|
เรายอมรับว่าเราก็อ่านภาษาไทยไม่เข้าใจบ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแปลเอกสารไทยเป็นอังกฤษ เราพบว่าคนไทยส่วนใหญ่เขียนภาษาแบบ "ตัวเองอ่านเข้าใจ แต่ไม่คำนึงถึงว่าคนอื่นจะอ่านรู้เรื่องหรือไม่"
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเขียนย่อหรือคนเขียนๆอย่างหนึ่งแต่ในใจตั้งใจจะสื่ออีกอย่างหนึ่ง ซึ่งศัพท์ทางด้านภาษาศาสตร์เขาเรียกว่า meaning shift
ไปดูตัวอย่าง meaning shift ได้ที่กระทู้เก่านี้
http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/03/K7593415/K7593415.html
ยกตัวอย่างเช่นช่วงน้ำท่วมแฟนเราไปทำงานไม่ได้คนอื่นจดบันทึกการประชุมมาเป็นภาษาไทย แล้วส่ง mail มาให้เธอแปลเป็นอังกฤษที่บ้าน แล้วแฟนเราก็มีปัญหากับประโยคนี้คือ
"สำหรับคดีที่ฟ้องร้องกันอยู่นี้เราจะปรึกษาอัยการ"
พอมาถามเรา เราก็งง เพราะมัน "เป็นไปไม่ได้" เนื่องจากมันเป็นคดีแพ่ง ไม่ใช่คดีอาญาที่อัยการทำหน้าที่เป็นตัวแทนรัฐโดยการเป็นโจทย์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา
เราจึงเสนอว่าคดีแพ่งที่ว่านี้ฟ้องร้องกันหลายพันล้าน น่าจะโต้แย้งกันเรื่องสัญญา และจะต้องเอาสัญญาให้สำนักงานอัยการสูงสุดตีความสัญญาต่างหาก เพราะเป็นสัญญาระหว่างรัฐวิสาหกิจกับบริษัทข้ามชาติ
เราเลยลงความเห็นว่าคำว่า "อัยการ" มันเป็น meaning shift โดยความมักง่ายของผู้พูดในที่ประชุม และคนจดบันทึกประชุม (ถ้าน้ำไม่ท่วมแฟนเราจะจดบันทึกการประชุมเองก็จะตีความถูกได้เอง) ไหวตัวไม่ทันเลยจดมาทื่อๆทำให้มีปัญหาในการแปลไทยเป็นอังกฤษ
ในกระทู้เก่าที่ให้ link ไว้ข้างบน meaning shift ที่แสบที่สุดก็คือ คำฟ้องที่เราต้องแปล
ทนายเขียนคำฟ้องมาว่า
"โจทก์และจำเลยมีข้อตกลงกันตามเอกสารหมาย จ.20 แผ่นที่ 2 ข้อ 1 ว่าแบบที่อนุมัติการก่อสร้างหลังจากวันที่ 30 มีนาคม 2543 ถือเป็นงานเพิ่ม นอกเหนือจากวงเงิน 100,000,000 บาทตามสัญญา"
^ ซึ่งถ้าแปลไปตามนี้รับรองว่าผิดแหงๆเลย เพราะ
"แบบที่อนุมัติการก่อสร้าง" ไม่ใช่งานเพิ่มที่โจทย์ (บริษัทรับเหมา) ต้องทำให้แก่จำเลย (โรงแรม)
เพราะถ้าย้อนกลับไปดูหน้าแรกๆของคำฟ้องจะเห็นได้ชัดว่า
"โจทย์ไม่ได้เขียนแบบ แต่ consultant firm เป็นคนเขียนแบบ"
ดังนั้นโจทย์มาฟ้องศาลเพื่อขอเงินเพิ่ม "ค่าทำงานก่อสร้างตามแบบดังกล่าว" ไม่ใช่ "ขอเงินเพิ่มค่าเขียนแบบ"
^ นี่คือ meaning shift ที่โหดร้ายมากๆ ในการแปลเอกสารกฎหมาย
แต่โครงสร้างภาษาไทยที่ทำให้คนอ่านเข้าใจผิดแบบขำๆก็คืออันนี้
มีคนตั้งกระทู้ว่า
"ทำไมเดี๋ยวนี้นักเรียนนายร้อยไม่คัดคนเก่งเเบบหัวกะทิ เก่งเทพๆไปเรียนเเล้วเหรอ"
เราไปตอบว่า
โรงเรียนนายร้อยเป็นคนคัดนักเรียน เราไม่รู้นโยบายเขา แต่คนที่เป็นนักเรียนนายร้อยเป็นแค่นักเรียน ไม่มีสิทธิและหน้าที่ไปคัดนักเรียนที่ไหนให้ไปเรียนโรงเรียนายร้อยหรอก
เจ้าของกระทู้ตอบมาว่า
ความคิดเห็นเเบบนี้ ไม่ได้เรียกว่าตีความผิด เเต่เรียกว่า กวนบาทา มากกว่า
ใช่จริงๆแล้วเราก็เข้าไปแหย่เขาเล่นสนุกๆ แต่ตอนที่แหย่เขาน่ะ เราคิดถึงเหตุการณ์สยองขวัญในอดีตที่ประโยคภาษาไทยแบบคนที่ตั้งกระทู้นี้เขียนน่ะ มันสร้างความพินาศไปเป็นเงินหลายล้าน! เพราะมีเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานรัฐ (ระดับกรม) ใช้โครงสร้างประโยคภาษาไทยที่ไม่รัดกุมแบบนี้ผสมผสานกับ meaning shift เขียนโครงการระบบคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อน ซึ่งทำให้ผู้อ่านยากที่จะเดาได้ (ไม่ง่ายเหมือนกระทู้โรงเรียนนายร้อยที่ดูเป็นเรื่องตลกไป)
เรื่องมันก็คือมีหน่วยงานระดับกรมเขียนภาษาไทยบอกบริษัท software ข้ามชาติว่าต้องการให้สร้าง Intranet ให้กรมแบบไหน แล้วภาษาไทยที่เขียนมามีโครงสร้างที่หละหลวม และเต็มไปด้วยประโยคภาษาไทยที่ meaning shift (มีอย่างน้อยที่สุด 2-3 ประโยคต่อหน้า! แต่ถ้าคนเขียนภาษาไทยไม่รู้วิธีจัดเรียงลำดับความคิดให้ดีๆมันจะมีมากกว่านั้น) นักแปล 10 กว่าคนจึงระดมกำลังกันแปล เอกสารตั้งหลายร้อยหน้า แล้วแปลผิดหมด เพราะตีความภาษาไทยที่เป็นภาษาแม่ตัวเองผิด แต่ความผิดอยู่ที่คนเขียน!
บริษัท software ข้ามชาติเลยเขียน programs ผิดหมด กรมเลยไม่จ่ายค่าเขียนโปรแกรม บริษัท software ข้ามชาติก็เลยเบี้ยวค่าแปลเพราะโมโหที่นักแปลตั้ง 10 กว่าคนแปลผิดหมด! แล้วบริษัท software ข้ามชาติกับกรมก็มีคดีความกัน แล้วไปทะเลาะกันที่ศาล
แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 54 12:35:16
แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 54 12:17:53
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
วันพ่อแห่งชาติ 54 12:12:24
|
|
|
|
|