Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เรื่องสั้นวันพ่อ ติดต่อทีมงาน

เรื่องสั้น "ต้นไม้ของพ่อ" โดย น้ำฟ้า


              ทุกๆเช้าฉันมักจะเห็น   “ เด็กคนนั้น ”   วิ่งไปตามถนนสายเล็กๆอันเต็มไปด้วยดอกหญ้าสีขาวทอดยาวไปจนจรดลำธารใส  ซึ่งไหลรินมาจากน้ำตกที่อยู่บนดอยอีกลูกหนึ่ง   แล้วจึงกลับมาเข้าแถวเคารพธงชาติ ด้วยใบหน้าอันอิ่มเอมไปด้วยความสุข


ฉันเพิ่งได้รับคำสั่งบรรจุเป็นครูบนดอยแม่ลาผาเมื่อครึ่งเดือนก่อน  จึงยังไม่รู้จักเด็กคนนั้นเท่าไรนัก    แต่เมื่อซักถามครูรุ่นพี่ก็ได้คำตอบกลั้วหัวเราะว่า
“  เขาชื่ออาหู่  เป็นเด็กกำพร้า  เรียนหนังสือไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก  วันๆเอาแต่วิ่งไปบนดอยลูกโน้น  บอกว่าตัวเองต้องดูแลต้นไม้ของพ่อหลวง ”


               “ พ่อหลวงหมายถึง  ...”  ฉันถามต่อ


               “ ก็หมายถึงในหลวงนั่นแหละ  น้องนิตยาไม่ต้องไปสนใจหรอก  ”


               ถึงแม้รุ่นพี่จะบอกว่าไม่ต้องสนใจหรอก  แต่ฉันกลับรู้สึกสนใจเรื่องราวของอาหู่อยู่ครามครัน   แต่อย่างไรก็ดีภาระงานของฉันกลับเพิ่มขึ้นทุกวัน  จึงทำให้ค่อยๆลืมเลือนเรื่องราวของอาหู่ไป  



              แล้วเรื่องราวของเด็กน้อยก็เข้ามามีอิทธิพลต่อความคิดของฉันในวันหนึ่ง


               เวลาล่วงเลยผ่านไปถึงหนึ่งปี  มีการจัดชั้นเรียนขึ้นใหม่  ฉันได้เป็นครูประจำชั้นที่อาหู่เรียนอยู่  เขามีพฤติกรรมเหมือนที่รุ่นพี่ได้บอกไว้ไม่มีผิดเพี้ยน  อาหู่เป็นเด็กที่เรียนรู้ได้ช้ากว่าเพื่อนๆ  ฉันจึงต้องนัดให้เขามาฝึกอ่านเป็นการส่วนตัวในตอนเช้าและหลังเลิกเรียน


               “ ไม่ได้หรอกครู  ตอนเช้าผมต้องไปดูแลต้นไม้ของพ่อหลวง ” เด็กชายดวงตายาวรีค้านด้วยสำเนียงแปร่งๆตามประสาชาวเขาที่พูดไทยไม่ชัด


                 ฉันขมวดคิ้วอย่างขุ่นเคือง  การที่ฉันเสียเวลาส่วนตัวมาสอนเขานั้น  ทำให้ฉันต้องทำงานบ้านหลังพระอาทิตย์ตกดิน  ซึ่งเป็นเวลาที่อากาศบนดอยนั้นหนาวเย็นเหลือเกิน  แต่เขากลับปฏิเสธความหวังดีเสียดื้อๆ ฉันจึงยอมไม่ได้เป็นอันขาด


               “ ต้นไม้อะไรของเธอ  เธอไม่รู้หรืออาหู่  ว่าตัวเองเรียนไม่ทันเพื่อน  ยังไงๆเธอก็ต้องมาเรียนกับครูทุกๆเจ็ดโมงเช้า แล้วก็หลังเลิกเรียน ”


               ฉันจำได้ว่าวันนั้นอาหู่มีสีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด  แต่เมื่อถึงวันรุ่งขึ้นเด็กชายก็มาตามที่ได้นัดหมายเอาไว้  จนนานวันเข้า.....การเรียนของอาหู่เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ  เพราะการทบทวนซ้ำหลายๆครั้ง  ทำให้เขาเกิดความเข้าใจ  แต่แล้ววันหนึ่งอาหู่กลับไม่มาโรงเรียน  อาลีซึ่งอยู่ข้างบ้านเป็นคนมาบอกฉันว่าเขาลาป่วย


               “ อาหู่เป็นอะไรไปอาลี ” ฉันถามอย่างห่วงใย


               “ เขาเป็นไข้มาหลายวันแล้วค่ะครู ”    


               “ แล้วใครดูแลเขาล่ะตอนนี้ ”


               “  แม่ของเขาไปทำงานที่ไร่  เขาก็เลยนอนอยู่บ้านคนเดียวค่ะ ”


               เด็กน้อยพูดจบแล้วทำท่าจะผละไป


               “ อาลี  หลังเลิกเรียนพาครูไปเยี่ยมอาหู่ที่บ้านได้ไหม ”


               เด็กหญิงอาลีมองหน้าของฉันด้วยดวงตาใสแจ๋ว  แล้วจึงพยักหน้าหงึกหงัก  


               “ ได้ค่ะ  แล้วหนูจะมาหาครูนะคะ ”


               ฉันมองตามร่างเล็กๆ ในชุดนักเรียนขะมุกขะมอม  ซึ่งวิ่งหายไปในสายหมอกที่โรยตัวลงมาอย่างหนาตา  บนดอยสูงแห่งนี้กว่าลำแสงแรกของดวงอาทิตย์จะแหวกหมอกหนาออกมาได้  ก็กินเวลาเกือบสิบโมงเข้าไปแล้ว  



               ฉันเดินตามอาลีไปบนถนนแคบๆที่มีดอกหญ้าสีขาวขึ้นอยู่ประปราย  แม้ท้องฟ้าจะยังมีแสงสีทองระเรื่อฉาบเหนือเทือกเขาลูกถัดไป  แต่ความเย็นชื้นๆของน้ำค้างก็เริ่มแผ่ตัวเข้ามาอย่างช้าๆ


               บ้านของอาหู่เป็นบ้านหลังเล็กๆยกพื้นขึ้นมาราวครึ่งเมตร  เมื่อก้าวขึ้นบันไดที่มีเพียงสามขั้นแล้วก็จะต้องผ่านห้องครัวซึ่งเป็นเพียงชานโล่งๆมีเครื่องครัววางอยู่ระเกะระกะก่อน  จึงได้พบร่างของเด็กชายนอนคุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มสีเทาที่มีกลิ่นอับๆโชยมา  ฉันทรุดลงนั่งตามอาลี  เด็กหญิงใช้มือเขย่าแขนของเพื่อนเบาๆ โดยที่ฉันห้ามไม่ทัน


               อาหู่ค่อยๆปรือตาขึ้น  เมื่อเห็นหน้าฉันเขาจึงยกมือไหว้แล้วพยายามลุกขึ้นจากที่นอน


               “ ไม่ต้องหรอกอาหู่  นอนลงเถอะ  ครูได้ยินว่าเธอไม่สบายก็เลยมาเยี่ยม ”


               “ ขอบคุณครับครูนิตยา ”  น้ำเสียงของเด็กชายแหบพร่า


               เสียงคนวางของดังโครมครามอยู่หลังบ้าน  ไม่นานหญิงวัยกลางคนแต่งกายเช่นเดียวกับหญิงชาวอาข่าโดยทั่วไปก็ก้าวขึ้นมาบนบ้าน  อาลีจึงชิงแนะนำขึ้นก่อน


               “ ป้าอายอนี่ครูนิตยา  ครูเขามาเยี่ยมอาหู่ ”


                อายอพยักหน้ารับรู้แล้วจึงนั่งลงข้างๆฉัน  


   อาหู่หลับไปแล้ว   ความเงียบครอบคลุมทั่วบริเวณ  แต่เมื่อผ่านไปราวสิบนาทีอายอก็กล่าวขึ้นมาก่อน


               “ อาหู่มันตัวร้อนมาหลายวันแล้วนะครู  เฮาก็เลยให้มันหยุดเรียน”


               “ ไม่เป็นไรหรอกอายอ  ถ้าหายดีค่อยไปเรียนก็ได้  แล้วนี่ทำไมอาหู่ถึงเป็นไข้หนักแบบนี่ล่ะ  กินยาไปหรือยัง ”


“ กินยาแล้วแต่ยังไม่หาย  ตอนแรกก็เป็นไม่เยอะหรอกครู  แต่ทุกเช้าอาหู่ก็ยังไปรดน้ำต้นไม้บนดอยลูกโน้น  ก็เลยเป็นหนัก ”  อายอเล่าพลางถอนใจ


               ฉันหันหน้าไปมองใบหน้าขาวซีดของผู้พูด  แล้วย้อนถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง


               “ ครูก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมอาหู่ถึงใส่ใจต้นไม้ต้นนั้นนัก  อายอพอจะเล่าให้ฟังได้ไหม


               หญิงกลางคนพยักหน้า


               “เมื่อห้าปีก่อน  พ่อหลวงกับพระราชินีท่านมาที่หมู่บ้านของเฮา ” อายอเล่าด้วยภาษาชาวบ้าน


               “ ตอนนั้นอาผ่าพ่อของอาหู่ไม่สบาย  พ่อหลวงท่านก็เลยให้หมอมารักษา  อาผ่าบอกว่าเขาโชคดีที่ได้เห็นพ่อหลวงกับพระราชินีใกล้ๆ  เพราะเขาเทิดทูนบูชาท่านมาก  ”น้ำใสๆเอ่อคลอสองตาของผู้เล่า


“ อาผ่าบอกว่าท่านใส่ใจกับทุกอย่างบนแผ่นดินนี้  วันนั้นท่านเห็นฝักก้ามปูตกอยู่  อาผ่าอยู่ใกล้ๆท่านก็เลยยื่นให้  แล้วบอกว่า  ‘ในฝักนี้เป็นต้นกำเนิดของต้นไม้อีกหลายต้น  ที่จะทำให้บ้านเมืองของเรามีป่าไม้ไว้ให้ลูกหลาน ’ อาผ่ารับฝักนั้นมาอย่างยินดี  เขาเพาะมันจนกลายเป็นต้นกล้าเล็กๆ  แล้วชวนอาหู่ไปปลูกไว้ที่ดอยลูกโน้น  สองพ่อลูกดูแลมันอย่างดีตลอดมา  ตอนหลังเมื่ออาผ่าตาย  อาหู่ก็เลยดูแลต้นก้ามปูแทนพ่อ ”


               เมื่อเล่าจบอายอก็ยกมือไหว้ท่วมหัว  ฉันเข้าใจดีว่า  อายอมีความรู้สึกเช่นไร


               “ ครูเข้าใจแล้วล่ะอายอ  ว่าทำไมอาหู่ถึงใส่ใจก้ามปูต้นนั้นนัก  ”


               ฉันหันไปมองอาลีซึ่งนั่งฟังตาแป๋ว  แล้วยิ้ม


               “ อาหู่เป็นตัวอย่างที่ดี  ต่อไปก้ามปูต้นนั้นก็จะเติบโต  แล้วเป็นต้นกำเนิดของก้ามปูต้นอื่นๆอีกหลายต้น  ในหลวงท่านทรงมีพระอัจฉริยภาพในการพัฒนาทุกๆด้าน  โดยเฉพาะทรงอนุรักษ์ป่าไม้  ซึ่งเป็นประโยชน์อเนกอนันต์ต่อประเทศเกษตรกรรมอย่างประเทศของเรา  และทรงเสียสละทุ่มเทอย่างยากที่จะมีพระมหากษัตริย์ของชาติใดเสมอเหมือน ”


               อาลียิ้มตอบด้วยดวงตาเป็นประกาย


               “ หนูจะเริ่มอนุรักษ์ป่าไม้ตั้งแต่วันนี้เลยค่ะครู  ในหลวงท่านจะได้ภูมิใจ ”


 
               ไม่ใช่แค่ฉันเท่านั้นที่ปลื้มใจในคำพูดของเด็กน้อย  หากคนไทยทุกคนได้รับรู้ว่าเด็กสิบขวบมีจิตสำนึกที่ดีงามเช่นนี้  ฉันเชื่อว่าทุกคนก็ต้องภาคภูมิใจเช่นเดียวกัน

               
               แดดจางๆดูดกลืนหมอกขาวโพลนให้เลือนหายไป  ทิ้งไว้เพียงหยดน้ำที่ค้างอยู่ในกลีบดอกไม้และยอดหญ้า ฉันกำลังใช้บัวรดน้ำขนาดเล็กรดน้ำต้นพริกที่ปลูกไว้ข้างโรงอาหาร  แต่เสียงรองเท้าวิ่งมาตึงตังก็ทำให้ฉันต้องหันหลังไปดู


               “ ครูคะไปกับหนูก่อนค่ะ ”


               อาลีบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  ทั้งที่อยู่ในอาการหอบแฮ่กๆ


               “ ไปไหนอาลี ”  


               เด็กหญิงไม่ตอบ  แต่กลับดึงแขนของฉันเบาๆให้ก้าวตามไป  ฉันจึงวางบัวรดน้ำไว้บนชั้นวางแล้วเดินแกมวิ่งตามเด็กน้อยที่วิ่งปรื๋อไปอย่างรวดเร็ว


               อาลีวิ่งไปตามทางลาดชันเต็มไปด้วยหินขรุขระ  ฉันจึงต้องค่อยๆเดินเพราะยังไม่ชิน  ครู่ใหญ่เด็กน้อยก็ไปยืนโบกมือหยอยๆใต้ต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาร่มรื่นคู่กับเด็กอีกคนหนึ่ง  ฉันจึงเร่งฝีเท้าเข้าไปหา


               “ อาหู่ ”


               อาหู่นั่นเองที่ยืนอยู่กับอาลี  ใบหน้าของเด็กชายยิ้มละไมและเต็มไปด้วยสีเลือดฝาด  แสดงว่าเขาคงหายจากอาการไข้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
               ฉันยืนหอบอยู่พักใหญ่ก่อนจะย้อนถามเด็กทั้งสอง


               “ ทั้งสองคนพาครูมาที่นี่ทำไม ”


               อาลีหันไปยิ้มให้เพื่อน  อาหู่จึงเป็นผู้ตอบเสียเอง


               “ นี่ไงครับครู ต้นก้ามปูของพ่อหลวง  ผมกับอาลีพาครูมาดูดอกก้ามปูดอกแรก  ที่เพิ่งออกดอกเมื่อวานนี้ ครูเงยหน้าขึ้นไปมองสิครับ ”


               ฉันทำตามอย่างว่าง่าย  ก้ามปูต้นใหญ่สีเขียว  แผ่กิ่งก้านสาขาสล้างไปทั่วบริเวณ  เมื่อมองเลยขึ้นไป พบว่าบนกิ่งกิ่งหนึ่งกำลังออกดอกสีขาวขลิบแดงสดใสน่ามอง  ฉันจึงหันมายิ้มให้ทั้งสองคน


               “ อาหู่กับพ่อเก่งจังเลยนะอาลี ”


               “ ใช่ค่ะครู ” อาลีเห็นด้วย


               “ ต่อไปทั้งสองคนต้องไปเชิญชวนเพื่อนๆให้ปลูกต้นไม้กันเยอะๆนะ..รู้มั้ย  ต้นไม้มีประโยชน์มากมาย อีกทั้งยังช่วยลดโลกร้อนได้อีกด้วย  ถ้าเด็กๆทุกคนมีจิตสำนึกรักษ์ป่า  ต่อไปโลกของเราก็จะเป็นโลกที่เต็มไปด้วยสีเขียว  สมดังที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงตั้งพระทัยเอาไว้ยังไงล่ะ  แต่ตอนนี้เด็กๆต้องรีบกลับไปเข้าแถวแล้ว ”


            เสียงระฆังเข้าเรียนดังมาจากดอยอีกลูกหนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียน  เราทั้งสามคนวิ่งลงดอยอย่างทุลักทุเล  แต่ในหัวใจนั้นกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข  ที่ได้เห็นความงดงามจากสีเขียวของต้นไม้


 ข้า    แผ่นดินขอพรดลมงคลสวัสดิ์


วร      ฉัตรวลัญช์ชัยในนุสนธิ์


พุทธ   ธรรมพิทักษ์ไทยไกรสกล


เจ้า     จอมคนจุ่งเขษมสุขเปรมปรีดิ์


เอา     แผ่นฟ้ามาเทียบวางต่างกระดาษ


มโน    ปราชญ์เสกอักษรสุนทรศรี


และ    น้อมนำความจงรักเปี่ยมภักดี


สิระ     ค้อมวันทนีย์จักรีวงศ์


กราน   ผคมกราบพระคุณอุ่นเหนือเกล้า


นบ     ค่ำเช้าโฉลกเพิ่มสุขเสริมส่ง


พระ    เมตตาต่อแคว้นเชื่อมแดนดง


ภูมิบาล ชาติมั่นคงธำรงไทย


บุญ     ราษฎร์แล้วร่วมสนองรองบัวบาท


ดิเรก    ราชรักษานราศัย


เอก      อุดมสมบัติวิวัฒน์ชัย


บรม     สถานถิ่นใดไม่สุขแม้น


จักริน    ปิ่นรัฐฉัตรสยาม


พระ      ทรงความยุติธรรมนำสุขแสน


สยามินทร์ มเหสักข์พิทักษ์แดน


พระ      มิ่งแคว้นขวัญเมืองชนเลื่องลือ


ยศ       ยิ่งยงเฉลิมพระองค์ทรงยิ่งยศ


ยิ่ง        ปรากฏกิตติศัพท์โลกนับถือ


ยง       พระเกียรติก้องงามพระนามระบือ


เย็น      ยิ่งชื่อทิพพจีที่ฉ่ำเย็น


สิระ     ราษฎร์ใต้ร่มบาทล้วนปราศทุกข์


เพราะ   รอยสุขฝากประทับคอยดับเข็ญ


พระ      หทัยบริสุทธิ์งามดุจเพ็ญ


บริบาล  ราษฎร์เป็นเช่นลูกยา


ผล       ดีเกิดแก่แผ่นดินทุกถิ่นที่


พระคุณ ทวีท่วมแดนบุญแน่นหนา


ธ         เปรื่องปราดยิ่งเมธีผู้ปรีชา


รักษา   บารมีธรรมเลิศล้ำคุณ


ปวง      อาเพศเหตุภัยมลายพ้น


ประชา  ชนต่างพบความอบอุ่น


เป็น     ศูนย์รวมแห่งศรัทธารักการุญ


สุข       ช่วยหนุนบุญช่วยนำผลสัมฤทธิ์


ศานต์  สืบชาติศาสน์เสริมคุณอุ่นราศี


ขอ      พรตรีรัตนาประกาศิต


บันดาล ผลบันดลหวังดังนิมิต


ธ        สถิตเป็นมิ่งขวัญนิรันตราย



ประสงค์ ใดจงสมพระราชประสงค์


ใด       มั่นคงจงมั่งคั่งดังมั่นหมาย


จง        ดีพร้อมภิยโยราโชบาย


สฤษฏ์   ถวายราชวัตรเสริมปัจจัย


ดัง       ปีทองครองธรรมเจิดจำรัส


หวัง      ห้าธันวาฯ สวัสดิ์นิรัติศัย


วร        วารเฉลิมพระชนม์มงคลชัย


หฤทัย   พันธน์ภักดิ์ร่วมสักการ


ดุจ       สามโลกน้อมวัณนาอาศิรพาท


ถวาย   ราชสดุดีสิรีสถาน


ชัย       เภรีลั่นซ้องก้องจักรพาล


ชโย    ผสานสุวจนะ "ทรงพระเจริญ"



คุณชมพร เพชรอนันต์กุล ผู้ประพันธ์

แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 54 05:28:53

 
 

จากคุณ : ผู้หญิงเลือดเย็น
เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 18:21:32




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com