ความคิดเห็นที่ 1 เดือนหน้า ผมจะขอเงินชดเชยภัยร้อนกับรัฐบาลได้หรือเปล่า แล้วจะมีใครมาแจกพัดลมให้ผมบ้าง จากคุณ : RouteRaideR เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 15:45:07

ความคิดเห็นที่ 2 ท่านก็ดีแต่ติ  แต่ไม่เห็นบอกว่า ให้ใช้คำไหน  จึงจะถูกต้อง แล้วใครเป็นผู้กำหนดว่า         "ถ้าใช้คำว่าภัยหนาวต้องมีความหมายว่าพื้นที่นั้น ๆ มีหิมะตก ฯลฯ ......" จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 15:46:03

ความคิดเห็นที่ 3 ภาวะอากาศหนาว? (ยาวไปหน่อยมั้ง) จากคุณ : Timin2101 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 16:03:35

ความคิดเห็นที่ 4 มีแยะไป..... เช่น 1.2ล้าน  ออกเสียงเป็น 1 จุด สอง ล้าน      1.2 พันล้าน ก็ใช้รูปแบบของฝรั่งปนไทยกับมันง่ายดี อย่าไปติพวก...สื่อ ท่านมากนักเลย ใช้ๆกันไปเหอะยังไงก็ได้....มั้ง ตามสบายแบบ ไทยๆยังไงล่ะ แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 55 16:28:48 จากคุณ : อมมือ เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 16:26:33

ความคิดเห็นที่ 5 แล้วแค่นี้ เค้าจะเรียก ภัยหนาว มั๊ยนะ จากคุณ : greeny pony เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 16:33:07

ความคิดเห็นที่ 6 ประชาชน ติงราชบัณฑิตใช้คำว่า "ภาษาวิบัติ" ทำให้ภาษาไม่ก้าวหน้า เนื่องจากภาษามีการพัฒนาในแต่ละยุคแต่ละสมัยเพื่อให้สอดคล้องกับการสื่อสารในช่วงเวลานั้นๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่สุด แต่ราชบัณฑิตยกตนขึ้นประดุจว่าตนเป็นพ่อขุนรามคำแหง ยัดเยียดให้คนไทยพยายามใช้ภาษาที่ตนประดิษฐ์ขึ้น โดยราชบัณฑิตทึกทักเอาเองว่าภาษาเช่นนั้นจะเป็นที่นิยมและทำให้เกิดการสื่อสารมีประสิทธิภาพ  แต่แล้วท้ายที่สุดความพยายามของเต่าล้าน.. (อุ๊บส์)..ราชบัณฑิตก็ไร้ผล ประชาชนต่างละทิ้งเสียงกา (เฮ้ย)..ประกาศิตของราชบัณฑิตและหันไปใช้ภาษาที่เกิดขึ้นตามยุคตามสมัยในการสื่อสาร ภายหลังที่ประชาชนได้ใช้ภาษาที่เกิดขึ้นตามยุคตามสมัย ปรากฎว่าประชาชนสามารถสื่อสารกันได้ดี เข้าใจ โดยไม่ต้องอาศัยความพยายามของราชบัณฑิต ทั้งนี้หากได้พิเคราะห์ตามหลักเหตุผลที่ราชบัณฑิตได้พิเคราะห์คำว่า "ภัยหนาว" จะพบว่าคำว่า "ภาษาวิบัติ"อันเปรียบเสมือนหินที่ถ่วงน้ำที่ผูกอยู่ที่คอภาษาไทยนั้น ไม่ถูกนักเพราะคำว่าวิบัติ(พิบัติ) หมายความว่าเสียหาย เป็นได้ทั้งคำนามและกริยา หากพิเคราะห์ในแง่หลักไวยากรณ์แล้ว คำว่าภาษาเป็นคำนาม ต้องขยายด้วยคำคุณศัพท์ เมื่อคำว่าวิบัติ เป็นนามหรือกริยาแล้วจึงไม่อาจทำหน้าที่ขยายคำนามด้วยกัน ต้องใช้คำว่าภาษาเสีย จึงจะถูกต้องตามหลักไวยกากรณ์ หากพิเคราะห์ตามความเป็นจริง ดังที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างตน ภาษาไม่มีวันเสียหาย มีแต่พัฒนาเพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัย ภาษาใดที่ไม่อาจสื่อความได้ดี เช่นภาษาเฉพาะกลุ่ม ก็จะสูญสลายไปตามกาลเวลา แต่ในเมื่อภาษายังสามารถทำหน้าที่ของภาษาได้ดีคือสื่อความหมายได้ จึงไม่เป็นการยุติธรรมนักที่จะกล่าวหาว่าภาษาของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งทำให้ภาษานั้นวิบัติ เพราะว่าหากกล่าวหาเช่นนี้แล้ว ภาษาท้องถิื่่น เช่นภาษาอีสานหรือภาษาใต้ คงทำให้ภาษาไทยวิบัติ (หรือความจริงแล้วภาษาไทยภาคกลางทำให้ภาษาอีสานวิบัติ เพราะดูเหมือนชาวกรุงภาคกลางจะเป็นกลุ่มน้อยของประเทศเมื่อเทียบกับชาวอีสานบ้านเฮา??) ฉะนั้นประชาชนจึงได้ขอร้องเรียนให้ราชบัณฑิตทำตนให้สมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาไทยซึ่งมีความรู้ ความเข้าใจในภาษาอย่าท่องแท้ มิใช่ทำตัวเป็นตัวถ่วงของภาษา อันจะทำให้ภาษารไม่ก้าวหน้า ดังนี้เมื่อราชบัณฑิตได้อ่านข่าวนี้โปรดจงปิดคณิตกรณ์ลง แล้วกลับไปโยกแท่งหรรษาของสามี(ที่ซื้อมาเล่นแก้เครียด)ให้ครึกครื้นเถิดและปล่อยให้ภาษาเป็นไปตามทางทีี่มันควรจะเป็น ลงชื่อ : ประชาชน จากคุณ : Rabanastre เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 19:03:50

ความคิดเห็นที่ 7 ชอบตรงนี้ " ซึ่งเป็นการบัญญัติคำศัพท์นี้ขึ้นมาเพื่อเบิกงบประมาณจัดซื้อผ้าห่มและเสื้อกันหนาวแจกประชาชนทุกปีซ้ำซากไม่มีจบสิ้น ทั้ง ๆ ที่เสื้อกันหนาวสามารถใช้สวมใส่ได้นานหลายปี แต่ก็ยังเบิกงบประมาณไปใช้มากเกินความจำเป็นทุกปี ส่งผลให้สังคมไทยนิสัยเสียและกลายเป็นผู้ขอตลอดเวลา " แต่คิดว่าต่อไปจะมีศัพท์บัญญัติใหม่ จากภัยโลกร้อนอีกหลายคำ จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 05:00:02

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นด้วยกับคุณ Rabanastre ในสาระสำคัญ แต่ที่ท่านเอี้ยวตัวไปเคาะคำว่าคณิตกรณ์กับแท่งหรรษานั้น ข้าพเจ้าขออธิบายสักนิด เอาแท่งหรรษาก่อน คำนี้ไม่เกี่ยวกับราชบัณฑิตฯ แต่ประการใด เป็นตลกที่เอาราชบัณฑิตฯ มาล้อ เช่นเดียวกับคำว่าละมุนภัณฑ์ คำว่าพหุบัญชร ฯลฯ นานาสารพัน ส่วนคณิตกรณ์นั้น อย่างไรดี ก็เป็นคำสันสกฤตที่บัญญัติไว้ พระองค์ผู้บัญญัติก็ทรงมีรสนิยมในการสร้างคำและบัญญัติศัพท์ ไม่มีใครใช้ก็ไม่ต้องใช้ ก็ทิ้งไว้ว่าเคยมีการบัญญัติคำนี้ว่า คณิตกรณ์ เหมือนคำว่า เครือข่ายใยพิภพ ผู้บัญญัติก็เป็นอาจารย์ด้านไอที ศัพท์ที่ท่านบัญญัตินั้นจะว่าไปก็ถูกต้องตรงกับ World Wide Web เป๊ะ แต่รู้สึกว่าออกแนวกำลังภายในไปหน่อย ไม่มีใครอาจเอื้อมกล้าใช้ ข้าพเจ้าไม่ได้เห็นว่าการบัญญัติศัพท์โดยราชบัณฑิตฯ เป็นเรื่องตลกหรือเรื่องที่ควรเยาะหยัน เพราะในความเป็นจริงๆ ก็ไม่ได้มีใครบังคับขัดขืนใจประชาชนให้ต้องใช้ตามที่ราชบัณฑิตฯ บัญญัติแม้แต่น้อย เอาเป็นว่าราชบัณฑิตฯ ท่านก็บัญญัติศัพท์ตามครรลองของท่าน ใครใคร่ใช้ ใช้ ไม่ใช้ก็ไม่ใช้ ป.ล. ถึงอาจารย์กาญจนา ไม่ให้เรียกภัยหนาวจะให้เรียกอะไรคะ คำนี้มีที่ใช้และสื่อความหมายได้ด้วย เราไม่มีภัยร้อน แต่เรามี "ภัยแล้ง" และถ้าคิดจริงๆ ภัยหนาว นั้นมีจริง อย่างน้อยก็มีคนตายและลำบากลำบนกับความหนาว ความหมายของศัพท์ใดๆ อาจแปลตรงตัวไม่ได้ เช่น โทรศัพท์มือถือ ท่านจะให้เรียกว่า โทรศัพท์ถือด้วยมือหรืออย่างไร หรือท่านจะบอกว่าให้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ ยุ่งไปอีก โทรศัพท์เคลื่อนที่ไม่ได้ ... ถ้าเอาหลักแบบนี้ เราคงไม่มีการสร้างคำใหม่ที่ไฉไลน่าใช้ มีแต่คำยาวๆ ยืดยาดยุ่งยากและไม่สะดวกด้วยประการทั้งปวง ป.ล. 2 คำว่า "วิบัติ" นั้นอาจารย์กาญนาไม่ได้พูด แต่เป็นสื่อนั่นแหละที่ใส่คำว่า "ภาษาวิบัติ" ลงในหัวข่าว แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 55 11:35:08 จากคุณ : AntiSpam (อันตราคนี) เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 11:32:29

ความคิดเห็นที่ 9 "...ข้าพเจ้าไม่ได้เห็นว่าการบัญญัติศัพท์โดยราชบัณฑิตฯ เป็นเรื่องตลกหรือเรื่องที่ควรเยาะหยัน เพราะในความเป็นจริงๆ ก็ไม่ได้มีใครบังคับขัดขืนใจประชาชนให้ต้องใช้ตามที่ราชบัณฑิตฯ บัญญัติแม้แต่น้อย เอาเป็นว่าราชบัณฑิตฯ ท่านก็บัญญัติศัพท์ตามครรลองของท่าน ใครใคร่ใช้ ใช้ ไม่ใช้ก็ไม่ใช้..." ชอบ (คห. 8) แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 55 14:37:26 จากคุณ : ปรียทรรศิกา เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 14:36:58

ความคิดเห็นที่ 10 ที่ท่านศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.กาญจนา นาคสกุล พูดว่า "ถ้าใช้คำว่าภัยหนาวต้องมีความหมายว่าพื้นที่นั้น ๆ มีหิมะตก ซึ่งไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ มีสภาพอากาศหนาวจัด ไม่สามารถทนอยู่ได้ และเป็นเหตุการณ์ที่น่าหวาดกลัว อาจทำให้มีคนเสียชีวิตจำนวนมาก..." ^ ท่านไม่ได้คิดทุกความเป็นไปได้! เราว่ากลายเป็น "ตรงกันข้ามซะมากกว่านะ" ตอนเราพำนักอาศัยในยุโรปเรากลายเป็นคาดการณ์ล่วงหน้าได้เรื่องความหนาว เพราะฤดูหนาวมันก็หนาวแทบจะตลอดวันตลอดคืนอยู่แล้่ว เราจึงไม่พลาดท่าไปตายในความหนาวในยุโรปได้ง่ายๆ เพราะเราใส่เสื้อผ้าหนาๆและหลบอยู่แต่ในอาคารที่อุ่นๆตลอดเวลาไม่ซ่าออกไปเดินลุยหิมะหาเรื่องตาย แต่ในทางกลับกันตอนเรากลับมาอยู่ในประเทศไทยเรากลายเป็นคาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้เรื่องความหนาว เราเจออากาศร้อนจนเหงื่อท่วมตัวตอนก่อนเข้านอน ถ้าเราห่มผ้านอนก็บางทีมันก็ร้อนต่อจนถึงรุ่งเช้าจะบ้าตายได้ แต่บางทีเราแก้ผ้าล่อนจ้อนพอถึง ตี 3 กว่าๆ จะเข้าตี 4 อุณหภูมิลดฮวบฮาบแบบกลายเป็นเราเกือบตายเพราะความหนาวในเมืองไทยมาตั้งหลายครั้งแล้ว (แต่ก็มิวายพลาดท่าจับไข้เอาบ่อยๆ) และเราก็เชื่อว่าในเมืองไทยมีคนหนาวตายโดยไม่รู้ตัวแบบนี้จริงๆเป็นจำนวนมาก นั่นก็คือ ครั้งแรกที่เราเกือบหนาวตายในเมืองไทยมันเป็นฤดูร้อนชัดๆเลย! เรากลับจากต่างแดนมาอยู่เมืองไทยตอนฤดูร้อนพอดี เดินๆไปเหงื่อท่วมตัว พอเข้านอนก็เหงื่อท่วมตัวอีก เราเลยนอนแก้ผ้ามาหลายคืนติดๆกัน แต่ก็เกิดสงส้ยตะหงิดๆว่า "เอทำไมเราชอบตื่นกลางดึกประมาณตี 3 กว่าๆ จะเข้าตี 4 แล้วรู้สึกเหน็บๆแสบๆ ที่ผิวหนังเรา" ^ อีกไปกี่วันต่อมาเราเป็นไข้หวัดอย่างแรงแทบปอดบวบปางตาย! ถึงได้ตระหนักว่า "ไอ้ความรู้สึกเหน็บๆแสบๆที่ผิวหนังเราตอนประมาณตี 3 กว่าๆ จะย่างตี 4 นั่นน่ะ แท้จริงแล้วมันคือความหนาว แต่ร่างกายมันโดนแต่ความร้อนมาตลอดวันมันเลยงงว่าอะไรกันแน่ แล้วก็ปรับตัวไม่ทัน จะปางตายเอา! ^ คนรวยๆที่เปิดแอร์นอน จะไม่ค่อยเจอแบบนี้ (เพราะใส่เสื้อผ้าและห่มผ้าพอโดนแอร์แล้วสบายตัว) แต่คนจนๆในที่กันดาร ถ้าอยู่ในบ้านที่โกโรโกโสผุๆพังๆซึ่งเก็บความร้อนไม่ได้ดี จะมีโอกาสโดนอากาศหนาวเล่นงานแบบที่เราโดน แต่โดนหนักกว่าเราจนถึงตายได้ ซึ่งก็เห็นๆกันในข่าวแล้วว่ามีคนไทยหนาวตายในที่กันดารกันตั้งมากมาย จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 16:59:10

ความคิดเห็นที่ 11 ส่วนที่ว่า ผ้าห่ม และเสื้อกันหนาว ทำไมต้องแจกทุกปีั ภูมิภาคที่หนาว ต้้องใขเสื้อหนาว ทั้งวัน ทุกวัน ปีละ 200 วัน และไม่ได้ใส่ไปกรีดกราย เดินแฟชั่น เค้าใส่เข้านา เข้าสวน ทุกวัน ซักแต่ละที่ น้ำแรก ถ้าเอามาตากแดดให้แห้ง ได้เกลือประมาณ 3 ขีด ผ้าห่มก็เหมือนกัน คนกปรุงเทพ ห่มผ้าบนที่นอน แต่ คนภูมิภาค เค้าห่มกัน ข้างกองไฟ บนพื้นดิน ใครไม่อยากแจก ก็ช่างเค้าเถอะ (ราชบัณฑิต จะว่าเอาว่า ต้องเขียนว่า ช่างเขาเถิด) แต่ ผม พร้อมจะให้ คนเหล่านี้ ไม่รู้เหน็ด รู้เหนื่อย ให้แล้ว ให้อีก เท่าที่จะให้ได้ เพราะ ราคาผ้าห่ม มันถูกกว่า กำไรที่ไ้จากกระเป๋า ปราด้า เยอะเลย จากคุณ : greeny pony เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 11:26:24

ความคิดเห็นที่ 12 อุณหภูมิในประเทศไทยเปลี่ยนกระทันหันน่ากล้วมากๆ ตามที่เราเล่าให้ฟังใน คคห 10 ว่าเราไปอยู่ยุโรปมาหลายสิบปีรอดตายจากความหนาวมาแต่ดันจะเอาชีวิตมาทิ้งซะที่เมืองไทย "ด้วยอาการหนาวตายในฤดูร้อน" ^ ฟังดูเหลือเชื่อ แต่รับรองว่าเรื่องจริง ไม่ใช่อิงนิยาย ลองคิดดูว่าขนาดเราอยู่ในบ้านหลังใหญ่ๆที่ก่อสร้างมาอย่างดีเก็บความร้อนได้ดีเรายังเกือบจะหนาวตายในฤดูร้อนในเมืองไทยได้ เพราะอะไร? คือทำอะไรเหนื่อยแล้วเหงื่อท่วมตัวจนต้องแก้ผ้าแล้วอยู่ดีๆผลอยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่ส่วนใหญ่ไม่เหนื่อยแต่ชล่าใจว่ามันร้อนถึงนอนแก้ผ้า แต่ลองคิดดูว่าผู้คนเป็นจำนวนมากที่ทำงานแบบใช้แรงงานหนักๆในดินแดนที่กันดาร และอยู่ในบ้านที่โกโรโกโส หรือนอนกลางดินกินกลางทราย หลังจากทำงานกรากกรำเหนื่อยล้ามากๆ พวกเขาไม่ได้ชล่าใจแก้ผ้านอนเหมือนเราหรอก "แต่พวกเขาจะเหนื่อยล้าจนหลับเป็นตายโดยไม่รู้ตัวโดยไม่มีเสื้อผ้าอะไรเลย แล้วก็ตายด้วยความหนาวได้จริงๆด้วย" สรุปแล้วจากประสบการณ์ตัวเองนะ เราพบว่าความหนาวในเมืองไทยถึงจะอุณหภูมิยังสูงกว่าในยุโรป แต่อุณหภูมิในไทยเปลี่ยนรวดเร็วมากๆจนร่างกายคนปรับตัวไม่ทัน จึงมีโอกาสตายเพราะความหนาวในเมืองไทยได้ง่ายกว่าในยุโรป (ที่บ้านเรือนมิดชิด มีเครื่องทำความร้อน) ตั้งหลายเท่า "ภัยหนาว" ในประเทศไทย มีจริงและเป็นของจริง อย่างที่เราและคนไทยอีกเป็นจำนวนมากเคยประสบมาแล้ว...อย่างเรานี่แค่เกือบตาย แต่หลายๆคนถึงตายไปเลยหละ! ดังนั้นความหนาว (ในประเทศไทย) จึงถือว่าเป็นภัยที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวได้เช่นกัน แล้วทำไมจะใช้คำว่า "ภัยหนาว" ไม่ได้ล่ะ จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 12:32:14

ความคิดเห็นที่ 13 กราบเรียน  ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.กาญจนา นาคสกุล ราชบัณฑิตสาขาภาษาไทย ราชบัณฑิตยสถาน  และ  พ่อแม่พี่น้องที่เคารพ กระผมขอแสดงความชื่นชมยินดีและมีความสุขเกษมเปรมปรีดิ์เป็นยิ่งนัก  ที่ได้มีโอกาสทัศนาการถ้อยมธุรวาทีอันมีสารัตถประโยชน์  อันปรากฏความอุดมปัญญาอันควรนำมาพินิจพิเคราะห์แลพิจารณาด้วยโยนิโสมนสิการ ทั้งนี้  อันคำและพยางค์ที่บรรดาท่านผู้ทำหน้าที่อันเกี่ยวข้องกับข่าวสารและข้อมูลอันเป็นสาธารณะ  และหรือ  ที่มีการบัญญัติคำว่า "สื่อสารมวลชน " นั้น ที่ได้นำคำว่า " ภัยหนาว "  แสดงต่อหน้าธารกำนัลและบรรดาประชาราษฎรทั้งน้อยใหญ่  ในสากลโลก นี้ กระผมเอง  มีความแจ้งแห่งจิตคิดถึงประโยชน์ในการใช้ภาษาไทยให้ถูกกาลถูกสมัย  ดังเช่นท่านจนทุกประการ  มิได้มีความวิปัลลาสคาดคเลื่อนบิดเบือนต่ออย่างใด อนึ่ง  ถึงกระนั้นเอง  กระผมก็ยังมีนัยเลสเหตุข้อขัดข้องบางประการ  ในอันจะขอคำชี้แนะเพื่อให้เกิดประเทืองปัญญา  อุปมาดังการจุดคบแลประทีปโคมไฟส่องทางสว่างแก่มรรควิถี และ  แม้เบื้องหน้าต่อไป  หากจะมีอนุชนคนใดใคร่รู้หรือปรารถนานำคำและพยางค์อันสื่อความถึง " ความเดือดร้อนเพราะความหนาว " นั้นแล้ว  มิทราบว่า  จะสมควรใช้คำเยี่ยงใดดี  จึงสมควรและมีความถูกต้องตามฉันทลักษณ์อักษร  ทั้งยังต้องตามประสงค์จำนงค์หมายแห่งบรรดาวิญญูชนผู้เป็นราชบัณฑิต  ขอรับ หมายใจว่า  หากท่าน ฯ มาได้ทัศนาการข้อความอันผู้ด้อยปัญญาเยี่ยงกระผมบันทึกจารึกใว้ได้  จักได้เห็นข้อความอันกำจัดความเขลาแห่งปัญญาของกระผม  เพื่อจักได้นำไปเปรยเอ่ยเอื้อนมิให้บิดเบือนอรรถแลพยัญชนะ  แม้แต่น้อย น้อมจิตคารวะ ปล. ปัจฉิมลิขิต  การแก้ไขแลลบความและคำบางประการ  อันเนื่องจากจดจารมิต้องตามฉันทลักษณ์แห่งอักขรวิธี  ขอรับ  ถึงแม้นจะเป็นเสมือน ชนชาตินัก " ลบ " บ้าง  อย่าได้ถือสาหาความขอรับ แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 55 22:31:00 แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 55 22:28:30 แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 55 22:26:01 แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 55 22:22:28 แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 55 22:20:49 จากคุณ : ฮกกงจื้อ เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 22:14:47

ความคิดเห็นที่ 14 กราบเรียน ฯ เสริมความอันปรากฏ ณ อุตตราทิศ  อีกครา หากแม้น  ท่านราชบัณฑิต จักได้เมตตาตอบเป็น  วรรณกรรมไทย  กาพย์  กลอน โคลง ฉันท์  นั้นแล้ว ก็จักกราบขอบพระคุณ  เป็นยิ่งนัก ทั้งนี้  เพื่อให้สมกับภูมิธรรมความรู้แก่การเป็นผู้แตกฉานและเชี่ยวชาญพยัญชนะแลอักขรวิธี  ด้าน " ภาษาไทย "  ขอรับ แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 55 22:43:49 จากคุณ : นกมีหุหนูมีปีก (ฮกกงจื้อ) เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 22:43:01