ความคิดเห็นที่ 1 จริงๆผมว่ามันก็ไม่เกี่ยวกันมากนะ  ผมเห็นว่ามันดูเจ็บแสบดีก็เลยจำมาด่าทั้งดุ้นนั่นแหละ แต่ถ้าคิดลึกๆหน่อยมันก็อาจจะโยงกันไปได้ โดยคนคาดหวังกันว่าการศึกษาจะทำให้เราเป็นคนที่มีคุณภาพ ซึ่งโดยทั่วไปมันคือ "ความสามารถในการทำงาน และ ความฉลาด" พอเห็นคนไหนมันไม่ได้เรื่องได้ราวก็พาลว่า "ไม่มีการศึกษา" หรือ "การศึกษาไม่ทำให้ดีขึ้น" สรุปคือ ถ้าจะสะท้อนอะไร? ผมมองว่ามันสะท้อนแนวคิดที่ว่า "เราได้คาดหวังกับการศึกษาไว้มากโขอยู่ครับ" จากคุณ : lze0001 เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 11:58:50

ความคิดเห็นที่ 2 ขอเสริม คห.1 นิดนึงละกันนะครับ .... "โดยคนคาดหวังกันว่าการศึกษาจะทำให้เราเป็นคนที่มีคุณภาพ ซึ่งโดยทั่วไปมันคือ ความสามารถในการทำงาน และ ความฉลาด"  ..... ผมว่าการใช้คำว่า "ความสามารถในการทำงาน และ ความฉลาด" นั้นไม่ถูกซะที่เดียว เพราะการใช้คำว่า  "ไม่มีการศึกษา" หรือ "การศึกษาไม่ทำให้ดีขึ้น" ในบริบทการด่าคนอื่นนั้น อาจแสดงถึงการลบหลู่ดูหมิ่นในความเชื่อส่วนบุคคลในด้านต่างๆได้อีกด้วย เช่น ด้านอุดมการณ์การเมือง ด้านนับถือศาสนา เป็นต้น เพราะ "คนมีการศึกษา" ถูกใช้ไปในความหมาย "คนที่รู้เยอะ" เท่านั้น แต่ไม่ได้หมายรวมถึงคนที่เป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่ หรือคนส่วนน้อยในบางครั้ง ...... ดังนั้น คนที่ใช้คำว่า "ไม่มีการศึกษา" หรือ "การศึกษาไม่ทำให้ดีขึ้น" ในการด่าคนอื่น จึงเป็นการยอมรับกลายๆว่าตัวเองก็ไม่ได้มีการศึกษาสูงสักเท่าใดนัก แต่ก็ยังกดคนอื่นอยู่เล็กๆว่าแต่ฉันก็ยังดีกว่าใครบางคน ซึ่งทำให้เห็นได้ว่าเป็นการพูดเอาดีใส่ตัวโดยอ้อม แต่โยนความชั่วใส่คนอื่นเต็มๆเลยครับ ..... แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 54 12:15:12 จากคุณ : Draconyz เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 12:13:40

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นคำบริภาษ ของใครบางคนที่ขาดสติ หรือขาดการพิจารณา อย่างรอบคอบก่อนพูด และเป็นการปรักปรำ ระบบการศึกษาแบบเหวี่ยงแห เป็นที่ทราบและยอมรับกันดีว่า การทำความดีหรือเลวของปัจเฉกบุคคล ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ การศึกษาเพียงอย่างเดียว ยังขึ้นกับ สภาพเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อม ภูมิหลัง ความเชื่อ ค่านิยม ฯลฯ ทีมีความโยงใยกัน และส่งผลให้เกิด พฤติกรรมรูปแบบต่างๆของคน เช่น เสียสละและรับผิดชอบสังคม รับผิดชอบดูแลครอบครัว ก้าวร้าวและนิยมความรุนแรง ฉวยโอกาสยามสังคมมีภัยพิบัติ เป็นต้น จากคุณ : newcomer (gpvtu2009) เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 12:49:57

ความคิดเห็นที่ 4 โดยส่วนตัวคิดว่า การว่าคนอื่นด้วยประโยค "การศึกษาไม่ได้ทำให้คนดีขึ้น" นี้ ไม่น่าจะมีนัยเกี่ยวข้องกับสถานการณ์หรือสภาพของการศึกษาโดยตรงเลยค่ะ แต่น่าจะหมายถึงคนที่ถูกด่านี่แหละ เรียนมาก็มาก แต่ไม่ได้ทำให้สติปัญญาหรือนิสัยดีขึ้นเลย (การเรียนต้องทำให้คนเราดีขึ้นใช่ไหมคะ แต่นี่เรียนก็แล้ว แต่ดันไม่ดีแถวเลวเสียอีกอะ) เข้าทำนองแดกดันมากๆ เลย เอ๊ะ หรือเราหลงประเด็นอยู่คนเดียวก็ไม่ทราบ จากคุณ : ปาบู่ผู้พลิ้วไหวไปกับสายลม (PaBo) เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 13:28:58

ความคิดเห็นที่ 5 สรุปคือ ถ้าจะสะท้อนอะไร? ผมมองว่ามันสะท้อนแนวคิดที่ว่า "เราได้คาดหวังกับการศึกษาไว้มากโขอยู่ครับ" ถ้ามองแบบฉาบฉวย(เน้นนะครับ)ที่เมื่อก่อนเค้าดูถูกว่า พวกไม่มีการศึกษา คงเป็นพวกไม่มีมายาทขาดการอบรม ไม่เข้าถึงระบบการศึกษาด้วยปัจจัยต่างๆ แต่สมัยนี้ที่ทุกคนมีสิทธิืในการรับการศึกษา แต่เรียนแล้วมันก็ไม่เห็นจะดีขึ้นกลับแย่ลง คงเป็นดังข้อสรุปข้างต้น หรือ ระบบการศึกษาของเรามัน หลงทาง จากคุณ : ร.ร.กลางทุ่ง เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 13:53:26

ความคิดเห็นที่ 6 อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวคือ ประเทศเราเรื่องทางปกครองมันสำคัญกว่าการศึกษา สังเกตได้จากปริมาณคนที่พูดการเมืองกับการศึกษานี่ต่างกันเยอะเลย อีกทั้งบทความทางวิชาการก็ไม่ได้เกลื่อนเหมือนเรื่องงานปกครอง บางทีเราอาจทำอะไรไม่ได้เลยก็ได้จนกว่าการเมืองจะเข้าที่เข้าทาง ผมว่าน่าจะมีการเผยแพร่ปรัชญาการศึกษาเหมือนที่กลุ่มคณะนิติราษฎร์เสนอแนวคิดประชาธิปไตยนั่นแหละ ผมยกขึ้นมาให้เห็นว่าในขณะที่เรื่องปกครองมันมีการตั้งกลุ่มขึ้นมาและปฏิบัติงานอย่างจริงจัง แต่การในเรื่องการศึกษากลับคุยกันเงียบๆในเว็บบอร์ด นานๆจะมีโผล่มาโทรทัศน์สักครั้ง ซึ่งมันไม่มากพอจะสะกิดใจคนให้หันมาสนใจเรื่องนี้ได้มากนัก จากคุณ : lze0001 เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 14:29:20

ความคิดเห็นที่ 7 ของเรา เอาง่ายๆนะ อันนี้ คหสต ล้วนๆนะ เมื่อเป็นคำบริภาษ "ไม่มีการศึกษา" ก็หมายถึง  โง่เง่า เต่าตุ่น ไร้ปัญญา สมองกลวง "การศึกษาไม่ได้ทำให้ดีขึ้น"  หมายถึง  เรียนไปก็เท่านั้น คือเป็นพวกอเวไนยสัตว์ (สัตว์ที่ไม่อาจจะส้่งสอนได้ สอนไม่จำ สอนแล้ว ไม่รู้เรื่อง เอาไปใช้การใช้งานไม่ได้) เปล่าประโยชน์ เปลืองงบประมาณการศึกษา ไม่น่าจะผ่านสถาบันการศึกษามาได้ ที่เป็นเช่นนี้ เพราะ "การศึกษา" นั้นได้รับการสถาปนาให้เป็นสถาบันอย่างหนึ่งไปแล้ว ตามมายาคติของชนชั้นกลางระดับบนและชนชั้นสูง จะประดุจเป็นของสูงของศักดิ์สิทธิ แก้วสารพัดนึก แล้วยังเอาไปผูกโยงกับคติความเชื่อทางพุทธ คือว่า คนเราแบ่งออกคน 4 เหล่า เหมือนบัว  พ้นน้ำ ปริ่มน้ำ ใต้น้ำ ใต้ดิน   หากผู้ใดไร้ "การศึกษา" ก็เลยกลายเป็นคนระดับล่าง ต้องตกเป็นเบี้ยล่างของสังคม ถูกเอารัดเอาเปรียบ "การศึกษา" ตามรูปแบบขนบนั้น เป็นการแบ่งชนชั้นวรรณะโดยอัตตโนมัติของสังคมทุกหนแห่งในโลกนี้ เช่น ตามลัทธิขงจื้อ จะเชิดชูบูชาบัณฑิต (คนมีความรู้) มากกว่าพ่อค้านายวานิช   "การศึกษา" ในยุคปัจจุบัน เป็นการอัพเกรดเลื่อนชนชั้นของคนในสังคม  จะเห็นได้ว่า บัณฑิตปริญญาตรี เกิดอาการรู้สึกว่า รู้ไม่พอ หรือมีคุณสมบัติไม่พอ สำหรับแรงงานตลาด จนต้องดิ้นรนขวนขวายต่อการศึกษาให้ได้ในระดับสูง เพื่อให้ตนเองมีสถานะสูงขึ้นไป และเป็นที่ยอมรับ ทั้งๆที่จริงๆแล้ว โดยหลักการศึกษาในระดับสูงกว่าป ตรี นั้นเขาเน้นการวิจัย หรือต่อยอมองค์ความรู้ ให้งอกงามเพิ่มเติม เพื่อถ่ายทอดและเผยแพร่กันต่อไป ป โท จึงเหมาะกับคนที่จะเบนเข็มเข่้ามาทำงานในวงการอุดมศึกษา เป็นอย่างต่ำ ด้วยความคิดแบบนี้ "การศึกษา" ในปัจจุบัน จึงพัฒนาไปเป็นสินค้าประเภทหนึ่งไปแล้ว จากคุณ : ปากจัดชะมัดยาด (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 16:37:33

ความคิดเห็นที่ 8 มันสะท้อนคนเรียนและคนสอนเน้นแต่การสอบ เกรด ปริญญา ไม่ได้สนใจที่จะศึกษาความรู้เพื่อเสริมสร้างสารพัดQ ที่นักการศึกษาบอกไว้ ซึ่งนั่นก็แค่สามัญสำนึก มันขาดหายไป จากคุณ : simiach เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 05:35:32

ความคิดเห็นที่ 9 #4 ผมว่าคุณหลงประเด็น แต่ไม่ได้มีคุณคนเดียว ผมคิดว่าคนที่กล่าวว่า"การศึกษาไม่ได้ทำให้คนดีขึ้น"  ไม่รู้ข้อจำกัดของการศึกษา การศึกษาทำได้หลายอย่าง ทำให้คนรู้มากขึ้น ปฏิบัติได้ชำนาญขึ้น วิเคราะห์ได้เฉียบคมขึ้น ทำงานได้แม่นยำมากขึ้น แต่ทำให้คนดีมากขึ้นน่ะเหรอ ไม่มีทาง! แม้จะเป็นการสอนศีลธรรมก็ตาม เพราะการจะเป็นคนดีขึ้นกับการตัดสินใจของคนๆนั้น เราให้เขารู้ได้ว่าทำดีแล้วจะเป็นอย่างไร ทำชั่วแล้วจะเป็นอย่างไร แต่ท้ายที่สุด เขาก็เป็นคนเลือกอยู่ดี ว่าจะทำอะไร ส่วนพวกที่กล่าวเหน็บแนมว่า"การศึกษาไม่ช่วยอะไร" ยิ่งบ้าหนัก! เพราะคิดไปเองเป็นตุเป็นตะว่าคนที่ได้รับการศึกษาต้องคิดและกระทำเหมือนตนเองเท่านั้น! จากคุณ : Zeichnung เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 07:35:48

ความคิดเห็นที่ 10 ผมมักพบในลักษณะของวาทกรรมเวลาเอาไว้ด่าคนเห็นต่างเท่านั้นเอง ไม่คิดอะไรมาก ถ้าคนเห็นต่างมีการศึกษาต่ำกว่า เช่น ชาวบ้านไม่ได้จบปริญญา ก็จะว่า "พวกนี้ไร้การศึกษา ไม่เข้าใจ ..." แต่ถ้าไปเจอคนเห็นต่างที่การศึกษาสูงกว่า มาจากสถาบันที่ได้รับการยอมรับกว่า หรือจบปริญญาโทปริญญาเอก "การศึกษาไม่ได้ช่วยอะไรเลย คนพวกนี้ไม่เข้าใจ..." ยิ่งถ้าคนเห็นต่างร่ำเรียนมาจากเมืองนอกเมืองนา "พวกนี้เรียนมาสูง แต่ไม่เข้าใจบริบทไทยๆ ไม่เข้าใจหรอกว่า ..." ผมว่ามันสั้นๆ เลย คือเรื่อง "องุ่นแกเปรี้ยว - มะนาวข้าสิหวาน" จากคุณ : Players เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 08:01:37

ความคิดเห็นที่ 11 d จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 12:26:16

ความคิดเห็นที่ 12 เราว่าผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมไทย "คิดแคบๆอยู่ในกล่อง" โดยมองดูว่า "การเป็นคนมีการศึกษาก็คือการจบปริญญาวุฒิสูงๆ" เราเป็นคนชอบเรียนรู้ด้วยตัวเอง เรียนด้วยตัวเองเพลินจนเรียนไปตั้งหลายอย่าง แต่ก็ไม่เคยมีปริญญากับเขา เพราะเรียนทุกอย่างนอกมหาลัยหมด เรามีสมองที่คิดแหกคอกไม่เหมือนชาวบ้าน เนื่องจากเราเกิดมาบกพร่องทางจิตและประสาท เคยเป็นผู้ป่วยทางจิค คงเป็นกรรมพันธ์เพราะเราป่วยตามแม่เรา ดังนั้นตลอดชีวิตของเราๆจึงเรียนแต่ esoteric arts (ศาสตร์เร้นลับ) เพื่อหาทางรักษาตัวเองให้ได้ วันที่เราเรียนศาสตร์เร้นลับของนักพรตเต๋าจีนกับปราชญ์ฮินดูสำเร็จ จนเรารู้วิชาการแพทย์ทางเลือกของชาวตะวันออกมากพอที่จะรักษาตัวเอง เราเสนอว่าเราต้องการที่จะรักษาแม่เรา แต่พ่อเราพูดว่า "หมอที่รักษาแม่เรา (มีทั้งจิตแพทย์ สรีรแพทย์ ศัลยแพทย์) ที่เรียนจบสูงๆ (คงเทียบเท่าปริญญาเอก) ต้องเก่งกว่าเราอย่างแน่นอนเพราะพวกเขา "การศึกษาสูงกว่า" " ผลของการที่หมอรักษาแม่เราก็คือ "มุ่งทำลายอาการ" แม่เราทนพิษยาไม่ไหว แถมยังโดนผ่าตัด โดนตัดต่ออวัยวะ (ด้วยศัลยกรรม (ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่จำเป็นเลย!") จนร่างกายแม่เราแปรปรวนแล้วตายไปในที่สุด! ^ ศึกครั้งนี้ใหญ่มากๆ เรา (ซึ่งรักษาด้วยการแพทย์แผนโบราณของนักพรตเต๋าจีน) ก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด แต่ในที่สุด เรารอดตายและหายป่วยหมดทุกโรค จนตอนนี้เราเริ่มย้อนกลับไปเป็นเด็กเรื่อยๆ โดยการฝึกพลังทารกบริสุทธิ์จากคัมภีร์ของนักพรตเต๋าจีน ^ เราว่า "สิ่งเหล่านี้ที่เราเรียนรู้ มันก็คือการศึกษาอันมีค่าเหมือนกันนะ" สรุปแล้วเราเรียนจบแค่ มศ.3 (เทียบเท่า ม.4 สมัยนี้) แต่เรารักษาตัวเองได้ ในขณะที่แพทย์ตั้งหลายคนเรียนถึงระดับปริญญาเอกจากต่างประเทศรักษาแม่เราจนแม่เราตาย ความแตกต่างของการศึกษาของพวกเขากับของเรา มันคืออะไร? ตอบ ต่างกันที่ judgment (ดุลพินิจ)...ที่ได้จาก "การฝึกทางจิตและวิญญาณ" แพทย์พวกนั้นเรียนเก่งมากๆ แต่ขาด high judgment (ดุลพินิจอันสูงส่ง) พวกเขาจึง "ขึ่ช้างจับตั๊กแตน" ตอนที่พยายามรักษาแม่เรา โดยการ "มุ่งแต่จะทำลายอาการของโรค แทนที่จะแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ" ไปอ่านประวัติ(การไร้)การศึกษาของเราต่อ ได้ที่กระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K11503005/K11503005.html แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 54 00:05:43 แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 54 23:56:37 แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 54 23:53:38 แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 54 23:26:22 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 23:22:57

ความคิดเห็นที่ 13 อีกกระทู้หนึ่ง ที่เราใช้ความคิดพลิกแพลง คิดเรื่องอะไรเกี่ยวกับการเรียนรู้ได้โดยไม่ยอมให้วุฒิ มศ.3 (เทียบเท่า ม.4 สมัยนี้)ของเรา มาเป็นข้อจำกัด เพราะการมีวุฒิต่ำๆเราฝึกคิดให้สมองพลิกแพลงได้ ไม่แพ้คนเรียนจบวุฒิสูงๆ ลองไปอ่านดูได้ที่กระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K11508112/K11508112.html แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 54 22:22:59 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 54 22:22:13

ความคิดเห็นที่ 14 เป็นแค่คำพูด เพื่อใช้โต้ตอบสถานการณ์เวลาคิดอะไรไม่ออกมากกว่า จากคุณ : cheychai เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 11:59:34