![](/cafe/image/w40px.gif) |
ตาม มาตรา ๒๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ยังบัญญัติให้ "ภายใต้บังคับมาตรา ๒๓ การสืบราชสมบัติให้เป็นไปโดยนัยแห่งกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช ๒๔๖๗"
และ มาตรา ๒๓ จึงว่าถึงกรณีที่ พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้ ว่าให้ดำเนินการอย่างไรต่อ ภายหลังการคัดเลือกตามกฎมณเฑียรบาลแล้ว
ซึ่งในความเป็นจริง กฎมณเฑียรบาล ก็ยังคงสงวน พระราชอำนาจในการสมมติองค์พระรัชทายาทไว้อยู่ไม่ได้ หายไปไหน เพียงแต่ ในรัชกาลก่อนหน้า ๓ รัชกาล ไม่ได้มีการสมมติพระรัชทายาทไว้ จึงต้องบังคับ ตาม มาตรา ๒๒ ประกอบ มาตรา ๒๓ คือ การคัดเลือก พระนามเจ้านายเสนอต่อรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบ ซึ่งที่ผ่านมารัฐสภาก็ให้ความเห็นชอบ ตามพระนามที่เสนอ เพราะเป็นไปตามกฎมณเฑียรบาล
อีกประเด็น ตามนัยแห่งกฎมณเฑียรบาล กรณีไม่ได้ทรงสมมติพระรัชทายาทไว้ จะต้องคัดเลือกพระนามเจ้านาย ตามที่ระบุไว้ในกฎมณเฑียรบาล คือ
มาตรา ๙ ลำดับชั้นเชื้อพระบรมราชวงศ์ซึ่งจะควรสืบราชสันตติวงศ์ได้นั้น ท่านว่าให้เลือกตามสายตรงก่อนเสมอ ต่อไม่สามารถจะเลือกทางสายตรงได้แล้ว จึงให้เลือกตามเกณฑ์ที่สนิทมากและน้อย
เพื่อให้สิ้นสงสัย ท่านว่าให้วางลำดับสืบราชสันตติวงศ์ไว้ดังต่อไปนี้
(๑) สมเด็จหน่อพุทธเจ้า
(๒) ถ้าแม้ว่าสมเด็จหน่อพุทธเจ้าหาพระองค์ไม่แล้ว ให้อัญเชิญพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในสมเด็จหน่อพุทธเจ้าและพระอัครชายาของสมเด็จหน่อพุทธเจ้าพระองค์นั้นขึ้นทรงราชย์ หรือถ้าพระราชโอรสพระองค์ใหญ่หาพระองค์ไม่แล้ว ก็ให้อัญเชิญพระราชโอรสพระองค์รอง ๆ ต่อไปตามลำดับพระชนมายุ
(๓) ถ้าแม้ว่าสมเด็จหน่อพุทธเจ้าหาพระองค์ไม่แล้ว และไร้พระราชโอรสของท่านด้วยไซร้ ก็ให้อัญเชิญสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ที่ ๒ ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระอัครมเหสี
(๔) ถ้าแม้ว่าสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ที่ ๒ หาพระองค์ไม่แล้ว แต่ถ้ามีพระโอรสอยู่ ก็ให้อัญเชิญพระโอรสโดยอนุโลมตามข้อความในข้อ ๒ แห่งมาตรานี้
(๕) ถ้าแม้ว่าสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ที่ ๒ ในสมเด็จพระอัครมเหสีหาพระองค์มิได้แล้ว และไร้พระราชโอรสของท่านด้วยไซร้ ก็ให้อัญเชิญสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์อื่น ๆ ในสมเด็จพระอัครมเหสี หรือพระโอรสของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์นั้น ๆ สลับกันไปตามลำดับ โดยอนุโลมตามข้อความในข้อ ๒, ๓ และ ๔ แห่งมาตรานี้
(๖) ถ้าแม้ว่าสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอในพระอัครมเหสีหาพระองค์ไม่แล้ว และพระโอรสของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอนั้น ๆ ก็หาไม่ด้วยแล้ว ให้อัญเชิญสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอในพระมเหสีรองถัดลงไป ตามลำดับชั้นพระอิสริยยศแห่งพระมารดา หรือถ้าสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอหาพระองค์ไม่แล้ว ก็ให้อัญเชิญพระโอรสของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอนั้น ๆ สลับกันตามลำดับ โดยอนุโลมตามข้อความในข้อ ๒, ๓ และ ๔ แห่งมาตรานี้
(๗) ถ้าแม้ว่าสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอในพระมเหสีรองหาพระองค์ไม่สิ้นแล้ว และพระโอรสของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอนั้น ๆ ก็หาไม่ด้วยแล้ว ให้อัญเชิญพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ที่มีพระชนมายุมากที่สุด หรือถ้าพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์นั้นหาพระองค์ไม่แล้ว ก็ให้อัญเชิญพระโอรสพระองค์ใหญ่ของพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์นั้น แต่ถ้าแม้ว่าพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ที่มีพระชนมายุมากที่สุดนั้นหาพระองค์ไม่แล้ว และพระโอรสของท่านก็หาไม่ด้วยแล้ว ก็ให้อัญเชิญพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ที่มีพระชนมายุถัดลงมา หรือพระโอรสของพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์นั้น ๆ สลับกันไปตามลำดับ โดยอนุโลมตามข้อความในข้อ ๒, ๓ และ ๔ แห่งมาตรานี้
(๘) ถ้าแม้ว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไร้พระราชโอรสและพระราชนัดดา ท่านว่าให้อัญเชิญสมเด็จพระอนุชาที่ร่วมพระราชชนนีพระองค์ที่มีพระชนมายุถัดลงมาจากพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์
(๙) ถ้าแม้ว่าสมเด็จพระอนุชาพระองค์ที่ควรได้ทรงเป็นทายาทนั้นหาพระองค์ไม่เสียแล้ว ท่านว่าให้อัญเชิญพระโอรสของสมเด็จพระอนุชาพระองค์นั้นตามลำดับ โดยอนุโลมตามข้อความในข้อ ๒ แห่งมาตรานี้
(๑๐) ถ้าแม้ว่าสมเด็จพระอนุชาพระองค์ใหญ่หาพระองค์ไม่แล้ว และพระโอรสของท่านก็หาพระองค์ไม่อีกด้วยไซร้ ท่านว่าให้อัญเชิญสมเด็จพระอนุชาที่ร่วมพระชนนีพระองค์ที่ถัดลงไปตามลำดับพระชนมายุ หรือพระโอรสของสมเด็จพระอนุชาพระองค์นั้น ๆ สลับกันไปตามลำดับ อนุโลมตามข้อความในข้อ ๒, ๓ และ ๔ แห่งมาตรานี้
(๑๑) ถ้าแม้สมเด็จพระอนุชาร่วมพระชนนีหาพระองค์ไม่สิ้นแล้ว และพระโอรสของสมเด็จพระอนุชานั้น ๆ ก็หาไม่ด้วยแล้ว ท่านว่าให้อัญเชิญสมเด็จพระเชษฐาและสมเด็จพระอนุชาต่างพระชนนี หรือพระโอรสของสมเด็จพระเชษฐาและสมเด็จพระอนุชานั้น ๆ สลับกันไปตามลำดับ โดยอนุโลมตามข้อความในข้อ ๒, ๓, ๔ และ ๖ แห่งมาตรานี้
(๑๒) ถ้าแม้สมเด็จพระเชษฐาและสมเด็จพระอนุชาต่างพระชนนีก็หาพระองค์ไม่สิ้นแล้ว และโอรสของสมเด็จพระเชษฐาและสมเด็จพระอนุชานั้นก็หาไม่ด้วยแล้วไซร้ ท่านว่าให้อัญเชิญพระเจ้าพี่ยาเธอและพระเจ้าน้องยาเธอ หรือพระโอรสของพระเจ้าพี่ยาเธอและพระเจ้าน้องยาเธอตามลำดับสลับกันโดยอนุโลมตามข้อความในข้อ ๗ แห่งมาตรานี้
(๑๓) ต่อเมื่อหมดพระเจ้าพี่ยาเธอและพระเจ้าน้องยาเธอ อีกทั้งหมดพระโอรสของท่านนั้น ๆ แล้วไซร้ ท่านจึงให้อัญเชิญสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอและพระเจ้าบรมวงศ์เธอ หรือพระโอรสและเชื้อสายของท่านพระองค์นั้นตามลำดับแห่งความสนิทมากและน้อย โดยอนุโลมตามข้อความที่กล่าวมาแล้วตั้งแต่ข้อ ๑ ถึง ๑๒ แห่งมาตรานี้
สรุปเป็นภาษาชาวบ้าน คือ ให้ดูจากลูกที่เกิดจากเมียเอกก่อน โดยไล่จาก ลูกคนโต แล้วหลาน(ปู่) ที่เกิดจากลูกคนโต จากนั้น ไปลูกคนรอง แล้วหลาน(ปู่) ที่เกิดจากลูกคนรอง ไล่ไปจนหมด แล้วก็เปลี่ยนไปที่เมียคนอื่นๆตามลำดับ หากไม่มี ลูก และหลาน(ปู่) แล้ว ก็ให้ไล่ไปที่ญาติๆ ตามความสนิทใกล้ชิดทางสายเลือด เช่น ลุง อา หรือว่า ลูกพี่ ลูกน้อง
ส่วน กรณีพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าทรงมีพระบรมราชโอการ โปรดเกล้าฯ เลื่อน พระราชอิสริยยศ หม่อมเจ้า ขึ้นเป็น พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้า ก็ไม่มีพระราชประสงค์ในทางเพิ่งพระรัชทายาทเพียงประการเดียว เพราะ หนึ่งใน พระองค์เจ้าที่โปรดฯ ให้ยกขึ้นด้วย คือ พระองค์เจ้าจุลจักรจักรพงษ์ ซึ่งถูกยกออกเสียจากลำดับการสืบราชสันตติวงศ์แล้ว
นอกจากนี้ในกฎมณเฑียรบาล ฉบับเดียวกันนี้ได้ระบุว่า
"มาตรา ๑๓ ในกาลสมัยนี้ยังไม่ถึงเวลาอันควรที่ราชนารีจะได้เสด็จขึ้นทรงราชย์เป็นสมเด็จพระแม่อยู่หัวบรมราชินีนาถ ผู้ทรงสำเร็จราชการสิทธิ์ขาดอย่างพระเจ้าแผ่นดินโดยลำพังแห่งกรุงสยาม ฉะนั้นท่านห้ามมิให้จัดเอาราชนารีพระองค์ใด ๆ เข้าไว้ในลำดับสืบราชสันตติวงศ์เป็นอันขาด"
ฉะนั้น ในบังคับตาม มาตรา ๒๒ แห่งรัฐธรรมนูญ จึงยังไม่จำต้องเอาราชนารีเข้าไว้ในลำดับสืบราชสันตติวงศ์ เว้นเสียแต่ หมดลำดับ ตาม มาตรา ๙ (๑๓) แห่งกฎมณเฑียรบาล ว่าด้วยการสืบราชสันติติวงศ์ แล้วยังไม่สามารถเสนอพระนามเจ้านายฝ่ายหน้าได้ จึงอาศัยตามบังคับ มาตรา ๒๓ วรรคสอง แห่งรัฐธรรมนูญ เสนอพระนามพระราชธิดา โดยคงไล่เลียตาม ลำดับของ มาตรา ๙ แห่งกฎมณเฑียรบาลโดยอนุโลมต่อไป
แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 54 22:40:28
จากคุณ |
:
<<First>>
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ธ.ค. 54 22:38:37
|
|
|
|
![](/cafe/image/w40px.gif) |