ความคิดเห็นที่ 1 ความจริงน่าจะมีความหมายประมาณว่า กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม แต่สมัยนี้ใคร ๆ ก็มีสิทธิจะเลือกเดินตรอก หรือเดินถนน เท่าเทียมกัน ภาษิตนี้ ผมจึงเห็นว่าไม่มีค่าอันใด จากคุณ : อุบาสกฉางชุน เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 23:48:30

ความคิดเห็นที่ 2 ผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน เป็นสำนวนที่ใช้อธิบายยุคหรือสมัยที่คนดีไม่กล้าแสดงตน ไม่กล้าเผยตัว จะสัญจรไปที่แห่งใด ก็ต้องหลบไปใช้ตรอกซอกซอยที่คับแคบ ต่างกับคนชั่วซึ่งปรกติไม่กล้าออกสู่ที่แจ้ง มาถึงยุคนี้กลับเพ่นพ่านและวางอำนาจบาตรใหญ่ไปทั่วถนนหลวง เป็นที่เหนื่อยหน่ายอิดหนาระอาใจของคนดี เช่น เขาไม่คิดว่าจะต้องมาเห็นผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน คนดี ๆ ต้องหลบคนชั่ว เพราะรังเกียจ ไม่ต้องการพบเห็น. เบื่อพวกคนไม่รู้จริงแล้วเอามาพูดมากๆ โดยเฉพาะคนที่ดูจะน่าเชื่อถือ แต่พูดแล้วไปกันคนละทาง ทำให้คนเข้าใจผิด จากคุณ : superkoy เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 00:42:13

ความคิดเห็นที่ 3 เราเรียกแท๊กซึ่ให้หยุดรับเรา  ขณะเราเปิดประตูก้าวขึ้นแท๊กซี่ซึ่งใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาทีเอง มันมีคนรวยๆขับรถราคาคันตั้งหลายล้านอยู่ข้างหลังแท๊กซึ่คันนั้น บีบแตรไล่เราทั้งๆที่แท๊กซึ่ก็ไม่ได้จอดตรงขาวแดงหรือที่ซึ่งไม่ควรจอดแต่อย่างใด อย่างนี้ไอ้คนที่ขี่รถคันแพงๆแล้วบีบแตรไล่เรามันเป็นผู้ดีหรืออันธพาลกันแน่? เจอแบบนี้แล้วงงต้องคิดหนักว่าคำว่า "ผู้ดี" มันแปลว่าอะไรกันแน่? แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 55 03:07:25 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 03:05:13

ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อรู้จริงแล้ว ... จะให้เป็นประโยชน์มากขึ้นก็ควรอ้างอิงด้วยครับว่า รายละเอียดมาจากบทความของราชบัณฑิตยสภา http://www.royin.go.th/th/knowledge/detail.php?ID=3581 จากคุณ : รู้บ้างไม่รู้บ้าง เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 04:29:00

ความคิดเห็นที่ 5 สมัยนี้ ชอบตีความสุภาษิต คำพังเพย สำนวน เอาเองตามใจชอบ จนเพี้ยนๆ ไปกันหมด ................................. คนขับรถแพงๆ ที่บีบแตรไล่แท็กซี่ ไม่น่าจะเป็นผู้ดี แต่น่าจะเป็นขี้ครอกที่เดินถนน มากกว่า จากคุณ : กบใต้กะลา เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 06:40:53

ความคิดเห็นที่ 6 คนรวย อาจจะไม่ใช่ผู้ดีก็ได้ แค่เขามีเงินเฉยๆ ส่วนผู้ดีจริงๆก็ไม่จำเป็นต้องรวย มันอยู่ที่นิสัยใจคอ คำพูดคำจา กริยามารยาท ซึ่งไม่เกี่ยวกะรวยจน จากคุณ : RX-ALCHEMIST (RX-ALCHEMIST) เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 07:19:29

ความคิดเห็นที่ 7 สำนวนนี้มีกลิ่นอาย การแบ่งแยกชนชั้นแฮะ จากคุณ : vision เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 07:45:11

ความคิดเห็นที่ 8 เป็นคำพูดที่เข้าข้างตัวเองในเชิงอิจฉา ของกลุ่มคนที่กินบารมีบรรพบุรุษ โดยไม่ขวนขวายด้วยตัวเอง จนวันนึง กลุ่มคนที่พวกนี้ดูถูก(ขี้ครอก) เกิดได้ดีขึ้นมา จากความมานะพยายาม กลุ่มกินบุญเก่าจึงคิดคำนี้ขึ้นมาด้วยความอิจฉาตาร้อน ผ่านการสนทนาและวรรณกรรมมากมาย เฮ้อ......ประเทศไทย ไม่เจริญก็เพราะแบบนี้ โดยเฉพาะคนกลุ่มนี้ จากคุณ : Mikoyan เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 10:01:16

ความคิดเห็นที่ 9 ความรู้สึกผม ผมก็ว่ากำเนิดและความหมายน่าจะเป็นแบบความเห็นที่ 8 ส่วนความเห็น 2 น่าจะเป็นการมาอธิบายใหม่ภายหลัง จากคุณ : vision เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 10:15:39

ความคิดเห็นที่ 10 เรื่องแท็กซี่ คห.3 อาจจะบังเอิญว่าเรียกแท็กซี่ แล้วพี่แท็กซี่แกหยุดกระทันหัน รถที่ตามมาเลยต้องเบรค ก็เลยบีบแตร ถ้าแบบนี้ผมเจอบ่อยครับ หลายครั้งหวุดหวิดจะชนกัน ต่อมา เจอแท็กซี่ไม่มีผู้โดยสารจะขับเว้นระยะ เผื่อพี่แกเจอคนโบก จะได้หยุดได้ไม่ต้องลุ้น ^^ จากคุณ : NATSKI13 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 10:43:08

ความคิดเห็นที่ 11 **** ความคิดเห็นที่ 9 *** ส่วนความเห็น 2 น่าจะเป็นการมาอธิบายใหม่ภายหลัง ชอบคำนี้จังครับ  ปัจจุบันมีการพยายาม"แถ"ความหมาย เพื่อเอาตัวรอดแนวๆนี้กันเยอะ เพื่อประโยชน์แก่กลุ่มตน หรือกลุ่มที่ตนเองยกย่อง รวมถึงกลุ่มที่บันดาลประโยชน์แก่ตน เพราะความที่ตรรกะพิการ การพัฒนาสังคมของประเทศนี้ เลยยังไปไม่ถึงไหน ดังนั้น เวลานึกอะไรไม่ออกหาเหตุผลไม่ได้ ก็บอกว่า สมัยก่อนดีกว่าสมัยนี้ โดยที่คนฟังยังเกิดไม่ทัน หรือย้อนเวลาไปเพื่อที่จะพิสูจน์ว่าจริงเท็จ รวมถึงคนเล่า บางทีก็เกิดไม่ทันด้วยซ้ำไป จากคุณ : Mikoyan เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 12:51:49

ความคิดเห็นที่ 12 ผู้ดีเดินตรอก ที่เคยเห็นก็เป็นพวกที่มีบ้านใหญ่อยู่ในตรอกซอกซอย หลังห้องแถว  ผมก็แปลกใจว่ามาสร้างบ้านหลังใหญ่ๆ สวยๆ ทำไมในซอย  ทำไมไม่สร้างริมถนน จากคุณ : เสือดำขโมยใจ เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 13:39:35

ความคิดเห็นที่ 13 12 เมื่อก่อนคงอยู่ริมถนน แต่ตอนหลังแบ่งที่ดินส่วนหน้าสร้างตึกแถวไป เลยต้องมาอยู่ในตรอก จากคุณ : กบใต้กะลา เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 16:01:55

ความคิดเห็นที่ 14 ยังมีสำนวนเสียดสีที่ฟังดูน่ารักๆ อีกสำนวนครับ คือ "ถึงมรึงจะมั่งจะมีมรึงก็แค่สังกะสีปนนาก ถึงกรูจะจนจะยากกรูก็นากปนทอง" ฟังขำๆ ครับ ดูเหมือนจะแบ่งชนชั้นกันกลายๆ คนสมัยก่อนเจ้าบทเจ้ากลอนจริงๆ จากคุณ : ทับศานต์ใจ เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 19:09:20

ความคิดเห็นที่ 15 ผมว่าความหมายมันน่าจะตาม คห.2มากกว่า แต่คนใช้บางคนเอาไปใช้ในบริบทของคห.8ก็เท่านั้น จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 20:20:08

ความคิดเห็นที่ 16 บางคนอาจไม่ได้อ่านข้อมูลในลิงค์ จาก http://www.royin.go.th/th/knowledge/detail.php?ID=3581 ขี้ครอก เดิมหมายถึง ลูกที่เกิดจากพ่อและแม่ที่เป็นทาส ลูกทาสจะกลายเป็นคนชั่วไปตั้งแต่สมัยแรกเลยเหรอครับ มันก็ต้องมามีความหมายใหม่ตอนคนไม่รู้จักคำว่าขี้ครอกแล้วเท่านั้นแหละครับ จากคุณ : vision เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 21:37:09

ความคิดเห็นที่ 17 ในการใช้ภาษามันไม่จำเป็นต้องสื่อความหมายตรงตัวก็ได้นะครับ เห็นได้ทั่วไปในการแต่งร้อยกรอง อีกอย่างมันก็มีในทุกภาษาด้วยซ้ำ คำประเภทที่ความหมายตรงตัวเป็นอย่างนึง แต่พอเอามาใช้ในสถานการณ์หนึ่ง ความหมายกลับเป็นอีกอย่าง ถ้าจะยืนยันตามคห.8จริงๆก็น่าจะมีหลักฐานที่แน่นหนากว่านี้หน่อย เช่นใครเป็นคนริเริ่มใช้ เป็นพวกแบ่งแยกชนชั้นหรือเปล่า ใช้ในบริบทแบบคห.8รึเปล่า อะไรพวกนี้ แต่ถ้าเป็นสำนวนโบราณแล้วเขาสอนมาแต่โบราณแล้วว่าความหมายตาม คห.2 ก็ต้องถือว่ามีความหมายตามนั้นสิครับ แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 55 00:09:07 จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 00:05:00

ความคิดเห็นที่ 18 ใช่ครับว่าไม่ต้องสื่อความหมายตรงตัว แต่สื่อว่าลูกทาสหมายถึงคนชั่วเนี่ยนะ มันเกิดในสังคมประเภทไหน จากคุณ : vision เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 00:17:54

ความคิดเห็นที่ 19 จริงๆ สุภาษิตไม่ได้แปลตรงตัว แต่บางครั้งการแปลตรงตัวก็ทำให้เห็นความจริงบางอย่าง ผู้ดี กะ ขี้ครอก ตามความคิดเห็นชาวบ้านและคนส่วนใหญ่คุณคิดว่าอะไรดีกว่า บางทีสะท้อนไปถึงยุคสมัย สมัยที่ลูกทาสไม่ได้มีความหมายหรือค่าอันใด เลยได้เกิดสำนวนขึ้นมาว่า ขี้ครอกก็คือพวกไม่ดี จากคุณ : หว่างฮั่น2011 เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 11:29:48

ความคิดเห็นที่ 20 ก็อยากรู้นะครับว่ามีสังคมสมัยโบราณที่ไหนในโลกบ้าง มองว่าทาสมีฐานะเหนือตนบ้าง (ทาสเองก็มีหลายประเภทนะ) การอ่านแล้วแปลตรงๆ มันง่ายครับ แต่สิ่งสำคัญที่เค้าต้องการสื่อมันน่าจะเป็นความหมายลึกๆ มากกว่า เพราะมันไม่ใช่ประโยคบอกเล่าธรรมดาๆ สุดท้ายมันก็ขึ้นอยู่กับคนเอาไปพูดอีกนั่นแหละ ว่าอยากจะให้คำไปในความหมายไหน จากคุณ : Alpha13th เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 14:34:10

ความคิดเห็นที่ 21 เผลอแป๊บเดียว... "ห้องสมุด" กลายเป็น  "ห้องราชดำเินิน" ไปได้... จริงๆ เรื่องประวัติศาสตร์ หรือ ของที่มีมาแต่โบราณ บางอย่างอาจจะมีข้อเท็จจริงสนับสนุนแบบน่าเชื่อถือ .. บางอย่าง ก็มีการปรุงแต่งขึ้นมา... ขึ้นอยู่กับว่า ใครเป็นผู้เขียนต่างหาก ?? จากคุณ : pajero2012 (pajero2012) เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 55 23:01:18

ความคิดเห็นที่ 22 ส่วนตัวคิดว่าความหมายของคำว่า ผู้ดีและขี้ครอก เข้าใจว่า ผู้ดี แปลว่าบุคคลที่มีสมบัติผู้ดี คือ มีมรรยาท กิริยา รู้กาละเทศะ มีศีลธรรม รู้ต่ำรู้สูง รู้ควรรู้ไม่ควร รู้กติกาสังคม เคารพกฏหมาย ขี้ครอก คือบุคคลที่การกระทำตน เพื่อเอาตัวเองให้รอด ให้เจริญทางด้านวัตถุ มียศมีตำแหน่ง บางครั้งใช้ทุกวิธีการ ทุกวิถีทางให้ได้มาในสิ่งที่ตนเองต้องการ โดยไม่สนใจว่าผิดหรือถูก ไม่สนใจมรรยาท กติกาใดใด และไม่สนใจสมบัติของผู้ดี ไม่สนมรรยาท ขอเพียงเพื่อสนองความต้องการของตน ผู้ดีไม่จำเป็นต้องเป็นคนรวย ไม่จำเป็นต้องมีชาติมีตระกูล แต่เป็นสิ่งที่ฝังลึกอยู่ในกมลสันดาน ขี้ครอกก็เช่นกัน เป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในกมลสันดานเช่นกัน ตัวอย่างเช่น เข้าแถวต่อคิวเพื่อซื้อของ นั้นมีสมบัติของผู้ดี แต่คนตัดคิวแซงคิว เอาเปรียบผู้อื่น เรียกได้ว่า ไม่มีสมบัติผู้ดี ดังนั้นจากคห ข้างบน คนขับเบนส์จึงไม่ใช่ผู้ดี แต่เป็นขี้ครอก เพราะมรรยาทไม่ดี เพียงเพราะตนรอคอยไม่ไหว จึงทำทุกวิถีทาง เพื่อทุเลาความหงุดหงิดในใจตน จึงบีบแตรด่า แต่คนขับแท็กซี่ยังมีสมบัติผู้ดี เพราะยังรู้ว่า ที่ที่ตนจอดไม่ผิดกฏหมาย จึงจอด จากคุณ : จิตรพร เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 55 02:18:10

ความคิดเห็นที่ 23 คำว่า ผู้ดี ในสำนวนนี้ หมายถึง คนดี คนมีกิริยามารยาท คนที่ได้รับการศึกษาขัดเกลามาอย่างดี ส่วนคำว่า ขี้ครอก เดิมหมายถึง ลูกที่เกิดจากพ่อและแม่ที่เป็นทาส แต่ในสำนวนนี้หมายถึง คนชั่ว อันธพาล คนที่ไร้วัฒนธรรม คนที่ไม่ได้รับการศึกษาอบรมความเป็นผู้ดี http://www.royin.go.th/th/knowledge/detail.php?ID=3581 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 00:34:25