Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ฮ่องเต้ของไต้ฮั่น ติดต่อทีมงาน

คนชั่วแผ่นดินจิ้น

ตอนที่ ๑๙ ฮ่องเต้ของไต้ฮั่น

“ เล่าเซี่ยงชุน “

เมื่อพระเจ้ามกเต้แห่งแผ่นดินเฮงโนก๊ก ยกทัพมาช่วยอวงจุนเจ้าเมืองฮิวจิว แล้ว ก็มีทหารรวมกันถึงสามสิบห้าหมื่น เจียเล็กแม่ทัพหน้าและ อองหนี แม่ทัพหลวง ของฮั่นอ๋องเองก็ครั่นคร้ามที่จะต้องรบกับทัพของฮ่องเต้เมืองฮวน สุดท้ายก็แตกพ่ายกระจัดกระจายคุมกันไม่ติด อองหนีเตลิดไปทางหนึ่ง เจียเล็กไปอีกทางหนึ่ง ไพร่พลก็ล้มตายลงมากนัก ที่เหลือรอดก็ยอม สามิภักดิ์ต่อข้าศึก ฝ่ายเมืองฮิวจิวเก็บเครื่องสาตราวุธได้หลายสิบเล่มเกวียน

เจียเล็กนั้นหนีเข้าไปอยู่ในเมืองเซียงตัง พระเจ้ามกเต้ก็ยกทหารเข้าล้อมเมืองไว้ แล้วมีหนังสือเข้าไปว่า ให้เจียเล็กออกมาอ่อนน้อมเสียโดยดี ถ้าไม่ออกมาจะให้ทหารพังประตูทำลายกำแพงเข้าไปเอาตัวให้จงได้ เจียเล็กก็มีหนังสือตอบมาว่าขอผลัดปรึกษากันสักสามวันก่อน พระเจ้ามกเต้ก็ทรงทราบชัดว่าเจียเล็กคิดจะหนี จึงแต่งทหารให้ไปคอยสกัดอยู่ต้นทาง ที่จะไปเมืองจอเสีย พอเวลากลางคืนเจียเล็กก็คุมทหารเปิดประตูเมือง ฟันฝ่าข้าศึกที่ล้อมเมืองอยู่นั้น รอดออกไปได้ พอถึงกลางทางก็พบกับกองทัพอองหนี ต่างก็ดีใจพากันรีบหนีไปอีก แต่ก็พบกับทหารของพระเจ้ามกเต้ที่ส่งมาดักไว้ ต้องสู้รบกันเป็นสามารถ ทั้งสองแม่ทัพก็ตีหักออกไปได้ จึงรวบรวมทหารที่เหลือตายรีบกลับไปเมืองจอเสีย

อวงจุนเจ้าเมืองฮิวจิวเห็นได้ทีจึงชวนพระเจ้ามกเต้ ยกกองทัพไปตีเมืองจอเสียเลยจะดีกว่า แต่พระเจ้ามกเต้ก็ว่า

“…….ซึ่งท่านคิดจะให้เราไปตีเมืองจอเสียนั้น เห็นว่าหนทางไกลกันดารนัก กว่าจะไปถึงเมืองจอเสียทางถึงสี่สิบวัน แล้วมิใช่ว่าเป็นบ้านเล็กเมืองน้อย อาณาเขตเขาใหญ่กว้าง ทั้งทแกล้วทหารที่มีฝีมือเข้มแข็งก็มีมาก ใช่จะตีเอาได้โดยง่ายเมื่อไหร่ เราจะลาท่านกลับไปก่อน แต่เมืองฮิวจิวนั้น เราจะรับเป็นธุระไม่ให้ฮั่นอ๋องมาย่ำยีได้อีก……..”

แล้วก็สั่งให้ยกกองทัพกลับเมืองซูหงวน อวนจุนก็ทำหนังสือบอกแจ้งข้อราชการทัพ เข้าไปเมืองหลวงให้เจ้าพนักงานนำขึ้นกราบทูลพรเจ้าเฮาฮวยเต้ ทรงทราบทุกประการ พระเจ้าเฮาฮวยเต้ ก็มีหนังสือและสิ่งของพระราชทานต่าง ๆ ให้ขุนนางนำไปคำนับขอบคุณพระเจ้ามกเต้ ที่เมืองซูหงวน มีความว่า

ซึ่งเตงไซอ๋องยกกองทัพมาช่วยอวงจุน กำจัดข้าศึกนั้นขอบใจนัก อวงจุนได้มีหนังสือบอกมาสรรเสริญคุณและสติปัญญาท่านเป็นอันมาก และในแผ่นดินไซจิ้นทุกวันนี้ ก็ไม่มีความสุขเหมือนแต่ก่อน ด้วยเจ้านายและขุนนางผู้ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินนั้น มิได้ตั้งอยู่ในยุติธรรม คิดทำลายล้างกันเอง หัวเมืองใหญ่น้อยก็กระด้างกระเดื่อง ตั้งตัวขึ้นเป็นใหญ่หลายตำบล แผ่นดินไซจิ้นมีอาณาเขตกว้างใหญ่ก็จริงอยู่ แต่ดูคับแคบไปเสียแล้ว แผ่นดินเฮงโนก๊กถึงเล็กก็เหมือนใหญ่กว้าง เพราะขุนนางและพระเจ้าแผ่นดิน รักใคร่ซื่อสัตย์ต่อกันพร้อมเพรียง จึงมีความสุขสบาย การที่จะเจริญไม่เจริญนั้น ก็เพราะความสุจริตและไม่สุจริตนี้เป็นต้น

พระเจ้ามกเต้แจ้งแล้วก็มีความยินดี จึงรับสั่งให้เจ้าพนักงานจัดโต๊ะมาเลี้ยงผู้นำสาร ให้สมเกียรติยศขุนนางเมืองหลวง ทั้งเมืองลกเอี๋ยงกับเมืองซูหงวนก็มีไมตรีต่อกันเป็นอันดี

ฝ่ายฮั่นอ๋องเมื่อกองทัพที่ไปตีเมืองฮิวจิวแตกยับเยินมา ก็เสียใจว่าได้ให้ยกกองทัพไปตีหัวเมือง ในเขตแผ่นดินไซจิ้นสองครั้งแล้ว ก็เสียทัพกลับมาทั้งสองครั้ง อันเมืองขึ้นแก่เมือง ลกเอี๋ยงนี้มีมาก จะคิดไปตีเมื่อไรจะหมด ต้องยกกองทัพลอบไปตีเมืองลกเอี๋ยงเสียทีเดียวจะดีกว่า แม้นตีได้เมืองลกเอี๋ยงแล้ว เมืองขึ้นเหล่านั้นก็ต้องยอมอยู่เอง ถ้าเมืองใดไม่ยอมจึงค่อยไปปราบปรามต่อภายหลัง

แล้วฮั่นอ๋องก็เตรียมฝึกซ้อมทหารให้ชำนาญในขบวนรบ เตรียมเครื่องสาตราวุธเสบียงอาหารพร้อมเสร็จ แล้วให้เจียเล็กเป็นทัพหน้า อองหนีเป็นทัพหลวง คุมทหารสามสิบหมื่นยกตรงไปเมืองลกเอี๋ยง ผ่านไปทางแม่น้ำอีซุย ใกล้เมืองเสเหลียง ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของเมืองลกเอี๋ยง

เจ้าเมืองเสเหลียงก็จะยกทหาร ออกไปโจมตีกองทัพของฮั่นอ๋อง แต่นายทหารท้วงไว้ว่า ซึ่งจะรบกับข้าศึกด้วยกำลังทแกล้วทหารที่อยู่เมืองนี้ การแพ้ชนะจะก้ำกึ่งกันอยู่ แม้นเราชนะใครเขาจะเห็นด้วย อย่าเพ่อรบเลย คอยเมื่อกองทัพข้าศึกยกเข้าไปถึงเมืองหลวงแล้ว เราจึงยกไปช่วยตีขนาบหลัง เห็นแต่ชนะฝ่ายเดียว เจ้าเมืองก็เห็นชอบด้วย จึงคอยทีอยู่ในเมือง กองทัพของ เจียเล็กกับ  อองหนี ก็ยกเลยล่วงเข้าไปถึงเมืองลกเอี๋ยง แล้วให้ทหารล้อมไว้ทั้งสามด้าน

พระเจ้าเฮาฮวยเต้ก็ตกพระทัย ด้วยทหารในเมืองลกเอี๋ยงมีน้อย เกณฑ์ทหารได้เพียงเจ็ดหมื่น ก็รับสั่งให้อองเอี๋ยนเป็นนายทัพ จัดทหารขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินเตรียมสู้รบ อองหนีกับเจียเล็กกำลังให้ทหารเอาไฟเผาประตูเมือง ก็พอดีกองทัพเมืองเสเหลียงยกมากระหนาบหลัง และอองเอี๋ยนก็เปิดประตูเมืองออกมาตีกระทบเข้าไป กองทัพของฮั่นอ๋องก็แตกกระจัดกระจายพ่ายหนีคุมกันไม่ติด แยกกันหนีไปคนละทาง อองหนีพาทหารเหลือตายไปทางเมือง เพงเอี๋ยง แล้วคิดว่าตนอาสาฮั่นอ๋องเป็นแม่ทัพยกมาทำศึกสองครั้งก็มีแต่เสียที เกรงฮั่นอ๋องจะลงโทษ จึงไม่กลับไปเมืองจอเสีย แต่อยู่ที่เมืองเพงเอี๋ยงนั้นเอง

เจียเล็กนั้นหนีอ้อมไปทางอื่นเที่ยวแวะตีบ้านเล็กเมืองน้อย เก็บริบทรัพย์สมบัติสิ่งของทองเงิน และกวาดต้อนครอบครัวมาเป็นเชลยได้หลายหมื่น เลือกเอาชายฉกรรจ์ไว้ฝึกหัดเป็นทหารได้เจ็ดหมื่น นอกนั้นปล่อยไปทำมาหากินอยู่ในแผ่นดินฮั่นทั้งสิ้น

ครั้นฮั่นอ๋องได้ทราบความว่า อองหนีไปอยู่เมืองเพงเอี๋ยงด้วยกลัวความผิด จึงให้ม้าใช้ถือหนังสือไปหาอองหนีมีความว่า

อองหนีอย่าเพ่อเสียใจ ให้กลับมาคิดอ่านกันใหม่ อันธรรมดาทำศึกสงคราม จะมุ่งเอาชนะแต่ฝ่ายเดียวนั้นไม่ได้ ถึงตัวเราทำศึกมาแต่ก่อนก็เหมือนกัน ถ้าเสียท่วงทีแล้วก็ต้องแพ้ เป็นธรรมดามีมาแต่โบราณดังนี้

อองหนีแจ้งความในหนังสือแล้ว ก็ค่อยคลายใจพาทหารกลับมาหาฮั่นอ๋อง และได้รับการแต่งตั้งให้มียศใหญ่ยิ่งขึ้น

ส่วนเจียเล็กนั้น เมื่อฮั่นอ๋องทราบความว่าได้รอดกลับมา แต่ตีบ้านเล็กเมืองน้อย เก็บทรัพย์สิ่งของเงินทองมาเป็นอาณาประโยชน์ ก็ติเตียนว่าประพฤติเหมือนโจร ทำให้เสียเกียรติยศแก่ฮั่นอ่อง เจียเล็กแจ้งว่าฮั่นอ๋องติเตียนก็น้อยใจว่า ตนอาสาทำศึกมาหลายครั้ง ไม่คิดแก่ความเหนื่อยยากลำบากกาย เอาตัวออกฝ่าคมอาวุธหมายจะหาความชอบ กลับจะมีความผิดเสียอีก ตั้งแต่นั้นมาเจียเล็กก็คิดโทมนัสน้อยใจในฮั่นอ๋องเป็นอันมาก

ต่อมามีชายชาวประมงผู้หนึ่ง ทอดแหอยู่ในแม่น้ำเพงเอี๋ยง ทอดลงไปในที่แห่งหนึ่งแหติดอยู่ดึงไม่ขึ้น จึงโดดน้ำลงไปงม ได้ตราหยกสำหรับฮ่องเต้ ของพระเจ้าเฮาฮวยเต้ที่หายไป ตั้งแต่ครั้งที่ออกจากเมืองลกเอี๋ยงไปอยู่ที่ตำบลเงียบเสีย จึงเอาตราหยกนั้นไปให้แก่ฮั่นอ๋อง ซึ่งฮั่นอ๋องก็มีความยินดี ให้เงินทองสิ่งของเป็นรางวัลแก่ชาวประมงนั้นเป็นอันมาก แล้วจึงให้หาขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยมาประชุมพร้อมกัน ปรึกษาว่าตราหยกดวงนี้เป็นของสำหรับกษัตริย์สืบมาแต่ก่อน บัดนี้มีผู้เอามาให้ ท่านจะคิดประการใด ขุนนางก็ว่า

“……ท่านมีบุญวาสนามากควรเป็นกษัตริย์อันประเสริฐ จึงเผอิญให้ได้ตราหยกนี้ไว้…..”

ขุนนางฝ่ายโหรก็ทำนายว่า

“…….ในปีนี้ชะตาแผ่นดินฮั่นตกอยู่ โดยทำศึกสงคราม จะเอาชัยชนะยาก ต่อถึงปีหน้าชะตาแผ่นดินฮั่นจะขึ้นไปอีกหลายปี ดูราศรีเมืองหลวงไปผุดปรากฎที่ภูเกียเสีย ทางไกลจากเมืองจอเสียสองร้อยลี้…..”

ฮั่นอ๋องก็ว่าตำบลภูเกียเสียดูภูมิฐานที่ทางชอบกล มีแม่น้ำล้อมรอบ ถ้าจะตั้งเมืองที่ตำบลนี้เห็นจะดี ขุนนางก็เห็นว่า ถ้าจะตั้งเป็นเมืองหลวงก็จะดีกว่าที่นี่ ฮั่นอ๋องก็เห็นด้วย จึงให้ไปสร้างเมืองและทำวัง ตั้งตำหนักน้อยใหญ่อย่างเมืองหลวง ที่ตำบลภูเกียเสีย ปีหนึ่งจึงสำเร็จแล้วยกไปอยู่เมืองใหม่ ให้ชื่อเมืองตามเดิม ตั้งนามแผ่นดินว่าไต้ฮั่น ตั้งตัวขึ้นเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามว่าพระเจ้าฮั่นฮ่องเต้

กิตติศัพท์ก็เลื่องลือไปในนานาประเทศ แต่บรรดาคนที่อยู่นอกอาณาเขตไต้ฮั่น เห็นว่าฮั่นอ๋องมีใจกำเริบเกินไปไม่สมควร จึงกลับเรียกชื่อเดิมว่าเล่าง่วนไฮ้ จะเรียกว่าฮ่องเต้ก้แต่คนในแผ่นดินไต้ฮั่นเท่านั้น

ฝ่ายเจียเล็กเมื่อถูกพระเจ้าฮั่นฮ่องเต้ติเตียน ก็ไม่มีความสบายใจ คิดว่าตนอายุมากขึ้นทุกวันทุกคืน เดือนปีกินอายุไปเสียเปล่า จะหาความชอบก็ไม่ได้ ตนเองนั้นเปรียบเหมือนนอนอยู่บนคมอาวุธ สู้รับอาสาทำศึกแต่ละครั้งเจียนจะถึงแก่ชีวิต แล้วยังไม่มีความชอบ ยิ่งคิดไปก็ยิ่งน้อยใจไม่สบาย ที่ปรึกษาก็ออกความเห็นว่าจะอยู่อย่างนี้ทำไม เข้าไปรับอาสาออกไปเที่ยวตีบ้านเมือง ในแดนไซจิ้นจะดีกว่าอยู่นิ่ง ๆ เจียเล็กก็เห็นชอบด้วย แต่ตรึกตรองหาหนทางอยู่

ขณะนั้นมีชายหกคน เป็นเพื่อนฝูงชอบอัชฌาสัยกัน มี เตียปิน เป็นหัวหน้า และมีสมัครพรรคพวกคนละร้อยสองร้อย เที่ยวหาเจ้านายจะทำราชการอยู่ด้วย ครั้นได้ข่าวว่าเจียเล็กเป็นคนดีอารีอารอบ ทั้งฝีมือเข้มแข็งก็มีใจรัก จึงพากันเข้าไปหาเจียเล็ก ปรึกษาหารือว่า เมือง คือเต๊กกับเมืองเซียงซันนี้ บริบูรณ์ด้วยเสบียงอาหาร ถ้าได้เป็นของพวกเราแล้วก็อาจตั้งตัวได้ ครั้นเห็นพร้อมกันแล้ว เจียเล็กก็เข้าไปเฝ้าพระเจ้าฮั่นฮ่องเต้ ทูลว่า

“………ข้าพเจ้าอาสาทำศึกมาสองครั้งแล้ว ก็มีแต่ปราชัย บัดนี้ข้าพเจ้าจะขออาสาไปตีเมืองคือเต๊กกับเมืองเซียงซันให้จงได้…….”

ฮ่องเต้ได้ฟังก็ดีพระทัย จึงรับสั่งให้เกณฑ์ทหารสิบหมื่น พร้อมด้วยเครื่องสาตราวุธมอบให้เจียเล็กจัดกองทัพ เจียเล็กก็ตั้งให้เตียปินเป็นที่ปรึกษา เพื่อนทั้งห้านายเป็นนายทหาร เสร็จแล้วก็ยกไปเมืองคือเต๊ก การศึกครั้งนี้กองทัพของเจียเล็กได้ชัยชนะ แล้วก็กำชับทหารมิให้เก็บริบเอาทรัพย์สินของราษฎร แม้แต่ด้ายเส้นเข็มเล่มหนึ่งขึ้นไป ถ้าเป็นของกินโดยที่สุดแต่ผลไม้ผลหนึ่ง ก็ไม่ให้เอาของผู้ใด

ขณะเมื่อสู้รบกันอยู่นั้น ราษฎรที่ตกใจกลัว ก็เก็บทรัพย์สินเงินทอง แต่ที่เอาไปได้หนีเข้าป่าไป นอกนั้นทิ้งไว้ที่บ้านเรือน ครั้นทัพศึกเงียบสงบแล้วราษฎรที่หนีไป ก็พากันกลับมาบ้านเรือนดังเก่า เห็นสิ่งของที่ทิ้งไว้ไม่หายหกตกหล่นก็มีความยินดี เจียเล็กจัดแจงการบ้านเมืองเรียบร้อยราบคาบแล้ว ก็ตั้งเจ้าเมืองใหม่

ทหารในเมืองนั้นถ้าผู้ใดจะสมัครเป็นทหารตามเดิม ก็เพิ่มเติมเบี้ยหวัดเงินเดือนให้ ถ้าผู้ใดไม่สมัคร จะลาออกไปทำมาหากิน แม้นขัดสนด้วยเสบียงอาหารก็เจือจานเกื้อหนุนไป ภาษีอากรสำหรับเมืองนั้นก็สั่งให้ลดหย่อนลงกว่าแต่ก่อน ราษฎรทั้งหลายก็พากันนิยมนับถือเจียเล็กมาก

แต่บรรดาหัวเมืองซึ่งขึ้นแก่เมืองคือเต๊กได้ยินกิตติศัพท์ว่า เจียเล็กโอบอ้อมอารีมีเมตตาแก่อาณาประชาราษฎร ต่างก็มาอ่อนน้อมยอมเข้าอยู่ด้วยถึงสิบเจ็ดเมือง.

##########

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 54 06:40:11




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com