Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เกียดเป๋ง...หมอการเมือง ติดต่อทีมงาน

สามก๊กฉบับลิ่วล้อ

หมอการเมือง

"เล่าเซี่ยงชุน"

เมื่อ โจโฉ ได้เป็นมหาอุปราช ว่าราชการทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนแล้ว ก็หลงระเริงในอำนาจจนกระทำการอย่างไม่เคารพยำเกรง พระเจ้าเฮี่ยนเต้ อันเป็นเหตุให้ขุนนางทั้งหลายต่างก็คิดแค้นอยู่แต่ก็กลัวอำนาจของโจโฉ จึงไม่มีใครทำอะไรได้ จนกระทั่งพระเจ้าเฮี่ยนเต้ทรงขอร้องให้ ตังสิน ช่วยเหลือ ตังสินจึงคิดการรวบรวมพรรคพวกเพื่อโค่นอำนาจของโจโฉ คือ จูฮก จูลัน ตันอิบ โงห้วน ม้าเท้ง และ เล่าปี่ รวมทั้งหมดเป็นเจ็ดคน แต่ม้าเท้งก็กลับไปตั้งหลักที่เมืองเสเหลียง และเล่าปี่ก็พาทหารห้าหมื่นคนอาสาโจโฉว่าจะไปสกัดกั้น อ้วนสุด มิให้ติดต่อรวมพวกกับ อ้วนเสี้ยว ผู้พี่ แล้วก็หลบไปตั้งตัวอยู่ที่เมืองชีจิ๋ว ซึ่งเป็นเมืองที่เคยปกครองมาก่อน

เล่าปี่ยกทัพหายเงียบไปเป็นเวลาถึงสี่ห้าปี ตังสินกับขุนนางพลเรือนอีกสี่คนที่เหลือ ก็หมดปัญญาที่จะคิดอ่านต่อไปได้ เพราะไม่มีกำลังทหาร ต่างก็เป็นทุกข์เป็นร้อนกินไม่ได้นอนไม่หลับไปตาม ๆ กัน ตังสินนั้นถึงกับป่วยเป็นไข้ลง พระเจ้าเฮี่ยนเต้ได้ทราบก็ให้หมอหลวงชื่อ เกียดเป๋ง มารักษาพยาบาล เกียดเป๋งเฝ้าพยาบาลอยู่ใกล้ชิด ก็รู้ว่าตังสินไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไร แต่เป็นไข้ใจที่หาสมุฐานไม่ได้

วันหนึ่งตังสินชวนให้เกียดเป๋งกินเลี้ยง และนอนค้างด้วยกันที่บ้าน ตกดึกตังสินนอนหลับแล้วฝันว่า ตัวเองฆ่าโจโฉได้ ก็ดีใจร้องด่าโจโฉจนตื่นก็ยังด่าอยู่ ทำให้ เกียดเป๋งรู้ว่าไข้ใจของตังสิน ก็คือความต้องการที่จะกำจัดโจโฉนั่นเอง เกียดเป๋งเองก็ เกลียดชังโจโฉอยู่แล้ว จึงเข้าเป็นพวกด้วยและขอให้บอกแผนการที่วางไว้จะอาสาลงมือทำการเอง ตังสินยังไม่ไว้ใจ เกียดเป๋งจึงตัดนิ้วมือเอาโลหิตปนสุราดื่มสาบาน ตังสินจึงเอาพระอักษรที่พระเจ้าเฮี่ยนเต้เขียนด้วยโลหิตฝากไว้กับตัวให้ดู พร้อมทั้งเล่าถึงการหาพลพรรคทั้งหกคนให้ทราบโดยตลอด เกียดเป๋งก็ยืนยันว่าปล่อยให้เป็นธุระของตน จะจัดการเอง

ตอนเช้าเกียดเป๋งลากลับไปบ้านแล้ว ตังสินมีความสบายใจหายไข้ ก็ลงไปชมสวน เจอเอา เคงต๋อง บ่าวคนสนิทสนทนาอยู่กับ นางอินเอ่ง ภรรยาน้อย ในที่ลับหูลับตาก็โกรธ เรียกคนใช้มาจับตัวไว้แล้วจะฆ่าเสีย แต่ภรรยาใหญ่ของตังสินเห็นว่า จะวุ่นวายไปใหญ่ ก็ขอชีวิตไว้ ตังสินจึงสั่งให้เฆี่ยนเสียอย่างหนักแล้วเอาตัวไปขังไว้

แต่พอเวลาเที่ยงคืน ไม่รู้ว่ามีใครช่วยให้เคงต๋องหลบหนีออกจากที่คุมขังได้ ก็รีบไปหาโจโฉ เล่าความลับที่ตังสินคบคิดกับขุนนางและหมอจะกำจัดโจโฉ ให้ฟังโดยละเอียด โจโฉก็ให้เอาตัวไปซ่อนไว้ ข้างตังสินเห็นเคงต๋องหนีไปได้ก็คิดว่าคงกลับไปบ้านนอก จึงไม่คิดจะติดตาม

อยู่มาวันหนึ่งโจโฉทำอุบายว่าปวดศรีษะ ให้คนใช้ไปตามหมอเกียดเป๋งมารักษา เกียดเป๋งคิดว่าได้ทีแล้วก็ซ่อนยาพิษไปด้วย โจโฉเห็นเกียดเป๋งมีนิ้วขาดอยู่นิ้วหนึ่ง ตรงกับคำที่เคงต๋องเล่าก็ระวังตัวอยู่ บอกเกียดเป๋งว่าปวดศรีษะอย่างหนัก ช่วยประกอบยาแก้ไขให้ทีถ้าหายจะให้รางวัล เกียดเป๋งก็จัดแจงต้มยาหม้อแล้วแอบเอายาพิษใส่ลงไปด้วย พองวดก็รินยาครึ่งถ้วยยกไปให้โจโฉกิน

โจโฉก็บิดพริ้วไม่ยอมกิน อ้างว่าท่านเป็นหมอหลวงก็รู้ขนบธรรมเนียมดีอยู่แล้ว ถ้าพระมหากษัตริย์ประชวรหมอจะถวายยา ก็ให้ขุนนางคนสนิทชิมก่อน แม้บิดาผู้ใดป่วยหมอประกอบยาให้ บุตรของผู้นั้นก็ชิมก่อน ตัวเรานี้เป็นถึงมหาอุปราช ตัวท่านควรจะชิมยาที่ท่านจะให้เรากินก่อน  

เกียดเป๋งก็แก้ตัวว่า ถ้าชิมก่อนเหลือยาน้อยโรคก็จะไม่หาย ว่าแล้วก็จะปล้ำกรอกยาให้ โจโฉจึงปัดถ้วยยาหก ด้วยอำนาจยาพิษอิฐที่พื้นก็แตก คนใช้ก็ช่วยกันจับเกียดเป๋งไว้ โจโฉเห็นประจักษ์แก่ตาว่าเกียดเป๋งใส่ยาพิษ จึงว่าความจริงไม่ได้ป่วย แต่จะลองใจว่าจะคิดร้ายหรือไม่ แล้วก็ให้ทหารเอาตัวเกียดเป๋งลงไปในสวน และให้เฆี่ยนอย่างหนักพร้อมกับคาดคั้นว่า ตัวเองนั้นเป็นแต่หมอคงไม่กล้าคิดการใหญ่อย่างนี้ใครใช้มาให้ทำถ้าบอกความจริงจะยกโทษให้

เกียดเป๋งนั้นแม้จะเจ็บปวดด้วยถูกเฆี่ยนตี แต่ก็ไม่ได้กลัวความตาย จึง ร้องตวาดว่า

"....ตัวมืงทำการหยาบช้าเป็นศัตรูราชสมบัติ ซึ่งกูคิดทำการครั้งนี้ใช่จะมีผู้ใดสั่งสอนกูก็หาไม่ ด้วยเหตุว่าแผ่นดินร้อนทุกเส้นหญ้ากูจึงคิดจะฆ่ามืงเสีย ถึงคนทั้งปวง ก็หมายใจจะล้างชีวิตมืงเสียให้ได้ แต่หากว่าเกรงอยู่ด้วยจะทำการไม่ตลอด ชีวิตกูจะตายมืงจะมาถามเซ้าซี้ไปใย....."

โจโฉโกรธมากก็ให้เฆี่ยนต่อไปถึงเที่ยง หลังแตกโลหิตไหลนอง แต่ก็ไม่ยอมซัดทอดใคร โจโฉกลัวว่าจะตายเสียก่อนจะสืบต่อยาก จึงให้เอาตัวไปขังคุกไว้ก่อน

เช้าวันรุ่งขึ้น โจโฉเชิญขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยมากินโต๊ะที่บ้าน ขุนนางผู้ที่ร่วมคิดกับตังสินทั้งสี่คนก็ไปด้วย แต่ตังสินบอกป่วย พอแขกทั้งหลายกำลังกินโต๊ะกันเพลินอยู่ โจโฉก็ให้ทหารคุมตัวเกียดเป๋งออกมา ประกาศแก่ที่ประชุมว่า เกียดเป๋งเป็นขบถจะทำอันตรายแก่พระเจ้าเฮี่ยนเต้และตนเอง แต่บังเอิญจับได้เสียก่อน จะขอทวนถามต่อหน้าขุนนางทั้งหลายเดี๋ยวนี้

แล้วก็ให้ทหารเฆี่ยนเกียดเป๋งจนสลบแล้วสลบอีก เกียดเป๋งก็ไม่ยอมย่อท้อ กัดเขี้ยวเคี้ยวฟันถลึงตาด่าโจโฉอย่างหยาบคายไม่ขาดปาก

โจโฉยันว่าเดิมนั้นคบคิดกันหกคน ตัวเข้าไปร่วมด้วยจึงเป็นเจ็ดคน ทำไมไม่บอกตัวต้นเหตุ เกียดเป๋งไม่ยอมบอก โจโฉก็ให้เฆี่ยนเรื่อยไป

ขุนนางทั้งสี่คนคือ จูฮก จูลัน ตันอิบ โงห้วน ที่ร่วมโต๊ะอยู่ด้วยก็กระสับกระส่ายไม่เป็นสุข อุปมาดั่งนั่งอยู่บนขวากหนาม หน้าก็ซีดเหลียวล่อกแล่ก โจโฉจึงให้นำตัวเกียดเป๋งไปขังคุกไว้อย่างเดิม แล้วเลิกงานเลี้ยงแต่ให้ทั้งสี่คนอยู่ก่อน แล้วก็ซักไซ้ไล่เรียงถึงเรื่องที่ได้ไปประชุมกันที่บ้านตังสิน และแพรขาวนั้นมีข้อความว่าอย่างไร ทั้งหมดก็ไม่ยอมรับอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นท่าเดียว

โจโฉจึงให้เอาตัวเคงต๋องบ่าวของตังสินออกมายืนยัน เคงต๋องก็เล่าเป็นฉากไปเลยว่า ทีแรกจูฮกไปหาตังสินก่อน ครั้น จูลัน ตันอิบ โงห้วน ม้าเท้งมาทีหลัง ตังสินเอาหนังสือบนแพรขาวออกมาให้ดู ทั้งหมดก็ลงชื่อทำสัญญาร่วมกันไว้ ว่าจะทำร้ายมหาอุปราช

จูฮกจึงว่าเคงต๋องนี้ ลอบทำชู้กับภรรยาน้อยของตังสิน พอถูกจับได้โดนโบยตีแล้วขังไว้ก็มีใจพยาบาทจึงหนีออกมาผูกเรื่องใส่โทษนายขออย่าได้เชื่อคนผิด โจโฉก็ให้เอาขุนนางทั้งสี่ไปขังไว้ คาดโทษว่าถ้าสอบสวนได้ความจริงจะฆ่าเสีย

ถัดมาอีกวันโจโฉก็พาทหารไปบ้านตังสิน ถามว่าเมื่อวานทำไมไม่ไปกินเลี้ยง ตังสินบอกว่าป่วยยังไม่หายกลัวโรคจะกำเริบ โจโฉก็บอกว่าหมอเกียดเป๋งเอายาพิษให้เรากิน ท่านทราบหรือไม่ ตังสินก็ว่าไม่ทราบ โจโฉว่างั้นดีแล้วให้ทหารเอาตัวมาสอบสวนอีก แล้วว่าพรรคพวกที่ร่วมกันคิดร้ายนั้นมีห้าคน บัดนี้จับได้สี่คนให้ขังคุกไว้แล้ว และหันมาถามเกียดเป๋งว่า ใครใช้ให้เอายาพิษมาใส่ให้กิน

เกียดเป๋งยืนคำเดิมว่าไม่มีผู้ใช้ ก็ให้ทหารเฆี่ยนตีเกียดเป๋งต่อหน้าตังสิน แล้วถามว่าเดิมนิ้วมือมีครบสิบนิ้ว ทำไมจึงเหลือเก้านิ้ว เกียดเป๋งตอบว่า ตัดนิ้วมือออกนิ้วหนึ่งเพื่อสาบานว่าจะฆ่าโจโฉให้ได้

โจโฉจึงสั่งให้ทหารตัดนิ้วมือเกียดเป๋งเสียทั้งหมด แล้วว่า

".....มืงตัดนิ้วเสียนิ้วเดียว จึงทำร้ายกูไม่ได้ บัดนี้กูให้ตัดเสียอีกเก้านิ้ว มืงเร่งคิดการทำร้ายกูให้สำเร็จเถิด....."

เกียดเป๋งก็สวนว่า

"..ปากกูยังมี ลิ้นกูพอจะด่าแม่มืงได้อยู่อีก.."

โจโฉก็สั่งให้ตัดลิ้นเสีย เกียดเป๋งจึงขอร้องว่า อย่าทำให้ลำบากแก่เราอีกเลย จงแก้มัดออกเสียจะสารภาพแล้ว พอโจโฉสั่งให้ทหารแก้มัดออก เกียดเป๋งก็ลุกขึ้นหันหน้าไปทางทิศพระราชวัง กราบถวายบังคมพระมหากษัตริย์แล้วกล่าวว่า

".....ตัวข้าพเจ้าเป็นข้าราชการในแผ่นดิน บัดนี้มีศัตรูทำจลาจลต่อราชสมบัติ ข้าพเจ้าคิดจะทำนุบำรุงแผ่นดิน บัดนี้ไม่สมความคิด....."

ว่าแล้วก็เอาศรีษะโขกกับเสาศิลาจนศรีษะแตกตาย โจโฉยังไม่หายแค้นก็ให้เชือดเนื้อออกเป็นชิ้น ๆ แล้วตัดศรีษะตระเวนไปเสียบประจานไว้

จากนั้นก็ให้เอาตัวเคงต๋องมาสอบสวนต่อหน้าตังสินอีก ตังสินไม่ยอมรับก็ให้ทหารค้นบ้านตังสิน จนได้หนังสือซึ่งพระเจ้าเฮี่ยนเต้เขียนด้วยโลหิตบนแพรขาว และหนังสือที่ลงชื่อผู้ร่วมก่อการร้ายทั้งหมด โจโฉรู้เรื่องตลอดแล้วจึงจับตัวตังสินพร้อมทั้งบุตรภรรยาไปที่บ้านของตน หารือกับที่ปรึกษาทั้งปวงว่า มีหลักฐานปรากฏเป็นที่แน่ชัดว่า พระเจ้าเฮี่ยนเต้คิดให้คนพวกนี้ ทำร้ายแก่เราผู้มีความชอบ สมควรเนรเทศออกเสียจากราชสมบัติ แล้วตั้งเชื้อพระวงศ์ที่มีสติปัญญา เป็นพระเจ้าแผ่นดินแทนจะเห็นประการใด

เหล่าที่ปรึกษาก็ว่า ถึงเวลานี้ราชการทั้งหลายก็เป็นสิทธิ์เด็ดขาดที่มหาอุปราชทุกอย่างอยู่แล้ว แม้จะทำสิ่งใดก็อ้างรับสั่งพระเจ้าเฮี่ยนเต้ได้ หัวบ้านหัวเมืองจึงยำเกรงอยู่ ถ้าตั้งพระเจ้าแผ่นดินใหม่ หัวเมืองใหญ่น้อยทั้งหลาย ก็อาจรวมกำลังเข้ามาต่อต้านได้

โจโฉเห็นชอบด้วย จึงให้เอาตัวตังสินและขุนนางทั้งสี่คน รวมทั้งบุตรภรรยาและพรรคพวกทั้งหมดประมาณเจ็ดร้อยคน ไปประหารเสียที่นอกกำแพงเมือง ฮูโต๋ ขุนนางอื่นและอาณาประชาราษฎรก็มีความสงสาร น้ำตาตกไม่เว้นแต่ละคน

โจโฉยังไม่เลิกอาฆาตพระเจ้าเฮี่ยนเต้ ก็เหน็บกระบี่เข้าไปในวัง ให้ทหารจับตัวนางตังกุยหุยน้องสาวของตังสิน ซึ่งเป็นสนมของพระเจ้าเฮี่ยนเต้ จะฆ่าเสีย พระเจ้าเฮี่ยนเต้ก็ขอไว้ว่า นางตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว จงเห็นแก่เราอย่าฆ่าเสียเลย

โจโฉก็ว่า

"......พระองค์ให้ตังสินทำร้ายข้าพเจ้า หากเทพดาช่วยข้าพเจ้าจึงรู้การทั้งปวง หาไม่ข้าพเจ้าก็จะถึงแก่ความตาย แม้พระองค์เอาหญิงคนนี้ไว้ ภายหน้าก็จะมีอันตรายแก่ข้าพเจ้า....."

นางฮกเฮาผู้เป็นมเหสีก็ขอร้องอีกว่า รอให้คลอดบุตรเสียก่อนเถิด โจโฉว่าจะเอาพันธุ์มันไว้ทำไม ถ้าบุตรมันโตใหญ่ขึ้น มันก็จะพยายาม ทำร้ายแก่ข้าพเจ้าอีก นางตังกุยหุยก็ขอร้องเป็นครั้งสุดท้าย อย่าให้ฆ่าด้วยอาวุธเลย ขอแพรขาวมารัดคอให้ตายตามปกติเถิด แล้วก็ร้องไห้รำพันกันอยู่ทั้งสามคน

โจโฉโกรธจัดร้องว่า คบคิดกันจะทำร้ายเรา ครั้นถูกจับได้สิมาร้องไห้รักกันเล่า แล้วให้เจ้าหน้าที่เอาตัวนางตังกุยหุย ไปรัดคอตายนอกประตูวัง และสั่งจัดทหารสามพันคนเฝ้าตรวจตราพระราชวัง ไม่ให้เชื้อพระวงศ์ผู้ใดเข้าไปติดต่อกับพระเจ้าเฮี่ยนเต้ได้อีก ตั้งแต่บัดนั้น

ตกลงผู้ก่อการขบถภายในราชอาณาจักรคราวนี้ ทางฝ่ายพลเรือนก็ถูกจับประหารชีวิตหมดแล้ว คงเหลือแต่ฝ่ายทหารที่ไม่ได้มาตามนัดอีกสองนายคือ เล่าปี่ กับม้าเท้ง ตัวเล่าปี่นั้นเป็นเชื้อพระวงศ์ที่มีบุญญาธิการอยู่มาก โจโฉจึงทำอะไรไม่ได้ จนสิ้นอายุของตนเองไปตามกรรม

แต่ ม้าเท้ง เจ้ามืองบ้านนอกจะรอดพ้นเงื้อมมือของท่านมหาอุปราชเจ้าปัญญาอย่าง โจโฉ ไปได้ ก็คงจะไม่นานเป็นแน่แท้.

##########

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 13:48:04




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com