 |
มาเล่าประวัติจริงๆให้ฟัง
ตอนเกิดเราเป็นผู้ชาย แต่พอโตขึ้นเป็นวัยรุ่นเราชอบใส่เสื้อผ้าผู้หญิงมากๆ เกือบจะ "transition" (ภาษาพวก transgender หรือคนที่แปลงเพศเป็นเพศตรงข้าม) เขาหมายถึง "เปลี่ยนไปใช้ชีวิตในเพศตรงกันข้าม" คือเกือบจะใช้ชีวิตเป็นผู้หญิงจริงๆ แต่เราไม่ใช่เกย์นะ คือชอบแต่งตัวเป็นผู้หญิงเท่านั้นเอง แต่เราไม่ชอบมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย เราเป็นแค่ transvestite คือแค่ชอบเสื้อผ้าเพศตรงกันข้ามแต่ไม่คิดจะแปลงเพศ
แต่พออายุ 24 เราไปอยู่กินกับผู้หญิงนานหลายปี เราเลยกลายเป็นผู้ชายจริงๆ แล้วเลิกกัน แล้วก็ได้แฟนเป็นผู้หญิงอีก อยู่กินกันอีกนาน แล้วก็เลิกกันอีก เบื่อๆชีวิตคู่ เราเลยเกือบจะกลับไปเป็นผู้หญิงอีกรอบเราเกือบจะ transition ได้แล้ว ตอนนั้นเราสวยมากๆ (อายุเรา 40 กว่าๆ แต่หน้าตาเราเหมือนคนอายุ 30)
พออายุ 50 เราเพิ่งเรียนวิธีใช้คอมพิวเตอร์เล่นอินเตอร์เน็ตด้วยตัวเอง จนตอนนี้เรารู้วิธีรื้อถอน และติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ได้ทั้ง hardware และ software เมื่อก่อนใช้วิธีอ่านหนังสือเอา แต่ตอนนี้เรียนคอมพิวเตอร์จาก google ล้วนๆ เราเล่น chat แล้วเผอิญไปได้แฟนเป็นผู้หญิงอีก เราก็เลย transition ไม่สำเร็จ แล้วต้องกลับมาใช้ชีวิตเป็นผู้ชายเต็มตัวอีกรอบหนึ่ง...555+++...เราเลิกกับแฟนคนนี้เพราะเธอกล่าวหาว่าเรานอกใจเธอทุกวันจนเราประสาทกิน
พอเลิกแล้วเราพยายามจะ transition ใหม่อีกรอบหนึ่ง แต่ไม่สำเร็จ เพราะเราเผอิญไปได้แฟนเป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่ง (คนปัจจุบัน) เราก็เลยต้องกลับเป็นผู้ชายเต็มตัวอีกทีหนึ่ง ตอนนี้เรายังไม่ได้แต่งงานกับแฟนคนปัจจุบันหรอก ต้องรอให้แม่เธอตายก่อน เพราะแม่เธอไม่อยากให้ลูกสาวมีสามี อยากจะเก็บลูกไว้ตลอดกาล เวลาลูกสาวเอาภาพเพื่อผู้ชายที่รู้จักให้ดูว่ารู้จักผู้ชายคนโน้นคนนี้ที่ไหน แม่เธอจะหาทางติว่าคนนั้นก็ไม่ดี คนนี้ก็ไม่ดี เราชวนเธอหนีตามเราไปหลายที แต่เธอไม่กล้าทั้งๆที่แม่โอนทรัพย์สินทุกอย่างให้เธอหมดแล้ว เราก็เลยขู่แฟนเราว่า เพื่อนคนหนึ่งมีเพื่อนเป็นผู้หญิงที่อยู่ในโอวาทแม่ แม่ไม่ให้มีผัวเธอก็ไม่มีผัว รอให้แม่ตายก่อน แต่อนิจาพอแม่ตาย เธออายุได้ 80 ! เราเลยขู่ให้แฟนเรามาฝึกวิชาพลังทารกบริสุทธ์ของนักพรตเต๋ากับเรา เราบอกเธอว่า
"ฝึกคัมภีร์โบราณด้วยกันนะ ที่รัก ตอนแม่ที่รักตายแล้วที่รักอายุได้ 80 ปี ที่รักก็จะยังดูเหมือนสาววัยรุ่นตอนเราแต่งงานกัน ซึ่งตอนนั้นตัวฉันก็จะอายุเกิน 100 ปี แต่ก็ยังทรงพลังเหมือนจางซันฟง หรือตั๊กม้อ (ทั้ง 2 คนนี้อายุเกิน 100 แต่วรยุทธ์แก่กล้าและทรงพลังมากๆ ซึ่งเราก็อยากจะเจริญรอยตาม)"
ตอนนี้เราอายุ 61 กำลังจะ 62 ส่วนแฟนเราคนปัจจุบันอายุประมาณ 30 กว่าๆ เวลาเราอยากมีแฟนเราอยู่ใกล้ๆตัวเราทุกวันมากๆ แต่ก็เป็นไปไม่ได้เพราะเธอมาหาเราได้แค่อาทิตย์ละครั้ง ทำให้เราบางทีเพี้ยนฝึกคัมภีร์โบราณของปรมาจารย์นักพรตเต๋าอย่างหนัก บางทีฝึกคัมภีร์จากหลังไปหน้า จนตอนนี้เราสกัดจุดเป็นจุดตายได้หมดแล้ว และไม่มีการรั่วไหลของ sexual energy เลย ทำให้เราฝึก sublimation (เปลี่ยน sexual energy ให้เป็นพลังแห่งการเรียนรู้) ทำให้เราหน้าตากลับเป็นเด็กใหม่ รู้สึกว่าตอนนี้เราจะหน้าเด็กจนเดินไปไหนใครๆคิดว่าเรากับแฟนเรารุ่นราวคราวเดียวกัน ซ้ำโชคดียิ่งกว่านั้น โครงสร้างกระดูกเราตอนนี้รู้สึกเหมือนเรากำลังกลับเป็นเด็กได้ใหม่จริงๆ เพราะร่ายกายเรายึดหยุ่นเคลื่อนไหวตัวเองได้คล่องแคล่วว่องไวและทรงพลังมากๆ จนเรากลับไปฝึกวรยุทธ์จีนหนักๆเหมือนเมื่อตอนเด็กๆอีกครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้หน้าตาเรากลับกลายเป็นเหมือนผู้หญิงมากขึ้นทุกวัน ทุกวัน คงเป็นเพราะเราเดินลมปราณย้อนศรบ่อยๆ หรือเราอาจเกิดมาเป็น intersexual ก็ได้ เราเคยดู video ของ national geographic เป็น video สารคดีเขาอธิบายว่าคนเราเปลี่ยนจากผู้ชายเป็นผู้หญิง หรือเปลี่ยนจากผู้หญิงเป็นผู้ชายได้ ซึ่งนักวิจัยก็บอกว่า "เรื่องแบบนี้ทั้งพืชและสัตว์ก็ทำได้ คนที่อยู่รอบๆตัวคุณเขาอาจดูเหมือนผู้ชายหรือผู้หญิงจริงๆ แต่แท้จริงแล้วข้างในตัวเขาอาจเป็นเพศตรงกันข้ามกับที่คุณเห็นก็ได้" แต่ที่แน่ๆก็คือเราไม่ใช่เกย์
ส่วนเรื่องที่บางคนคิดว่าเราพูดจาดูถูกคน อันนี้เราขอชี้แจงให้ทราบว่า จริงๆแล้วเราเรียนหนังสือน้อยมากๆ จบแค่ มศ.3 (เทียบเท่า ม.4 สมัยนี้) แต่เราเรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง (ส่วนใหญ่จะเรียน esoteric arts (ศาสตร์เร้นลับ) ที่ไม่มีสอนในมหาลัย เนื่องจากสมัยเด็กๆเราป่วยเป็นโรคจิตจนเรียนหนังสือไม่ได้ พอรักษาตัวหายดัวยวิชา esoteric arts เวลาเราใช้วุฒิการศึกษาน้อยๆเราสมัครงานในเมืองไทยเราก็โดนกีดกัน ไม่ได้งานบ่อยๆ (แต่ไม่เคยมีปัญหาในต่างแดนนะ เราใช้วุฒิการศึกษาต่ำๆเราทำงานระดับผู้จัดการสาขาได้ในต่างแดน)
^
เราก็เลย "ฮึดสู้" อยากทำอะไรมหัศจรรย์หลายๆอย่างที่มนุษย์ทั่วๆไปทำไม่ได้ เพราะบ่อยครั้งเวลาเราจะไปสมัครงานเรากโดนกีดกันเพราะวุฒิการศึกษาอันต่ำของเรา เราก็เลยต้องหาวิธีที่ผิดธรรมดาในการพัฒนาสมองตัวเองให้คิดพลิกแพลงเพื่อความอยู่รอด (ทุกวันนี้เราหาเงินด้วยการทำงานอิสระมาโดยตลอด เพราะสมัครงานในเมืองไทยไม่ได้) จนเรารู้สึกว่ายิ่งอายุเรามากขึ้นเราก็ยิ่งเรียนรู้อะไรได้มากขึ้นเรื่อยๆ (คงเป็นเพราะเราฝึกวิชาจากคัมภีร์โบราณเพื่อเปลี่ยน cells สมองและร่างกายเรา แบบ biological transmutation (แบบผ่าเหล่าผ่ากอในเชิงชีวะ))...
^ ในบางกระทู้บางทีเราเจอคนแสดงความคิดเห็นทำนองว่า
"ถ้าไม่จบวุฒิอะไรสูงๆก็ไม่มีสติปัญญาพอที่จะทำได้นั่นไอ้นี่"
เราก็เลยต้องต่อสู้กลับไปบ้างเป็นธรรมดาเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าคนจบมัธยมต้นอย่างเราก็คิดพลิกแพลงเป็น
^ ที่เรามั่นใจในตัวเองมากๆ ก็เพราะว่าในรอบ 20 กว่าปีที่ผ่านมาที่ทำงานเป็นนักแปลนี่เรารับจ้างทั้ง แปล เขียน และ edit (ตรวจแก้) theses, dissertations และ research papers เป็นภาษาอังกฤษเพื่อช่วยให้คนไทยเกือบ 100 คนเรียนจบปริญญาโทและปริญญาเอกจากมหาลัยทั้งไทยและต่างประเทศมาแล้ว (โดยอาศัยความรู้ที่เราได้จากการเรียนด้วยตัวเองนอกมหาลัยล้วนๆ) ^ ดังนั้น ถ้าเราโดนใครดูถูกเรื่องวุฒิการศึกษา เวลาเราเถียงกลับมันกลายเป็นเหมือนเราดูถูกคน แต่จริงๆแล้วเราไม่ใช่คนเช่นนั้น การที่เราเรียนรู้อะไรด้วยตัวเองตลอดเวลา และเรียนรู้ได้จริงๆ มันทำให้เรามั่นใจในตัวเองมากเกินไป ก็เลยดูเหมือนว่าเราพูดจาดูถูกคน แต่จริงๆแล้วถ้าพวกเขาไม่มาข่มเราก่อนเราก็คงไม่คุยโวทับพวกเขากลับไป
"ตอนนี้เรามั่นใจว่าเราค้นพบ The Secrets of Eternal Youth (ความลับแห่งการคงไว้ซึ่งความอ่อนวัยตลอดกาล...เราคิดว่าเราฝึกคัมภีร์โบราณได้สำเร็จแล้ว"
เรื่องที่พูดนี้รับรองว่าเป็นความจริง ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่วิจารณญาณ!
แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 54 23:10:18
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
วันรัฐธรรมนูญ 54 23:02:09
|
|
|
|
 |