คุ้ยพงศาวดารจีน
คนชั่วแผ่นดินจิ้น
ตอนที่ ๑๘ สองแซ่คู่อาฆาต
เล่าเซี่ยงชุน
ที่เมืองฮุนหนำยังมีชายผู้หนึ่งชื่อ เจียกุ้ย เป็นพ่อค้าทางเกวียน มีบุตรชายคนหนึ่งชื่อ เจียเล็ก เมื่อเจียเล็กอายุประมาณเก้าขวบ เจียกุ้ยผู้บิดาบรรทุกของไปขายเมืองฮวนก็เอา เจียเล็กไปด้วย ครั้งนั้นเมืองฮวนมีศึกสงคราม เจียกุ้ยค้าขายยังไม่หมดจึงติดค้างอยู่ในเมือง พอดีป่วยตายลง เจียเล็กจึงเป็นเด็กกำพร้าเร่ร่อนอยู่ในเมืองฮวน
แม่ทัพแผ่นดินไซจิ้นได้ชัยชนะก็ให้ทหารกวาดต้อนครัวพวกฮวน ในบ้านเล็กเมืองน้อยที่อยู่ตามรายทาง ได้ประมาณห้าหมื่นเศษ เจียเล็กก็ตกอยู่ในพวกเชลยนั้นด้วย เมื่อมาถึง แผ่นดินไซจิ้นก็จ่ายแจกพวกเชลยฮวน ให้ไปอยู่ตามหัวเมืองต่าง ๆ เพื่อไม่ให้รวมตัวกันเป็นขบถได้ ทหารก็เอาเชลยที่กวาดต้อนมา ขายเอาเงินเสียที่ตามหัวเมืองรายทาง เจียเล็กกับฮวนเด็ก ๆ หลายคนก็ตกอยู่ที่บ้านเพงซุ้ยแขวงเมืองซัวตั๋ง ด้วยซือหัวได้ซื้อไว้เป็นราคาคนละสามตำลึง เอาไปเลี้ยงไว้ใช้สอย
ตั้งแต่ได้อยู่กับซือหัวแล้ว เจียเล็กก็กินอยู่สบายค่อยอ้วนพีมีเนื้อขึ้น เจียเล็กมี นิสสัยใจทหารสันดานดุร้าย ไปเที่ยวเล่นกับเด็ก ๆ ชาวบ้านมักรังแกเพื่อน พวกเด็กเหล่านั้นจะชกตีก็สู้เจียเล็กไม่ได้ พากันร้องไห้มาหาบิดามารดา ซือหัวก็ถูกต่อว่าอยู่เนือง ๆ ซือหัวเห็นว่าเจียเล็กดุร้ายนัก กลัวจะหาความมาให้ จึงเรียกมาหาแล้วว่า
.เอ็งจะไปข้างไหนก็ตามใจเถิด เราเลี้ยงไว้ไม่ได้แล้ว คนทั้งปวงเขาพลอยเกลียดชังเราไปด้วย
..
เจียเล็กก็ว่า
..ท่านไล่เสียแล้ว ข้าพเจ้าจะได้อะไรกินเล่า ต้องขอเสบียงไปกินตามทางบ้าง
ภรรยาของซือหัวก็ว่า
จะไล่มันไปทำไม แม้นไปทำความขึ้นแล้วก็จะไม่พ้นตัวเรา เอาไปให้กิบซวงดีกว่า เขามีอำนาจจึงจะเลี้ยงมันได้ ด้วยมันเป็นคนดุร้ายใจฉกรรจ์
ซือหัวจึงเอาเจียเล็กไปให้กิบซวงเลี้ยงไว้ จนถึง กำหนดกิมซวงจะไปซ้อมฝีมือทหารที่ในเมืองลกเอี๋ยงก็เอาเจียเล็กไปด้วย ขณะนั้นเจียเล็กอายุได้สิบห้าปี มีพวกชาวบ้านพากันมาดูการสอบฝีมือทหารกันมาก
มีซินแสคนหนึ่งมาดูอยู่ด้วยเห็นเจียเล็กรูปร่างดีมีลักษณะ จึงพูดว่าเด็กคนนี้นานไปจะมีวาสนา พวกชาวบ้านได้ฟังก็พากันหัวเราะแล้วว่า คนอย่างเจียเล็กนี้จะดีอะไร เป็น ฮวนเชลยเขาเอามาขายไว้ให้แก่ซือหัว มันซุกซนจนเขาเลี้ยงไม่ได้ ต้องเอามาให้กิบซวงเสีย
ซินแสได้ฟังชาวบ้านว่าดังนั้น จึงว่าอย่าประมาท มีอะไรก็ให้ทานกินเถิดไม่เสียเปล่าดอก
ขณะนั้นมีชายคนหนึ่งชื่อ เกาะเกง ได้ยินซินแสพูดดังนั้นก็คิดว่า ซินแสคนนี้ดูแน่นัก ได้เคยเชื่อมาหลายครั้งแล้ว เด็กคนนี้คงจะดีเป็นแน่ ตั้งแต่วันนั้นมาถ้ามีของสิ่งไรเหลือเกาะเกงก็เอาไปให้เจียเล็กกิน เจียเล็กก็มีความกตัญญู ถ้าเห็นเกาะเกงทำการสิ่งใด ก็อุตส่าห์ไปช่วยมิได้คิดแก่เหน็ดเหนื่อย
วันหนึ่งเจียเล็กไปช่วยเกาะเกงทำนาตั้งแต่เช้าจนเย็น ได้ยินเสียงดังในหูคล้ายเสียงจิ้งหรีด เจียเล็กก็ตกใจรีบมาหาภรรยาเกาะเกง แล้วบอกว่า
ข้าพเจ้าทำนาอยู่ดี ๆ ได้ยินเสียงอะไรดังอยู่ในหู ฟังดูคล้ายเสียงจิ้งหรีด ข้าพเจ้าจะตายดอกกระมัง
ภรรยาเกาะเกงก็บอกว่า
..อย่าตกใจไม่เป็นไรดอก เจ้าทำการมามากตั้งแต่เช้าจนเย็น ไม่ได้กินอาหารลมกำเริบออกทางหู
พูดแล้วก็เอาข้าวมาให้เจียเล็กกิน
วันหนึ่งเจียเล็กออกจากบ้าน เจอกวางตัวหนึ่งวิ่งผ่านหน้า เจียเล็กก็วิ่งตามไปแต่ไม่ทันกวางหายไปในป่า เจียเล็กก็เดินไปตามทางจนถึงเขากิบจุยซัว ก็พบอาจารย์ผู้หนึ่งสอนศิษย์เรียนวิชาเพลงอาวุธอยู่ที่นั่น เจียเล็กก็เข้าไปหาอาจารย์นั้น ขอเรียนเพลงอาวุธอาจารย์ก็รับไว้ เจียเล็กเรียนได้คล่องแคล่วว่องไวดีกว่าศิษย์ทั้งปวง เรียนอยู่ที่สำนักนี้จนอายุได้สิบเก้าปี มีเพื่อนฝูงมาก จึงคบกันเป็นโจร และให้เจียเล็กเป็นนายโจรมีบริวารมากขึ้นประมาณหมื่นเศษ
เมื่อเจียเล็กได้ข่าวว่ากิบซวงยกทัพมาตั้งอยู่ที่ตำบลนั้น จึงพาบริวารเข้ามาอ่อนน้อมยอมอยู่กับกิบซวง แล้วก็เล่าความเก่าตั้งแต่ต้นจนปลาย กิบซวงก็มีความยินดีบอกว่า
.บัดนี้ฮั่นอ๋องให้เรายกกองทัพไปตีเมืองแซจิว จงไปด้วยกันเถิด ถ้าสำเร็จการศึกแล้ว เราจะเสนอความชอบให้ท่านมียศศักดิ์
.
เจียเล็กก็ว่า
.เดิมข้าพเจ้าก็คิดจะทำราชการอยู่ด้วยฮั่นอ๋อง แต่ยังไม่มีช่อง บัดนี้พบท่านเข้าแล้วก็สมที่คิดไว้ ข้าพเจ้ามีความยินดีนัก
..
แล้วกิบซวงก็ยกกองทัพไปเมืองแซจิว ขณะนั้นพระเจ้าเฮาฮวยเต้เสวยราชสมบัติได้สี่ปี เมื่อกิบซวงกับเจียเล็กยกทัพไปถึงเมืองแซจิวแล้ว ทางเมืองแซจิวก็แต่งทหารออกมารบหลายครั้ง แต่สู้ฝีมือเจียเล็กไม่ได้ เลยสักครั้งเดียว จึงนิ่งเฉยเสียไม่ออกมารบอีก แต่ให้รักษาค่ายมั่นไว้ แล้วมีหนังสือไปขอกองทัพจากเมืองลกเอี๋ยง กิบซวงกับเจียเล็กคุมทหารเข้าตีหักเอาค่ายไม่ได้ ก็ตั้งรอกันอยู่
เมื่อทางเมืองลกเอี๋ยงส่งทหารมาช่วยแล้ว ก็สู้รบกันเป็นสามารถ แต่ต่างก็เอาชนะกันไม่ได้ จึงตั้งยันกันอยู่อย่างนั้นถึงสี่เดือน
ฝ่ายฮั่นอ๋องคอยฟังข่าวกองทัพของกิบซวงอยู่เป็นเวลานาน ครั้นแจ้งว่าทางเมืองลกเอี๋ยงจัดทัพมาช่วยเมืองแซจิว ก็ให้เตียเฮงนายทหารเอกจัดทหารอีกห้าหมื่น ยกไปช่วยกิบซวงตีเมืองแซจิว แต่เมื่อไปถึงกองทัพของกิบซวงและเจียเล็กถูกทหารฝ่ายลกเอี๋ยงตีแตกไปแล้ว กิบซวงตายในที่รบ เจียเล็กเหลือทหารประมาณสองร้อยคน ก็เอาศพกิบซวงไปฝังไว้ที่เมืองลักเผง พอดีเตียเฮงคุมทหารมาถึง เจียเล็กก็เล่าความให้ฟัง แล้วว่า
..กิบซวงกับข้าพเจ้ายกกองทัพมาตีเมือง แซจิวครั้งนี้ เสียเสบียงอาหารและไพร่พลเครื่องสาตราวุธเป็นอันมาก กิบซวงก็ตาย กองทัพที่ท่านยกมานี้มีทหารเพียงห้าหมื่น จะไปทานกำลังข้าศึกได้ที่ไหน ต้องกลับไปแจ้งแก่ฮั่นอ๋องให้ทราบเสียก่อน เมื่อว่าประการใดแล้ว จึงค่อยกลับมาแก้แค้นต่อภายหลัง
..
เตียเฮงก็เห็นชอบด้วย จึงยกกองทัพกลับมาเมืองจอเสีย เตียเฮงก็พาเจียเล็กเข้าไปหาฮั่นอ๋อง แจ้งความให้ฟังตั้งแต่เจียเล็กสมัครเข้าอยู่กับกิบซวง และยกกองทัพไปตีเมืองแซจิว เสียทีแก่ข้าศึก กิบซวงก็ถึงแก่ความตายในที่รบ ให้ทราบทุกประการ ฮั่นอ๋องพิเคราะห์ดูรูปร่าง เจียเล็ก เห็นล่ำสันสมเป็นนายทหารก็คิดรักใคร่ จึงตั้งให้เป็นขุนนางนายทหารใหญ่
ต่อมาอีกไม่นาน ฮั่นอ๋องซึ่งมีความเจ็บแค้นตั้งแต่ตีเมืองแซจิว แล้วแตกยับเยินมาไม่หาย คิดจะไปแก้แค้นให้จงได้ ด้วยใจฮั่นอ๋องนั้นมีความพยาบาทพวกแซ่สุมาอยู่เป็นนิจ หมายจะทำลายล้างเสียอย่างเดียว จึงแต่งให้เจียเล็กเป็นทัพหน้า อูเอี๋ยนฮิวเป็นปีกซ้าย เกาก๊วงเป็นปีกขวา อองหนีเป็นแม่ทัพคุมทหารสามสิบหมื่น ยกไปตีเมืองฮิวจิวของแผ่นดินไซจิ้นอีก
คราวนี้ อวงจุน เจ้าเมืองไปขอความช่วยเหลือจากแผ่นดินเฮงโนก๊ก พระเจ้ามกเต้แห่งเมืองซูหงวนได้รับหนังสือจากเจ้าเมืองฮิวจิว มีความว่า
ข้าพเจ้าอวงจุนเจ้าเมืองฮิวจิว ขอคำนับมายังขุนนางผู้ใหญ่ในเมืองซูหงวน ได้นำขึ้นกราบทูลพระเจ้ามกเต้ ผู้เป็นพระเจ้าแผ่นดินเฮงโนก๊ก ได้ทรงทราบ ด้วยบัดนี้เล่าง่วนไฮ้ ซึ่งตั้งตัวขึ้นเป็นที่ฮั่นอ๋อง มีใจกำเริบคิดจะเอาแผ่นดินไซจิ้น แต่งให้อองหนีเป็นแม่ทัพยกมาตีเมืองฮิวจิว ครั้นข้าพเจ้าจะบอกขอกองทัพ เข้าไปในเมืองลกเอี๋ยงให้ยกมาช่วย ก็เป็นทางไกลกลัวจะไม่ทันท่วงที เมืองฮิวจิวใกล้เคียงกับอาณาเขตเมืองซูหงวน ข้าพเจ้าเห็นว่าแผ่นดินเฮงโนก๊ก กับแผ่นดินไซจิ้นเป็นพระราชไมตรีกันมาช้านานแล้ว จึงได้แต่งกรมการถือหนังสือบอกมา เพื่อจะขอกองทัพให้ยกไปช่วย แม้นพระองค์ทรงเห็นแก่พระราชไมตรี ของพระเจ้าแผ่นดินไซจิ้นแต่ก่อน ๆ นั้นแล้ว ขอได้โปรดจัดกองทัพยกไปช่วยโดยเร็ว
พระเจ้ามกเต้ได้ทราบแล้วจึงตรัสถามว่า อองหนียกพลทหารมากนักหรือ จึงได้มีหนังสือมาขอกองทัพให้เรายกไปช่วย กรมการเมือง ฮิวจิวทูลว่า กองทัพยกมาครั้งนี้คนถึงสามสิบหมื่น ทหารในเมืองฮิวจิวมีเพียงสิบห้าหมื่นเท่านั้น อวงจุนเห็นว่าน้อยกว่ากันนัก จึงให้ถือหนังสือมากราบทูลขอกองทัพไปช่วย พระเจ้ามกเต้ก็ตรัสว่า
.จงไปบอกแก่อวงจุนเถิด ไม่เป็นไรดอก อันพระเจ้าแผ่นดินไซจิ้นนั้น ได้เป็นไมตรีกับแผ่นดินเฮงโนก๊ก แต่ครั้งพระเจ้าซีโจบู๊ฮ่องเต้มาจนทุกวันนี้ ถึงตัวอวงจุนเจ้าเมืองฮิวจิวกับเราก็ได้ชอบพอรักใคร่กันมาแต่ก่อน คงจะไปช่วยได้สำเร็จ
เมื่อฮ่องเต้มีรับสั่งให้ทำหนังสือตอบเจ้าเมืองฮิวจิวแล้ว ก็ให้โคจูเป็นทัพหน้า เตียยิด เป็นปลัดทัพ พระเจ้ามกเต้เป็นทัพหลวง คุมทหารยี่สิบหมื่นคอยหาฤกษ์จะยกไป ขุนนางผู้ใหญ่ก็ทูลว่า
กองทัพฮั่นอ๋องให้มาตีเมืองฮิวจิวครั้งนี้ ไม่สู้เป็นศึกใหญ่นัก คนเพียงสามสิบหมื่น แล้วฮั่นอ๋องก็ไม่ได้มาเอง ให้แต่นายทหารคุมพวกพลยกมา ไม่ควรที่พระองค์จะต้องเสด็จไปให้ลำบาก ให้แต่ทหารที่ฝีมือเข้มแข็ง ประกอบด้วยสติปัญญา เป็นแม่ทัพยกไปก็จะได้
.
พระเจ้ามกเต้ก็ตรัสว่า เราไม่ได้ทำศึกมานานแล้ว จะไปทำศึกเล่นให้สบายใจสักครั้งหนึ่ง ครั้นได้ฤกษ์ก็ยกกองทัพรอนแรมไปตามระยะทาง จนถึงเมืองฮิวจิว
###########
จากคุณ |
:
เจียวต้าย
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ธ.ค. 54 16:08:06
|
|
|
|