Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เงินปลอมเป็นเหตุ (เปาบุ้นจิ้น ๒) ติดต่อทีมงาน

เปาบุ้นจิ้นผู้ทรงความยุติธรรม

ตอนที่ ๒ เงินปลอมเป็นเหตุ

"เล่าเซี่ยงชุน"

เหตุเกิดขึ้นที่เมืองเพ่งเหลียงหู มีซินแสหมอดูชื่อ ม่งปิ๊ด กับชายหนุ่มชื่อ ลอคิม เข้ามายื่นคำร้องฟ้องต่อศาล อ้างกรรมสิทธิ์ในกระเป๋าเงินใบหนึ่ง ว่าเป็นของตน

ท่านเปาเล่งถูก็ถามม่งปิ๊ดก่อน ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร

ม่งปิ๊ดก็เล่าว่าตนไปซื้อของในตลาด ซึ่งมีคนเบียดเสียดยัดเยียดกันมาก จึงทำกระเป๋าเงินหล่นลงบนพื้น พอก้มลงเก็บชายหนุ่มคนนี้ก็เข้ามาแย่ง อ้างว่าเขาเห็นกระเป๋าตกอยู่ก่อน จะให้แบ่งเงินในกระเป๋าคนละครึ่ง ซึ่งตนไม่ยอมเพราะเป็นกระเป๋า ของตนเอง

ท่านเปาก็ถามลอคิมบ้าง ลอคิมก็ให้การว่า ตนเห็นกระเป๋าเงินตกอยู่ที่พื้นในตลาดโดยไม่มีเจ้าของ จึงวิ่งเข้ามาจะเก็บ แต่หมอดูคนนี้กลับยื้อแย่ง ตู่ว่าเป็นของตัวเอง ตนจึงไม่ยอม ต้องแบ่งเงินกันคนละครึ่งจึงจะถูกต้อง

ท่านเปาก็หันกลับมาถามม่งปิ๊ดว่า เมื่อไปตลาดได้ซื้อของอะไรบ้าง ซินแสหมอดูผู้มีชื่อเสียงก็บอกว่า ซื้อกาน้ำกับผ้ายังอยู่ที่คนใช้ซึ่งรออยู่ที่หน้าร้าน ท่านเปาก็ให้ ม่งปิ๊ดพาพนักงานไปดูสิ่งของที่คนใช้ ก็เห็นจริงตามคำให้การ ท่านจึงถามลอคิมว่า การที่เห็นกระเป๋าเงินก่อนนั้นมีพยานหรือไม่ ลอคิมก็นำพยานสองคนมาเบิกความตรงกันอีก

ท่านเปาเล่งถูย้อนถามม่งปิ๊ดว่า เงินในกระเป๋านี้มีมากน้อยเท่าใดแน่ ม่งปิ๊ดว่าเงินมีอยู่ทั้งหมดสิบตำลึงเศษ แต่ได้แตกใช้ซื้อของไปแล้ว เหลือเท่าไรจำไม่ได้

ลอคิมเห็นได้ทีก็เสริมว่า เพราะมิใช่เงินของตนเอง เป็นเงินของคนอื่นทำตกไว้ จึงตอบไม่ถูก

ท่านเปาจึงตัดสินให้แบ่งกันคนละครึ่ง เมื่อเทกระเป๋าออกดู ปรากฎว่า มีเงินอยู่แปดตำลึงกับเบี้ยห้าร้อยอีแปะ ทั้งสองจึงได้เงินไปคนละสี่ตำลึงกับสองร้อยห้าสิบอีแปะ

เมื่อคู่ความต่างแยกย้ายกันลงจากศาลไปแล้ว ท่านเปาเล่งถูก็ให้ลิ่วล้อ ชื่อเบ้งกี่ สะกดรอยตามทั้งสองฝ่ายไปดูว่าผู้ใดจะว่าอย่างไรในการตัดสินครั้งนี้ เบ่งกี่นั้นตามม่งปิ๊ดไปก็ได้ยินบ่นว่า เปาเล่งถูชำระความไม่ถูกต้องไม่ยุติธรรม สำหรับลอคิมนั้นไม่บ่นว่าอะไรเลย แต่เอาเงินที่ได้นั้นแบ่งให้แก่พยานทั้งสองคน ได้คนละเท่าใดเห็นไม่ถนัด จึงกลับมารายงานท่านเปา ตามที่ได้ยินและได้เห็น

ท่านเปาก็ให้เรียกตัว หยินอุ่น ซึ่งไม่ใช่พนักงานศาลมาอีกคนหนึ่ง แล้วให้เงินปลอมไปห้าตำลึง เพื่อเอาไปเที่ยวตลาดล่อพวกทุจริต และให้เบ้งกี่ไปเป็นเพื่อนด้วย ทั้งสองก็กลับไปเดินฉุยฉายอยู่ในตลาด เห็นลอคิมกับเพื่อนสองคนยืนอยู่หน้าร้านชมพู่ หยินอุ่นกับเบ้งกี่ก็เข้าไปซื้อชมพู่กิน โดยควักกระเป๋าให้เห็นเงินห้าตำลึง แล้วก็ชวนลอคิม กับเพื่อน ไปดูงิ้วที่ศาลเจ้าตังงักด้วย

เมื่อถึงโรงงิ้วเพื่อนสองคนของลอคิม ก็ยืนประกบ หยินอุ่นสองข้าง ตัวลอคิมยืนเบียดอยู่ด้านหลัง พอเห็นว่าหยินอุ่นดูงิ้วอย่างเพลิดเพลินก็ตัด สายกระเป๋าเงินขาด แล้วคว้ากระเป๋าวิ่งหนีไป พอหยินอุ่นรู้ตัวจะไล่ตามเพื่อนของลอคิม
ทั้งสองข้างก็คว้าแขนไว้ ทำเป็นถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

หยินอุ่นกับเบ้งกี่จึงประกาศว่า ทั้งสองถือคำสั่งของท่านเปาเล่งถูให้มาสืบจับตัวผู้ร้ายนักตัดช่องย่องเบาและวิ่งราวทรัพย์ บัดนี้คนทั้งสองแกล้งยื้อยุดฉุดมือไว้ ไม่ให้ติดตามคนร้าย ถือว่าเป็นพวกเดียวกัน ทั้งเบ้งกี่และหยินอุ่นจึงจับเพื่อนของลอคิม เอาตัวไปส่งศาล

จำเลยคนหนึ่งชื่อ เตียเสียม อีกคนหนึ่งชื่อ หลีเหลียง อ้างว่ากำลังดูงิ้วอยู่ ไม่ได้รู้เห็นกับผู้ร้ายที่วิ่งราวตัดกระเป๋าเงินด้วยเลย ท่านเปาจึงสั่งให้พนักงานไปบอกความลับกับนายด่านเมืองนั้น แล้วพิพากษาว่าโทษของจำเลยทั้งสอง สมรู้เป็นใจกับคนร้าย ให้ลงโทษตีให้สาหัส แล้วเนรเทศไปอยู่นอกเมือง จากนั้นก็ให้ผู้คุมนำตัวจำเลยทั้งสองไปให้นายด่านลงโทษตามคำสั่งศาล

เมื่อทั้งสองจำเลยถูกคุมตัวมาที่ด่าน เห็นนายด่านเตรียมเครื่องจองจำ และเครื่องมือลงโทษครบครันก็ใจฝ่อ รำพึงว่าตนเองไม่ได้ทำผิด ไฉนจึงต้องมารับโทษแทนผู้ร้ายอย่างนี้ นายด่านก็กระซิบว่า ถ้าจะให้ลดหย่อนผ่อนโทษลงบ้าง ก็จงไปหาเงินมาชดใช้ เท่ากับจำนวนที่คนร้ายช่วงชิงวิ่งราวเจ้าทุกข์ ให้ได้ภายในสามวัน แล้วก็ถอดเครื่องจองจำออก

เตียเสียมกับหลีเหลียงก็กลับไปบ้านและเอาเงินมาให้นายด่านห้าตำลึงเศษ นายด่านก็เอาเงินนั้นมาให้เปาเล่งถู ท่านเปาก็เรียกเบ้งกี่และหยินอุ่นมาดูเงินที่ได้รับมา ทั้งสองก็ยืนยันว่าเป็นเงินที่ถูกวิ่งราวไปแน่นอน

เปาเล่งถูจึงให้เจ้าพนักงานไปตามตัวเตียเสียมกับหลีเหลียงมาอีกครั้งแล้วก็ว่า เงินที่ทั้งสองนำมาใช้หนี้นั้น เป็นเงินที่ถูกแย่งชิงไป ถ้าทั้งสองไม่ได้ทำผิดแล้ว เหตุใดเงินของกลางจึงมาอยู่ที่ตัวได้ คราวนี้ถ้าไม่รับจะต้องลงโทษให้หนักกว่าเก่า ทั้งสองจำเลยก็จำนนต่อหลักฐาน จึงยอมให้การรับสารภาพว่า ลอคิมเป็นคนตัดกระเป๋าแล้วเอาเงินให้ หลิมไท่ ไปแตกเป็นเงินย่อยเพื่อจะแบ่งกัน แต่เงินนั้นเป็นเงินปลอม แลกไม่ได้จึงเอามาคืน เพื่อให้ทั้งสองนำมาถ่ายโทษตนเอง

ท่านเปาจึงให้พนักงานไปคุมตัว ลอคิม หลิมไท่ มาพร้อมหน้ากัน แล้วก็พิพากษาว่า ลอคิมกับพวกเป็นผู้ทุจริต ร่วมกันฉ้อโกงเงินของซินแสม่งปิ๊ด แล้วยังซ้ำรวมหัวกันตัดกระเป๋าฉกเงินของหยินอุ่นอีก บัดนี้หลักฐานปรากฎชัดแจ้งแล้ว จึงให้โบยคนละห้าสิบที แล้วเนรเทศไปอยู่เมืองไกล กำหนดสามปีจึงพ้นโทษกลับมาอยู่ถิ่นฐานบ้านเดิมได้

คดีเรื่องนี้ก็สิ้นสุดลงอย่างยุติธรรม เพราะเปาเล่งถู พยายามที่จะหาหลักฐานมามัดตัวผู้ต้องหาทั้งสี่นาย ทีละขั้นตอนอย่างรอบคอบ ไม่ได้ใช้ลิ่วล้อให้เอาตัวไปซ้อม หรือกักขังให้อดอยากแต่ประการใด เมื่อฝ่ายจำเลยจำนนต่อหลักฐาน จนไม่รู้ว่าจะแก้ตัวอย่างไรแล้ว จึงตัดสินโดยไม่มีอคติ สมควรเป็นที่ยกย่องสรรเสริญอย่างยิ่ง.

##########

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 05:43:19




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com