ความคิดเห็นที่ 1 คำถามที่ 1 ครับ แล้วทำไมไม่เป็น พระมหากษัตริย์ลำดับต่อจาก ร.4 ละครับ >>>  อ้าว  ก็พระปิ่นเกล้าท่านสวรรคตก่อน ร.4 ไม่ใช่เหรอครับ   ตอบได้คำถามเดียวครับ  คำถามอื่น บ่ฮู้ จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 15:41:51

ความคิดเห็นที่ 2 อ้าวหรอ 5555 ไม่รู้ครับ แล้วคำว่า กรมพระราชวังบวรสถานมงคล เนี่ย ถ้า พระปิ่นเกล้าไม่สวรรคตก่อน มีผลเปลี่ยนแปลงลำดับ รัชกาลไหมครับ ร.4 พระจอมเกล้า ร.5 พระปิ่นเกล้า อะไรแบบนี้ครับ ) แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 54 15:47:00 จากคุณ : กว่าจะได้นะเนี่ย เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 15:45:28

ความคิดเห็นที่ 3 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาให้พระเจ้าน้องยาเธอ ขึ้นเป็นพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงยกย่องให้เป็น"เสมือน"พระมหากษัตริย์อีกพระองค์  แต่ในตามหลักแล้ว เราจะถือว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นรัชกาลที่ 4 อย่างเป็นทางการ โดยนิตินัยครับ  ส่วนพระปิ่นเกล้าอาจเรียกว่าเป็นพระมหากษัตริย์โดยพฤตินัย แต่มิใช่รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จากคุณ : สัญญาณหางปลา เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 15:47:30

ความคิดเห็นที่ 4 เข้าใจว่าพระปิ่นเกล้า ก็อยู่ในฐานะพระมหากษัตริย์   แต่ธรรมเนียมกษัตริย์ 2 พระองค์ในเวลาเดียวกันในแผ่นดินเดียวกัน ไม่น่าจะเคยมีมาก่อนนะครับ แต่เนื่องจาก  ร.4 เป็นผู้เชี่ยวชาญในโหราศาสตร์อย่างมาก และเชื่อในโหราศาสตร์อย่างมากเช่นกัน   เมื่อผูกดวงชะตาแล้ว  พบว่า พระปิ่นเกล้ามีดวงชะตาแรงมาก ต้องได้เป็นพระมหากษัตริย์   ถ้าท่านขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์เองแต่ผู้เดียว ก็เท่ากับไปฝืนชะตา  จึงต้องหาทางแก้เคล็ดด้วยการยกท่านขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินอีกพระองค์  คู่กัน และ ร.4 ท่านก็ยังทรงแก้เคล็ดอีกด้วยการไปออกสร้างพระราชวังต่างหาก คือพระราชวังพระนครคีรี (เขาวัง) ที่เพชรบุรี จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 15:51:40

ความคิดเห็นที่ 5 อ๋อ ๆ พอเข้าใจแล้วครับ (ตอนเด็กๆก็เคยไป เขาวัง เป็นฉากของ ละครจักรๆ วงศ์ๆ พอเห็นของจริงตื่นเต้นมาก 55) จากคุณ : กว่าจะได้นะเนี่ย เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 15:55:09

ความคิดเห็นที่ 6 อ้างถึงตำนานวังหน้ากล่าวไว้ว่า ในสมัยสุโขทัย มีตำแหน่งมหาอุปราช ให้ไปปกครองหัวเมือง ในสมัยอยุธยา ให้ไปปกครองลพบุรี และพิษณุโลกรั้งตำแหน่งวังหน้า ส่วนหากจะเล่นกับคำว่า "กรมพระราชวังบวรสถานมงคล" ถือกำเนิดขึ้น คงจะเริ่มใช้เรียกสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเป็นพระองค์แรก ในขณะที่พระองค์รั้งตำแห่งพระมหาอุปราช ส่วนกรมพระราชวังบวรสถานมงคล องค์สุดท้ายคือ กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 16:36:01

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณพี่ๆมากครับได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลย :) จากคุณ : กว่าจะได้นะเนี่ย เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 16:48:52

ความคิดเห็นที่ 8 คำสั่ง ใช้คำว่า "พระบวรราชโองการ" สมเด็จกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ใช้ "พระราชบัณฑูร" พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็น พระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่ง มิใช่ วังหน้า หรือสมเด็จพระมหาอุปราช กรณีนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อรัชสมัย สมเด็จพระนเรศวร ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา สมเด็จพระอนุชาธิราช เป็น "สมเด็จพระเอกาทศรถ" พระมหากษัตริย์อีกพระองค์หนึ่งของกรุงศรีอยุธยา ส่วนข้อคำถามที่ว่า ทำไมไม่เป็นพระมหากษัตริย์โดยสิทธิขาดเพียงพระองค์เดียว ต่อจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ต้องเรียนว่า เสด็ตสวรรคตก่อนเพียง ๔ ปี ข้อที่ ๒ เรื่องสมเด็จพระบวรราชเจ้า พระองค์แรกคือ สมเด็จพระสรรเพญช์ที่ ๘ หรือ พระเจ้าเสือ พระองค์สุดท้ายคือ กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ แต่ตำแหน่ง สมเด็จพระมหาอุปราช นั้นหากจะนับจริงๆ ก็ต้องเริ่มที่สุโขทัย โดยพระรัชทายาท ก็จะได้ครองเมืองศรีสัชนาลัย แต่พระนามตำแหน่งพระรัชทายาท ในแต่รัชสมัยต่างกันไป ทั้ง พระราเมรศวร พระอาทิตยวงศ์ เป็นต้น จากคุณ : พระนายไวย เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 16:53:37

ความคิดเห็นที่ 9 ตาม คห.4 เลยครับ แต่เสริมนิดนึงคือ ร.4 ท่านมีแต่ศักดิ์ครับ แต่บารมีไม่ค่อยมีเพราะบวชเป็นพระมานาน แต่ พระปิ่นเกล้า ท่านเป็นนักการทหารครับ พูดง่ายๆคือ เอาน้องชายมาค้ำบัลลังค์ตัวเอง เพราะมีหลายกระแสพยายามแทรกแซงให้ล้ม ร.4 เพื่อเชิญพระปิ่นเกล้าขึ้น เพราะ ฉะนั้นท่านเลยยกพระปิ่นเกล้าขึ้นเป็นกษัตริยือีกองค์ทำให้ฝ่ายก่อการไม่มีข้ออ้างล้มพระองค์ครับ จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 22:40:46

ความคิดเห็นที่ 10 เคยผ่านตามาว่า เขตเหนือสนามหลวงขึ้นไปเป็นเขตในปกครองวังหน้า และใต้สนามหลวงลงมา เป็นเขตปกครองของวังหลวง ซึ่งก็เห็นได้ชัด ๆ ว่าวัดหลวงของฝ่ายวังหลวงรัชกาลหนึ่งถึงสี่ ก็ค่อนลงมาทางใต้จริง ๆ การแบ่งครึ่ง ๆ เช่นนี้แสดงว่าในพระนครสมัยนั้น พระราชอำนาจของพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์น่าจะใกล้ ๆ กัน และวังหน้าก็มีตำแหน่งขุนนางเหมือนอย่างวังหลวงเช่นกันด้วยครับ แต่เรื่องรายละเอียดผมไม่ทราบละเอียดครับ จากคุณ : อุบาสกฉางชุน เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 23:13:26

ความคิดเห็นที่ 11 อ่านประวัติศาสตร์ไทย ให้เชื่อไว้ก่อนเลย ว่า เป็น เรื่อง "การเมือง" ระหว่าง ขั่วอำนาจ ส่วนสิ่งที่อ่านมานั้น เป็น คำอธิบาย ที่ "สวยหรู" ใครจะกล้าบอกว่า ให้ ขึ้นมาเป็น กษัตริย์ อีกองค์ เพราะ พระองค์ บวชนาน ไม่มีบารมี มากพอ กันละ จากคุณ : สายฝนในสายหมอก เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 13:51:10

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ สายฝนในสายหมอก  คะ คุณยองเจียงใหม่เพิ่งจะพูดไปค่ะ แซวเล่นนะ ^-^ แต่เราว่า ประวัติศาสตร์ชาติไหนก็แยกเรื่องการเมืองกับขั้วอำนาจไม่ออกเหมือนกันละค่ะ จากคุณ : apple a day เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 16:48:14

ความคิดเห็นที่ 13 พระปิ่นก็ ดวงพระชะตาแรงจริงจริงนั่นละครับ ทหารให้ความเคารพเยอะนี่ครับ ผมคิดว่า ตอนแรก พระปิ่น จะได้ขึ้นละ แต่พวก บุนนาค คงไม่ยอม เพราะว่า บารมีพระปิ่นเยอะ (แถมเก่งเรื่องต่างประเทศมากด้วย) หากขึ้นมาได้ อำนาจของบุนนาค คงเหลือน้อย เลยไปยก พระจอมเกล้าขึ้นแทน คงกะให้พี่น้องหมาง ใจกัน อำนาจไม่มั่นคง บุนนาค จะได้ใหญ่คับแผ่นดินต่อได้ แต่ เจอไม้เด็ด พระจอมเกล้า ที่ยกน้องขึ้นมาด้วย บุนนาคเลย เกรงใจมากขึ้น ปล. ความเห็นส่วนตัวล้วนล้วน จากคุณ : เล็กบ่อหลุ่ย เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 23:43:13

ความคิดเห็นที่ 14 ^ ^ ^ แต่สมเด็จเจ้าพระยาท่านก็สถาปนาพระองค์เจ้ายอดยิ่งยศเป็นวังหน้าเองนะคะ ไม่เห็นจะมีปฏิกิริรยาว่าไม่ชอบใจสายพระปิ่นเกล้าเลย ความคิดเห็นส่วนตัวอีกเรื่องนึง ไม่เห็นสมเด็จเจ้าพระยาท่านจะเกรงใจมากชึ้นตรงไหนเลย ดูเหตุการณ์ช่วงผลัดแผ่นดินรัชกาลที่ 4 สิคะ จากคุณ : ต๊องต๊อง กะ บ๊องบ๊อง เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 00:38:48