แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 54 00:03:34
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ธ.ค. 54 23:54:19
|
|
|
|
 |