ความคิดเห็นที่ 1 Learning English - Lesson Seven - (Health & Exercise) Learning English - Lesson Seven - (Health & Exercise) In this new version of Lesson 7, we look at health and exercise.  Learning English - Lesson Seven - (Health & Exercise)       Vinicius - BRAZIL You know the world of English is a fun and exciting place to be. คุณรู้ว่าโลกของภาษาอังกฤษเป็นโลกที่สนุกสนานและน่าตื่นเต้น I'm so glad you could join us for another lesson. ผมดีใจที่คุณได้มาร่วมกับพวกเราในอีกบทหนึ่ง Ciao! Ciao! = Hello! Learning English with Misterduncan เรียนภาษาอังกฤษกับมิสเตอร์ดันแคน Lesson seven บทที่ 7 Hi everybody, this is Misterduncan in England. สวัสดีครับทุกๆคน  นี่คือ มิสเตอร์ดันแคน ในอังกฤษ How are you today? Are you OK?, I hope so! คุณเป็นอย่างไรบ้างครับวันนี้? คุณสบายดีไหมครับ? ผมก็หวังว่าอย่างนั้นนะครับ! Are you  happy? I hope so! คุณมีความสุขดีมั๊ย?  ผมก็หวังว่างั้นนะครับ! In today's lesson we will take a look at two aspects of our lives ในบทนี้, เราจะมุ่งที่ 2 ด้าน ในชีวิตเรา aspects=ด้าน One is something we take for granted while it is there, ด้านนึงคือเราได้รับคุณค่าจากสิ่งนั้น take for granted=appreciation granted=adjective ที่ได้รับ ที่ยอมให้ ที่มอบให้ ที่ยินยอม 1. take someone or something for granted = - to expect someone or something to be always available to serve in some way without thanks or recognition; - to value someone or something too lightly. // I wish you didn't take me for granted. I guess that I take a lot of things for granted. 2. take something for granted = - to expect something to be available all the time and forget that you are lucky to have it //We take so many things for granted in this country - like having hot water whenever we need it. 3. take somebody for granted = - to not show that you are grateful to someone for helping you or that you are happy they are with you, - often because they have helped you or been with you so often // One of the problems with relationships is that after a while you begin to take each other for granted. but miss it terribly when it has gone. แต่คิดถึงมันมากถ้ามันจากไป The other is an activity that we are all encouraged to do, อีกด้านหนึ่งคือ กิจกรรมที่เราทั้งหมดถูกส่งเสริมให้ทำ encouraged=การสนับสนุน but few of us seem to have the time to carry out. แต่เพียงส่วนน้อยที่มีเวลาปฎิบัติ In this lesson, we will take a look at... ในบทนี้ เราจะมาดูกันที่ "HEALTH" and "EXERCISE" "สุขภาพ" และ "การออกกำลัง" When we talk about our health, เมื่อเราพูดถึงสุขภาพของเรา we are actually describing two things. เราจะอธิบายถึง 2 อย่างจริงๆ First, we refer to our.. อย่างแรก เราจะกล่าวถึง refer to//verb เอ่ยถึง กล่าวขวัญ บ่งบอกถึง "PHYSICAL HEALTH" สุขภาพกาย The way our bodies are functioning. วิถีทางของร่างกายเราเป็นแบบระบบ How well it is working. มันทำงานได้ดียังไง How (well) all the different parts of your body are functioning. ระบบต่างๆแต่ละส่วนทำงานดีมั๊ย Then we refer to our... แล้วเราก็จะกล่าวถึง "MENTAL HEALTH" สุขภาพใจ หรือ สุขภาพจิตใจ    How each one of us feels emotionally. พวกเราแต่ละคนมีอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างไร emotionally//adverb อย่างมีอารมณ์ How we deal with all of the problems in our lives. พวกเราจัดการกับปัญหาทั้งหมดในชีวิตพวกเราอย่างไร How we see other people around us. พวกเราเห็นคนอื่นรอบๆตัวเราอย่างไร How(well) we cope with the effects of worry and stress. พวกเรารับมือกับผลจากความเครียดและความกังวลอย่างไร(ได้ดีแค่ไหน) cope//noun รับมือ จัดการ สู้ It would be fair to say that there is a connection between physical and mental health. มันสมดุลย์ที่จะกล่าวว่ามันเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันระหว่างสุขภาพกายและสุขภาพใจ And that they (both) have the ability to effect each other. ซึ่งสุขภาพกายและสุขภาพใจ(ทั้งสอง)มีความสามารถที่จะส่งผลต่อกันและกัน If you feel tired after any sudden activity, ถ้าเธอรู้สึกเหนื่อยหลังจากทำกิจกรรมที่รวดเร็วใดๆ sudden//adjective ฉับพลัน กะทันหัน ทันทีทันใด รวดเร็ว ปัจจุบันทันด่วน such as getting up from the sofa เช่นลุกขึ้นจากโซฟา and walking a short distance, และไปเดินเป็นระยะทางสั้นๆ or feeling out of breath หรือรู้สึกหายใจกระหืดหระหอบ  out of breath//adverb กระหืดกระหอบ after climbing a few stairs, หลังจากเดินขึ้นบันไดไม่กี่ขั้น  there is a good chance นี่เป็นโอกาสดีนะ that you are out of shape. ที่เธอจะลดหุ่น You are unfit. (หุ่น)เธอไม่เข้ารูป Your health is poor. สุขภาพเธอไม่แข็งแรง You are unhealthy. เธอไม่แข็งแรง Prolonged inactivity or situations การอยู่เฉยๆนานๆหรือสถานการณ์ Prolonged//adjective นาน ยาว ยืดเยื้อ inactivity//noun ความเกียจคร้าน ความเฉื่อยชา ความอยู่เฉย where you are not moving around much, ที่เธอไม่เคลื่อนไหวมากนัก such as sitting in front of the television, เช่นการนั่งอยู่หน้าจอทีวี driving a car, or working in a office การขับรถ หรือการทำงานในออฟฟิซ may lead to you becoming unfit. อาจทำให้เธอกลายเป็นมีหุ่นไม่เข้ารูป The food you eat also อาหารที่เธอทานก็ด้วย decides how fit you are. ก็เป็นตัวบอก ว่าเธอเข้ารูปแค่ไหน many of us eat far too much พวกเราหลายคนทานมากจนเกินไป food containing fat and sugar. อาหารพวกที่มีไขมันและน้ำตาลมาก ์ such as biscuits, burgers, cheese, chocolate and other types of so-called junk food. เช่น ขนมปังกรอบ, เบอร์เกอร์, ชีส, ชอคโกเลต และ อาหารอื่นๆที่เรียกว่าพวกจังค์ฟู๊ด Over time you will gain weight and become obese. เมื่อเวลาผ่านไปเธอจะน้ำหนักตัวมากขึ้นและกลายเป็นอ้วนมีพุง Your blood pressure will rise ความดันเลือดเธอจะสูงขึ้น and your heart will be put under strain และหัวใจเธอจะเต้นเขม็งเกลียวขึ้น strain//noun ความเครียด ความเคล็ด ความหักโหม //verb เครียด ขึงตึง รัด ทำให้เครียด เขม็งเกลียว by all the extra body mass ด้วยมวลความสารความหนาแน่นของร่างกายทั้งหมดที่เพิ่มขึ้น mass//noun มวล มวลสาร ก้อน ประชาชน ความหนาแน่น //verb ทุ่มเท รวมเป็นกอง You will find simple activities most exhausting. เธอจะพบว่าการทำกิจกรรมง่ายๆทั้งหลายนั้น อ่อยเพลียง่าย exhausting//ที่หลบหนี exhaust//nounไอเสีย//verbทำให้อ่อนเพลีย ใช้หมด If your unhealthy lifestyle continues ถ้าไลฟสไตล์แบบผิดอนามัยของเธอยังคงดำเนินต่อไป over a long period of time, เป็นระยะเวลายาวนาน you run the risk of suffering เธอกำลังมีความเสี่ยงเรื่องการเจ็บป่วย from disease such as diabetes จากโรค เช่น เบาหวาน and your heart will become weak. และหัวใจจะกลับกลายอ่อนแอลง Your chances of dying of a โอกาสที่เธอจะเสียชีวิตจาก heart attack or a stroke greatly โรคหัวใจวาย หรือ อัมพาต อัมพฤกษ์(ภาวะขาดเลือดไปเลี้ยงสมอง) (โรคอัมพาต  คือ แขน และ/หรือ ขา ขยับเขยื้อนไม่ได้ ไม่มีแรง ใช้งานไม่ได้ ส่วนโรคอัมพฤกษ์ หมายถึงแขน และ/หรือ ขา อ่อนแรงกว่าเดิม ยังพอใช้งานได้ แต่ใช้ได้น้อยกว่าปกติ เช่น อาจชา หยิบจับของหนัก หรือ หยิบจับดินสอเพื่อเขียนหนังสือตามปกติไม่ได้ ดังนั้น อัมพฤกษ์ จึงมีความรุนแรงน้อยกว่าอัมพาต) increase if you are overweight. ก็เพิ่มขึ้นมาก ถ้าเธอน้ำหนักเกินมาตรฐาน   There are many words connected to exercise such as... มีคำหลายคำที่เกี่ยวกับการออกกำลังกายนะ อย่างเช่น AEROBICS  แอโรบิคส์ Exercise that makes the heart beat fast from (through) constant body movement. การออกกำลังกายที่ทำให้หัวใจเต้นเร็ว จากการโยกย้ายร่างกายอย่างสม่ำเสมอคงที่ constant//noun ค่าคงที่//adjective คงที่ มั่นคง We called this cardiovascular exercise. เราเรียกว่าการบริหารหัวใจและหลอดเลือด cardiovascular//โรคหัวใจและหลอดเลือด BURN การเผาผลาญ This word is used to express the energy being used up during exercise. คำนี้ หมายถึงพลังงานที่ถูกใช้ไประหว่างการออกกำลังกาย RECREATION  นันทนาการ A general word for any exercise or leisure activity. เป็นคำทั่วไป คือการออกกำลังกายหรือกิจกรรมเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ KEEP FIT ออกกำลังกาย The act of taking exercise or following a course of exercise routines. การกระทำการออกกำลังการหรือ การปฏิบัติตามคอร์สการออกกำลังกายเป็นประจำ WORKOUT การออกกำลังกาย A strenuous (tiring) exercise session focusing on certain parts of the body ช่วงออกกำลังกายอย่างเคร่งครัด โฟกัสไปที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย strenuous//adjective มีพลัง แข็งแรง ครัดเคร่ง such as the muscles of your arms, legs, chest, and abdomen. เช่น กล้ามเนื้อแขน, ขา, หน้าอก, และช่วงท้อง There are many type of exercise for the body to perform มีการออกกำลังกายหลายชนิดสำหรับร่างกายให้ได้ทำกัน and which one you do depend on how fit you are. และเธอจะออกกำลังแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับว่าเธอแข็งแรงแค่ไหน and what you are trying to achieve from the exercise. และเธอต้องการพยายามจะได้รับผลอะไรจากการออกกำลังกาย There is light exercise such as walking, stretching or just generally moving about. มีการออกกำลังกายแบบเบาๆ เช่น การเดิน, การยืดเส้นสาย หรือ แค่เคลื่อนไหวลำตัวทั่วๆไป If you do a job where you are always on the move, ถ้าเธอทำงานที่เธอต้องเคลื่อนไหวอยู่เสมอ then you are not only working, you are keeping fit as well. นั่นเธอก็ไม่ใช่แค่ทำงานอย่างเดียว แต่เธอก็ทำให้ร่างกายกระฉับกระเฉงไปในตัวด้วยเช่นกัน                 Then there is moderate exercise. นี่คือการออกกำลังกายอย่างกลางๆ moderate//adjective ปานกลาง //noun ไม้นวม ค่าถัวเฉลี่ย//verb บรรเทา A light jog or a fast walk will make you sweat a little การวิ่งเหยาะๆเบาๆหรือการเดินเร็วจะทำให้เธอได้เหงื่อนิดหน่อย and it will provide a good session of exercise to make your heart work และเป็นการเริ่มออกกำลังกายที่ดีที่ทำให้หัวใจเต้นอย่างสุขภาพดี and help your joint stay flexible and supple. และทำให้ข้อต่อมีความยืดหยุ่นและคล่องตัว flexible//adjective มีความยืดหยุ่น คล่องตัว คล่อง supple =adjective อ่อนนุ่ม นิ่มนวล Then there is vigorous or strenuous exercise. และมีการออกกำลังกายแบบใช้แรงหรือใช้พลัง vigorous =adjective แข็งแรง strenuous =adjective มีพลัง แข็งแรง This is what really breaks you out into a sweat. ซึ่งจะทำให้เธอได้เหงื่อ sweat = มีเหงื่อ เหงื่อออก For example, A long run or jog will really make your body work ตัวอย่างนะ, การวิ่งระยะไกล หรือ การวิ่งเหยาะ จะทำให้ร่างกายเธอได้ออกแรงจริงๆ and you will be able to feel the effects of this exercise immediately. และเธอจะสามารถรู้สึกถึงผลลัพทธ์จากการออกกำลังกายแบบนี้ได้เลยทันที You can  have (go for) a workout at a gym or health spa (health centre). เธอสามารถ(ไป)ออกกำลังกายได้ที่ยิมหรือที่สปาสุขภาพ(ศูนย์สุขภาพ) Lifting heavy objects such as weights, do not only keep you fit, they also help to build up your body. การยกของหนักเช่น ยกเวท ไม่เพียงแต่ทำให้เธอแข็งแรง แต่ยังช่วยสร้างมวลร่างกายของเธอด้วย   ต่อใน คห 2 จ้ะ แก้ไขเมื่อ 12 ม.ค. 55 11:50:21 แก้ไขเมื่อ 12 ม.ค. 55 04:13:48 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 15:30:25

ความคิดเห็นที่ 2 Learning English - Lesson Seven - (Health & Exercise) PART 2 HEALTH AND EXERCISE  สุขภาพและการออกกำลังกาย There are many simple exercises for keeping fit and healthy. มีการออกกำลังกายอย่างง่ายอยู่มากมายที่ช่วยให้ร่างกายเข้ารูปและแข็งแรง   The most popular ones includes...walking. อย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ การเดิน Yes, I just go for a walk. ใช่ ชั้นเพิ่งไปเดินมา Walk to the end of your street, เดินจนสุดถนนคุณ Then around the corner, across the field, up the hill and back down again. แล้วไปแถวหัวมุมถนน, ข้ามสนาม(ลาน) ขึ้นเขา และกลับลงมาอีกที Walk in a big circle, around (through) the streets and along the roads. เดินในวงเวียนใหญ่ แถวๆ(ตลอด)ถนน และตามแนวถนน   Keep on walking, until you arrive back home. เดินต่อไป กระทั่งเธอกลับมาถึงบ้าน Oh you can also jog. โอ้ว เธอสามารถวิ่งเหยาะๆได้นะ Jogging is quicker than walking, but not as fast as running. การวิ่งเหยาะๆนั้นเร็วกว่าการเดิน แต่ไม่เร็วเท่าการวิ่ง You can jog to the end of your street, เธอสามารถจ๊อค(วิ่งเหยาะๆเบาๆ)ไปถึงปลายสุดถนนเธอ then around the corner, across the field, up the hill and back down again. แล้วไปแถวหัวมุมถนน, ข้ามสนาม(ลาน) ขึ้นเขา และกลับลงมาอีกที Jog in a big circle, around(through) the streets... and along the roads. จ๊อกในวงเวียนใหญ่ แถวๆ(ตลอด)ถนน และตามแนวถนน Keep on jogging...until you arrive...back home. จ๊อกต่อไป กระทั่งเธอกลับมาถึงบ้าน Or.. You can go for a run. หรือ เธอจะวิ่งก็ได้นะ Oh dear! โอ้ ที่รัก! Running is much faster (quicker) than jogging. การวิ่งนั้นเร็วกว่าการจ๊อกมาก It can make you feel very tired. มันทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยมาก So.. Run to the end of the street, then around the corner, across the field, up the hill and back down again. ดังนั้น... วิ่งไปถึงปลายสุดถนน ไปแถวหัวมุมถนน, ข้ามสนาม(ลาน) ขึ้นเขา และกลับลงมาอีกที Run in a big circle, around (through) the streets and along the roads, keep on running...until you arrive...back home! วิ่งในวงเวียนใหญ่ แถวๆ(ตลอด)ถนน และตามแนวถนน วิ่งต่อไป กระทั่งเธอกลับมาถึงบ้าน!   The way you take care your health depends on many different factors. วิธีที่เธอดูแลร่างกายขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่แตกต่างกัน The thing you put in your body such as alcohol and cigarette smoke, have ability to affect the way your body functions, while cigarettes cause damage to the lungs. สิ่งที่เธอรับเข้าสู่ร่างกายเช่นแอลกอฮอล์ และควันบุหรี่ สามารถส่งผลกระทบต่อวิธีทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย ซึ่งบุหรี่เป็นสาเหตุทำลายปอด The combination of both can lead to many forms of cancer. การผสมผสานกันของทั้งสอง(บุหรี่และแอลกอฮอล์) สามารถนำไปสู่มะเร็งรูปแบบต่างๆได้ The phrase 'smoke and drink yourself to death' is a very true one. วลี "ดื่มและสูบ ชีวิตถึงตาย"นั้นจริงยิ่งนัก   Beside taking regular exercise, you must also ensure that you are getting enough rest. นอกจากการออกกำลังกายเป็นประจำ เธอต้องแน่ใจว่าได้พักผ่อนเพียงพอ ensure//verb รับรอง ให้แน่ใจว่า For example, by making sure that you are getting plenty of sleep every night. ตัวอย่างนะ ต้องแน่ใจว่าเธอได้นอนหลับเต็มที่ทุกคืน The sleeping process allows your body to unwind mentally, กระบวนการนอนหลับเปิดทางให้ร่างกายของเธอได้ผ่อนคลายจิตใจ unwind//verb คลี่คลาย while at the same time, recharging you physically. ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกัน ก็ได้เพิ่มพลังร่างกายเธอด้วย physically=adverb ทางร่างกาย One, Two, Three... หนึ่ง, สอง, สาม... It's okay, I'm just exercising my word-power. 5555 โอเค ชั้นแค่ออกกำลังพลังคำพูดชั้น 5555 Please yourself. ทำให้เธอพอใจ Believe it or not, it is possible to exercise too much. เชื่อหรือไม่ว่า มันเป็นไปได้นะ ที่จะออกกำลังกายมากเกินไป You can do too much exercise. เธอสามารถออกกำลังกายมากเกินไป If you work out too often, or try to push your body too far, ถ้าเธอออกกำลังกายบ่อยเกินไป, หรือพยายามผลักร่างกายออกไปไกลเกินไป then you run the risk of causing damage to your muscles and joints. เธอก็เสี่ยงกับการเป็นเหตุให้กล้ามเนื้อและข้อต่อได้รับอันตราย It is better to do a little over a short time, rather than a lot over a long time. มันจะดีกว่าถ้าทำทีละนิดในช่วงเวลาสั้นๆ มากกว่าทำมากๆ เป็นเวลานานๆ Especially, if you are not used to taking exercise. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเธอไม่คุ้นกับการออกกำลังกาย Just one hours per day should be enough to keep you feeling fit. แค่หนึ่งชั่วโมงต่อวันอาจเพียงพอให้เธอรู้สึกว่าร่างกายแข็งแรง If you ever find yourself feeling any pain or dizziness during exercise, then you should stop. ถ้าเธอพบว่าร่างกายรู้สึกเจ็บปวดหรือวิงเวียนระหว่างออกกำลัง เธอควรหยุด dizziness = noun เวียนหัว การวิงเวียน ความงง For most people, daily moderate exercise, with a once or twice weekly workout will be sufficient. สำหรับคนส่วนใหญ่ การออกกำลังกายปานกลางประจำวัน และ การออกกำลังกายสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้งก็เพียงพอ sufficient = adjective เพียงพอ Remember! Overdoing exercise can be just as bad as not doing it enough. จำไว้นะครับ! การออกกำลังกายมากเกินไป ให้โทษพอๆกับการออกกำลังกายไม่เพียงพอนะครับ There are many sports activities that can give you a vigorous workout and help keep you fit. มีกิจกรรมกีฬาหลายอย่างที่ทำให้คุณแข็งแรงกระฉับกระเฉงและช่วยให้หุ่นคุณเข้ารูป  vigorous = adjective แข็งแรง กระฉับกระเฉง ขยันขันแข็ง Such as... เช่น     BADMINTON     FOOTBALL     SQUASH      TENNIS       and    VOLLEYBALL.  Another great activity is... SWIMMING which is good for giving you a relaxing all - over body workout as you float (and move) in the water. กิจกรรมอื่นๆที่ดี นั่นคือ... การว่ายน้ำ ซึ่งดีที่ทำให้ร่างกายทุกส่วนผ่อนคลาย - ร่างกายทุกส่วนได้ออกกำลัง(และได้เคลื่อนไหว) เช่น ลอยตัวในน้ำ Without all that tiring muscle strain. โดยไม่ทำให้กล้ามเนื้อเจ็บปวด     HEALTH AND EXERCISE สุขภาพและการออกกำลังกาย     There has never been a time when the issue of health has been such a hot topic. ไม่เคยมีครั้งใดที่หัวข้อเรื่องสุขภาพจะเป็นประเด็นร้อนเช่นนี้ Our hectic lifestyles and the need for that magic quick fix from a burger or a bar of chocolate... ไลฟ์สไตล์ที่โลดโผนของพวกเรา และความต้องการจะซ่อมแซมให้ไวเหมือนเสกได้ จาก(การกิน)เบอร์เกอร์หรือชอคโกเลตแท่ง hectic = adjective น่าตื่นเต้น เผ็ดร้อน โลดโผน น่าใจหายใจคว่ำ a bar of chocolate =  ชอคโกเลตแท่ง has lead to an ever-growing proportion of us becoming unhealthy. ได้นำไปสู่ สัดส่วนของอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพได้เพิ่มขึ้น proportion = noun สัดส่วน//verb แบ่งสันปันส่วน วางให้ได้ส่วน eating Less and exercising more are both easier said and done. กินให้น้อยลงและออกกำลังกายให้ง่ายขึ้น ทั้งสองอย่างนั้นง่ายกว่า ทั้งพูดและทำ But just like anything, a habit can be changed or broken. แต่ก็เหมือนอย่างอื่นๆ นิสัยสามารถเปลี่ยนได้และเลิกได้ With a little determination and will power, it is possible to change the way you live and keep in shape. ด้วยความตั้งใจเพียงเล็กน้อยและพลังแรงใจ มันก็สามารถเปลี่ยนวิธีที่เธอเคยใช้ชีวิตและมีรูปร่างคงที่ Just an hour a day. for walk around the block เพียงหนึ่งชั่วโมงต่อวัน เพื่อเดินแถวๆบ้าน or a couple of workout session per week at the local gym หรือ ส่วนการออกกำลังกายสองส่วนต่อสัปดาห์ ที่ยิมแถวบ้าน can help you stay as fit as a fiddle. ก็สามารถให้คุณมีสุขภาพที่ดีแบบสมบูรณ์ได้ fiddle = verb ทำเล่น//noun ซอ as fit as a fiddle = to be in perfect health. That's better! อย่างนั้นดีกว่า! Going out on a fine day for a spot of exercise ออกนอกบ้านวันที่แจ่มใส ด้วยออกกำลังกายเป็นเป้าหมาย is a better way (of keeping) to keep your body in good condition. เป็นวิธีที่ดีเพื่อรักษาร่างกายของเธอให้อยู่ในรูปร่างที่ดี Of course, you don't always have to do something strenuous or tiring to stay fit. แน่นอนว่า เธอไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่ใช้พลังตลอดเวลาหรือเหนื่อยเพื่อให้มีหุ่นสมส่วน strenuous = adjective มีพลัง แข็งแรง บากบั่น Taking a brisk thirty minute walk at least once a day is a great way to stay in shape. การออกกำลังเดินสามสิบนาทีอย่างน้อยวันละครั้งเป็นวิธีที่ดีเพื่อให้หุ่นคงที่ a brisk = verb เปรียว//adjective รวดเร็ว คล่อง  กระวีกระวาด ว่องไว กระตือรือร้น กระฉับกระเฉง If the weather is not good, then you can walk up and down the stairs in your house a few times. ถ้าอากาศไม่ดี เธอก็สามารถเดินขึ้นและลงบันไดในบ้านได้ซักช่วงหนึ่ง The important thing is to work your body and tire it out a little. สิ่งสำคัญคือเพื่อให้ร่างกายได้ออกแรงและใช้กำลังออกมานิดหน่อย       That is all from me for today. นั้นคือทั้งหมดจากชั้น ในวันนี้ Stay healthy and happy, until the next time we meet. อยู่อย่างสุขภาพดีและมีความสุข กระทั่งครั้งหน้า ที่เราพบกัน   This is Misterduncan in England saying, นี่คือ มิสเตอร์ดันแคน ในอังกฤษ พูดว่า //ดอกมะลิ  thank you for watching me.. teaching you... ขอบพระคุณที่ดูผม สอนคุณ   and of course, ta-ta for now และแน่นอน ตอนนี้ลานะครับ                         แก้ไขเมื่อ 12 ม.ค. 55 14:03:46 แก้ไขเมื่อ 12 ม.ค. 55 14:02:30 แก้ไขเมื่อ 12 ม.ค. 55 13:57:47 แก้ไขเมื่อ 12 ม.ค. 55 13:03:41 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 15:33:22

ความคิดเห็นที่ 3 Learning English-Lesson Eight-(Stress & Worry) Learning English-Lesson Eight-(Stress & Worry) STRESS AND WORRY ความเครียด และ ความวิตกกังวล Hi everybody, this is Misterduncan in England. สวัสดีครับทุกๆคน  นี่คือ มิสเตอร์ดันแคน ในอังกฤษ How are you today? Are you OK?, I hope so! คุณเป็นอย่างไรบ้างครับวันนี้? คุณสบายดีไหมครับ? ผมก็หวังว่าอย่างนั้นนะครับ! Are you  happy? I hope so! คุณมีความสุขดีมั๊ย?  ผมก็หวังว่างั้นนะครับ! In this lesson, we will take a look at two negative parts of our lives, which can occur at any moment, ในบทนี้ เราจะดูที่ ส่วนปฏิเสธ 2 ส่วน ในชีวิตเรา ซึ่งสามารถเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ both of which have the ability to cause us varying degrees of misery, upset and even sickness. ทั้งสองส่วนสามารถเป็นเหตุแห่งความทุกข์ยาก ผิดหวัง หรือแม้แต่ ป่วยให้เราได้หลายระดับ misery//noun ความทุกข์ยาก In today lesson we will take a look at... บทเรียนในวันนี้ เราจะมาดูที่ *************************************** STRESS AND WORRY ความเครียด และ ความวิตกกังวล *************************************** Life these days seems to be getting more hectic. ชีวิตทุกๆวันนี้ ดูเหมือนจะหวาดเสียวขึ้นเรื่อยๆ hectic = adjective น่าตื่นเต้น เป็นไข้ เป็นวัณโรค น่าใจหายใจคว่ำ I don't think I can handle this. ชั้นไม่คิดว่าชั้นจะรับมือได้ It all seems too much for me. มันมากเกินไปสำหรับชั้น What will I do? ชั้นจะทำอย่างไรดี? How will I cope? ชั้นจะรับมืออย่างไร? cope = noun รับมือ จัดการ So many problems. มีปัญหามากมายเหลือเกิน It's all too much for me. ทั้งหมดมันมากไปสำหรับชั้น I can't take this pressure any longer. ชั้นไม่สามารถรับความกดดันได้อีกต่อไป I need a break. ชั้นต้องการพัก Make it all go away... ทำให้ทั้งหมดมันหายไป Please! โปรดเถอะนะ           STRESS AND WORRY ความเครียด และ ความวิตกกังวล           The word 'STRESS' relates to the physical or emotional pressure คำว่า "ความเครียด" เกี่ยวข้องกับสภาพร่างกาย หรือ ความกดดันทางอารมณ์ that we experience every day of our lives. ซี่งเราประสบอยู่ทุกวันของชีวิต Although, for most of us the stress is bearable. แม้ว่าพวกเราส่วนใหญ่จะทนกับความเครียดได้ However, there may be times when you feel as if แม้ว่า, อาจมีบางเวลาที่เธอรู้สึกเช่นว่า   you are under too much pressure from your daily life. เธออยู่ใต้ความกดดันมากเกินไปในชีวิตประจำของเธอ   This is when stress becomes a problem. นี่คือเมื่อความเครียดกลายมาเป็นปัญหา   You may have many things on your mind and you constantly worry about them. เธออาจมีหลายสิ่งในจิตใจและกังวลกับมันอยู่ตลอดเวลา constantly//adverb อย่างต่อเนื่อง เสมอต้นเสมอปลาย ไม่หยุดหย่อน   The stress can be both physical and mental. ความเครียดอาจเกิดได้ทั้งกับทางร่างกายและจิตใจ   Prolonged stress can lead to ill health. ความเครียดที่ยืดเยื้อยาวนานสามารถเป็นเหตุให้สุขภาพเจ็บป่วย prolonged = adjective// นาน ยาว ยืดเยื้อ both physically and mentally. ทั้งทางร่างกายและจิตใจ The most common side effect of stress is anxiety. ผลข้างเคียงแบบพื้นๆที่สุดของความเครียด คือ ความกังวล anxiety = noun ความกังวล   Too much stress over a long periods of time ความเครียดมากเกินไปเป็นระยะเวลานานๆเกินไป   can lead to physical and psychological problems. สามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร่างกายและปัญหาทางจิตวิทยา psychological = adjective ทางจิตวิทยา The word 'WORRY' means to continually think about something, over and over again. คำว่า "กังวล" หมายถึงเฝ้าครุ่นคิดถึงบางสิ่งบางอย่างอย่างต่อเนื่อง คิดแล้วคิดอีก Something concerns you. บางอย่างที่ทำให้คุณเฝ้ากังวล There is something on your mind which is making you unhappy. นี่คือบางอย่างในจิตใจ ที่ทำให้คุณไม่มีความสุข Worry is a negative feeling and it can make you feel miserable for a long period of time. ความกังวลเป็นความรู้สึกด้านลบและมันสามารถทำใหเคุณรู้สึกทุกข์ทนเป็นระยะเวลายาวนาน miserable = adjective อนาถ น่าสังเวช ทนทุกข์ The things we worry about vary. สิ่งต่างๆที่เรากังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง vary//verb แตกต่างกันไป แตกต่าง เปลี่ยนแปลง   Maybe you are unhappy at work or perhaps you are afraid of losing your job. บางทีคุณอาจจะไม่มีความสุขที่ที่ทำงาน หรือบางทีคุณอาจจะกลัวเสียหน้าที่การงานของคุณ   Maybe there is a problem with a relationship. บางที อาจเป็นปัญหาเรื่องความสัมพันธ์   Perhaps you are worried about where your life is going. บางทีคุณกังวลเรื่องชีวิตจะเป็นไปในทิศทางใด   The biggest worry is that of survival, which leads us to the most common worry of all... money! ความกังวลที่ใหญ่ที่สุดคือเรื่องความอยู่รอด ซึ่งนำเราไปสู่ความกังวลปกติวิสัยที่สุดของทั้งหมด เรื่องเงิน!                 STRESS AND WORRY ความเครียด และ ความวิตกกังวล                 There are many times during the day when มีหลายครั้งระหว่างวัน you may become stressed and feel tense. เธออาจจะเริ่มเครียดและรู้สึกตึงๆ You may be in a hurry to get somewhere. เธออาจรีบไปที่ไหนซักแห่ง   You could be late for an appointment. เธออาจไปตามนัดสาย You may have just missed your bus, or your car may have broken down. เธออาจจะเพิ่งตกรถ หรือรถเธออาจจะเสีย The bad attitude or behavior of another person can wind you up. ทัศนคติที่ไม่ดีหรือความพฤติกรรมของคนอื่นอาจแกล้งแหย่เธอได้ wind (someone) up = British informal // tease or irritate someone ล้อ แหย่ หรือ แกล้ง คน All of these things are likely to make you feel frustrated and annoyed. สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเหมือนว่าทำให้เธอรู้สึกผิดหวังและรำคาญ frustrated = adjective ผิดหวัง frustrate//verb อึดอัด ทำลาย กำจัด annoyed = adjective รำคาญ เคือง โกรธ ระคาย Stress comes from the anger you feel and the anger comes from your stress. ความเครียดมาจากความโกรธที่เธอรู้สึก และความโกรธก็มาจากความเครียดของเธอ In other words, they feed each other. พูดอีกอย่างหนึ่งว่า มันหล่อเลี้ยงซึ่งกันและกัน   They are many words connected to stress, such as... มีคำหลายคำ ที่เกี่ยวข้องกับ ความเครียด เช่น ANXIETY noun ความกังวล ความกระวนกระวาย ความกระตือรือร้น ความห่วงใย   The physical feeling of stress. You feel anxious. ความรู้สึกทางกายจากความเครียด เธอรู้สึก กังวล กระวนกระวาย NERVOUSNESS (NERVOUSNESS) ความกังวลใจ The feeling of stress and worry. ความรู้สึกเครียดและกังวล TROUBLE noun ความยุ่งยากลำบาก อุปสรรค ตัวปัญหา ความทุกข์ร้อน ความเจ็บปวด ข้อขัดข้อง You feel bothered and troubled by stress. เธอรู้สึกถูกรบกวนและเจ็บปวดจากความเครียด DIFFICULTY ยาก ลำบาก ยุ่งยาก ยากเข็ญ มีอุปสรรค   The feeling of being unable to cope. ความรู้สึกที่ไม่สามารถรับมือไหว cope = noun รับมือ จัดการ สู้ DISTRESS ความทุกข์   The feeling of panic and upset from stress. ความรู้สึกที่เสียขวัญและผิดหวังจากความเครียด   PANIC ความหวาดกลัว ความตื่นตกใจ ความเสียขวัญ PANIC = noun//adjective ความหวาดกลัว ความตื่นตกใจ  ความเสียขวัญ verb//ตกใจกลัว ทำให้หวาดกลัว   To lose control of your feelings, usually resulting in some sort of outward reaction, such as sudden movements and vocal sounds, such as screaming. การสูญเสียการควบคุมความรู้สึก ปกติแล้วจะแสดงออกมาเป็นปฏิกิริยาตอบสนองฉับพลันบางรูปแบบ เช่น การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างฉับพลันทันทีทันใด และการส่งเสียง เช่นการกรีดร้อง   PRESSURE  noun ความกดดัน แรงดัน แรงกดดันแรงอัด ความบีบคั้น การบังคับ   To combined feeling of all the different types of stress. You feel under pressure. การรวมความรู้สึกที่ต่างกันทุกชนิดของความเครียด เธอรู้สึกว่าอยู่ใต้แรงกดดัน TRAUMA noun การบาดเจ็บ แผลเก่า แผลบาดเจ็บ ความชอกช้ำทางจิต   Damage caused by physical injury or mental stress. To feel distressed. ความเสียหายที่เกิดจากการบาดเจ็บทางร่างกายหรือความเครียดทางจิตใจ ที่รู้สึกเป็นทุกข์ distressed//adjective เป็นทุกข์ ลำบาก STRAIN noun ความเครียด ความเคล็ด ความหักโหม STRAIN // verb// เครียด กรอง ขึงตึง รัด ทำให้เครียด เคร่งเครียดทำให้เคล็ด วุ่นวายใจ เขม็งเกลียว   The tiredness or pain caused by too much work or mental pressure. You are under strain. ความเหนื่อยหรือเจ็บปวดที่เกิดจากทำงานมากเกินไป หรือความกดดันในใจ เธอตกอยู่ภายใต้ความเครียด TENSION ความตึงเครียด The pressure caused by stress, which can have a physical effect on the body. ความดันที่เกิดจากความเครียด สามารถส่งผลกระทบทางกายภาพต่อร่างกาย WORRY ความกังวล   One of the main causes of stress. หนึ่งในสาเหตุหลักของความเครียด There are some key words connected to stress and worry. มีบางคำสำคัญที่เชื่อมโยงกับความเครียดและความกังวล   You feel anxiety and constantly worried, sometimes for no reason. เธอรู้สึกกระวนกระวายและวิตกกังวลตลอดเวลา บางครั้งก็ไม่มีเหตุผล   To feel worried and on edge. รู้สึกกังวลและเครียด on edge//adjective//Definition: tense,nervous, restless, stressful,worried   You may show this feeling by constantly moving about and fidgeting. คุณอาจแสดงความรู้สึกนี้โดยเคลื่อนไหวไม่หยุดและรู้สึกรำคาญ fidgeting//noun ความทำให้รำคาญ   A nervous person may...chew their fingernails, คนที่กังวลอาจกัดเล็บ   or talk and chat continuously, or they may do the opposite and stay still and silent. หรือพูดและคุยไม่หยุด, หรือเค้าอาจจะทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามและทำอยู่อย่างนั้นและไม่ส่งเสียง   They may sweat and look anxious. พวกเขาอาจมีเหงื่อออกและดูกังวล   Nervousness is commonly felt just before [doing] an important task, จะรู้สึกหงุดหงิดมากตอนก่อน [ทำ] งานสำคัญ,   such as sitting an exam or giving a performance. เช่นนั่งสอบหรือตอนแสดงผลงาน               WORDS CONNECTED TO WORRY...  คำที่เกี่ยวข้องกับ กังวล ..   AGONIZE ทนทุกข์ทรมาน   To go over or think about something that causes you worry and stress in your mind, again and again. แบกรับหรือคิดเรื่องที่เป็นเหตุให้คุณกังวลและเครียดในใจ อย่างต่อเนื่องคิดแล้วคิดอีก   Agonize over something. ทนทุกข์ทรมานในบางเรื่อง   An agonizing choice. ตัวเลือกที่ทุกข์ทรมาน ANGST noun ความกังวล ความกระวนกระวาย ความกระตือรือร้น ความห่วงใย   To be fearful and worried. ที่น่ากลัวและกังวล   To feel anxious. ที่รู้สึกกังวล   His angst was (is) unbearable. ความกังวลของเขามันเหลือทน   CONCERN noun กังวล ห่วง ภาระ CONCERN = verb เกี่ยวกับ เป็นกังวล โยง   To feel worried about something or someone. รู้สึกกังวลเกี่ยวกับบางอย่างหรือใครบางคน   You feel concerned. คุณรู้สึกกังวล   You show your concern. คุณแสดงความกังวล DREAD กลัว   The feeling of worry and a fear of a future event. ความรู้สึกกังวลและกลัวเหตุการณ์ในอนาคต   I dread going back to work next week. ผมกลัวจะกลับไปทำงานสัปดาห์หน้า FRET ทำให้ไม่สบายใจ   To show worry. แสดงความกังวล   To express your concern. แสดงความห่วงกังวลของคุณ   He fretted over the new arrangement. เขาทุกข์ร้อนเรื่องจัดเตรียมการใหม่   ต่อสัปดาห์หน้า 55555                                       แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 55 01:25:04 แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 55 01:24:07 แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 55 01:22:56 แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 55 01:17:02 แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 14:35:31 แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 14:32:14 แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 13:54:28 แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 55 12:40:28 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 15:35:04

ความคิดเห็นที่ 4 10 Common Expressions in English  *****************  In this lesson you will learn 10 very common English expressions used in everyday conversation. And take a quiz on the lesson to test your understanding.                   10 Common Expressions in English Hi there, my name is Valen and this is a lessen on very common English expressions. สวัสดีค่ะ วีเลนนะคะ นี้เป็นบทเรียนเรื่องการแสดงออกที่ใช้กันบ่อยๆในภาษาอังกฤษค่ะ We gonna go through 10 really really common English expressions. That you hear in English everyday conversation. ที่เธอจะได้ยินในบทสนทนาภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันนะคะ OK so we know particular order, we gonna start with umm... one that you hear a lot, เราจะเริ่มจาก this  expression is  twenty - four seven   1. Twenty - four seven OK. When someone said  twenty - four seven what's that mean?//  is because that  ความหมายนะคะ - twenty - four  hours in a day  and 7 days a week  24ชั่วโมงต่อวัน 7 วันต่อสัปดาห์ - every minute of everyday  ทุกนาที ในทุกวัน so an example is ตัวอย่างนะคะ You can access our website 24/7   เธอสามารถเข้าถึงเว็บไซด์ของพวกเราได้ 24/7 so I wrote it down just because sometime just see you can written this way ที่เขียนลง(กระดาน) นี่เพราะว่า สามารถเขียนได้สองแบบ - twenty four seven  or like this  แบบเเรก - twenty four slash seven  หรือแบบมีเครื่องหมายทับ(/) (/ = slash) And what it mean is: ความหมายคือ you can access our website any minute of any day , all the time. เธอสามารถเข้าถึงเว็บไซด์ของพวกเราได้นาทีไหนของวันไหนก็ได้, ตลอดเวลา So  someone say, Oh! I work 24/7 มีบางคนพูดว่า โอ้ว ชั้นทำงาน 24/7 They probably exaggerating. อาจจะเกินจริงไปหน่อยนะ And what they mean is: they feel like they work  every minute of everyday. เพราะความหมายมันคือ เค้ารู้สึกเหมือนว่าเค้าทำงานทุกนาทีในทุกวัน Twenty four seven.   2. Let's get the ball rolling So, next expression is get the ball rolling. การแสดงออกอันต่อมาคือ  get the ball rolling. And now this expression is: to start something ความหมายคือ//เริ่มทำบางอย่าง  if you are going to start project and someone said ถ้าเธอเริ่มต้นโครงการและบางคนพูดว่า Let's get the ball rolling. What they mean is: ความหมายคือ let's start now. เริ่มเลย ตอนนี้ This pretty simple one.ค่อนข้างง่ายนะคะ Let's get the ball rolling Let's get the ball rolling = Let's start now. Let's get the ball rolling   3. Take it easy And next expression is คำใช้บ่อยอันต่อมาคือ Take it easy Take it easy. So someone said to you ถ้ามีคนพูดกับเธอว่า I don't have any plan this weekend ชั้นยังไม่มีแพลนช่วงสุดสัปดาห์นี้ I think I'll take it easy. What they mean? หมายความว่าอะไรคะ  It's relax!!!! พักผ่อนไงคะ This is simple one, too.  อันนี้ก็ง่ายๆนะ I'm gotta take it easy = I'm going to relax. So take it easy.                 4. Sleep on it OK. The next one. โอเค อันต่อมา   Sleep on it. If someone said, ถ้ามีบางคนพูดว่า I'll sleep on it. What the mean is: ความหมายคือ  I'm gonna take sometime to think about the decision. ชั้นกำลังใช้เวลาเพื่อครุ่นคิดตัดสินใจ So someone said เพราะฉะนั้น ถ้ามีคนพูดว่า I'll get back to you tomorrow. ชั้นจะติดต่อเธอพรุ่งนี้นะ I'm going to sleep on it. I'll get back to you tomorrow. I have to sleep on it. What's that mean is, ความหมายคือ  I'm gonna think about my decision , and talk to you tomorrow. ชั้นกำลังใช้เวลาเพื่อครุ่นคิดตัดสินใจและจะพูดกับเธอในวันพรุ่งนี้ sleep on it = think about my decision I'll get back to you sleep on it = ใช้เวลาเพื่อครุ่นคิดตัดสินใจและจะบอกให้เธอทราบในเวลาถัดมา (คล้ายๆ แปลว่า นอนคิด)   5.  I'm broke A really common one.  อันนี้ก็ใช้กันเป็นปกติจริงๆนะ So  I'm broke, doesn't actually mean you're broken, So  I'm broke, ไม่ได้หมายความว่า(อวัยวะส่วนไหน)เธอแตก หัก จริงๆนะ  it means you have no money. มันหมายความว่า เธอไม่มีตังค์ I'm broke = I have no money. This's a really common expression, that you're hear all the time. อันนี้ก็ใช้กันทั่วๆไปนะ เธอจะได้ยินบ่อยมาก   6. Sharp    = exactly/ be on time OK. Someone says to you, โอเค ถ้ามีคนพูดกับเธอว่า The meeting is at 7 o'clock sharp! What they mean is: ความหมายคือ the meeting is exactly at 7 o'clock. ประชุมมีตอน 7 โมงเช้าเป๊ะ When someone say sharp! ถ้ามีคนพูดว่า sharp! what they're mean is ความหมายคือ = don't be late ห้ามมาสายนะ, the meeting is start exactly at 7 o'clock. ประชุมเริ่มตอน 7 โมงเช้าเป๊ะนะคะ so this expression here is sharp! the meeting is at 7 o'clock sharp! If someone says that to you, ถ้ามีคนพูดเช่นนี้กับคุณ  that mean, =  be on time, หมายความว่า ให้มาตรงเวลา it will start exactly at 7 o'clock.                   7.  Like the back of my hand So, what's this mean? หมายความว่าอะไรคะ It's a the back of your hand = - something that familiar to you บางอย่างที่คุณคุ้นเคยชิน, - you know it well. เธอรู้/รู้จักมันเป็นอย่างดี - You see it all the time. เธอเห็นมันตลอดเวลา I know this city, like, as the back of my hand. ชั้นรู้จักเมืองนี้  as the back of my hand. It means หมายถึง = I know the city ชั้นรู้จักเมือง  very well, and very familiar with it. เป็นอย่างดี และคุ้นเคยกับมันมาก Very common expression. ก็ใช้กันบ่อยนะ  Like the back of my hand. You know? รู้มั๊ยคะ?  You can also say umm.. เธอสามารถพูดว่า อืม... he know the city like the back of his hand. Same idea. เขารู้จักเมืองนี้เป็นอย่างดี like the back of his hand ได้เหมือนกัน คอนเสปท์เดียวกัน = You know something very very well. หมายถึงเธอรู้จักบางสิ่งเป็นอย่างดีมาก - it's very familiar to you. เธอคุ้นเคยกับมันมาก Like the back of my hand. OK. So, here's the other one. โอเค มีอีกอันนึงนะคะ It's the word HAND. เกี่ยวกับคำว่า HAND You can say เธออาจจะพูดว่า 8. Give me a hand. Give me a hand. So someone says to you, ถ้ามีคนพูดกับเธอว่า do you wanna give me a hand = mean หมายถึง = Do you wanna help me? เธออยากช่วยชั้นมั๊ยคะ? So,for example, ตัวอย่างนะคะ somebody carried something ถ้ามีคนถือของมา   and they say, และพูดว่า oh! Would you give me a hand? โอ้ว Would you give me a hand? They don't want you to put it, your hand เค้าไม่ได้อยากให้คุณยื่นเอามือเข้าไปให้เค้านะคะ They want you to help them. เค้าอยากให้คุณ "ช่วย" เค้าน่ะค่ะ Would you give me a hand? = Would you help me? คุณช่วยชั้นหน่อยได้มั๊ยคะ?   Give me a hand.   9. In ages Example: ตัวอย่าง  I haven't see him in ages. So, what does mean is ความหมายคือ In ages =  for a long time เป็นเวลายาวนานมากๆ So, I haven't see him in ages =I haven't see him for a long time. ชั้นไม่ได้เจอเค้า in ages =ชั้นไม่ได้เจอเค้านานมากๆๆๆ In ages =  for a long time OK. Last one. โอเค อันสุดท้าย 10. Sick and Tired OK โอเค Sick and Tired = mean ความหมายนะคะ = I don't like, or I hate ชั้นไม่ชอบ หรือ ชั้นเกลียด When you say I sick and tired of doing homework. เมื่อเธอพูดว่า  I sick and tired of doing homework. That means I don't wanna do homework anymore. You don't like it. หมายความว่า เธอไม่อยากทำการบ้านอีกต่อไปแล้ว เธอไม่ชอบ Sick and Tired จบละคะ 10 common English expression   ลองทบทวนดูนะคะ ว่า 10 อัน มีอะไรบ้าง อ่านให้ขึ้นใจ เข้าใจ แล้วทำแบบฝึกหัด ในลิงค์นี้ค่ะ ง่ายมาก ถามตามที่เค้าพูดไปเด๊ะๆเลยค่ะ โชคดีนะคะ 1,016,841 - นี้เป็นจำนวนคนที่เข้าชมคลิปนี้จ้า โชคดีในการทำแบบฝึกหัดจ้า http://www.engvid.com/10-common-english-expressions/#quiz                     แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 55 05:19:43 แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 55 04:59:09 แก้ไขเมื่อ 12 ม.ค. 55 14:07:48 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 15:41:49

ความคิดเห็นที่ 5 Idioms in English - 'All'  Idioms are sometimes difficult for ESL learners because the sentences aren't meant literally. In this lesson, we will cover 7 very common idioms that contain the word 'all'. literally = adverb อย่างแท้จริง อย่างไม่เลยเกิด เป็นไปตามตัวอักษร Idioms in English - 'All' สำนวน เกี่ยวกับ - 'All'  Hello my name is Valen, and this is the lesson on idioms สวัสดีค่ะ วีเลนนะคะ และนี่คือบทเรียนเรื่อง idioms หรือ สำนวน  idioms = สำนวน so idioms is a phrase, that used English word. idioms is a phrase สำนวน คือ วลี กลุ่มคำ หรือถ้อยคำสำนวนในภาษาอังกฤษที่ไม่ได้มีความหมายตรงตัวค่ะ phrase = noun วลี สำนวน ถ้อยคำ กลุ่มคำ โวหาร คำคม And it's an expression, so the words don't represent the literal meaning. ไม่ได้มีความหมายตรงตัวค่ะ Whichis why idioms are sometime  hard to understand for ESL learner.ซึ่งบางครั้งทำให้นักเรียนที่เรียนภาษาอังฤษเป็นภาษาที่สอง เข้าใจได้ยากค่ะ ESL - English as a Second Language So today, I'm gonna take you through quite of few idioms that use the word "All" ดังนั้นวันนี้ เราก็จะมาเรียน บางสำนวนเกี่ยวที่ใช้คำว่า All กัน OK. So all of these idioms, that we gonna go through today, are commonly use in English conversation. สำนวนเหล่านี้ พบได้ปกติในบทสนทนาภาษาอังกฤษนะคะ I'm not gonna teach you any of the really out there one. This one all is use quite often. ชั้นจะไม่สอนอะไรที่ยากหรือไม่ได้ใช้ค่ะ สำนวนเหล่านี้ใช้บ่อย So, the first of all, we gonna learn is   1.  All your eggs in one basket. All your eggs in one basket. So here's the sentence. ประโยคตัวอย่างค่ะ You usually gonna here it as, in the negative, so ปกติเราใช้ในรูปปฏิเสธ เป็น Don't put all your eggs in one basket อย่าเอาไข่ทั้งหมดใส่ไว้ใน 1 ตะกร้า (ให้กระจายความเสี่ยง) and what's it mean because all the eggs are fragile ความหมายคือ เพราะไข่มันเปราะบาง and they break, If you put all your egg in one basket, ถ้าคุณรวมมันไว้ในตะกร้าใบเดียว if you drop it, you gonna loose all your egg at once. ถ้าคุณทำมันตก คุณก็จะเสียไข่ทั้งหมดในคราวเดียว So the meaning in that phrase is ดังนั้น ความหมายของวลีนี้ก็คือ = don't put like - ,spread the risk out, ให้กระจายความเสี่ยง - don't put everything into อย่าใส่ทุกอย่างเข้าไว้ด้วยกัน ,so you betting something, don't put all your money on one horse, for example. เช่น คุณวางพนัน, อย่าวางเงินทั้งหมดที่ม้าตัวเดียว เป็นต้น So, don't take a risk, you gonna loose everything. ดังนั้น อย่าเสี่ยงนะคะ, คุณจะเสียหมดทุกอย่าง It's what this mean. นั่นคือความหมายค่ะ Don't put all your eggs in one basket OK the next idioms we going to learn is โอเค สำนวนต่อไปที่เราจะเรียน คือ   2. All ears. So, we hear with our ears. เราได้ยินกับหูของเรา And if you listening to somebody, และถ้าเรากำลังฟังคนพูดอยู่ and you want to say, I'm listening. เราอยากจะบอกว่า เราฟังอยู่นะ A common expression that you use, is เราใช้ I'm all ears. So, usually, you use this one in referred yourself. ปกติแล้ว เราใช้เมื่อพูดถึงตัวเราเอง You shouldn't say  he all ears. เราไม่ใช้ว่า เขาฟังอยู่นะ You usually say, I'm all ears. เราใช้ว่า ชั้นฟังอยู่ So, and if you listening somebody's telling something, ดังนั้น ถ้าเรากำลังฟังบางคนกำลังเล่าอะไรอยู่ you  say, เราใช้ I'm all ears = it means หมายความว่า , you listen.ชั้นฟังอยู่นะ All ears. OK Alright, next idioms is All in your head.   3. All in your head.  All in your head. So, somebody said to you, ถ้ามีบางคนพูดกับคุณว่า that something is all in your head. = it means that you're imagining that ก็หมายความว่าคุณกำลังจินตนาการอยู่ So, you are really worry about something ดังนั้น ถ้าคุณกำลังกังวลกับบางอย่างอยู่ and somebody said  to you, และบางคนพูดกับคุณ Don't worry. อย่ากังวลไป It's all in your head. What's that mean? หมายความว่าอย่างไร? = it's that, it's not really real, หมายความว่า มันไม่ใคร่จริงนัก - you just imagining that, and created it in your head. คุณเพียงแต่จินตนาการมันขึ้นมา  และสร้างมันขึ้นในหัวของคุณ  All in your head.  You can also say, I'm sure it's all in my head. คุณยังสามารถพูดว่า, ฉันแน่ใจว่าชั้นจินตนาการอะไรอยู่ในหัว So, I'm just imagined it, or blowing that proportion, making it  into a very big deal.  ชั้นแค่จินตนาการน่ะ หรือทำออกมาให้มันเป็นรูปเป็นร่าง which it's not really that big of the deal.  ซึ่งมันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ได้สลักสำคัญนัก All in your head. OK. And next idioms using all is   4. All in a day's work. All in a day's work. so what is this mean ? หมายความว่า ? It's...  it's basically mean, โดยทั่วๆไปแล้ว มีความหมายว่า that, umm, something that no big deal. มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ So somebody thanks you for doing something ดังนั้น ถ้ามีคนขอบคุณคุณที่คุณทำอะไรให้ and you say oh, it's all in a day's work. = และคุณพูด  it's all in a day's work. มีความหมายว่า = 1. it just mean no problem. ไม่มีปัญหาจ้ะ 2. Don't worried about it.อย่ากังวลไป 3. It wasn't that big of the deal. It's all in a day's work. ไม่ใช่เรื่องใหญ่จ้ะ 4. It was simple. เรื่องง่ายๆเอ๊ง 5. That was pretty easy.มันง่ายเลยจริงๆ All in a day's work. Alright โอเคนะ   5. All hell broke loose. This is one I really like. อันนี้ดิชั้นชอบมากค่ะ All hell broke loose. So, obviously, this one, is a little more negative than the other one, อันนี้มันจะออกความหมายแนวแง่ลบมากกว่าอันอื่นๆหน่อยนะคะ so if you said  ถ้าคุณพูดว่า All hell broke loose.  It mean, it was was chaos...... chaos//noun ความสับสนวุ่นวาย กลียุค ความโกลาหล ความยุ่งเหยิง ความทุลักทุเล ความอลเวง So, you're in the situation and you said to somebody then all hell broke loose. and then it was chaos. ก็คือ เธออยู่ในสถานการณ์นั้น และเธอพูดกับบางคนแล้ว ความวุ่นวายโกลาหลก็เกิดขึ้น All hell broke loose.   6. All over the map. OK All over the map. So, a map was a piece of paper that knows the area of land. แผนที่ คือ กระดาษแผ่นหนึ่ง ที่ให้ความรู้เรื่องพื้นที่ดินแดน  And if you said that something was all over the map และถ้าเธอพูดว่าบางอย่างมัน all over the map For example, ตัวอย่างเช่น if a teacher was given you a lecture and it really difficult to understand and hard to follow. ถ้าครูบรรยายให้เข้าใจยากและคิดตามได้ยาก And there were jumping from subject to subject. และ(อธิบาย)ข้ามไปข้ามมาจากเรื่องนึงไปอีกเรื่องนึง You will say, that lecture was all over the map. เธออาจจะพูดว่า การบรรยายนั้น  all over the map You couldn't understand that. เธอไม่เข้าใจนั้นเลย  You couldn't follow it. เธอไม่สามารถตามมันได้ Like a path on the map, there was no path. เหมือนมีเส้นทางบนแผนที่ แต่มันไม่มีเส้นทางเดิน It was everywhere. มันเลยไปทุกที่ Like it was, incomprehensible. เหมือนกับมัน เข้าใจยาก ไม่มีขอบเขต ไม่สามารถเข้าใจได้ incomprehensible//adjective เข้าใจยาก ไม่มีขอบเขต  ไม่สามารถจะเข้าใจได้ It was all over the map.  = So, you can't understand that. ชั้นไม่สามารถเข้าใจได้ You referred to something like a lecture, คุณใช้เมื่อพูดถึงกรณีที่เหมือนกับการบรรยาย if someone talking to you ถ้ามีคนคุยกับเธอ and you didn't understand what they were saying และเธอไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไร because they were jumping around all the time. เพราะเขาพูดข้ามไปข้ามมาตลอดเวลา There were all over the map. OK we have one more idioms โอเคนะ เรามีอีกสำนวนนึง   7. All eyes on me. See, you can say, ดูนะ อาจใช้ได้ว่า   All eyes on me. All eyes on him. All eyes on her. All eyes on ....... . basically what it means is that, ความหมายที่ใช้กันทั่วๆ คือ everybody looking at you. ทุกคนดูมาที่คุณอยู่ And waiting for something to happen, และรอให้เกิดเหตุการณ์บางเหตุการณ์เกิดขึ้น So, you about to get the speech you will say.. And then, all eyes were on me. ดังนั้น เธอรอจะพูด  และแล้ว ตาทุกคู่ก็จับจ้องมาที่ชั้น And it means everybody waiting for your talk, มันหมายความว่า ทุกคนรอดูเธอพูด waiting to see, what you gonna do next, and watching. รอจะดู ว่าเธอจะทำอะไรต่อไป และกำลังดูอยู่ So, you can say, if the president will give a speech, all eyes are on him. เธอสามารถพูดว่า ถ้าประธานาธิบดีจะพูดปราศัย สายตาทุกคู่้ก็จับจ้องอยู่ที่ท่าน And it ... give the impression, not only they looking at them, but that they waiting for something, to happen or anticipating something. และมันก็เกี่ยวกับการสร้างความประทับใจด้วย ไม่เพียงแต่พวกเขาจะมองที่เขา แต่เค้ายังรอให้อะไรบางอย่างเกิดขึ้น หรือคาดการณ์อะไรบางอย่างด้วย OK So we learn 7 idioms using the word ALL we learn 1. All eyes on me 2. All over the map 3. All hell broke loose. 4. All in your head 5. All ears 6. Don't put all your eggs in one basket. 7. All in a day's work. And that's it for today. นั่นคือทั้งหมดค่ะ สำหรับวันนี้ Don't forget to take the quiz, right underneath the video อย่าลืมทำควิซข้างล่างวิดีโอนี่ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ http://www.engvid.com/english-idioms-all/ แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 55 11:25:32 แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 55 12:38:07 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 15:43:36

ความคิดเห็นที่ 6 Advanced English Grammar ESL Lesson - Conditionals In this lesson, Brian reviews the three basic conditionals:  first (probable) conditional,  second (improbable) conditional and  third (past improbable) conditional. you are watching Chalk n Talk CONDITIONALS Let's take a look at these 3 conditionals These 're your the basic conditional 1. If it rains, we will cancel the picnics. We will go on a picnic if it doesn't rain. 2. If I were you, I'd get more rest. I'd buy you a new car if I were rich. 3. If I hadn't gone to that party years ago, I wouldn't have met my future wife. number one.. we going to called it the first condition. we'll called it the real or the .. conditional. Let us stick to the first one, OK? 1. If it rains, we will cancel the picnic. We will go on a picnic if it doesn't rain. If it rains, we will cancel the picnic. Take a look at these verb tense. In the if clause we have simple sentence (we will cancel the picnic.) That still indicate the future. We have the simple future over here (we will cancel the picnic.) So, the idea is, it could rain, there's a possibility of it. It's probably going to happen So we use the first condition. PROBABLE You can always put the if clause later in the sentences I've done in the second. For the first conditional here. We will go on a picnic if it doesn't rain. We will go on a picnic ... if clause at the end    ..if it doesn't rain. We can put at the beginning / at the end The second conditional is also known as Unreal Conditional, we gonna called the second conditional. Let's take a look at this. 2. If I were you, I would get more rest. I would buy you a new car if I were rich. Those two are Unreal Conditional, in other word, it's impossible for ME to be YOU but if this actually took place, this is what what happen. (I would get more rest.// I would buy you a new car) same thing here (I would buy you a new car if I were rich.) Am I rich? No. But if I were rich. Now, of course, if you gonna notice immediately, the verb here WERE and WERE with I. Formally, people use WERE, for the second conditional. Some people will say WAS, that sort of an informal way using it. Lots of people will use it, however. So, let's take a look again If I were you, I'd get more rest. I'd is actually the short form of I WOULD If I were you, I would get more rest. In the IF Clause we have the WERE, and then the other clause we have the WOULD. Second example here I'd buy you a new car if I were rich. I just switch them around. If I were rich, I'd buy you a new car Once again, I WOULD BUY and this is WERE RICH Is it true? No. But imagine. 3. And finally, we get to the third conditional. It didn't happened.  It's too late to happen because it happen before in the past or it wouldn't happen in the past but it didn't. It's impossible now but imagine, if. 3. If I hadn't gone to that party years ago, I wouldn't have met my future wife. If I hadn't gone to that party years ago,   this is for an example. I met my wife at university at the party and if I hadn't gone to that party wow, we wouldn't be marry now. this is about ... If I hadn't gone to that party years ago, I wouldn't have met my future wife. HADN'T GONE we have Past Perfect and then in this case we have  WOULDN'T HAVE So again, If I hadn't gone to that part years ago, I wouldn't have met my future wife.  or I wouldn't have met my future wife. If I hadn't gone to that part years ago, so the verb tenses are all different in these 3 examples. The first conditional, the probable one look, at that one, WE WILL. If it rains, WE WILL Next one, If I WERE you, I WOULD get more rest.   If I HADN'T gone, I WOULDN'T have met. So these 3 conditionals indicate different time frame. And this is the usual set up. This is the usual way that the grammar book present them. Common Mistakes Before I'll talk about the grammar in this sentence.  I would like to emphasize that there are a lots of mistake in these sentence OK? So this is incorrect grammar. Incorrect! If I would have went there, I would have drank Pepsi all night. This is completely wrong, for the third conditional as we discussed. It should be If I had gone there, to the party. and then we continue on these condition here. I would have drank Pepsi all night. drank = wrong drunk  = right I would have drunk Pepsi all night.  = right แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 55 06:55:37 แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 55 12:38:45 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 15:46:01

ความคิดเห็นที่ 7 English Communication Skill part 1-2 อันนี้ต่อจากในกระทู้ 1 เช่นกัน จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 15:49:20

ความคิดเห็นที่ 8 English Communication Skill part 1-3  จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 15:50:40

ความคิดเห็นที่ 9 **************************************************************************************** Job interview tips - Job interview questions and answers  ทิปในการสัมภาษณ์งาน - คำถามและคำตอบ **************************************************************************************** Q: Hi there, I'm Janice Richardson. สวัสดีค่ะ ดิชั้น จานิส ริชัดสั้น นะคะ   If you want to learn, how to ans a job interview,stay tune we about to talk about it. ถ้าคุณอยากทราบว่าจะตอบคำถามการสัมภาษณ์งานอย่างไร เรากำลังจะคุยกันถึงเรื่องนี้ค่ะ   with Maggie Mistal who's a life per person career coach// (career consultant) we can be heard regularly on Martha Stewart Living Radio on Sirius. กับคุณ แมกกี้ มิสทาล ที่ปรึกษาด้านอาชีพ ปกติเราจะได้ยินเธอประจำ บนคลื่นวิทยุ มาร์ธ่า สจ๊วต ลิฟวิ่ง บน ซิริอุส   Thank you so much for being with us. ขอบคุณมากนะคะที่มาร่วมรายการกับเรา A: Thank you. ขอบคุณค่ะ   Q: You show up your dresses properly. You walking to meet the interview. Which is the first thing you do when you walk in? คุณแต่งตัวมาอย่างเหมาะสม คุณเดินเข้าไปสัมภาษณ์ สิ่งแรกที่คุณจะทำคืออะไรคะ A: I loved to smile. And obviously, i think you can tell by that but I like to make the interviewer just it,at ease as I'm trying to be.  Because really, this interview is a conversation that you gonna have with this other person, with human being. ชั้นชอบยิ้มค่ะ และปกติแล้ว คุณก็สามารถบอกได้จาก(ที่เห็น)นี้อะนะคะ แต่ชั้นชอบทำให้ผู้สัมภาษณ์รู้สึกสบายๆ ผ่อนคลาย เหมือนที่ชั้นพยายามทำ เพราะ จริงๆแล้ว การสัมภาษณ์นี้ ก็เป็นบทสนทนาที่คุณกำลังสนทนาก้บคนอื่น กับคนคนหนึ่งอยู่   And it can be real ice - breaker. You can just be relax, at least, give yourself relax, you can say Hi How are you? And even try to talk about the weather or sometime both.   Other ice breaker that kind of give everybody a chance to take a deep breath because this is a valuative conversation. And it can be nerve - wrecking for both of party.   และมันต้องเป็นการทำลายบรรยากาศเงียบ(ระหว่างคนไม่รู้จักกัน) คุณก็แค่ ผ่อนคลาย อย่างน้อยที่สุดก็มำให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลายน่ะค่ะ คุณสามารถ กล่าว (1) "สวัสดีค่ะ สบายดีมั๊ยคะ" และ (2) แม้กระทั่งพยายามจะพูดคุยเกี่ยวกับ ดินฟ้าอากาศ ก็พูดได้ หรือจะ พูดทั้ง 2 อย่างเลยก็ได้   การเริ่มบทสนทนา ก็คือ การให้โอกาสทุกคนหายใจลึกๆ เพราะนี่มันเป็นบทสนทนาที่ มีคุณค่า มีราคา และมันสามารถ ทำให้ทั้ง 2 ฝ่าย เครียดกังวลสั่นประสาท ได้   Q: So the interviewer said to that prospective employee. Why do you wanna leave your job? แล้ว คนสัมภาษณ์ ถามผู้ถูกสัมภาษณ์ว่า ทำไมคุณถึงออกจากงาน?   A: Yes, that's always a great question, isn't it? And you have to be prepare for those key question, especially, why you moving on? Now, if you moving on because you can't stand your boss,right?   ถูกต้องค่ะ นั่นเป็นคำถามที่ดีเสมอ ไม่จริงหรอ? และเธอต้องเตรียมตัวสำหรับคำถามสำคัญเช่นนี้ โดยเฉพาะ คำถามว่า ทำไมเธอถึงเปลี่ยนงาน?  ตอนนี้, ถ้าเธอเปลี่ยนงานเพราะเธอทนเจ้านายเก่าเธอไม่ได้ ถูกมั๊ย? Q:5555   A: which happened a lot and we're all been there, you don't want to say that. What you do want to say is, that, I really need to be in a place where I can be managed and developed and where I can get guidance or mentoring.   You really focus on the thing that you looking to get  as a  pose to all the reasons why you don't have it now.   ซึ่งมันเกิดขึ้นเยอะมาก และพวกเราทุกคนก็เคยผ่านมาแล้ว เธอไม่อยากกล่าวถึงเรื่องนั้น แล้่วเธออยากจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นล่ะ "ชั้นอยากจริงๆที่จะอยู่ในที่ทำงานที่ชั้นจะถูกพัฒนาและได้รับการจัดการ ซึ่งเป็นที่ที่ชั้นสามารถได้รับคำแนะนำด้านแนวทางหรือให้คำปรึกษาแก่ชั้นได้ค่ะ" คุณโฟกัสไปที่ทุกเหตุผลที่ว่าทำไมคุณไม่อยู่ที่เดิมแล้ว   Q: There are some people who walk in to that interview and they walk in a little defensively and that because they really need a job and they hear the word you're overqualified and they willing to take a job and do the best at it.    How do you handle your overqualified?   บางคนเดินเข้ามาสัมภาษณ์และดูตั้งรับนิดหน่อย เพราะอยากได้งานมาก แล้วเราได้ยินคำว่า เธอ คุณสมบัติเกิน และคนพวกนี้อยากได้งานจริงๆและพยายามสุดความสามารถตอนสัมภาษณ์   จะตอบคำถามเรื่องความสามารถเกิน ว่าอย่างไร?   A: You can say thing like,well, you know, I really though about that if I were be your shoes I'll asking the same question. And when I think about that I can tell  for a fact, I'm looking to down shift and I know this industry well and I don't need to be in charge. I've been the person on the  total .... before, I can do that again.   I'm really looking for the place that I can contribute but where I don't want to be the one running the show. I'm really address that concern which behind the overqualified comment.   เธอสามารถตอบคำถาม เช่นว่า "ชั้นครุ่นคิดถึงเรื่องนี้จริงๆ และถ้าชั้นเป็นคุณ ชั้นก็จะถามคำถามเดียวกันนี้ และเมื่อชั้นคิดถึงเรื่องนี้ ชั้นสามารถตอบตามความจริงได้ว่า ชั้นต้องการตำแหน่งงานที่ลดลง และชั้นรู้จักธุรกิจอุตสาหกรรมนี้ดี และชั้นไม่ต้องการเป็นคนถืออำนาจสั่งงาน ชั้นเคยเป็นคนที่ .... มาก่อน  และชั้นสามารถกลับไปทำอย่างนั้นได้อีก   ชั้นกำลังมองหาที่ทำงานจริงๆ ที่ที่ชั้นสามารถสนับสนุน แต่ เป็นที่ที่ชั้นไม่ต้องการเป็นคนหนึ่งที่แสดงผลงานอยู่ข้างหน้า " ชั้นตอบแสดงความเห็นค่อนข้างในจุดที่คนถามอยากฟังเรื่องคุณสมบัติเกิน   Q: And they may say, You just don't have enough experience for us. และเค้าอาจบอกว่า คุณแค่ไม่มีประสบการณ์มากพอสำหรับ(บริษัท)เรา   A: For folk just starting out maybe new career or college student, you just graduate. Folk out of high school, you didn't know the work well, that's a common problem.   So again I go back to internship are great anyway that you can get some experience on your resume, to demonstrate  hey,ya, I may not be you know, 10 years in that feel, but  I can tell you in this physic experience that i had this summer.   สำหรับเพื่อนทีเพิ่งเริ่มงานใหม่หรือ นักเรียนที่เพิ่งสำเร็จการศึกษา หรือเพิ่งสำเร็จชั้นมัธยมปลาย เธอยังไม่รู้เรื่องงานดีนัก  นั่นเป็นปัญหาพื้นฐานเลยค่ะ   อีกครั้งนะคะ ชั้นจะเล่ากลับไปถึงตอนที่ฝึกงานเป็นช่วงเวลาที่ดี อย่างไรก็ดี เธอสามารถเล่าประสบการณืการทำงานได้ในเรซูเม่ เพื่ออธิบาย ชั้นอาจจะไมได้แบบ เหมือนมีประสบการณ์มา 10 ปี แต่ ชั้นสามารถเล่้าถึงประสบการณ์ที่ชั้นได้ไปลงแรงมาในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา     I didn't know anything going in and here, how successful I was. You wanna show situation where, yeah, you went in without a lot of experience, but I still able to succeed. And this is the references is,  can be so helpful as well.   Even you don't have the experience , anybody can be a good reference for you. Even a teacher or professor or even someone that you volunteer for. Who can added test to your ability to learn quickly and perform well can be a great asset.   ชั้นไม่รู้ว่าผลงานของชั้นที่ผ่านมา  ชั้นจะประสบความสำเร็จแค่ไหน เธอควรจะโชว์สถานการณ์ที่ เธอได้ทำมา แม้ว่าจะไม่ได้มีประสบการณ์มากนัก แต่ยังคงประสบความสำเร็จได้ และนี่คือผู้อ้างอิงมีไว้เพื่อการณ์นี้  ซึ่งสามารถเป็นประโยชน์ได้เช่นกัน   แม้เธอจะไม่ได้มีประสบการณ์มาก ใครก็ได้สามารถมาเป็นผู้อ้างอิงที่ดีให้เธอได้   แม้ว่า ครู หรือ ศาสตราจารย์ แม้แต่คนที่คุณเคยไปช่วยเป็นอาสาสมัครมา คนที่ฝึกความสามารถให้คุณเรียนรู้ได้เร็วขึ้น และการทำงานเป็น สามารถเป็นสินทรัพย์ที่ดีด้วยค่ะ   Q: We really like you, how much money are you looking  for? It's such a trick question.   พวกเราชอบคุณมากนะ คุณต้องการเงินเดือนเท่าไหร่คะ ช่างเป็นคำถามที่เป็นทริคจริงๆ   A: It is. And for that question, you definitely wanna do your homework, the best you use on the internet salary.com  indeed.com monster.com   hotjobs.com a lot of them have a salary culculator associate with them now.    So you can look at the job title in your geographic area and get the range of salary for that position, and find where you were fit, base on the level experience.   ใช่ค่ะ และสำหรับคำถามนั้น  แน่นอนว่าคุณต้องทำการบ้านมา สิ่งที่ดีที่สุดบนอินเตอเนตที่คุณจะใช้ บนเว็บ salary.com  indeed.com monster.com   hotjobs.com หลายๆเว็บ ตอนนี้มีเครื่องคิดเลขที่ไว้คิดคำนวนรายได้ ไว้ให้ใช้ติดมาด้วยแล้ว ดังนั้น คุณก็สามารถดูที่ตำแหน่งงาน ในเขตพื้นที่ที่คุณต้องการ และหาช่วงระดับรายได้ของตำแหน่งนั้นๆ  และหาว่าที่ไหนที่เหมาะสมสำหรับคุณ ขึ้นอยู่กับระดับประสบการณ์   Q: Briefly, If the interview hasn't brought up the word salary, should you? สั้นๆนะ, ถ้าคนสัมภาษณ์ ไม่ได้พูดเรื่องเงินเดือน คุณควรจะพูดมั๊ย?   A: Not right away. In the innitial conversation,you want to get to know, whether or not, this  job, even not a good fit. And I will tell people, become superstar at this person, first.   And then you are at much nagotiate place salary and they may pay more for you. Because wow!, we can't let Janice go, she's such a fabulous! We can't, we gonna pay this much, but now that, we found Janice, we're willing to do more.   ไม่ใช่พูดในทันทีนะ ในบทสนทนาสั้นๆ คุณต้องการจะทราบว่า ไม่ว่าจะยังไง แม้จะไม่ใช่งานที่เหมาะ ชั้นก็จะบอกคนถูกสัมภาษณ์ ว่าให้ทำตัวเป็นซูเปอร์สตาร์(สมาร์ท น่าสนใจ มีเสน่ห์ เข้ากันได้ ผู้คนชื่นชอบ) ต่อหน้าคนสัมภาษณ์ก่อน   แล้วต่อจากนั้น คุณจะอยู่ในจุดที่สามารถต่อรองเงินเดือนได้ และเค้าอาจจ่ายให้คุณเพิ่ม เพราะ(ถ้า) ว้าว เราไม่สามารถให้ จานิสออกจากงานนี้ได้ เพราะเธอทำงานเลิศมาก เราไม่สามารถ(ให้ จานิสออกจากงาน) เมื่อก่อน เราอาจไม่สามารถจ่ายให้ได้มากขนาดนี้ แต่ตอนนี้ เราค้นพบจานิส เรายินดีจะจ่ายให้เธอเพิ่ม   Q:  Healthcare, Flextime, Vocation Time ... These issue you should bring up during the first interview or do you wait for, come back and meet Mister Smith ประกันสุขภาพ, วันลา, วันพักร้อน หัวข้อเหล่านี้คุณควรจะนำมากล่าวมั๊ย หรือรอให้กลับมาถามมิสเตอร์ สมิทธิ์(ฝ่ายบุคลากร)คนที่สัมภาษณ์คุณทีหลัง   A: Right. Wait for to come back because, again,first interview should be about.   Is this the company I should picture myself in, and .... for the interview? this the place you can see yourself in. Do your, really be your best self!!  And really let them know why you be a fantastic fit.   ถูกต้องค่ะ ควรจะรอ จนเรากลับมาค่ะ เพราะว่า พูดอีกทีนะคะ การสัมภาษณ์ครั้งแรก ควรเป็นเรื่องเกี่ยวกับ    นี่เป็นบริษัทที่ชั้นจะเห็นภาพตัวเองทำงานที่นี่มั๊ย? และ...ในการสัมภาษณ์มั๊ย? นี่เป็นที่ที่เธอสามารถเห็นตัวเธออยู่ในที่นี่ ทำต้วเธอออกมาให้ดีที่สุดอะค่ะ  และทำให้เค้ารู้จริงๆว่าทำไมคุณถึงเหมาะสมกับที่นี่อย่างมากอะค่ะ   Q: We're certainly happy to have you with us. Thank you so much Maggie Mistal. แน่นอนว่าเรามีความสุขมากที่ได้คุณมาอยู่กับเรานะคะ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ แมกกี้ มิสทัล   A: You're welcome. ยินดีค่ะคุณ 1,186,886 - คือจำนวนวิวคลิปนี้ค่ะ                               แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 55 08:11:33 แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 55 08:09:36 แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 55 08:06:02 แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 55 12:43:44 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 15:55:20

ความคิดเห็นที่ 10 Learn English 01 - Introductions อันนี้มาใหม่ จาก EF // stands for “Education First  สถาบันสอนภาษา ดังนะ. Learn to introduce yourself in English. In this beginner English lesson you will see people introducing themselves and asking you to introduce yourself. Learn how to tell people your name and where you are from. Improve your English the fast way with englishtown.com - Free trial at http://www.englishtown.com/online/home.aspx?etag=E17957. If you are looking to study abroad find out more at http://www.ef.com แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 55 16:04:15 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 16:00:37

ความคิดเห็นที่ 11 Learn English 02 - Time time time Learn to talk about time in English. In this beginner English lesson you will see two people talking about going to a movie together. They ask and answer questions about the movie schedule using different expressions of time. Curious about learning online with Englishtown.com? Visit http://ไม่ใช่ลิขวิดครับ/aoRE3Z for a free trial and more information. To learn a language where it is natively spoken, see http://www.ef.com . จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 16:03:24

ความคิดเห็นที่ 12 มาทวนแกรมม่า ง่ายๆ กันบ้าง และมาทำแบบฝึกหัดตอนท้าย “Yes, I do” or “Yes, I have”? – Speaking English Learn this easy trick to remember how to answer yes/no questions that use do and have. This is useful for beginners, and a good reminder for intermediate students who may still be making this common mistake. For more information on short answers http://www.engvid.com/yes-i-do-or-yes-i-have/ จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 16:10:01

ความคิดเห็นที่ 13 แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 55 16:18:45 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 16:15:23

ความคิดเห็นที่ 14 DO & MAKE – How to talk about housework in English “I do the laundry.” “I make my bed.” Do or make? How and when do we use these verbs in English? In this class, you’ll also learn vocabulary to talk about doing work around the house สรุปลิสต์ช่วยจำ DO & MAKE http://www.engvid.com/english-resource/do-make-expressions/ แบบฝึกหัดท้ายบท http://www.engvid.com/do-make-housework-in-english/ ลาไปก่อนจ้ะ จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 16:18:06

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณค่ะ จะช่วยกดเข้าคลังให้ทุกกระทู้ จากคุณ : CCE9PASS เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 55 22:23:31

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณมากค่า จากคุณ : HaKucHOu เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 16:28:03

ความคิดเห็นที่ 17 เพิ่มเติมค่ะ เราจะมาพาไปดู ส่วนดีๆของยูทูปที่เราสามารถฝึกความรู้ในทุกๆด้าน ทุกๆระดับและส่งเสริมการศึกษาได้อย่างดีมากๆค่ะ 1. เริ่มแรก ถ้าเราเข้ามาจากเว็บไวด์ ยูทูปปกติ http://www.youtube.com/ คลิกที่นี่ค่ะ | Browse|  ตามรูป 2. พอเข้ามาแล้ว คลิกอีกที ที่คำว่า  | Education |  ค่ะ แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 55 09:34:02 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:49:05

ความคิดเห็นที่ 18 3. เข้ามาแล้ว เราจะเจอรูปนี้ จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:50:52

ความคิดเห็นที่ 19 4. แล้วเราก็กดเลื่อนลงมาเพื่อดูว่า มีรายละเอียดอะไรน่าสนใจในนี้บ้าง เราจะเจอหัวข้อ มหาวิทยาลัย และตามมาด้วย ระดับประถมและมัธยม ส่วนด้านขวามือ จะเป็นหัวข้อ ทอปเทน มหาวิทยาลัยและวิทยาลัย ที่มีคนดูคลิปมากที่สุด มันคือ คลิปจาก ศาสตราจารย์ อาจารย์ต่างๆ เลคเชอร์จากมหาวิทยาลัยดังๆ ไอวี่ลีก ทั้งหลาย และมหาวิทยาลัยจำนวนมาก แทบทุกสำนัก น่าสนใจมากๆๆๆๆๆ ค่ะ เชิญเลือกดูกันได้ตามสบาย จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:56:47

ความคิดเห็นที่ 20 ถัดลงมาเป็นความรู้จากอาจารย์ในสาขาวิชา วิทยาศาสตร์และวิศวกร ค่ะ ในตัวอย่างคลิป เป็นคอร์สของอาจารย์จาก เอ็มไอที ค่ะ แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 55 08:59:03 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 08:58:14

ความคิดเห็นที่ 21 กดลงมาจะเจอหมวดหมู่ต่อมา คือ ระดับประถมและมัธยม  และ การศึกษาตลอดชีวิต  และ หมวดวิทยาศาสตร์ ซึ่งน่าสนใจมากๆ และเราสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองค่ะ 555+ ทางด้านขวามือ คือหมวดหมู่ที่ได้ทอปเทน ก็จะมีคลิปง่ายคลิปยาก ที่ได้รับความนิยม ตั้งแต่ แชนแชลของ ยูซี เบิร์คลีย์ ไปจน เอ็มไอที ไปจน เซซามิ สตรีท ค่ะ ก็เลือกชมได้ตามอัธยาศัยค่ะ จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:05:20

ความคิดเห็นที่ 22 ตัวอย่างคำบรรยายค่ะ จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:07:53

ความคิดเห็นที่ 23 อันนี้ตัวอย่าง ชาแนลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ประเภทละ 40 ชาแนลค่ะ เช่น ชาแนลของ   กูเกิล //เนชั่นแนล จีโอกราฟิค // บีบีซี เวิร์ล ไวด์ // ซูเปอร์ ซิมเปิล ซอง // เซซามิ สตรีท // เอ็มไอที // ยูซี เบิร์คลี่ย์ //  ฮาวาร์ด // เยล // ฮาเวิร์ด บิซเนส // เพนน์ สเตท // เคมบริดจ์  //  พีบีเอส // ฮิสทรี่ แชนแนล //  นาซ่า // กูเกิล เดเวลอปเปอร์ // โลนลี่แพลเนต เป็นตัวอย่าง จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:14:07

ความคิดเห็นที่ 24 แต่ละหัวข้อข้างบน ถ้าคลิกที่ตัวหัวข้อ จะมาโผล่ที่หน้า ไดเรคทอรี่ ค่ะ เราก็เลือกเอาเลยว่าอยากดูคลิปจากไหน  เยอะมาก  ดีมาก อาจะเลือกจาก ที่ที่มีคนสมัครแชนแนลนั้นมากสุด หรือ ที่ที่มีคนดูคลิปมากสุดก็ได้ ประเภทอื่นๆ ประถมมัธยม หรือ ความรู้ทั่วไป ก็คลิกเลือกดูไดเรกทอรี่ได้เช่นกันค่ะ แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 55 09:17:47 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 09:16:10