ความคิดเห็นที่ 1 ผมก็ไม่ใช่ผู้รู้ หรือผู้เรียนลึกอะไร แต่ผมว่าทุวันทุกเวลาในชีวิตประจำวัน มันก็เป็นตรรกศาสตร์นิครับ จากคุณ : คนไม่รู้ แค่มามั่วๆ ดู (totto3000) เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 00:40:42

ความคิดเห็นที่ 2 "ตอนนี้ดิฉันเรียนอยู่ และรู้ว่ามันยากมากๆ เลยอยากรู้ว่าเรียนไปทำไม ก็ไปอ่านหนังสือ"..... (จะลองแปลเป็นสัญลักษณ์นิดหน่อย) ตอนนี้ดิฉันเรียนอยู่ และรู้ว่ามันยากมากๆ .... a และ b ถ้า (a และ b) ก็ เลยอยากรู้ว่าเรียนไปทำไม ..... ถ้า ( a และ b) ก็ c ถ้า {ถ้า ( a และ b) ก็ c }  ก็ไปอ่านหนังสือ ...  ถ้า {ถ้า ( a และ b) ก็ c } ก็ d .....ฯลฯ .... เป็นการถอดการอ้างเหตุผลมาเป็นสัญลักษณ์ บอกถึงกระบวนการทางความคิด จัดได้ว่าเป็นภูมิปัญญามนุษย์... อะไรทำนองนี้ คณิตศาสตร์ระดับสูงๆ ไปจนถึงสูงสุดๆ ก็เริ่มต้นจากการแปลสิ่งง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน ไปสู่สัญลักษณ์ ซึ่งต้องใช้เวลาหลายร้อยหลายพันหลายหมื่นปี.... ดังนั้น ประโยชน์จริงๆ ก็คือสิ่งที่นักวิทยาศตร์+คณิตศาสตร์ ระดับอัจฉริยะจนล่วงเลยมาเป็นระดับนักปรัชญา คิดขึ้นมาแล้วถูกนำมาประยุกต์ใช้ตามวิทยาการแขนงต่างๆ เป็นชั้นๆ ลงมา ให้กลายเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เช่นเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นต้น... ส่วนตรรกศาสตร์สัญลักษณ์หรือคณิตศาสตร์ ที่นำมาให้เรียนกันพื้นๆ เป็นร่องรอยที่อัจฉริยะเหล่านั้นๆ ค่อยๆ คิด ค่อยๆ สืบทอดกัน ซึ่งอยู่สูงเกินไปที่เราจะหยั่งถึงซึ่งประโยชน์จากการเรียนที่จะนำมาประยุกต์ใช้ นอกจากเป็นเพียงการลับสมองลองปัญญาเท่านั้น และคิดว่า สำหรับมนุษย์ธรรมดาๆ ก็ได้ประโยชน์เพียงแค่นี้.... วิชานี้ แห้งแล้ง ไร้อารมณ์ ยากที่จะสืบต่อให้คนอื่นเข้าใจได้.... ทนเรียนๆ ไปหน่อย ให้ภูมิใจว่า ตอนนี้เรากำลังเรียนร่องรอยความเป็นอัจฉริยภาพของมนุษย์.... แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 55 10:47:12 จากคุณ : ณ. ลังค่าย เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 10:43:58

ความคิดเห็นที่ 3 ตอนผมเรียนวิชาตรรกฯแรกๆ ก็คิดเหมือน จขกท. เลยทำความเข้าใจกับเนื้อหาอย่างจริงจังและฝึกทำโจทย์บ่อยๆ หรือฝึกคิดบ่อยๆ  ผลที่ได้ก็คือ สามารถนำไปใช้ในวิชาที่ต้องอภิปรายกับเพื่อนร่วมห้องเป็นกลุ่มย่อย โดยมีอาจารย์นั่งฟังและร่วมถกด้วยได้ผลดีจริงๆ ต่อมาจบไปทำงานสามารถนำมาใช้ทั้งตอนทำงานและในชีวิตประจำวันโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะยุคปัจจุบันนี้ข่าวสาร การตลาด โฆษณาสินค้ามันเยอะและรวดเร็วมาก หากฝึกฝนบ่อยๆ มันก็จะฝังเข้าไปในจิตใตสำนึกของเราเองแหละครับ จากคุณ : Junkceylon เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 12:53:15

ความคิดเห็นที่ 4 ไปอ่านบทเรียน formal logic ใน คคห 62 กับ 63 ในกระทู้นี้ (แต่จะอ่านให้เข้าใจคุณต้องอ่านทุก คคห) http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K11581862/K11581862.html ^ ในกระทู้ที่ว่านี้คุณกุลรินทร์เถียงกับเราด้วย lame logic (ตรรกะที่ป่วย) แถมยังดูถูกเราด้วยว่าเราไม่จบปริญญามาแล้วเราจะทำอะไรได้ เราก็เลยบอกเขาว่าเราจะใช้ความรู้มัธยมต้นสอน "วิธีคิด วิธีใช้สมอง" ให้คนที่จบปริญญาอย่างเขา เพื่อให้เขาได้รู้สำนึกเอาไว้ซะบ้างว่าคนไม่จบปริญญาไม่จำเป็นต้องโง่กว่าคนจบปริญญาเสมอไป และคนที่จบปริญญาแต่คิดไม่เป็นมันก็ไม่ใช่ว่าจะเลิศเลอ perfect ไปมากมายสักแค่ไหนหรอก ^ ลองไปอ่านกระทู้ที่ว่านี้ดู เมื่อกระบวนการใน formal logic มีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ มันถึงจำเป็นต้องเปลี่ยนเป็น symbolic logic ยังไงล่ะ analogy ที่เห็นได้ง่ายๆก็คือ ในการคำนวณตัวเลขเป็นจำนวนมากๆ ซึ่งต้องใช้วิธีการที่ซ้บซ้อน ถ้าเราใช้ algebra แทน และเขียน mathematical expressions ขึ้นมา บางทีเราเอาป้อนให้คอมพิวเตอร์คำนวณได้เลย มันทำให้ชีวิตง่ายขึ้น ยังไงล่ะ จริงหรือเปล่า ลองไปบริกรรมดู แล้วจะเข้าใจได้ในที่สุด แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 55 13:11:58 แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 55 13:06:19 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 55 13:04:56

ความคิดเห็นที่ 5 เอา ตรรกศาสตร์สัญลักษณ์ ไปวิเคราะห์คำพูดของนักการเมืองสิครับ แล้วจะเข้าใจโลกได้มากขึ้น จากคุณ : pokemon trainer เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 07:27:04 A:202.12.97.119 X: TicketID:000119

ความคิดเห็นที่ 6 จาก  คห.2  ทำให้ฉุกคิดได้ว่า ความเป็นสัญลักษณ์ทะลุผ่านโลกแห่งปรากฏการณ์   คือ   ความพยายามค้นหาลักษณะพื้นฐานของมัน ซึ่งอาจสะท้อน  โลกของแบบ(เพลโต้)  หรือในลักษณะ แบบแผน ที่ดำรงอยู่ในธรรมชาติ ก็สะท้อน   สารัตถะที่เป็นตัวมนุษย์ในทิศทางเดียวกันได้ เช่นกัน..หรือไม่? ทำไม กระบวนการเหตุผล  จึงมีอยู่ให้ค้นหา  เพื่อ จะพบ บางสิ่ง  ที่เรียกหรือเชื่อว่า เป็นความจริง? แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 55 08:18:32 จากคุณ : dicky5 เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 08:17:59