คนชั่วแผ่นดินจิ้น
ตอนที่ ๒๐ ทำดีมีคนชัง
เล่าเซี่ยงชุน
เจียเล็กจัดการปกครองเมืองคือเต๊กเรียบร้อยแล้ว ก็เดินทัพไปตีเมืองเซียงซัน เจ้าเมืองก็แต่งทหารออกมาสู้รบได้พักเดียว ก็ขอเจรจาด้วยโดยให้เงียบเฮงนายทหาร ออกมาบอกกับเจียเล็กว่า ขอให้ยกกองทัพกลับไป อย่าให้ราษฎรเดือดร้อน จะแบ่งเขตแดนเมืองเซียงซันให้กึ่งหนึ่ง เตียปินก็ว่าเมืองเซียงซันเหมือนอยู่ในเงื้อมมือแล้ว ชอบที่จะอ่อนน้อมเสียโดยดีจึงจะควร
แต่ เงียบเฮงมิได้เจรจาโดยสุจริต ได้ซ่อนมีดเหน็บมาในถุงเท้า เมื่อเข้าใกล้เจียเล็กก็ชักมีดออกมาจะแทง เตียปินคอยระวังอยู่แล้วจึงเอากระบี่ฟันเงียบเฮงตายทันที แล้วก็ตัดศรีษะเงียบเฮงเสียบปลายมีดเหน็บ เอาไปชูให้ทหารและขุนนางบนเชิงเทินเห็น ทหารของเมืองเซียงซันก็พากันคิดย่อท้อใจ ไม่เป็นอันสู้รบ ลงท้ายเจ้าเมืองก็พาครอบครัวหนีออกจากเมืองไป ทหารของเจียเล็กก็ตามไปจับเอาตัวมาประหารเสีย
ขุนนางและนายทหารเมืองเซียงซัน ก็พากันออกมาอ่อนน้อม ยอมเข้าด้วยเจียเล็ก แล้วเชิญเข้าไปในเมืองเอาบัญชีไพร่พลทหาร และทรัพย์สินสิ่งของทองเงินมามอบให้ เจียเล็กก็ปูนบำเหน็จรางวัลแก่นายทหารผู้ใหญ่ผู้น้อยตามสมควร แล้วกำชับสั่งทหารมิให้กระทำข่มเหงราษฎรให้ได้ความเดือดร้อน ตั้งทำมาหากินเรียบร้อยอยู่เป็นปกติตามภูมิลำเนา
ฝ่ายหัวเมืองที่ขึ้น กับเมืองเซียงซัน ได้ยินข่าวว่าเจียเล็กฝีมือเข้มแข็ง มีไพร่พลทหารมาก ทั้งที่ปรึกษาก็มีสติปัญญาลึกซึ้ง ต่างคนก็พากันมาอ่อนน้อมยอมเป็นเมืองขึ้น ถึงสิบห้าเมือง ราษฎรทั้งหลายพูดกันว่า เจียเล็กยกกองทัพมาตีหัวเมืองทั้งสองครั้งนี้ ได้ง่ายดายเปรียบเหมือนผ่าไม้ไผ่ แตกออกแต่ปล้องเดียวก็ตลอดไปได้ทั้งลำ มีคำสรรเสริญฝีมือและสติปัญญา เจียเล็กและเตียปินฟุ้งเฟื่องเลื่องลือไป
เจียเล็กจึงปรึกษาเตียปิน และนายทหารทั้งปวงว่า
.เราตีได้เมืองคือเต๊ก เมืองเซียงซัน สมความปรารถนาแล้ว จะต้องบอกเข้าไปเมืองภูเกียเสีย ให้พระเจ้าแผ่นดินทราบจึงจะควร
นายทหารก็ห้ามว่า
.ท่านจะบอกเข้าไปทำไม นิ่งเสียดีกว่า ถึงโดยว่าพระเจ้าแผ่นดินทรงขัดเคืองก็จะทำอะไรเราได้ ไพร่พลทหารของท่านมีมาก ทั้งอาณาเขตก็ใหญ่กว้าง มั่งคั่งด้วยผู้คนและเสบียงอาหาร โดยจะคิดตั้งตัวเป็นใหญ่กับเขาบ้างก็ไม่มีผู้ใดกีดขวาง
.
เจียเล็กก็ว่า
.ซึ่งจะทำเช่นท่านทั้งปวงว่านี้ไม่ชอบ เราจะเป็นคนอกตัญญูไป ด้วยพระเจ้าแผ่นดินมีพระเดชพระคุณมาก เราตั้งตัวขึ้นได้ ก้เพราะพระเจ้าฮั่นฮ่องเต้ชุบเลี้ยง เมื่อเรายกกองทัพมาครั้งนี้เล่า ก็เกณฑ์ทหารมาให้ถึงสิบหมื่น จะต้องบอกเข้าไปให้ทรงทราบ
.
เตียปินก็บอกว่า ท่านจะบอกเข้าไปนั้นก็ควรแล้ว แต่ตัวท่านอย่าเข้าไปเลยเป็นอันขาด เจียเล็กได้ฟังก็เห็นด้วย จึงทำหนังสือฉบับหนึ่ง มอบให้ม้าใช้ถือไปเมืองภูเกียเสีย พนักงานก็นำขึ้นถวายให้พระเจ้าฮั่นฮ่องเต้ทอดพระเนตร หนังสือนั้นมีความว่า
ซึ่งโปรดให้ข้าพเจ้ายกกองทัพไปตีเมืองคือเต๊ก เมืองเซียงซันนั้น ด้วยอำนาจบารมีของไต้อ๋องปกแผ่รักษาไป ข้าพเจ้าและไพร่พลทแกล้วทหารทั้งปวง ก็ปราศจากอันตราย ตีได้เมืองคือเต๊กเมืองเซียงซันโดยสะดวก ได้ทหารขึ้นใหม่ยี่สิบหมื่น เสบียงสามร้อยห้าสิบหมื่นหาบ เมืองขึ้นสามสิบสองหัวเมือง บัดนี้ข้าพเจ้ายังซ้อมหัดทแกล้วทหารเตรียมการอยู่ ถ้าเสร็จแล้วเมื่อไร จึงจะยกกองทัพไปตีเมืองลกเอี๋ยง สนองพระเดชพระคุณต่อไป
พระเจ้าฮั่นฮ่องเต้ได้ทรงทราบแล้ว ก็ตรัสชมเจียเล็กว่า
.มีฝีมือเข้มแข็ง ประกอบด้วยสติปัญญา ถ้าเรามีบุตรและหลาน ได้เช่นเจียเล็กนี้สักคนหนึ่ง ก็จะดีทีเดียว
.
ขณะนั้นราชบุตรและราชนัดดาของฮ่องเต้เฝ้าอยู่ด้วย ครั้นได้ฟังต่างก็แลดูตากัน มีความอดสูนึกอายใจ พวกขุนนางกังฉินที่มีความอิจฉาเจียเล็ก จึงกราบทูลว่า
..ดูท่วงทีเจียเล็กเห็นจะไม่กลับมา เหมือนฮั่นสินตั้งแข็งอยู่เมืองเจ๋ ทิ้งไว้นานไม่ได้ ด้วยราษฎรในเขตที่เจียเล็กตีได้ มีใจรักใคร่นับถือเจียเล็กมาก แล้วก็ได้เตียปินผู้ประกอบด้วยสติปัญญาไว้เป็นที่ปรึกษา คงจะมีใจกำเริบคิดเป็นใหญ่ขึ้น ต้องเอาเข้ามาไว้เสียในเมืองหลวงจึงจะชอบ
.
พระเจ้าฮั่นฮ่องเต้ก็ทรงทักท้วงว่า
.ทำอย่างนั้นไม่ได้ เมื่อครั้งพระเจ้าฮั่นโกโจซึ่งเป็นปฐมวงศ์ กษัตริย์แผ่นดินฮั่นนั้น ทรงเคลือบแคลงระแวงพระทัยในฮั่นสิน เมื่อฮั่นสินมีความเสียใจจึงคิดเตลิดไปต่าง ๆ พระเจ้าฮั่นโกโจก็ประหารชีวิตฮั่นสินเสีย มีคำติเตียนมาจนทุกวันนี้ อนึ่งเมื่อครั้งนั้นพระเจ้าฮั่นโกโจ ทำสงครามกับฌ้อปาอ๋องคนเดียว ศึกอื่นไม่มี ครั้นฮั่นสินคิดกำจัดฌ้อปาอ๋องเสียได้แล้วก็สิ้นศึกสงคราม พระเจ้าฮั่นโกโจได้เป็นใหญ่อยู่แต่ก๊กเดียว ถึงฆ่าฮั่นสินเสียก็ไม่เป็นไร ด้วยแผ่นดินราบคาบแล้ว
.
พระเจ้าฮั่นฮ่องเต้ก็ทรงตรัสต่อไปว่า
.. เดี๋ยวนี้หัวเมืองทั้งปวง ต่างคิดตั้งตัวเป็นใหญ่อยู่ทั้งนั้น เรายังจะต้องทำศึกสงครามมากมายนัก แม้นเจียเล็กเป็นเหมือนเช่นท่านว่าแล้ว หาตัวที่ไหนจะมา เขาก็เป็นคนมีสติปัญญา เห็นอย่างฮั่นสินเป็นแบบอย่างอยู่ ถ้าไม่มาแล้ว ความกระดากกระเดื่องมัวหมองในใจคงจะมีขึ้น คิดเอาใจออกหากจากเราไปเข้ากับข้าศึกเสียแล้ว การที่เราคิดไว้จะมิขัดข้องไปหรือ เจียเล็กจะมาหรือมิมาก็ตาม ต้องเอาใจไว้เพิ่มยศศักดิ์ขึ้นอีกจึงจะดี
.
แล้วฮ่องเต้ก็ทรงแต่งตั้งให้เจียเล็กเป็น ผู้สำเร็จราชการฝ่ายทหารทั้งแผ่นดินไต้ฮั่น และทำหนังสือยกความชอบกับตราตั้ง และเครื่องยศเหมือนอย่างเจ้า แต่งข้าหลวงคุมไปพระราชทานเจียเล็กที่เมืองเซียงซัน แล้วสั่งเกณฑ์ทหารห้าหมื่น มอบให้ เล่าชอง พระราชโอรสองค์โต กับอองหนี ยกกองทัพไปช่วยเจียเล็กตีเมืองลกเอี๋ยงต่อไป
เมื่อข้าหลวงมาถึงเมืองเซียงซัน ก็เอาหนังสือรับสั่งและตราตั้งกับเครื่องยศ ให้ เจียเล็กคำนับรับเอามาอ่าน มีความว่า
ซึ่งเจียเล็กอาสาไปตีเมืองคือเต๊กและเมืองเซียงซันได้นัน้น มีความชอบมากนัก ไม่เสียทีที่เป็นชายชาติทหาร บัดนี้รับอาสาจะไปตีเมืองลกเอี๋ยงก็ดีแล้ว เราได้ให้เล่าชองกับอองหนี คุมทหารห้าหมื่นยกกองทัพไปด้วย จะได้ช่วยกันตีเมืองลกเอี๋ยงให้จงได้
เมื่อเล่าชองกับอองหนียกกองทัพมาถึงเมืองเซียงซัน เจียเล็กก็ออกมารับเข้าไปในเมือง แล้วก็จัดโต๊ะมาเลี้ยงดูกัน เล่าชองก็บอกว่า
.ท่านบอกว่าจะเข้าไปตีเมืองลกเอี๋ยง จึงรับสั่งให้ข้าพเจ้ากับอองหนีออกมาช่วย ท่านจะให้เราทำอย่างไร ก็จะทำตามสั่ง
..
เจียเล็กจึงพูดว่า
.ตัวข้าพเจ้าเป็นข้า พระเจ้าฮั่นฮ่องเต้ทรงพระเมตตาชุบเลี้ยง จึงได้เป็นที่มียศศักดิ์ ท่านเป็นพระราชบุตรก็เหมือนกับเป็นนาย ชอบแต่ท่านใช้ข้าพเจ้าจึงจะควร อองหนีนั้นเล่าแต่ก่อนก็เป็นแม่ทัพ ข้าพเจ้าได้อยู่ในบังคับบัญชา เหมือนเป็นนายข้าพเจ้ามาแต่ก่อน
..
เล่าชองกับอองหนีได้ฟังดังนั้น เห็นไปว่าเจียเล็กพูดประชดก็โกรธ เล่าชองจึงถามว่า ท่านจะไปตีเมืองลกเอี๋ยงเมื่อไร เจียเล็กว่า เดิมตนคิดจะไปตีเมืองเซียงเอี๋ยงก่อน เมื่อทั้งสองนายกลับมาถึงที่พักแล้ว ก็พูดกันว่า
.เจียเล็กเที่ยวตีบ้านเมืองได้เขตแดนออกไปกว้างใหญ่ มีไพร่พลทหารมาก เข้าใจว่าไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน ทำความชอบโปรดปรานได้เป็นที่มียศศักดิ์ เราไปพูดโดยความจริง กลับประชดเยาะเย้ยให้เสียอีก เพราะถือว่าการซึ่งจะไปตีเมืองลกเอี๋ยงครั้งนี้ ถ้าผิดจากเขาแล้ว ที่ไหนคนอื่นจะตีได้ จึงพูดยักเยื้องว่าจะไปตีเมืองเซียงเอี๋ยงเสียก่อน เมื่อเขายังไม่ไปก็ตามแต่ ใจเราจะต้องไปตีเอาเมืองลกเอี๋ยงให้จงได้ ให้เห็นฝีมือเสียสักหน่อย
..
เล่าชองกับอองหนีปรึกษาเห็นพร้อมกันแล้ว จึงไปหาเจียเล็กแล้วพูดว่า
ท่านจะไปตีเมืองเซียงเอี๋ยงก่อนก็ตามใจ แต่ข้าพเจ้ากับอองหนีจะต้องไปตีเมืองลกเอี๋ยงตามรับสั่ง
.
เจียเล็กก็ว่าตามแต่ท่านจะเห็นควรเถิด เล่าชองกับอองหนีก็ลาเจียเล็กยกกองทัพไป เจียเล็กจึงพูดกับเตียปินว่า ดูกิริยาเล่าชองกับอองหนีมึนตึงไปไม่เหมือนแต่ก่อน เตียปินก็ว่า
..ข้าพเจ้าตรองเห็นการแล้วว่า คงมีคนอิจฉาท่าน จึงได้ห้ามไว้ไม่ให้เข้าไปในเมืองภูเกียเสีย เห็นจริงด้วยหรือไม่ ถ้าเข้าไปแล้วคงจะไม่มีความสุข เหมือนเข้าไปหาปากเสือ แต่ที่ตรงพระเจ้าฮั่นเต้นั้นไม่สู้เป็นไรดอก แต่ใจขุนนางเจ้านายทั้งปวงไม่ยั่งยืน คิดอิจฉาหาโทษใส่ต่าง ๆ พระเจ้าฮั่นฮ่องเต้หรือจะทนคนมากไปได้
..
เจียเล็กก็ว่า
..เมื่อข้าพเจ้าอาสาออกมาก็คิดไว้ ถ้าตีเมืองทั้งสองได้สมความปรารถนาแล้ว ไม่กลับเข้าไป การครั้งนี้มีรับสั่งให้เล่าชองกับอองหนีออกมาช่วยราชการทัพ ก็อยู่ในบังคับเรา บัดนี้กลับจะไปตีเมืองลกเอี๋ยงตามอำเภอใจ ครั้นจะขัดขวางไว้เขาก็เป็นพระราชบุตร จึงต้องตามใจ ท่านเห็นว่าเล่าชองกับอองหนีจะตีเมืองลกเอี๋ยงได้หรือไม่
.
เตียปินบอกว่า
.เล่าชองอองหนีไปด้วยกำลังมานะ ถือตัวว่ามีฝีมือและสติปัญญาดี ข้าพเจ้าเห็นไม่สำเร็จ เมื่อเล่าชองกับอองหนียกกองทัพไปนั้น หัวเมืองทั้งปวงจะมีใจครั่นคร้ามมาก ด้วยรู้ว่าเล่าชองอองหนีมาสมทบกับกองทัพท่าน การก็คงจะเลยล่วงเข้าไปได้จนถึงเมืองลกเอี๋ยงโดยสะดวก เล่าชองอองหนีคงสำคัญใจเชื่อดีว่า เข้าไปได้เพราะอำนาจของตัว ถ้าเกิดประมาทขึ้นแล้ว มีแต่จะเสียถ่ายเดียว
แล้วเตียปินก็ย้ำแก่นายทหารทั้งหลายว่า ตนเห็นว่าทั้งสองนายนั้น ไปตีเมืองลก เอี๋ยงไม่สำเร็จแน่ ท่านทั้งปวงจงคอยดูเถิด ถ้าผิดปากเราไปแล้วก็อย่านับถือ
############
จากคุณ |
:
เจียวต้าย
|
เขียนเมื่อ |
:
20 ธ.ค. 54 06:47:05
|
|
|
|