Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เรื่องเล่าจากสงครามอินโดจีน (๖) ติดต่อทีมงาน

เรื่องเล่าจากสงครามอินโดจีน (๖)

คุมเชลยศึก

พ.ท.ชาญ กิตติกูล

รุ่งขึ้นอีกสองวัน ทหารไทยจับเชลยศึกได้ ๑๘ คนบรรดาเชลยเหล่านั้นเป็น กองพันทหารรับจ้าง กองพันที่ ๕ มีสมยาว่า กองพันทหารเสือ จับได้ทั้งคนทั้งธงไชยประจำกองพัน เอาเชลยมาขังไว้ในโรงรถตรงข้ามกับบ้านพักที่ผมตั้งสถานีวิทยุอยู่ ผมเองใจไม่ดีกลัวพวกเชลยจะแหกที่ขังออกมาอาละวาด แต่คลอดคืนไม่ยักกะมีใครกล้าแหกออกมา ถ้าจะกลัวเสือ เพราะล่ามขู่ไว้ว่า ที่อรัญญประเทศนี้เสือชุม

รุ่งเช้าจึงพาตัวขึ้นรถไฟส่งเข้ากรุงเทพ เชลยทั้งหมดถูกนำไปกักกันไว้ที่สวนสัตว์เขาดินวนา พอสงครามสงบเชลยเหล่านั้นถูกนำไปขังต่อ ที่กองรักษาการณ์ค่ายจักรพงษ์ จนมีการแลกเปลี่ยนเชลยจึงส่งกลับไปยังไซ่ง่อน

ระหว่างที่ถูกขังอยู่ที่ค่ายจักรพงษ์ เชลยเหล่านี้หัวแข็ง พยายามฝ่าฝืนระเบียบอยู่เสมอ ผู้บังคับกองรักษาการณ์ตักเตือนก็ไม่เชื่อฟัง ถึงกับมีการลงโทษทางอ้อม

วิธีหัวแข็งของเชลยทำแปลก ๆ เช่น พยายามถ่ายรดกางเกงตัวเอง แล้วขออนุญาตไปซักที่บ่อน้ำ โดยให้ทหารคุมไป พยายามหาทางหนีแต่หนีไม่ได้ เพราะผู้บังคับกองรักษาการร์มักจะคุมไปเสียเอง

ตอนเช้าถึงเวลาชักธง เราขอร้องให้พวกเขาอยู่เฉย ๆ พี่แกไม่ยอม พอเป่าแตรชักธง พี่แกพยายามแหกปากร้องเพลง บางทีก็วิ่งเข้าวิ่งออก ระหว่างห้องนอนกับสนามเดินเล่น ก่อกวนมันเสียอย่างนั้นแหละ ใครจะทำไม

พอถึงคราวทหารสื่อสารเข้ากองรักษาการณ์ เราได้รับคำเตือนเรื่องเชลยก่อกวนมาแล้ว บังเอิญผู้กองรักษาการณ์พูดภาษาฝรั่งเศสได้ด้วย จึงเจอดี พอชักธงลงตอนเย็น เชลยแหกปากร้องเพลงพร้อม ๆ กัน ยกเว้นร้อยเอกผู้มีอายุคนหนึ่งไม่ได้ร่วมด้วย

พอรุ่งเช้าผู้กองรักษาการณ์สั่งทหารคนหนึ่งเข้าไปในค่ายกักกัน เทน้ำทิ้งเสียทุกโอ่ง จนเย็นจึงยอมให้เชลยญวนหัวล้านคนหนึ่งไปหาบน้ำได้ นั่นแหละเชลยจึงเลิกก่อกวน

เชลยบางคนนิสัยดี ร้อยเอกผู้มีอายุนั้นคนหนึ่งละ แกร้องขอเครื่องมือขุดดิน ขอพันธุ์ไม้ดอก ได้มาแล้วตะแกก็ขุดดินทั้งวันแล้วปลูกต้นดอกไม้จนงาม ทำเป็นแปลงสวย แล้วขอหญ้ามาปลูกเป็นรูปพระอาทิตย์มีดาวล้อม ซึ่งเป็นเครื่องหมายของศาสนาอิสลาม พวกเราจึงทราบว่าแกนับถืออิสลาม

สาเหตุที่ทหารไทยจับเชลยได้นั้น เรื่องยาวสักนิด ขอได้โปรดทนอ่านต่อไป

การรบในตอนกลางช่วงเวลาที่เริ่มปะทะ จนกระทั่งพักรบ ทหารไทยรุกคืบหน้ายึดพื้นที่ได้มากยิ่งขึ้นจนมาถึงบริเวณที่พวกเราเรียกกัน ว่า “โพธิ์สามต้น” ( อยู่ในแดนเขมรครับ ไม่ใช่ฝั่งธนบุรี) ณ ที่นั้นทหารไทยมาพบค่ายกล ที่ฝ่าย เสธ.ของข้าศึกทำขึ้น ต้องหยุดชงักอยู่นานกว่าจะผ่านไปได้

ค่ายกลที่ว่านั้น ไม่ใช่ค่ายกลแบบพงศาวดารจีนหรอกครับ แต่เป็นค่ายกลแบบที่คนไทยเรียกว่าเพนียด แบบที่จังหวัดอยุธยาทำขึ้นในสมัย จอมพล ป.เป็นผู้นำ เพื่อแสดงการคล้องช่งแบบโบราณนั่นเอง ธรรมดาเพนียดเขาต้องทำทึบทั้งสี่ด้าน แต่ข้าศึกทำไว้เพียงด้านหน้ายาวประมาณ ๔ เส้น ด้านข้างติดถนนสายพระตะบอง – ปอยเปต ทำไว้ไม่เกินหนึ่งเส้น ทหารไทยก็รุกเข้าไปถึงเสียก่อน

ลักษณะของเพนียด ใช้เสาในป่านั่นแหละ แต่เป็นไม้เนื้อแข็ง โตขนาดสามกำยาวประมาร ๓-๔ เมตร ฝังดินเรียงกันเป็นนิ้วมือ เจาะช่องไว้กว้างไม่เกิน ๖ นิ้วไว้เป็นระยะ ๆ ช่องนี้ใช้สอดปากกระบอกปืนยิงทหารไทย โดยอาศัยเสาเป็นเกราะกำบังกระสุนของทหารไทย กว่าฝ่ายเราจะผ่านเพนียดไปได้ ต้องใช้กำลังโอบล้อมเข้าด้านข้างและด้านหลัง ต้องเสียเลือดเนื้อกันบ้างละ รบกันนี่นาจะไม่ให้ตายได้อย่างไร

บริเวณหน้าเพนียดข้าศึกถางป่าสาบเสือเสียเตียน ปล่อยไว้แต่ต้นไม้เล็ก ๆ เท่านั้น ณ สนามรบแห่งนี้ผมเข้าไปเที่ยวเมื่อหยุดยิง ยังพบศพทหารข้าศึกถูฝังอยู่หลายศพ บางศพใครเอาเอาหัวกระโหลกมาเสียบไว้ก็ไม่รู้ กลิ่นศพยังมี ถึงกับต้องอุกจมูกเวลาเข้าใกล้ ภายในเพนียดพบร่องรอยการต่อสู้อย่างโชกโชน รอยเลือดยังแห้งกรังอยู่ตามพื้น

พอเพนียดถูกตีแตก ข้าศึกคงเจ็บขั้วหัวใจ จึงสั่งกองพันทหารเสือ ของเขามาจากไซ่ง่อน ทหารกองนี้เป็นทหารรับจ้างมีชนเกือยทุกชาติสังกัดเป็นทหาร กิตติศัพท์การรบของทหารกองนี้ดังเหมือนพลุแตก จนได้เหรียญกัวเดอร์แกส์แขวนธงประจำกอง แต่พอมาพบทหารไทยที่ข้าศึกเห็นเป็นช้างป่า ถึงกับลงทุนสร้างพะเนียดจะเอาไว้ต้อนก็ต้องแตกยับ ถูกจับได้ ถูกฆ่าร้อยกว่า ทั้งนี้เพราะการดูถูกทหารไทยนั่นเอง

จะว่าทหารไทยเก่งก็ไม่แน่ จะว่าไม่เก่งก็ไม่ถูก คนไทยมีเลือดประหลาดอยู่อย่างหนึ่งที่พูดกันว่า ลงเลือดเข้าตาละก็สู้ยับ อาศัยการข่าวหรือแนวที่ ๕ เราดี ฝ่ายเราจึงรู้ถึงการเดินทางของทหารรับจ้าง และเตรียมถลุงไว้อย่างงดงาม และข้าศึกก็ถูกเป่าหูมาแล้วว่า ทหารไทยไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องกลัว นั่นเองความประมาทจึงเกิดขึ้น เดินลอยชายร้องเพลงมุ่งหน้าไปที่หนองน้ำ เพื่อจะอาบน้ำและพักค้างคืน หารู้ไม่ว่าเดินเข้าไปสู่คีม ซึ่งฝ่ายเราวางกำลังยิงไว้อย่างดียิ่ง โดยมีอาวุธกลเป็นหลัก และเสริมปีกด้วยรถถัง

พอทหารรับจ้างส่วนหน้าเดินไปเจอปากกระบอกปืนเข้า ก็ผงะจะถอยหลัง บางคนออกทางข้างก็ไปจ๊ะเอ๋กับปากกระบอกปืนด้านหลังเช่นกัน ผลสุดท้ายทุกคนเฮโลจะย้อนกลับ แต่ไม่ทันการเพราะถูกรถถังเข้าปิดปากถุงเสียแล้ว การปะทะจึงเข้าขั้นตลุมบอน ระหว่างเหล็กกับเนื้อคน ผมเห็นจะไม่ต้องอธิบายละเอียดว่า ฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายยับเยิน ทหารรับจ้างจนตรอกถึงกับปีนขึ้นบนรถถัง พยายามหาทางจพเอาระเบิดหย่อนลงในตัวรถ แต่ถูกกระบอหกปืนตีตก แลเวก็ถูกสายพานของรถเหยียบย่ำเหลวเละ ไอ้เรื่องไม่ต่นคงไม่ต้องพูดถึง

สองฝ่ายต่างเสียเลือดเนื้อ ฝ่ายไทยคงไม่กี่คน แต่ฝ่ายตรงข้ามถึงกับต้องระดมคนงานไปขุดหลุมขนาดใหญ่ ทำการฝังอยู่จนค่ำจึงเสร็จ ขบวนรถบรรทุกเชลยวิ่งมาถึงหน้ากองทัพบูรพา มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งของกองทัพเป็นผู้ถือธงประจำกองพันที่จับได้ ท่ามกลางการต้อนรับ จากท่านแม่ทัพและฝ้ายต่าง ๆ แล้วเอาเชลยไปขังไว้ที่โรงรถดังกล่าวมาแล้ว

การรบครั้งนั้น เป็นบทเรียนให้ข้าศึกรู้ว่า อย่าคิดว่าทหารไทยเป็นช้างป่า หากจะเป็นช้างก็เป็นช้างศึกอย่างดี มีศักดิ์ศรี พอจะทำการรบชนิดทลายกองพันผู้รุ่งโรจน์ ให้ย่อยยับลงได้

ต่อจากนั้น กองทหารไทยก็ทำการรบรุกชิงพื้นที่ จนคืบใกล้ภูเขาศรีโสภณเข้าไปจนแนวหน้าถึง ก.ม.๓๗ สามารถมองเห็นสาว ๆ ชาวตลาดศรีโสภณ นุ่งกระโจมอกอาบน้ำในลำแม่น้ำได้ถนัด ก็พอดีญี่ปุ่นศุ่งมีแผนทำสงคราม ยื่นมือเข้ามาห้ามว่า ให้หยุดยิงกันก่อน ทั้งสองฝ่ายจึงกำหนดการหยุดยิง

ก่อนจะถึงเวลาหยุดยิงในวันรุ่งขึ้นเวลาสิบนาฬิกา พอพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมค่ำสนิท พวกที่อยู่กองทัพ และชาวตลาดอรัญ ประเทศ ไม่เป็นอันได้หลับได้นอน ทั้งนี้เพราะปืนใหญ่ได้ลากไปตั้งยิงในแนวหน้า ระดมยิงราวกับจะทลายภูเขาศรีโสภณ ให้ราบเป็นหน้ากลอง จนเวลา ๐๕.๐๐ น.จึงหยุดยิง พอถึงเวลา ๑๐.๐๐ น. การยิงกันในแนวหน้าก็สงบลง ตามที่ญี่ปุ่นคนกลางผู้ไกล่เกลี่ยได้ตกลงกันไว้

############

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 06:22:43




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com