|
ตอบ คคห 11 ที่ถามว่า
"ในเมืองไทยกรรมกรเคยทำแบบนั้น แต่โดนนายทุนรวมหัวกับรัฐบาลกับทหารเอาอาวุธสงครามฆ่าตายหมด
เอามาจากไหน"
ไม่เคยได้ยินหรอกหรือว่าผู้นำแรงงานไทยที่เป็นหัวหอกนำแรงงานไทยประท้วงน่ะ โดนข้อหาหลายอย่าง ตั้งแต่คอมมิวนิสต์ ก่อการจลาจล และอื่นอีกมากมาย
จริงๆแล้วมันมีเหตุการณ์ที่รุนแรงมากกว่านี้อีกหลายเท่า
ที่เอามาแปะนี่ เขาเขียนเบาๆ โดยไม่บอกว่า "กรรมกรที่ประท้วงโดนฆ่าตายไปกี่คน"
ประวัติและความเป็นมา ประวัติ และความเป็นมาประวัติ : บริษัทไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัดประวัติ : ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย ) จำกัด ในโลกล้วนมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอันเป็นปรากฎการณ์ เช่น สภาพเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองซึ่งได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวการณ์ ดังที่เห็นมาในประวัติศาสตร์ขบวนการแรงงานไทยก็ เช่นเดียวกับปรากฎการณ์อื่นๆ ทางสังคมนับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ก็มีทั้งรุ่งเรืองและซบเซา บางครั้งคึกคักเข้มแข็ง ผู้นำโดดเด่นมีอุดมการณ์แน่วแน่ ผู้ใช้แรงงานเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุมเพื่อเรียกร้องสิทธิเนืองแน่นบ้างถูกคุกคาม ถูกไล่ล่า หายสาบสูญเป็นวีระชนนิรนาม บ้างถูกจับกุมคุมขังด้วยข้อหา "ภัยสังคมหรือภัยต่อความมั่นคงของรัฐ" จำต้องหลีกหนีจากนาครสู่วนา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การเมืองการปกครอง ในแต่ช่วงของการเปลี่ยนแปลง และแต่ช่วงของการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ว่าจะดีขึ้นหรือเลวร้าย หากเราได้เรียนรู้จากประวัติศาสตร์ ประสบการณ์ในอดีตเราจะไม่กังวลใจจนเกินกว่าเหตุ เนื่องจากการเมืองที่ผันผวนไปนั้น ย่อมส่งผลกระทบต่อขบวนการแรงงานอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ ซึ่งบุคคลต่างๆ ล้วนแต่ได้รับผลพวงในชะตากรรมที่ไม่แตกต่างกันมากนัก ผู้นำแรงงานในอดีตหลายคนสับสน บางคนสิ้นหวัง หลายคนหวั่นไหว แต่ก็มีไม่น้อยยิ่งถูกกดขี่ยิ่งต่อสู้ ยิ่งยืนหยัด แม้จะเจ็บปวดจากการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน เพียงไร แต่เขาเหล่านั้นยึดหลักที่ว่า "ไม่มีพลังใด ยิ่งใหญ่เท่าพลังแห่งความสมานสามัคคี" และเชื่อว่าผู้ใช้แรงงานหรือกรรมกรคือผู้สร้างโลกให้วัฒนาเหตุไฉนเล่าสิทธิแรงงานไทยถึงอาภัพ และถูกเพิกเฉยแบบมาราธอนเรื่อยมา ด้วยเหตุนี้การรวมตัวกันย่อมดีกว่าต่างคนต่างอยู่ แบบตัวใครตัวมัน เพราะการต่อสู้เพื่อสิทธิอันชอบธรรมจำเป็นที่จะต้องมีพลังแห่งการรวมตัว และจงอย่าท้อถอย สิ้นหวัง เพื่ออนาคตที่ดีงาม ขอเพียงยืนหยัดยืนยงเข้มแข็งและอดทน มุ่งมั่นขจัดอำนาจที่ไม่ชอบธรรมให้หมดไป รวมถึงพวกแอบอิงอำนาจ เพราะฉะนั้น การมีสหภาพแรงงาน ทุกคนอยู่ดีมีความปลอดภัยและมั่นคงในการทำงานจนถึงทุกวันนี้ เพราะความเด็ดเดี่ยว กล้าหาญของคณะผู้ก่อการสหภาพแรงงาน เพื่อให้ได้มาซึ่งองค์กรของพวกเรา ณ บรรทัดนี้ พวกเราในนามผู้สานต่อเจตนารมณ์อุดมการณ์ จึงขอก้มกราบคารวะจิตวิญญาณของท่านผู้กล้าเหล่านั้นด้วยจิตคารวะ. พ.ศ. 2518 สหภาพแรงงานฮอนด้าแห่งประเทศไทย จดทะเบียนก่อตั้งเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 ครั้งแรกใช้ชื่อว่า "สมาคมลูกจ้างผลิตรถจักรยานยนต์ สมุทรปราการ" (ไทยฮอนด้า) ทะเบียนเลขที่ สป. 7 ตามประกาศคณะปฏิวัติฉนับที่ 103 (ปว.103) ต่อมาเมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2518 รัฐบาลภายใต้การนำของ ฯพณฯ พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ ได้ผ่านกฏหมายแรงงานหรือ พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มีผลบังคับใช้ จึงยกเลิกประกาศกระทรวงมหาดไทย (ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 103) มีผลให้สมาคมลูกจ้างทุกแห่งที่จดทะเบียนไว้ก่อนนี้เปลี่ยนสถานภาพเป็นสหภาพแรงงาน หรือเป็นนิติบุคคลตามพระบัญญัติแรงงานสัมพ้นธ์ พ.ศ.2518 และสมาคมลูกจ้างผลิตรถจักรยานยนต์ สมุทรปราการ (ไทยฮอนด้า) จึงได้ยกฐานะเป็น "สหภาพแรงงาน" และเปลี่ยนชื่อเป็น "สหภาพแรงงานผลิตรถจักรยานยนต์แห่งประเทศไทย" ในช่วงก่อตั้งก็ถูกขัดขวางจากฝ่ายนายจ้างเป็นอย่างมาก กรรมการชุดก่อการ 1. นายชม ถึงพิทักษ์ 2. น.ส.อำไพ จิตจำไว 3. น.ส.จันเพ็ญ ศรีวัฒนประยูร 4. น.ส.มาลา บะวงษ์ 5. นายสมชาย สุดสวาท 6. นายสามารถ เกษโกศล 7. นายบุญทิ้ง สีทอง 8. นายบุญสืบ ทินอยู่วงศ์ 9. นางประทุม งามแท้ 10. นายประเสริฐ โต๊ะเมือง ผู้ริเริ่มก่อตั้งถูกเลิกจ้างทั้งหมด ขณะนั้นยังไม่มีศาลแรงงานเพื่อพิจารณาคดีเกี่ยวกับข้อพิพาทแรงงาน มีแต่เฉพาะคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ไตรภาคี (ครส.) สังกัดกรมแรงงานกระทรวงมหาดไทยผู้ก่อการทั้งหมด 10 คน ถูกเลิกจ้างและตกอยู่ในภาวะจำยอมออกจากงานเป็นจำนวน 9 คน เหลือเพียงเลขาธิการสหภาพแรงงาน ซึ่งเป็นสุภาพสตรีหนึ่งในคณะผู้ก่อการ คือ นางสาวจันเพ็ญ ศรีวัฒนประยูร ที่ยืนหยัดต่อสู้กับนายจ้างที่ถูกกล่าวหาถึง 4 ข้อหา ( อ้างใน 30 ปีสหภาพแรงงานฮอนด้าแห่งประเทศไทย ) จนกระทั่งนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ไตรภาคี ซึ่งต้องใช้ระยะพิสูจน์ถึง 5 ปี สุดท้ายคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ไตรภาคีออกคำสั่งให้นายจ้าง(บริษัท ) รับลูกจ้าง คือ เลขาธิการสหภาพแรงงานกลับเข้าทำงานโดยปราศจากเงื่อนไข แต่นั่นคือคำสั่งของคณะกรรมการฯ ก็มีผลเพียงในทางนิตินัย หาได้มีบทลงโทษแต่ประการใดไม่ ส่วนในแนวปฏิบัติลูกจ้างมักเป็นฝ่ายถูกกระทำเสมอ โดยให้ยินดีรับการประนอมความ ซึ่งมีข้อกล่าวอ้างพ่วงท้ายเสมอว่า เพื่อลดความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายในเรื่องปัญหาแรงงานสัมพันธ์เวลานั้น ซึ่งจะได้ปรับปรุงอนาคตให้ดีขึ้น และสุดท้ายเพื่ออนาคต ที่ดีงามของคุณจันทร์เพ็ญ ผลปรากฏว่า คุณจันทร์เพ็ญ ศรีวัฒนประยูร ได้ตกลงประณีประนอมยอมความโดยมีข้อตกลง ดังนี้ น.ส.จันทร์เพ็ญ ศรีวัฒนประยูร ตกลงจะไม่ทำงานในบริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด อีกต่อไป น.ส.จันทร์เพ็ญ ศรีวัฒนประยูร ตกลงยอมรับเงินที่บริษัทได้จ่ายให้รับไปแล้วจำนวน 14,532 บาท กับขอรับอีก 60,000 บาทโดยจะไม่เรียกร้องเงินจำนวนใดๆ จากบริษัทอีกต่อไป บริษัทจะยกเลิกการอุทธรณ์ ศาลฏีกาเกี่ยวกับปัญหาการเลิกจ้าง ทั้งฝ่ายว่าจ้างและลูกจ้างตกลงที่จะยอมความเป็นเสร็จเด็ดขาดตามสัญญานี้ และต่างฝ่ายสัญญาว่าหลังจากนี้จะไม่นำเรื่องนี้มาเป็นปัญหาต่อไปอีก , ลงนาม นายวิทยา ลี้อิสระนุกุล ฝ่ายบุคคล , ลงนาม น.ส.จันทร์เพ็ญ ศรีวัฒนประยูร ลูกจ้าง , นายเอกรินทร์ ต๊ะอินทร์ ประธานสหภาพแรงงานผลิตรถจักรยานยนต์แห่งประเทศไทย คำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ ( 70/2518) คำวินิจฉัยสมัยนั้น ส่วนหนึ่งซึ่งมีเนื้อหาสาระที่ประทับใจลูกจ้างเป็นอย่างยิ่ง โดยย่อดังนี้ เพราะหากอ้างถึงความเป็นธรรมแล้ว นายจ้างย่อมมีสิทธ์ใช้ความชอบธรรมในการจ้างทนายความที่เก่งกล้าสามารถเข้าใจทะลุปรุโปร่งในปัญหาข้อกฏหมาย แต่ลูกจ้างซึ่งขาดทุนทรัพย์ก็ได้แต่ไช้ความเป็นธรรมในการเรียกร้องสิทธิของตนตามมีตามเกิด ขาดทั้งความรู้ ขาดทั้งกำลังทรัพย์ จะหันหน้าไปปรึกษาผู้ที่ใช้วิชาชีพในการปรึกษาก็ไร้ทรัพย์และปัญญา คำร้องที่ยื่นต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ จึงล้วนแล้วแต่เขียนมาจากความรู้สึกนึกคิดจากใจจริงประกอบกับความรู้ที่มีอยู่ งูๆ ปลาๆ ตามประสาคนที่มีความรู้น้อย แต่ใฝ่แสวงหาความรู้จึงอาจอ้างมาตราผิดพลาด การพิจารณาของ ครส. ไม่ใช่การพิจารณาของศาล พ.ศ. 2519 (ช่วงนี้สหภาพแรงงานทั่วประเทศถูกลดบทบาท) ภายหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ทำให้ฝ่ายปกครองเข้าแทรกแซงขบวนจัดตั้งของกรรมกร มีการให้ร้ายป้ายสีผู้นำแรงงาน ในเรื่องลักธิคอมมิวนิสต์ จักกุม ข่มขู่ คุกคาม ผู้นำอย่าง อารมณ์ พงศ์พงัน และที่สำคัญคือเกิดความคิดแตกแยกในหมู่ผู้นำและในกรณี 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 แม้ว่า พรบ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 จะไม่ถูกยุบเลิกก็ตาม การรัฐประหารนองเลือด 6 ตุลาคม 2519 ได้ทำให้ขบวนการแรงงานที่กำลังจะเติบโตในช่วงของยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน ( 2516-2519 ) ต้องหยุดชงัก ศูนย์ประสานงานกรรมกรต้องปิดฉากลง ผู้นำศูนย์กรรมกรโดยหันไปเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ส่วนสภาแรงงานแห่งประเทศไทยที่ก่อตั้งเมื่อ 2519 ก็ยุติบทบาท มาก่อตั้งใหม่อีกครั้ง พ.ศ.2521 และเป็นองค์กรเดียวที่มีบทบาทอย่างมากในการเปิดฉากต่อสู้ของกรรมกร เช่น เรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ พ.ศ. 2521 สหภาพแรงงานได้รับสมาชิกจาก บริษัท เอเชี่ยนออโตพาร์ท จำกัด (AAP) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ที่ส่งให้ส่งสนับสนุนไลด์การผลิตรายใหญ่ของฮอนด้า พ.ศ. 2522 สหภาพแรงงานได้ขอมติจากที่ประชุมใหญ่ เข้าเป็นสมาชิกสภาองค์การลูกจ้างสภาแรงงานแห่งประเทศไทย ซึ่งมีนายไพศาล ธวัชชัยนันท์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวงแห่งประเทศไทย เป็นประธานสภาองค์การลูกจ้างสภาแรงงานแห่งประเทศไทย และนายสวัสดิ ลูกโดด จากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟ แห่งประเทศไทย ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาองค์การลูกจ้าง ในปีนี้ทางสหภาพแรงงานฮอนด้า ได้มีการผละงานเป็นเวลาถึง 2 ชั่วโมง ในประเด็นเรื่องโบนัส ขณะนั้นสมาชิกประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ จึงทำให้สหภาพแรงงานมีอำนาจต่อรองเข้มแข็ง พ.ศ. 2523 รับสมาชิกจาก บริษัท ซัมมิท ออโต้พาร์ท ซึ่งเป็นลูกจ้างผลิตชิ้นยานยนต์ จากนั้นไม่นานก็ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกเมื่อ พ.ศ. 2525 ให้เหตุผลเพื่อความคล่องตัวในการบริหารจัดการองค์กร ช่วงนั้นการแรงงานสัมพันธ์ ทวิภาคีระหว่างคณะกรรมการสหภาพแรงงานกับนายจ้างหรือฝ่ายจัดการก็ได้ศึกษาทบทวนบทบาทซึ่งกันและกัน เพื่อพัฒนาสัมพันธภาพการอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานของการยอมรับเรื่องบริหารองค์กรแบบการมีส่วนร่วม พ.ศ. 2526 ร่วมก่อตั้งสภาองค์การลูกจ้างสมาพันธ์แรงงานแห่งประเทศไทย โดยภายใต้การนำของนายไพศาล ธวัชชัยนันท์ แยกตัวออกจากสภาองค์การลูกจ้าง สภาแรงงานแห่งประเทศไทย และส่งนายเอกรินทร์ ต๊ะอินทร์ เป็นกรรมการบริหารและเข้าทำงานเป็นคณะกรรมการไตรภาคีเพื่อสังคมแรงงาน พ.ศ. 2528 บทบาททวิภาคี คณะกรรมการสหภาพแรงงานฮอนด้า ร่วมกับฝ่ายนายจ้างได้ทำการปรึกษาหารือร่วมกันในการแก้ไขปัญหาเชิงมหภาคเพื่อฝ่าภาวะวิกฤตเศรษฐกิจเป็นครั้งแรก ศึกษาหาแนวทางตกลงร่วมกันเปิดโอกาสให้พนักงาน และฝ่ายสมาชิกสหภาพแรงงานสมัครใจลาออกในสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจเช่นนั้น ด้วยทางสหภาพแรงงานและฝ่ายนายจ้างสามารถหาข้อยุติประเด็นค่าชดเชยจนเป็นที่พึงพอใจทั้งสองฝ่าย ซึ่งทางฝ่ายจัดการยินดีจ่ายค่าตอบแทนช่วยเหลือพนักงานที่เข้าร่วมโครงการสมัครใจลาออก เป็นจำนวนเงิน 8 เท่าของค่าจ้าง ขณะเดียวกันมีพนักงานสมัครใจลาออกจำนวน 30 คนจากพนักงานทั้งหมด 333 คน พ.ศ. 2531 เสริมสร้างความมั่นคง สหภาพแรงงานมีแนวคิดเรื่องความมั่นคงในการวางแผนชีวิตให้กับสมาชิกสหภาพแรงงานโดยการเริ่มยื่นข้อเรียกร้องเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงของสมาชิกสหภาพแรงงานซึ่งทางฝ่ายจัดการก็มีความเห็นร่วมด้วยช่วยกันศึกษาโดยการทำข้อตกลงร่วมกันก่อตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ในปี 2532 สะสมเงินเป็นเปอร์เซ็นต์ ขั้นต้ำ 5 เปอร์เซ็นต์ สูงสุดไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับอายุงาน ถือได้ว่าเป็นสถานประกอบต้นๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2534 รับแรงงานสัมพันธ์ดีเด่นครั้งแรก บริษัทไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ได้รับรางวัลแรงงานสัมพันธ์ดีเด่น สถานประกอบการประเภทที่มีสหภาพแรงงานฮอนด้าแห่งประเทศไทย ( ครบรอบ 30 ปี สหภาพแรงงานฮอนด้า แห่งประเทศไทย 2548 : 14-16 ) พ.ศ. 2534 ปัจจัยทางการเมือง วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 มีนายทหารกลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ได้ทำรัฐประหาร โดยการใช้กำลังทหารเข้ายึดอำนาจล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่มี พลเอกชาติชาย ชุณหวัณ เป็นนายกรัฐมาตรี จากนั้นเสนอแต่งตั้ง นายอนันต์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมาตรี และผลงานเด่น คือทำลายขบวนการแรงงาน โดยการแยกสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจออกจากพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 ยกเลิกสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ โดยออกกฏหมายพนักงานรัฐวิสาหกิจที่จำกัดสิทธิพนักงานรัฐวิสาหกิจ ต่อมาวันที่ 19 มิถุนายน 2534 นายทนง โพธิ์อ่าน ประธานสภาองค์การลูกจ้างสภาแรงงานแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรแรงงานที่มีสมาชิกมากที่สุดในขณะนั้น หายตัวสาเหตุเพราะเขาท้าทายคัดค้านอำนาจเผด็จการทหาร ประกาศ รสช.ฉบับที่ 54 ซึ่งออกมาลดบทบาทสหภาพแรงงาน คณะ รสช.กลัวคุณทนง โพธิ์อ่าน จะหนีออกนอกประเทศไปประชุมใหญ่ ILO ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากรัฐบาลเผด็จการมีคำสั่งห้ามออกนอกประเทศ พ.ศ. 2544 สหภาพแรงงานได้รับสมัครสมาชิกจาก บริษัท ฮอนด้าออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ฮอนด้า โรงงานผลิตตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 30 พ.ค. 2544 ต่อมาในปีถัดไป วันที่ 30 เมษายน 2545 ได้เปลี่ยนชื่อจากสหภาพแรงงานผลิตรถยานยนต์แห่งประเทศไทย เป็นชื่อ สหภาพแรงงานฮอนด้าแห่งประเทศไทย เพื่อให้ชื่อสอดคล้องกับการรับสมาชิกใหม่ซึ่ง ผลิตรถยนต์ แต่วัตถุประสงค์ยังเป็นสหภาพแรงงานประเภทกิจการเดียวกันมิใช่สหภาพแรงงาน ประเภทนายจ้างคนเดียวกัน ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งสองโรงงานจำนวน 5,991 คน (บันทึกนายทะเบียนสหภาพแรงงาน เล่มที่ 2 , 2552 ) พ.ศ. 2545 สหภาพแรงงานฮอนด้าแห่งประเทศไทย ลาออกจากสภาองค์การลูกจ้างสมาพันธ์แรงงานแห่งประเทศไทย เพื่อสมัครเป็นสมาชิก สหพันธ์แรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทย ( TAW ) สังกัดสมาพันธ์แรงงานเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็คทรอนิกส์ ยานยนต์ และโลหะแห่งประเทศไทย ( TEAM ) (เป็นสมาชิกสหพันธ์แรงงานโลหะระหว่างประเทศไทย IMF ) และมีมติส่ง นายวันชัย ผุดวารี นายธีระวิทย์ วงศ์เพชร และนายเพชร โสมาบุตร เป็นกรรมการบริหาร พ.ศ. 2550 สหภาพแรงงานฮอนด้าแห่งประเทศไทย ลาออกจากสหพันธ์แรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทย ย้ายมาร่วมก่อตั้งสภาองค์การลูกจ้างแรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทย ( A.L.C.T. ) ซึ่งมีสหภาพแรงงานโตโยต้า ประเทศไทย เป็นแกนนำในการก่อตั้ง และมีมติส่งนายเพชร โสมาบุตร เข้าร่วมก่อตั้ง ซึ่งมี นายวันชัย ผุดวารี นายสลักเพชร สารทอง และนายธีระวิทย์ วงศ์เพชร เป็นกรรมการบริหาร พ.ศ. 2551 สหภาพแรงงานฮอนด้าแห่งประเทศไทย บริษัทเอเชี่ยนออโตพาร์ท จำกัด ( AAP ) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งบริษัท ไทยฮอนด้าฯ ถือหุ้น ได้ปิดกิจการเพื่อย้ายฐานการผลิตมาควบรวมกับบริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด จึงส่งผลให้สมาชิกสหภาพแรงงานที่ทำงานอยู่เอเอพี มาเป็นพนักงานที่บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัดและได้รับสิทธิประโยชน์ที่มีอยู่เดิมรวมทั้งการนับอายุงานต่อเนื่องชอบด้วยกฏหมายทุกประการ ปัจจุบันมีสมาชิกสหภาพอยู่เพียง 2 แห่ง คือที่ บริษัท ฮอนด้าออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ( ผลิตรถยนต์ฮอนด้า) และบริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ( ผลิตรถจักรยานยนต์และเครื่องยนต์เอนกประสงค์ฮอนด้า ) สิ่งที่ได้รับความร่วมมือจากนายจ้างเชิงแรงงานสัมพันธ์ มีดังนี้ การจัดเก็บค่าบำรุง 1 เปอร์เซ็นต์ของค่าจ้างจากสมาชิกสหภาพทุกเดือน โดยนายจ้างเป็นผู้จัดเก็บค่าบำรุงให้หักผ่านระบบบัญชีธนาคาร ให้ใช้สำนักงานภายในสถานประกอบการ รวมทั้ง ค่าน้ำ ค่าไฟ ให้ใช้สถานที่จัดการฝึกอบรมสมาชิกภายในสถานที่ประกอบการ อนุญาตให้ตำแหน่งตำแหน่งประธานและเลขาธิการ ทำงานเต็มเวลา 2 ตำแหน่ง ให้กรรมการ ปฏิบัติงานในหน้าที่ครึ่งวัน อนุญาตให้ครึ่งวันทำงานสหภาพแรงงาน อนุญาตให้คณะกรรมการ ไปอบรมสัมมนาตามหนังสือราชการตามความเป็นจริง อนุญาตให้คณะกรรมการ ไปอบรมสัมมนาตามหนังสือองค์กรเอกชนตามความเป็นจริง อนุญาตให้คณะกรรมการใช้รถยนต์นั่งส่วนบุคคลในกิจการสหภาพแรงงาน ฝ่ายจัดการให้ข้อมูลทิศทางแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัททุกไตรมาส ให้มีการพูดคุยปรึกษาหารือร่วมกันในคณะทำงาน 4 ชุด ทวิภาคีเดือนละครั้ง ให้มีกิจกรรมกีฬาแรงงานสัมพันธ์ ต่อด้วยงานเลี้ยงสาระสังสรรค์ระหว่างผู้บริหารระดับสูงทั้งคนไทยและญี่ปุ่นกับคณะกรรมการสหภาพแรงงานปีละครั้ง ให้มีกิจกรรมสำรวจสภาพการตลาดกิจการยานยนต์ทั้งปีและต่างประเทศร่วมกันปีละครั้ง มีกิจกรรมสาธารณะกุศลต่อสังคมภายนอกร่วมกันปีละครั้ง ( ครบรอบ 30 ปี สหภาพแรงงานฮอนด้า , 2548 :16-17 ) ส่วนการบริหารเอกเทศภายในองค์กร สหภาพแรงงานก็ได้แบ่งหน้าที่เป็นตำแหน่งและฝ่ายต่างๆ ดังนี้ ประธาน รองประธาน เลขาธิการ รองเลขาธิการ ฝ่ายนายทะเบียน เหรัญญิก ประชาสัมพันธ์ การศึกษา วิจัยข้อมูล รับเรื่องราวร้องทุกข์ ดังนั้นจึงกำหนดคณะทำงานร่วมให้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สหภาพแรงงานและฝ่ายจัดการ ได้ดำเนินกิจการในขบวนการผลิตภัณฑ์สู่ลูกค้าอย่างราบรื่น และบริหารข้อเรียกร้องในการตอบสนองความต้องการของสมาชิกและพนักงานทุกคนได้อย่างราบรื่นสมเหตุสมผลอย่างมีประสิทธิภาพ หากข้อเรียกร้องที่เจรจากันไม่จบก็ยกให้เป็นหน้าที่ของคณะทำงานทวิภาคี 4 ชุด ( ครบรอบ 30 ปี สหภาพแรงงาน , 2548 : 45 ) นำไปพูดคุยกันนอกรอบได้ทั้งปีเพื่อให้ได้ข้อมูลสมบูรณ์เพียงพอและไปในทิศทางเดียวกัน ป้องกันการเกิดปัญหาข้อพิพาทแรงงาน ซึ่งหากเกิดปัญหาความขัดแย้งด้านแรงงานถือได้ว่าเป็นปัญหาสำคัญอาจก่อให้เกิดความเสียหายไม่เฉพาะแต่ภายในสถานประกอบการเท่านั้น ถ้ายืดเยื้อรุนแรงก็จะส่งผลให้เกิดความเดือดร้อนแก่สาธารณะชน เช่น การสไตส์นัดหยุดงาน การปิดงานของนายจ้าง การชุมนุมปักหลักพักค้างในที่สาธารณะ ผลกระทบที่ตามมาคือลูกจ้างขาดรายได้ เกิดปัญหาการว่างงาน ความไม่สงบในขบวนการแรงงาน จะส่งผลถึงการพัฒนาอุตสาหกรรม กระทบกับสมาชิกสหภาพแรงงานโดยตรงและเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และความมั่นคงของรัฐได้ ( ชำนาญ พจนา , 2548 : 5 ) สำหรับทางฝ่ายการศึกษาของสหภาพแรงงาน ก็ได้จัดการอบรมสัมมนาให้สมาชิกได้รับรู้ถึงสิทธิ บทบาทหน้าที่ทั้งภายในและภายนอกส่วนงาน แหล่งที่มา http://www.hondaunion.org/index.php?option=com_content&view=article&id=4&Itemid=14
แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 54 23:27:34
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
7 ธ.ค. 54 22:38:43
|
|
|
|
|