ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าอ่านลี้คิมฮวงแล้วต้อง ดาบจอมภพ ต่อ จากคุณ : กุ๊กไก่ใจร้าย (k487) เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 12:06:53

ความคิดเห็นที่ 2 เราชอบสำนวนท่าน ว นะ แต่เราอ่านตอนเด็กๆ แล้วพอวัยรุ่นเราก็ไปอยู่ต่างแดน เราหาภาษาไทยอ่านไม่ได้ก็เลยติดตาม wuxia (นิยายเกี่ยวกับนักวรยุทธ์ = นิยายกำลังภายใน) ด้วยการดูหนังจีนบรรยายภาษาอังกฤษซะแทน ดูๆไปอ่านคำแปลภาษาอังกฤษไป ชักจะพอจำศัพท์ภาษาจีนได้บ้าง ที่เราบ้าหนังจีนมากกว่าหนังสือเพราะเราคลั่งวรยุทธ์จีนจนไปเรียนมวยจีนกับอาจารย์ชาวจีนในต่างแดน การดูหนังมันช่วยให้จดจำท่ามวยได้ และรู้วิธีหาทางออกท่ามวยพลิกแพลงไปจากท่าเพลงที่เรียนมาจากอาจารย์ ก็เลยช่วงนั้นเราหยุดอ่าน wuxia แล้วดูแต่หนัง ยิ่งในช่วงหลังๆหาเจอพวกตำราวรยุทธ์จีนที่คนจีนเขียนเป็นภาษาอังกฤษได้ ก็เลยหามาอ่าน มาเมื่อเร็วๆนี้เราไปได้ videos สอนวรยุทธ์จีนมาบานเบอะเลย ก็เลยจากการอ่านนิยายกลายเป็นอ่านของจริงเพื่อฝึกวรยุทธ์จริงๆไม่ค่อยอ่านนิยายซะแล้ว แต่ก็ยังติดตามดูหนังจีนมาตลอดอ้ะ เพราะสนุกดี ข้อคิดในเรื่องสิ่งที่เจอใน wuxia ว่ามันเป็นความจริงกับเปฺ็นเรื่องยกเมฆกันแน่ มันเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจมากๆ ยกตัวอย่างเช่นพระเอกนั่งกินข้าวอยู่ผู้ร้ายเอาดาบเล่มบะเร่อฟันมา แล้วพระเอกเอาตะเกียบคีบดาบไว้ แล้วผู้ร้ายดึงดาบไม่ออก พอพระเอกคลายตะเกียบ ผู้ร้ายปลิวไปหลายสิบก้าว แล้วผู้ร้ายดูใบดาบเห็นเป็นรอยตะเกียบติดอยู่ อันนี้ "โม้แหงๆเลย...555+++..." แต่การใช้ตะเกียบเป็นอาวุธลับซัดไปจนตะเกียบทะลุกำแพง "อันนี้ของจริง" เพราะเราเคยเห็นกับตาตัวเองถึงต้องเชื่อ อยู่ยงคงกระพันเสื้อเหล็ก อันนี้ก็ของจริง เพราะเราเคยเห็นนักวรยุทธ์จีนเปลือยกายท่อนบนให้ฟันกับแทงจริงๆ โดยเราอยู่ห่างจากเขาในระยะเพียงแค่ 2 เมตรเอง "มันแทงฟันไม่เข้าจริงๆ" การนั่งสมาธิเดินกำลังภายในแล้วกระดูกลั่นเกรียวเสียงดังเพี๋ยะๆทั้งร่างนั้น (จำไม่ได้แล้วว่าท่าน ว ใช้คำว่าอะไร) ไป เรายืนยันว่า "เป็นจริงอย่างแน่นอน เพราะมันเกิดขึ้นกับตัวเราเอง นั่นก็คือการเพ่งสมาธิไปที่ศูนย์รวมกำลังภายในบางแห่งของร่าง มันกลายเป็นส่งพลังไปเคลื่อนย้ายปรับโครงสร้างกระดูกได้ทั้งร่าง เมื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระดูกได้มันก็คลายจุดชีพจรที่อุดตันที่ qi (พลังลมปราณ) เดินไม่สะดวก ให้เดินได้สะดวก  ทำให้การรักษาโรคด้วยกำลังภายในเป็นไปได้อย่างแน่นอน" ในงานเลื้ยงก่อนดวลกันนักวรยุทธ์บางคนกินอาหารที่จัดเลี้ยงเข้าไปแล้วอยู่ดีๆ "กำลังภายในหายไปหมด" อันนี้ก็รับรองว่า "เป็นเรื่องจริง เพราะเราทดสอบพลังหยินกับหยางของอาหารหลายประเภทมาหลายสิบปี ตอนเราเรียนวิชา Zen Macrobiotics  แล้วพบว่า อาหารบางอย่างที่มีพลังหยินมากๆ กินเข้าไปแล้วอีกไม่นานนักร่างกายถึงกับเปลี้ยหมดแรงไปจริงๆ อาหารบางประเภททำให้คนถึงกับเป็นตะคริวเดินไม่ได้ไปเดี๋ยวนั่นเลยก็มี" เรื่องกำลังภายในที่ใช้ในการต่อสู้นี้ มีจริง อาจารย์สอนมวยจีนเรายืนขาเดียว (ยกขาอีกข้างขึ้น) แล้วกางมือท่านกกระเรียนสยายปีก แล้วให้ฝรั่งตัวใหญ่ๆ 5-6 คนมาช่วยกันผลัก แต่อาจารย์ทำหน้ายิ้มๆหายใจลึกๆแล้วเบ่งท้องออกมา ปรากฎว่าฝรั่งตัวใหญ่ๆ 5-6 คนล้มกระเด็นกลิ้งไปหลายสิบก้าว! พลังแบบนี้ (ซึ่งอาศัยแรงโน้มถ่วงของโลก) ถ้าใช้ออกมาจากฝ่ามือหรือออกอาวุธอย่างอื่น จะมีพลังมากกว่าการต่อยแบบกระแทกด้วยแรงกล้ามเนื้อ ตอนนี้เราพยายามทวนภาษาจีน อยากจะอ่าน wuxia เป็นภาษาจีนได้ แต่เรียนๆไปแล้วดันบ้าไปทดสอบ computer software จนแทบไม่ได้เรียนรู้อย่างอื่น ก็เลยเห็นทีจะอีกนานกว่าเราจะรู้ภาษาจีนมากกว่านี้ จขกท อ่าน wuxia แล้วลองฝึกวรยุทธ์ดิ สนุกดีนะ จะทำให้หน้าตาดูอ่อนวัยตลอกกาลเลยหละ! จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 13:05:37

ความคิดเห็นที่ 3 ดาบจอมภพ เป็นเรื่องที่พลาดไม่ได้ครับ ยังมีอีกหลายเรื่องนะครับที่เป็นสุดยอดนิยายกำลังภายใน เช่น เซียวฮือยี้ มังกรหยก อุ้ยเสี่ยวป้อ ศึกสายเลือด ฯลฯ ถ้าเป็นสมัยใหม่หน่อย และก็พลาดไม่ได้เช่นกันคือ  เจาะเวลาหาจิ๋นซี  มังกรคู่สู้สิบทิศ  จอมคนแผ่นดินเดือด ฯลฯ สามเรื่องนี้ถ้าไม่ได้อ่าน ถือว่าลมปราณติดขัดเลยล่ะครับ จากคุณ : ศรีวรลักษณ์ เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 13:53:06

ความคิดเห็นที่ 4 หนับหนุน ทุกความเห็น จากคุณ : neap เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 17:41:35

ความคิดเห็นที่ 5 มาโม้ต่อเรื่องเหลือเชื่อเกี่ยวกับ wuxia คราวนี้เราพูดถึงเรื่องวิชาตัวเบา ภาษาจีนเรียกว่า qinggong (轻功) กัน อันนี้เราไม่เคยเห็นกับตานะ แต่เห็นภาพถ่ายในนิตยสารชื่อ Sports of China เมื่อหลายสิบปีมาแล้วที่มีผู้หญิงจีนคนหนึ่งใช้วิชา qinggong กระโดดขึ้นไปยืนบนไข่หลายๆใบ (ที่อยู่บนที่วางไข่)  แล้วไข่ไม่แตก แต่จะเป็นภาพถ่ายหลอกลวงหรือเปล่าเราไม่กล้ายืนยัน เพราะไม่เคยเห็นกับตาตัวเอง ไม่เคยเห็นแบบที่เห็นวิชาอยู่ยงคงกระพันเสื้อเหล็กที่มันหนังเหนียวจริงๆ ตกลงใน wuxia ที่บรรยายฉากการต่อสู้ซึ่งมีการใช้วิชา qinggong บางทีมันระดับเหินบิน โหไอ้นั่นมันระดับเซียนเหยียบเมฆแล้่ว เราก็ไม่รู้ว่าสมัยนี้มีใครฝึกจนบรรลุเป็นเซียนได้อะนะ...แต่เราจะพยายาม...ตอนนี้ก็ใกล้เข้ามาเต็มที่แล้ว (ใกล้บ้า ไม่ใช่ใกล้เป็นเซียน) อิๆๆๆ... ส่วนเรื่อง "การจี้สกัดจุด" หรือที่ภาษาจีนเรียกว่า Dim Mak (点脉) อันนี้เรารับประกันว่า "มีจริงๆ" เพราะในคำสอนของเต๋าเรื่อง "ธาตุทั้ง 5" ภาษาจีนเรียกว่า Wu Xing (五行) จะบอกว่า qi (พลังลมปราณ) จะไหลเวียนในอวัยวะภายในต่างๆ แปรผันกันในเรื่องทิศทางและความแรงของกระแส qi ไปตามกาลเวลาของวัน ซึ่งความรู้นี้ทำให้แพทย์จีนใช้วิชา acupuncture (แทงเข็ม) รักษาโรคได้ โดยการเปลี่ยนทิศทางการเดินและเปลี่ยนปริมาณของ qi นั่นเอง ซึ่งอาศัยหลักการที่ว่า "จะแทงเข็มตรงจุดไหนเพื่อรักษาโรคอะไรก็ต้องแทงให้ถูกจุดตามเวลาของวัน"  ความรู้เช่นนี้เมื่่อใช้รักษาโรคได้ ม้ันก็ "ใช้ฆ่าคนได้เช่นก้น" โดยอาศัยหลักการเหมือนๆกัน (แต่ย้อนกลับทิศทางกัน) นั่นก็คือ จะทำลายอวัยวะภายในอันไหนของคู่ต่อสู้จะต้องจู่โจมไปให้ถูกจุดบนร่างกายโดยจะจู่โจมจุดไหนก็ต้องดูเวลาของวันด้วย ^ มุมมองแนววิทยาศาสตร์ กาลเวลาผันแปรไปเพราะแสงจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ยิงลงมายังโลกในมุมที่เปลี่ยนไป "ตามกาลเวลาของวัน" และมันมี gravitational force (แรงโน้มถ่วง) มากพอที่จะสร้่างปรากฎการณ์น้ำขึ้นน้ำลงได้ ดังนั้น "องศาที่เปลี่ยนไปของแสงอาทิตย์และแสงจันทร์ย่อมเปลี่ยนทิศทางการไหลเวียนและเปลี่ยนปริมาณของ qi ในอวัยวะภายในของมนุุษย์ได้อย่างแน่นอน เพราะ qi มีลักษณะเหมือนน้ำ เหมือนกระแสไฟฟ้า เหมือนแก๊ส เหมือนไอระเหยหรือรังสี (มีทั้งพลังความร้อนและเย็น) คละกัน" ^ คราวนี้เรามาดูกันว่า gravitational force ของดวงจันทร์ควบคุมวงจรระบบอวัยวะสืบพันธ์ของผู้หญิงได้...คนจีนมักจะเปรียบเทีบบผู้หญิงกับดวงจันทร์ เพราะระยะห่างของไข่ 2 ฟอง ก็คือ 28 วัน ซึ่งเท่ากับ phase ของดวงจันทร์ หรือระยะห่างของวันแรกที่มีประจำเดือนในเดือนหนึ่งก้บในอีกเดือนหนึ่งต่อมา ก็คือ 28 วัน (สลับกับไข่) ซึ่ง lunar month ก็มี 28 วันเหมือนกัน ^ จากความรู้อันนี้ สิ่งมหัศจรรย์ที่คนจีนโบราณค้นพบก็คือ "ผู้หญิงที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ซึ่งได้รับแสงจันทร์ที่ยิงลงมาในองศาเดียวกัน จะไข่ตกพร้อมกัน มีประจำเดือนพร้อมกัน และปฏิสนธิ (ถ้ามีเพศสัมพันธ์) พร้อมกันหมด! นั่นก็เพราะพลังที่ผู้หญิงได้รับจากดวงจันทร์ มันทำให้เร่างกายพวกเธอ "เข้าจังหวะกับ lunar month 28 วันนั่นเอง" " ในสมัยโบราณการคุมกำเนิดแบบนับวันจึงเป็นไปได้ แต่อนิจจาในโลกสมัยใหม่ ผู้หญิงสมัยใหม่สูญเสียพล้งอันนี้ไปหมด คือ not being in harmony with the universal force (ไม่ผสานกลมกลืนกับพลังของจักรวาล) เพราะอะไร? ตอบ เพราะคนสมัยใหม่กินข้าวสีขาวที่ขาดดุลภาพของหยินกับหยาง (ยกตัวอย่างเช่นข้าวเจ้าที่เป็นข้าวกล้องเม็ดสั้นแบบญี่ปุ่น (ซึ่งมีพลังรักษาโรคมากกว่าข้าวจ้าวเม็ดยาวแบบหอมมะลิของไทย) จะมีพลังหยินกับหยางในอันตราส่วน 7 ต่อ 1 ซึ่งคนที่ฝึก Zen Macrobiotics ถือว่าเป็นธัญพืชที่มีพลังธรรมชาติสูงสุด) และคนสมัยใหม่ก็กินน้ำตาลฟอกขาวที่ไม่ใช่สารธรรมชาติ (มันไม่มีในธรรมชาติ) ทำให้ร่างกายเกิดสภาวะเป็นกรดอย่างรุนแรงจนร่างกายต้องดึง calcium และ minerals ที่มีสำรองอยู่ ออกมาเจือจางกรดอย่างรวดเร็ว ผลก็กคือ "ทำให้ร่างกายเหนื่อยเร็ว แก่เร็ว  iq ลดลง (เพราะ cells เสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว) และคนสมัยใหม่ก็กินอาหารที่มีสารเคมีเช่นพืชที่ปลูกโดยใช้ปุ๋ยเคมี หรือกินอาหารที่มีสารกันบูดหรือมีผงชูรส ซึ่งพฤติกรรมการกินอาหารที่มีสารพิษเช่นนี้ เป็นการ "ทำลายสมดุลย์ของธรรมชาติ ดังนั้น รอบเดือนของผู้หญิงสมัยใหม่จึงไม่เข้าจังหวะกับดวงจันทร์อีกต่อไป เว้นเสียแต่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะฝึก Zen Macrobiotics คือกินอาหารธรรมชาติปลอดสารพิษแบบคนสม้ยโบราณ นั่นเอง" แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 54 07:42:19 แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 54 01:23:18 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 54 01:18:00