ความคิดเห็นที่ 1 With a very short time, you need to concentrate 100% more on grammar. Do exercise everyday. Make sure you understand all meanings (help a little with reading). If you make a mistake, make sure why. Then remember the reason for the correct answer. Buy a practice exam book that also explains the choice of test papers. Do grammar exercises at least 3 hours/day while do reading one hour. Reading materials from http://www.voanews.com are good especially about economics, health, environment. จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 12:25:59

ความคิดเห็นที่ 2 TU-GET ส่วนที่เน้นมากก็คืออ่านบทความศัพท์ยากๆให้รู้เรื่องอย่างรวดเร็ว สิ่งที่จะนำมาซึ่งความสำเร็จประกอบไปด่วย 1. การอัดศัพท์ 2. การฝึกตีความประโยคยากๆ ถ้าเรียนเอง 1 เดือนคงยาก แต่ถ้ามีติวเตอร์ที่ชำนาญด้านนี้ คงแนะแนวทางให้คุณเดินถูกทางได้ แต่เมื่อคำนึงถึงว่าศัพท์ภาษาอังกฤษเกือบทุกคำเปลี่ยนความหมายไปเรื่อยๆตามกลุ่มคำที่มันอยู่ด้วยและตามรูปประโยค (ถ้าใครท่องศัพท์เป็นคำๆโดดๆอ่านภาษาอังกฤษเข้าใจผิดบานเลยหละ) ดังนั้น ถ้าตอนนี้คุณรู้ศัพท์ 3000 คำ (แต่อ่านเร็วๆไม่รูู้เรื่องเพราะจำคำความหมายศัพท์เป็น phrases and sentences ได้ไม่หมด) แล้วจะอัดอีก 2000 คำให้เป็น 5000 คำ (ซึ่งจริงๆแล้วนักเขียนฝรั่งเก่งๆรู้ศัพท์เป็นแสนๆคำ) ถ้านับจำนวน permutations ทั้งหมดของความพลิกแพลงของ phrases and sentences หลักที่ต้องจำเพื่อเข้าใจความหมายศัพท์ให้มากความเป็นไปได้ถึงที่สุดเท่าที่สมองจะรับไว้ได้ในระยะเวลาอันสั้น ผลลงเอยก็คือ "มันอาจเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ที่สมองคุณจะเก็บข้อมูลได้ราวกับ hard disk" ดังนั้นเรื่องเวลา 1 เดือนทำได้สำเร็จหรือไม่ ไม่มีใครตอบได้ เพราะสมองแต่ละคนมีขีดความสามารถไม่เท่ากัน แต่สรุปได้ว่าถ้าคุณได้รับการสอนอย่างถูกแนวทาง ต่อไปในอนาคตคุณจะเรียนได้ด้วยตัวเองด้วยความเร็วซึ่งตัวคุณจะรู้ดีว่าจะเรียนได้ช้าเร็วขนาดไหน กว่าเราจะค้นพบวิธีการเรียนศัพท์อย่างรวดเร็วเพื่อทำงานแปลเอกสารและแปลหนังสือเราต้องลองผิดลองถูกมาหลายปีกว่าจะค้นพบวิธีการอันมีประสิทธิภาพ แล้วสมัยหนึ่งเราเคยเอาความรู้ที่เราค้นคว้ามาได้ไปสอนคนจนเราโดนจับข้อหา "ครูเถื่อน" เราสอนอัดศัพท์คราวละมากๆยังไงลองไปอ่านวิธีการของเราได้ที่กระท้เก่าอันนี้ (ส่วนเรื่องเทคนิคการตีความประโยค ไม่ได้เขียนไว้ เพราะมันซับซ้อน (ต้องอาศัยองค์ประกอบหลายอย่าง) เกินกว่าที่จะเขียนสั้นๆได้) ตาม link นี้ไปอ่านดู แล้วลองศึกษาด้วยตนเอง แล้วลองคำนวณจำนวน permutations ดู คุณจะรู้เองว่า 1 เดือนทำได้แค่ไหน http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2011/11/K11367327/K11367327.html จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 12:41:32

ความคิดเห็นที่ 3 ลองไปศึกษากระทู้นี้อีกกระทู้หนึ่ง บางทีจะได้ข้อคิดเพิ่มเติม http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2011/01/K10134013/K10134013.html จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 12:57:29

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณมากๆทั้งสองท่านครับ จากคุณ : Rice over (ข้าวโพด) จขกท เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 13:11:25 A:202.12.97.113 X: TicketID:305379

ความคิดเห็นที่ 5 อยากจะบอกว่า ทำได้ครับ เพราะข้อสอบข้อละตั้ง10คะแนน คุณแค่ตั้งใจทำเพิ่มขึ้นอีกนิด ทำให้ถูกเพิ่มอีกแค่9ข้อ! ไม่ยากเลยครับ อย่างผมสอบของเดือนธันวา ได้500 ล่าสุดเดือนนี้ได้650 เพิ่มขึ้นมาเหมือนเยอะ จริงๆมันก็แค่ทำถูกเพิ่ม อีก15ข้อเอง จาก100ข้อ ถ้าอยากอัพคะแนน ต้องเน้นกับReadingครับ เพราะคะแนนส่วนนี้มันเยอะที่สุด ส่วนStructureกับVocab ก็ประคองอย่าให้เน่าเป็นพอ เอาให้ได้ซัก55-60%ขึ้นไป (ถ้าเทพส่วนนี้จะดีมาก แต่ผมก็ได้ประมาณนี้แหละ) คุณทำได้อยู่แล้วครับ แต่ก็ต้องขยันสุดๆเหมือนกัน เอาใจช่วยครับ จากคุณ : BCrich เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 55 16:59:27

ความคิดเห็นที่ 6 เราสอบได้คะเนนTU Get  690 ค่ะ  กำลังจะสอบ ป เอก ของ มธ ค่ะ ก็พอใจกับตะแนนที่ได้นะคะ แต่สิ่งที่  TU Get ไม่ได้วัดคือ Listening ซึ่งเรายอมรับว่า ยังไม่ค่อยดี  ก็ต้องปรับปรุงเช่นกันค่ะ ส่วนเคล็ดลับในการสอบ TU Get โดยส่วนตัวเราค่อนข้างจะชอบ อ่านบทความหรือข่าวใน Bangkok Post ค่ะ จะได้ศัพท์เยอะมากพอสมควร ส่วนเรื่อง Grammar น่าจะต้องหัดทำข้อสอบเยอะๆนะคะ จริงๆแล้ว ส่วนตัวเห็นว่า ภาษาอังกฤษ เป็นเรื่องของการเรียนรู้สะสม มาเรื่อยๆ เวลาสอบก็จะไม่ต้องโหมมากนัก ไม่ใช่เรื่องที่จะมาเรียนรู้ในช่วงเวลา สั้นๆซึ่งอาจไม่ค่อยได้ผลหรือจะเป็นลักษณะการเก็งข้อสอบมากกว่าค่ะ อันนี้ เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวนะคะ รอฟังท่านอื่นๆด้วย เพราะดิฉันเอง ก็ยังต้องปรับในจุดที่ยังเป็นจุดอ่อนคือเรื่องการฟังเช่นเดียวกันค่ะ จากคุณ : positive thought เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 55 20:22:00