Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เปลี่ยนบัลลังก์ ติดต่อทีมงาน

คนชั่วแผ่นดินจิ้น

ตอนที่ ๒๑ เปลี่ยนบัลลังก์

เล่าเซี่ยงชุน “

อยู่มาวันหนึ่งมีชายคนหนึ่ง เดินทางมาจากด่านบูเจียงกวน ซึ่งเป็นอาณาเขตของแผ่นดินไซจิ้น พาแม่ลูกสองคนมาหาเจียเล็กที่เมืองเซียงซัน ชายคนนั้นก็เอาหนังสือของ เล่าคุน ซึ่งเป็นนายด่านมาให้ เจียเล็กเปิดหนังสือออกอ่านมีความว่า

“……ข้าพเจ้าเล่าคุนขอคำนับมายังท่าน ฮูฮั่นเจียงกุนไตโตตก ด้วยเดิมนางเฮงสีผู้มารดา และบิดาของท่าน เป็นคนรู้จักชอบพอกับข้าพเจ้ามาแต่ก่อน บิดาท่านถึงแก่กรรมเสียแล้ว นางเฮงสีกับเจียเฮาอยู่ที่เมืองก๊วงฮั่น ได้ความลำบากยากจนก็คิดสงสาร จึงได้ไปรับมาเลี้ยงไว้หลายปี อยู่มาทราบว่าท่านเข้าทำราชการในแผ่นดินไต้ฮั่น อาสาทำศึกสงครามติดพันอยู่ ครั้นจะส่งมารดาและน้องของท่านมาในขณะนั้น ก็ไม่เห็นมีคราวว่างจึงได้งดไว้ บัดนี้ทราบว่าท่านออกมาอยู่เมืองเซียงซัน เป็นปกติแล้ว จึงให้เตียหยูพามาส่ง……….”

เจียเล็กอ่านหนังสือแล้วก็มีความยินดี ให้เตียหยูพามารดาเข้ามาหา เจียเล็กก็ คุกเข่าลงคำนับมารดาแล้วร้องไห้ นางเฮงสีกับเจียเฮาก็ร้องไห้ ครั้นวายความโศก ต่างคนต่าง พูดจาไต่ถามทุกข์สุขกันตามธรรมเนียม ที่พลัดพรากจากกันมาตั้งแต่เจียเล็กยังเป็นเด็กน้อย อายุเพียงเก้าขวบ แล้วเจียเล็กก็ให้บุตรภรรยาออกมาคำนับมารดา แล้วก็จัดที่อยู่ให้มารดากับน้องชายอยู่ตามสมควร

เจียเล็กก็จัดของที่ดีมีราคาต่าง ๆ กับเงินทองรวมหกเล่มเกวียน ให้เตียหยูที่พามารดามาส่งเล่มเกวียนหนึ่ง ฝากไปขอบคุณเล่าคุนห้าเล่มเกวียน กับหนังสือฉบับหนึ่งมอบให้ เตียหยูเอาไปให้เล่าคุน และจัดคนคุมเกวียนไปส่งจนถึงด่านบูเจียงกวน เล่าคุนรับหนังสือของ เจียเล็กตอบขอบคุณ ที่เลี้ยงดูมารดากับน้องชายมาหลายปี และลงท้ายว่า ถ้ามีกิจธุระอะไรจงบอกมาให้ทราบด้วย อย่าได้เกรงใจเลย ควรจะสงเคราะห์ได้ก็จะช่วยตามกำลัง

อยู่มาเล่าคุนก็ทำหนังสือให้ม้าใช้ ถือมาให้เจียเล็กฉบับหนึ่งมีความว่า

ตัวท่านเดิมก็เกิดในแผ่นดินไซจิ้น ชอบแต่เข้าทำราชการในพระเจ้าเฮาฮวยเต้ จึงจะควร ซึ่งท่านเข้าทำราชการในเล่าง่วนไฮ้นั้น ถึงจะได้เป็นที่มียศศักดิ์ และจะประพฤติให้ดีอย่างไร เขาก็คงเรียกว่าเป็นขบถ จงมาทำราชการในพระเจ้าเฮาฮวยเต้ด้วยกันเถิด

เจียเล็กอ่านทราบความแล้ว จึงมีหนังสือตอบ มอบให้ผู้ถือหนังสือ นำกลับไปให้เล่าคุน มีความว่า

ซึ่งท่านมีหนังสือมาตักเตือนสตินั้น ขอบใจแล้ว ถึงข้าพเจ้าเกิดในแผ่นดินไซจิ้น ก็จริง แต่ไม่มีผู้ใดชุบเลี้ยง จึงได้ไปอยู่กับพระเจ้าแผ่นดินไต้ฮั่น พระเจ้าแผ่นดินไต้ฮันยกย่องแต่งตั้งให้มียศและอำนาจ ครั้นจะกลับใจไปทำราชการอยู่กับพระเจ้าแผ่นดินไซจิ้น ก็เป็นคนปราศจากกตัญญู เห็นจะกลับใจไปไม่ได้แล้ว ต้องทำราชการในแผ่นดินไต้ฮั่นไปกว่าจะสิ้นชีวิต ซึ่งท่านว่าเขาจะเรียกเป็นขบถนั้น จะพิเคราะห์ดูให้ดี ถ้าเป็นข้าประทุษร้ายต่อเจ้า ซึ่งได้อุปถัมภ์ชุบเลี้ยงมีพระเดชพระคุณนั้น จะเรียกว่าเป็นขบถก็ควร นี่ข้าพเจ้าไม่ได้ทรยศต่อพระเจ้าแผ่นดินไต้ฮั่นซึ่งได้มีพระคุณเลย จะเรียกว่าเป็นขบถอย่างไร

เล่าคุนแจ้งในหนังสือของเจียเล็กว่ามา ก็เห็นจริงด้วย

ฝ่ายเล่าชองเมื่อยกไปครั้งนั้น แต่บรรดาหัวเมืองรายทางมีใจครั่นคร้าม ด้วยได้กิตติศัพท์ว่า เล่าง่วนไฮ้ให้เล่าชอง คุมกองทัพไปบรรจบกับเจียเล็ก ยกมาตีเมืองลกเอี๋ยง ก็ไม่อาจ ออกมาสู้รบต้านทาน ด้วยกลัวอำนาจเจียเล็กอยู่ กองทัพเล่าชองจึงยกล่วงเลยเข้าไปได้จนตีด่านฮูกวนแตก และมาถึงด่านบูเจียงกวน เล่าคุนก็ไม่สามารถต้านทานได้ ต้องทิ้งด่านเข้าไปเฝ้าพระเจ้าเฮาฮวยเต้ที่เมืองลกเอี๋ยง กราบทูลความซึ่งเล่าชองกับอองหนียกทัพมาตีด่านแตกไปสองแห่งแล้ว ฮ่องเต้ก็ตกพระทัยมาก ให้สุมาอวดจัดกองทัพออกไปต่อสู้ป้องกันพระนคร

การรบครั้งนี้เล่าชองและอองหนีเสียกลฝ่ายลกเอี๋ยง ต้องแตกพ่ายเสียทหารเลวไปสี่หมื่น ทหารโทยี่สิบสองคน ทหารเอกสองคน เสียเสบียงอาหารเครื่องสาตราวุธมากนัก ต้องกลับมาอยู่ที่เมืองเพงเอี๋ยง และทำหนังสือไปแจ้งความแก่พระเจ้าฮั่นฮ่องเต้ ขอกองทัพมาเพิ่มเติม แต่เวลานั้นจะเข้าฤดูฝนฮ่องเต้จึงยังยับยั้งไว้ก่อน

ส่วนเจียเล็กกับเตียปิน ซึ่งยกกองทัพไปตีเมืองเซียงเอี๋ยงนั้น เจ้าเมืองกลัวอำนาจไม่อาจสู้รบ ก็อพยพครอบครัวหนีไป เจียเล็กเข้าเมืองได้โดยสะดวก ไม่ต้องเสียเลือดเนื้อไพร่พล เมื่อตั้งเจ้าเมืองคนใหม่ และจัดการบ้านเมืองเรียบร้อยแล้ว กลับมาเมืองเซียงซันจึงได้ข่าวว่า เล่าชองเสียทัพยับเยินมา เจียเล็กก็สรรเสริญเตียปินว่าคาดการข้างหน้าถูกต้องดีนัก เตียปินก็บอกว่า

“…….ข้าพเจ้าอยากจะให้เล่าชองทำการศึกเมืองลกเอี๋ยง สำเร็จดังปรารถนา จะได้หายความพยาบาทในท่าน เล่าชองแตกหนีมาดังนี้คงมีความละอาย จะก่อการพยาบาทในท่านมากขึ้น……..”

เจียเล็กก็มิได้ว่าประการใด คงคอยฟังข่าวเล่าชองอยู่ ว่าจะทำประการใดต่อไป

แต่อีกไม่นานพระเจ้าฮั่นฮ่องเต้ ก็ประชวรลง หาหมอมารักษาพระโรคก็ไม่ถอย พระอาการมากขึ้นทุกวัน จึงเรียกขุนนางผู้ใหญ่มาสั่งเสียว่า

“……เราป่วยครั้งนี้อาการโรคคงจะไม่รอด ท่านจงเห็นแก่เราช่วยเอาเป็นธุระให้มาก เราวิตกถึงการแผ่นดินกลัวจะไม่เรียบร้อย ด้วยเจียเล็กซึ่งออกไปอยู่เมืองเซียงซันนั้นสำคัญนัก ถ้าตัวเรายังมีชีวิตอยู่แล้ว เจียเล็กก็ไม่ประทุษร้ายเลยเป็นอันขาด ถ้าเราตายว่าไม่ถูก ถึงกระนั้นที่เจียเล็กจะคิดร้ายก่อนนั้น เห็นจะไม่เป็น ถ้าฝ่ายเราทำเขาก่อนเจียเล็กคงจะสู้รบ ที่ไหนจะยอมตาย แม้นพวกเรากับเจียเล็กมีสามัคคีรสต่อกัน เรียบร้อยเป็นปกติดีอยู่แล้ว ข้าศึกศัตรูภายนอกนั้นเราไม่วิตก ด้วยเจียเล็กเป็นเหมือนกำแพงกั้นอยู่ เราวิตกแต่การข้างใน ด้วยขุนนางต่างคนก็ถือเจ้านายของตัวทั้งนั้น ถ้าเราหาบุญไม่แล้ว กลัวจะเกิดหยุกหยิกชิงสมบัติกันขึ้น…….”

ครั้นอยู่มาได้อีกสองวัน พระเจ้าฮั่นฮ่องเต้ก็สวรรคต ชันษาได้หกสิบเจ็ดปี เมื่อตั้งตัวเป็นฮั่นอ๋องอยู่สามปี เป็นฮ่องเต้สามปี พระเจ้าฮั่นฮ่องเต้มีพระราชโอรสอยู่เจ็ดองค์ แต่ล้วนต่างมารดากันทั้งนั้น แต่มารดาได้ตายเสียตั้งแต่เล่าง่วนไฮ้ยังไม่ได้เป็นฮั่นอ๋อง เหลืออยู่แต่ นางอูเอียนสีฮองเฮา มารดา เล่าหงี บุตรองค์ที่สี่ ส่วนเล่าชองเป็นบุตรองค์ที่สาม และเล่าเอี๋ยนเป็นบุตรเลี้ยง ขุนนางก็ยก เล่าฮัว ฮ่องไทจือพระราชโอรสองค์ใหญ่ ขึ้นครองราชสมบัติ ทรงพระนามว่า พระเจ้าบุ้นเต้

เมื่อออกประกาศให้หัวเมืองในแผ่นดินไต้ฮั่น ได้ทราบทั่วกันแล้ว ประมาณสิบหกวัน ขุนนางสี่คนที่เป็นข้าคนสนิทของพระเจ้าบุนเต้ ก็เห็นว่าเจ้านายของตนอ่อนกำลังนัก ก็คิดหาหนทางที่จะกำจัดเล่าชองและเล่าเอี๋ยว ซึ่งมีกำลังเข้มแข็งเสียก่อน แต่ฮ่องเต้ยังไม่ทรงเชื่อ จึงไปปรึกษากับเล่าเสงและเล่าคิม ทั้งสองก็ว่าอย่าไปเชื่อคำผู้อื่นให้ทรงพระวิตกไปเลย ขุนนางทั้งสี่นั้นจึงจับขุนนางแซ่เล่าทั้งสองไปฆ่าเสีย อ้างว่าเป็นพวกเล่าชอง ฮ่องเต้ก็ตรัสว่าทำดังนี้แล้วเล่าชองรู้จะมิโกรธคิดทำร้ายพระองค์หรือ ขุนนางนั้นก็แนะให้ยกกองทัพไปกำจัดเล่าชองเสียก่อนที่จะรู้ตัว

แต่มีพรรคพวกของเล่าชองในเมืองหลวง นำความไปบอกเล่าชองเสียก่อน เล่าชองจึงให้เล่าชังผู้บุตรยกกองทัพ มาดักโจมตีกองทัพจากเมืองหลวงแตกพ่ายไป แล้วยกทหารเข้าเมืองภูเกียเสีย แล้วเล่าชังก็จับพระเจ้าบุ้นเต้ปลงพระชนม์เสีย และให้ทหารเที่ยวไปจับขุนนางทั้งสี่คนกับครอบครัวสมัครพรรคพวก ประมาณแปดร้อยคนเศษ มาฆ่าเสียหมดสิ้น

ขุนนางทั้งปวงในเมืองภูเกียเสีย ก็เชิญเล่าชองเข้าไปในเมืองเพื่อมอบราชสมบัติให้ แต่เล่าชองบอกว่าเล่าหงีควรจะได้เป็นอยู่ ให้เล่าหงีครองราชสมบัติเถิด เล่าหงีก็ไม่รับว่าเล่าชองเป็นพี่ ทั้งมีกำลังอำนาจมาก สมควรเป็นเจ้าแผ่นดินแล้ว ขอให้เล่าชองครอบครองบ้านเมืองให้เป็นที่เกรงขามแก่นานาประเทศ ราษฎรจะได้อยู่เย็นเป็นสุข

เล่าชองจึงยอมรับ จุนนางทั้งปวงก็ถวายพระนามว่า พระเจ้าเลียดเต้ แล้วฮ่องเต้ก็ตั้งเล่าหงีเป็นที่ฮ่องไทตี๋รัชทายาท ตั้งนางอูเอียนสีมารดาเล่าหงีเป็นฮองไทเฮา ตั้งเล่าชังให้เป็นผู้ว่าราชการทหารทั้งแผ่นดินฮั่น กับตั้งขุนนางตามตำแหน่งต่าง ๆ แล้วก็ออกหมายประกาศไปทั่วแผ่นดิน เรื่องการยกฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชสมบัติ และกำหนดการจะฝังศพพระเจ้าฮั่นฮ่องเต้ ให้ทราบทั่วกัน

ฝ่ายเจียเล็กได้ทราบความทั้งหมดแล้ว ก็ปรึกษากับเตียปินว่า

“……..บัดนี้เล่าชองได้เป็นเจ้าแผ่นดินขึ้นแล้ว มีตราประกาศให้เจ้าเมืองใหญ่น้อยเข้าไปช่วย ทำการฝังพระศพพระเจ้าฮั่นฮ่องเต้นั้น พระเจ้าแผ่นดินใหม่กับเราก็ไม่ชอบกัน จะคิดอย่างไรดี แม้นเข้าไปถ้าพระเจ้าเลียดเต้คิดทำร้ายเราจะมิเสียเปรียบหรือ……..”

เตียปินก็ว่า

“……..พระเจ้าฮั่นฮ่องเต้เป็นเจ้านาย ได้ชุบเลี้ยงท่านมาแต่ก่อน จนได้มีอำนาจถึงเพียงนี้ หัวเมืองทั้งปวงย่อมรู้อยู่ทั้งนั้น การฝังพระศพเป็นข้อสำคัญใหญ่หลวงนัก ท่านไม่ไปแล้วก็จะเป็นที่ติเตียนแก่คนทั้งปวง ว่าท่านเป็นคนปราศจากความกตัญญู…….”

เจียเล็กถามว่าถ้าเข้าไปแล้วถูกทำร้าย จะแก้ไขอย่างไร เตียปินว่าเป็นธุระของตนเอง เจียเล็กก็ว่าถ้าทำร้ายตนไม่ได้ ก็จะทำร้ายเตียปินดอกกระมัง เตียปินก็ว่าอย่าวิตก เมื่อขงเบ้งไปอยู่เมืองกังตั๋ง จิวยี่คิดฆ่าวันละร้อยครั้งยังทำไม่ได้

แล้วเจียเล็กกับเตียปินก็แต่งตัวตามยศขุนนาง ไปเมืองภูเกียเสียมีทหารติดตามพอควรแก่ตำแหน่ง ครั้นเวลาพระเจ้าเลียดเต้เสด็จออกว่าราชการ ก็มิได้แสดงความอาฆาตแต่ประการใด เมื่อถึงกำหนดฝังพระศพพระเจ้าฮั่นฮ่องเต้ เจ้าพนักงานจัดแจงตกแต่งตามแบบกษัตริย์ จนเสร็จสิ้นพิธีแล้ว เจียเล็กก็พาทหารรีบออกจากเมืองหลวง กลับไปเมืองเซียงซัน โดยมิได้กราบทูลลาฮ่องเต้

ครั้นพวกหัวเมืองทั้งหลายรวมทั้งเตียปิน เข้าเฝ้ากราบทูลลากลับบ้านเมือง ฮ่องเต้จึงตรัสถามเตียปินว่า เจียเล็กไปข้างไหนเสีย จึงไม่เข้ามาพร้อมกับพวกหัวเมือง เตียปินทูลว่า

“……..เมื่อขณะฝังพระศพนั้น ม้าใช้รีบมาแจ้งความว่าเมืองเซียงซันเกิดศึก เจียเล็กจะเข้ามาทูลก็ไม่มีช่อง ด้วยเป็นการวุ่นวายอยู่ เจียเล็กทำการฝังพระศพเสร็จแล้ว จึงรีบ กลับไปเมืองเซียงซัน ให้ข้าพเจ้าอยู่กราบถวายบังคมลาแทน ……”

พระเจ้าเลียดเต้ได้ฟังก็เสียพระทัย ด้วยไม่สมที่คาดหมายไว้ว่า จะกำจัดเจียเล็ก หลังงานพระศพเรียบร้อย และทรงพระดำริว่า เตียปินคนนี้มีสติปัญญาเป็นที่ปรึกษาของเจียเล็ก แม้นพระองค์จะฆ่าเสียก็ได้ แต่เจียเล็กรู้แล้วก็คงจะเป็นขบถขึ้น จำจะต้องคิดเอาใจดีต่อไว้ คอยหาช่องโอกาสไปเบื้องหน้า จึงตรัสแก่เตียปินว่า

“………ทุกวันนี้ท่านไว้วางตัวเหมือนขงเบ้ง ซึ่งเป็นอาจารย์ของเล่าปี่อย่างนั้นเจียวหรือ……”

เตียปินทูลว่า

“…….ข้าพเจ้าสติปัญญาน้อย ไม่ควรไต้อ๋องจะเอาไปเปรียบกับท่านแต่ก่อน ซึ่งข้าพเจ้าทำราชการอยู่กับเจียเล็กทุกวันนี้ ก็ได้ช่วยคิดป้องกันข้าศึกศัตรู ไม่ให้ล่วงล้ำเข้ามาเบียดเบียนราชอาณาเขต ไพร่บ้านพลเมืองจะได้ทำมาหากินเป็นสุข ทั้งไต้อ๋องจะเจริญอยู่ในสิริราชสมบัติยืนยาว…….”

พระเจ้าเลียดเต้ได้ทรงฟังก็มิรู้ที่จะตรัสประการใด ต้องทำพระทัยดีตรัสว่า

“……..ท่านจงตักเตือนสั่งสอนเจียเล็ก ให้ช่วยกันรักษาเขตแดนบ้านเมืองของพระเจ้าฮั่นฮ่องเต้ไว้ อย่าให้เป็นอันตรายได้…….”

เตียปินก็ทูลว่า

“…….เจียเล็กมีใจสัตย์ซื่อสุจริต คิดถึงพระเดชพระคุณพระเจ้าฮั่นฮ่องเต้ ซึ่งได้ทรงชุบเลี้ยงมาให้เป็นเจ้าเมืองใหญ่มียศศักดิ์ บัดนี้ไต้อ๋องได้ราชสมบัติสืบต่อมา เจียเล็กก็ตั้งใจสนองพระเดชพระคุณ ทำนุบำรุงไปกว่าจะสิ้นชีวิต……..”

แล้วเตียปินก็กราบถวายบังคมลากลับมาเมืองเซียงซัน เล่าความซึ่งได้เฝ้าพระเจ้าเลียดเต้ให้ฟังทุกประการ เจียเล็กก็ยินดีสรรเสริญว่า เตียปินประกอบด้วยสติปัญญามากนักไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน แล้วถามเตียปินว่าการในแผ่นดินสิ่งอะไรจะเป็นใหญ่ ให้ถาวรยั่งยืน เป็นที่รักใคร่แก่คนทั้งหลาย เตียปินก็บอกความไว้อย่างละเอียด ดังนี้

ประการหนึ่งตงฉิน คือความยุติธรรม เมื่อผู้เป็นอิสระในบ้านใดเมืองใดตั้งอยู่ในยุติธรรมแล้ว ก็เป็นที่เย็นใจแก่ขุนนางและอาณาประชาราษฎร ซึ่งอยู่ในอาณาจักร ยุติธรรมนั้นคือตั้งจิตเป็นกลาง ไม่อิจฉาพยาบาท ไม่มีมารยาสาไถย ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่เบียดเบียนผู้น้อยให้เกินธรรมเนียมประเพณีไป ประพฤติสิ่งใดก็แต่การอันควร จะตัดสินข้อคดีของราษฎร ก็ตามแบบอย่างกฎหมายบ้านเมือง มิได้เห็นแก่ญาติและมิตร บุตรภรรยาที่รักใคร่ ถือว่าเป็นบุคคลแล้วก็มีความเจ็บร้อน ความยากความแค้นเหมือนกันทั้งหมด เมื่อผู้ใดทำชอบก็ยกยอให้บำเหน็จรางวัลไปตามชอบ ผู้ใดผิดก็กระทำโทษานุโทษไปตามการ มิได้เพิ่มมิได้ลดด้วยความรักและความชัง เมื่อผู้มีอิสระประพฤติดังนี้แล้ว ก้เป็นที่สรรเสริญทั่วไปแก่คนทั้งหลาย

ผู้ซึ่งจะเป็นขุนนางข้าราชการ ถ้าประพฤติอยู่ในยุติธรรมมั่นคงในสันดานแล้ว ก็เป็นที่ไว้วางใจแห่งเจ้านาย ราษฎรทั้งหลายก็สรรเสริญ เป็นความเจริญแก่ผู้นั้น

ถ้าเศรษฐีและพ่อค้าราษฎร อยู่ในยุติธรรมมีเมตตา ไม่คิดเบียดเบียนประทุษร้ายแก่กันและกันแล้ว ก็เป็นที่เชื่อถือแก่ลูกค้านานาประเทศทั้งปวง ที่จะมาค้าขายให้สมบูรณ์ มั่งมีทรัพย์สมบัติขึ้นทุกเดือนทุกปี

ประการหนึ่งความสัจ ถ้าผู้เป็นอิสรภาพตั้งอยู่ในสุจริต กล่าวคำสิ่งใดออกไปแล้วโดยสัจธรรม เป็นที่ถือมั่นแก่ขุนนางและราษฎรทั้งหลาย ว่าเจ้านายของเรากล่าวสิ่งนั้นสิ่งนี้แล้ว ไม่เป็นคำสองเลย การอันนี้ก็เป็นที่สรรเสริญนิยมยินดีแก่คนทั้งหลาย เมื่อผู้เป็นขุนนางตั้งอยู่ในสัจสุจริตซื่อตรงแล้ว ก็เป็นที่เชื่อถือแก่ราษฎรทั้งปวง หรือเศรษฐีและพ่อค้าราษฎร ตั้งอยู่ในสัจสุจริตซื่อตรงด้วยกันทั้งสิ้นแล้ว ก็เป็นที่ไว้ใจแก่ทรัพย์สมบัติ ซื้อขายเกี่ยวข้องค้างเกินกัน ระงับเสียซึ่งถ้อยความทั้งปวงได้

ประการหนึ่งความสุภาพ เมื่อผู้เป็นอิสระขึ้นแล้ว ประกอบด้วยความสุภาพ ไม่กำเริบด้วยอิสริยยศ ก็เป็นที่งดงามยืดยาว ถ้ากำเริบด้วยอิสริยยศไว้ภาคไว้ภูมิ มีเครื่องตกแต่งมากต้องใช้ผู้คน ประกอบยศให้ได้ความเดือดร้อนลำบากแก่ไพร่ ถ้าผู้เป็นขุนนางกำเริบเย่อหยิ่งแล้ว ก็มักเป็นอันตรายแก่ตัวผู้นั้นเอง ถ้าประพฤติสุภาพแล้ว ก็เป็นที่รักใคร่แก่เจ้านายของตัวและคนทั้งหลาย ผู้ที่เป็นราษฎรประพฤติการเย่อหยิ่งให้เกินภาคภูมิแล้ว ก็มักมีภัยได้ความเจ็บและความทุกข์ร้อนแก่ตัวต่าง ๆ ถ้าประพฤติเป็นสุภาพแล้ว จะไปที่ใดก็มีคนเมตตาเอ็นดู

ประการหนึ่งความละอาย ซึ่งเป็นที่ห้ามแห่งความโลภ ความหลง และความโกรธ ที่บังเกิดขึ้นในสันดาน จะระงับหยุดยั้งลงได้ก็เพราะความละอาย

ความสี่ข้อนี้ถ้าผู้ใดประพฤติได้แล้ว ถึงตัวจะตายไป ความสรรเสริญก็ติดชื่อเสียง ปรากฎอยู่ไม่รู้สิ้นสุด

เจียเล็กได้ฟังเตียปินอธิบายออกให้กระจ่าง ก็สรรเสริญว่าเตียปินรู้แบบอย่างการดีและชั่ว เสมอกับคนที่ดีมีปัญญาแต่ก่อน

ซึ่งความที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น แม้เวลาจะผ่านไปนับพันปี ก็ยังคงความจริงอยู่ ในทุกแผ่นดิน จนทุกวันนี้.

##########

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 07:47:07




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com