|
แต่ถ้า จขกท อยากรู้จริงๆเราจะบอกให้เคร่าๆเป็นวิทยาทานว่า
ปัจจัยที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการสอนภาษาอังกฤษนั้น ประการแรก ก็คือ
1. ความเชี่ยวชาญทางด้านภาษาอังกฤษของตัวอาจารย์เอง ถ้าเป็นฝรั่งเจ้าของภาษาจะได้เปรียบมากๆ ในประเทศอังกฤษเขามีหลักสูตร 6 เดือนอบรมฝรั่งตกงานให้เรียนรู้วิชา teaching English to speakers of other languages (การสอนภาษาอังกฤษให้คนที่พูดภาษาอื่น) ซึ่งคล้่ายกับ teaching English as a second language (การสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2) หรือถ้าไม่ใช่เจ้าของภาษา เช่นคนไทย ก็ควรเป็นคนที่เรียนจบเอกอังกฤษหรือไม่ก็เรียนรู้และใช้งานภาษาอังกฤษจนเชี่ยวชาญมากๆ ระดับที่ขจัด non-native speaker's errors (ข้อผิดพลาด(ในการใช้ภาษา) ของคนที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา)ออกไปจนหมดสิ้นหรือเกือบหมดสิ้นแล้ว เพราะมันเป็นตัวถ่วงไม่ให้ครูสอนภาษาอังกฤษได้สำเร็จ
เป็นตัวถ่วงเพราะอะไร?
ยกต้วอย่างเช่นในการสอน conversation แทนที่ครูจะอธิบายเรื่อง grammar มากจนนักเรียนเวียนหัว ครูที่พูดอังกฤษได้แบบธรรมชาติใกล้เคียงฝรั่งเจ้าของภาษา จะใช้วิธีการที่เรียกว่า improvisation จะทำให้การเรียนการสอนสนุกกว่า นั่นก็คือเอาตัวอย่างประโยคมาให้นักเรียนฟังแล้วหัดพูดตาม แล้วสอนให้นักเรียนหัดเอาประโยคตัวอย่างไปพูดใหม่ให้พลิกแพลงโดยเปลี่ยน subject, verb, modifier และ object ไปเรื่อยๆ ซึ่งการที่อยู่ดีๆครูจะคิด impromptu situational dialogues (บทสนทนาตามสถานการณ์แบบคิดขึ้นมาฉับพลันแบบเล่นกลอนสด) ให้มันสอน grammar ได้ไปในตัวนั้น มันทำไม่ได้ง่ายๆ หรือถึงกับทำไม่ได้เลย ถ้าครูยังพูดหรือเขียนอังกฤษแบบมี non-native speaker's errors อยู่ตั้งมากมาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาสอน reading comprehension ครูที่ยังพูดหรือเขียนอังกฤษแบบมี non-native speaker's errors ตั้งมากมาย จะไม่รู้วิธีอธิบายความหมายของประโยคที่กำลังเรียนอยู่ว่าคำศัพท์แต่ละคำเปลี่ยนความหมายไปเรื่อยๆตาม collocations (กลุ่มคำเป็นชุดๆที่ทำให้คำศัพท์เปลี่ยนความหมายไปเรื่อยๆ) หรือคำศัพท์เปลี่ยนความหมายไปเรื่อยๆ ตาม sentence structure types ได้อย่างไร? เพราะการที่จะสอนได้ทะลุเป้าแบบนี้นั้นครูต้องเขียนประโยคภาษาอังกฤษยกตัวอย่างขึ้นมาทันควันบน whiteboard หรือบนจอที่ใช้ projector ให้นักเรียนดูให้เป็นประโยคที่ถูกธรรมชาติโดยไม่ต้องพลิกตำราให้เสียเวลา คือต้องเขียนสดๆเดี๋ยวนั้น ซึ่งฝรั่งเจ้าของภาษาหรือคนไทยที่จบเอกอังกฤษจากมหาลัยดีๆ หรือเคยอยู่ต่างแดนหรือเคยอยู่ในสภาพแวดล้อมของการพูดอังกฤษหรือทำงานด้านภาษาอังกฤษมาหลายๆปี ทำได้ดีกว่าคนจบศึกษาศาสตร์ที่พูดหรือเขียนอังกฤษผิดๆมากมาย (เพราะมัวแต่ไปเรียนศึกษาศาสตร์อยู่ ไม่ได้ไปฝึกทักษะทางด้านภาษาอังกฤษเหมือนคนเรียนจบเอกอังกฤษหรือคนทำงานด้านภาษาอังกฤษโดยตรง)
2 ปัจจัยที่ 2 ที่สำคัญมากๆ นั่นก็คือ "การสำรวจสื่อการสอนต่างๆที่มีอยู่ในท้องตลาด" ปัจจัยที่ 1 ที่ต้องเน้นเรื่องความเชี่ยวชาญทางด้านภาษาของครูก็จริง ครูจะมานั่งสร้างสื่อการสอนเองอย่างชาญฉลาดตอนสอนไปหลายๆปีแล้ว มันง่าย แต่ตอนเพิ่งหัดสอนใหม่ๆ มันยาก ดังนั้น ครูจำเป็นต้องสำรวจตลาดเพื่อหาสื่อสำเร็จรูปที่เหมาะกับการสอนในระดับที่ตัวเองสอน ซึ่งสมัยนี้ใช้ google หาได้สบายๆ ยกต้วอย่างเช่นในการสอนเด็กที่ไม่กระดิกหูเลย มันก็มีสื่อเป็น audios และ videos เสียงฝรั่งให้นักเรียนพูดตาม แล้วให้นักเรียนหัดเอาประโยคตัวอย่างไป improvise ซึ่งทำให้เด็กเรียน grammar พื้นฐานโดยการฝึกพูด (ซึ่งสนุกแบบ edutainment) แทนที่จะทำแบบฝึกหัด grammar ในตำราเรียน (ที่น่าเบื่อสุดๆ) หรือแทนที่จะท่องศัพท์เป็นคำๆโดดๆซึ่งทำให้กลายเป็นสร้างประโยคภาษาอังกฤษไม่ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
3 ปัจจัยที่ 3 ที่สำคัญมากๆ ก็คือ ครูต้องหมั่นเรียนรู้ ถ้าไปคิดตื้นๆว่าไม่จบศึกษาศาสตร์มาแล้วจะเรียนรู้ยังไง มันก็จบเห่กัน หรือยิ่งคิดว่า "ข้าจบศึกษาศาสตร์มาข้าต้องสอนได้ทุกอย่าง" ก็ยิ่งตายสนิท! แต่ถ้าใช้สมองพลิกแพลง ไม่ต้องระดับฉลาดลึกล้ำ จากการสำรวจตลาดสื่อการสอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อที่มาจากต่างประเทศ จะเห็นได้ว่า ผู้เชี่ยวชาญฝรั่งได้ทำงานวิจัยและพัฒนาด้าน teaching English as a foreign language ไปแล้วค่อนข้างมาก โดยจะมีสื่อใหม่ๆที่ทันสมัยผลิตออกมาเรื่อยๆ และครูเก่งๆเขาเรียนการสอนภาษาอังกฤษมาจากไหนล่ะ ถึงเก่งกว่าคนเรียนศึกษาศาสตร์ได้?
คำตอบง่ายมากๆ
นั่นก็คือ
อ่าน Teacher's Manuals (คู่มือครู) ที่แนบมากับสื่อยังไงล่ะ
ถ้าคุณลงทุนไปหาสื่อการสอนภาษาอังกฤษจากต่างประเทศมาหลายๆสิบชุด แล้วคุณอ่าน Teacher's manuals ไปเป็นจำนวนมาก หากว่าคุณพูดเขียนอังกฤษได้โดยไม่มี non-native speaker's errors อยู่แล้ว คุณก็เรียนวิธีการสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 ได้ โดยไม่ต้องไปเรียนวิชาศึกษาศาสตร์มา จากการสำรวจตลาดสื่อการสอนมาหลายปี เราค้นพบว่าสื่อการสอนที่เรียกว่า Side by Side ใช้สอนนักเรียนที่ไม่กระดิกหูเลย ได้ตั้งแต่แรกเริ่มเลย โดยการสอน conversation กับ grammar ไปพร้อมๆกันด้วยวิธีการที่เรียกว่า improvisation (ตามที่เราพูดถึง) ซึ่งถ้านักเรียนที่อ่อนมากๆ เรียนไปครบทุกระดับ (ครูต้องอ่าน teacher's manuals ดีๆม่ายงั้นก็สอนแล้ว class ล่ม) ก็น่าจะรู้ grammar ได้จากระดับ ม.1 จนครบถึงระดับ ม.6 ได้สบายๆ แถมเด็กยังฟังกับพูดอังกฤษได้อีกด้วย แต่อาจไม่รู้ศัพท์ยากๆมากพอสอบ entrance ซึ่งครูจะต้องสอนศัพท์กับ reading comprehension เสริมเพื่อแก้จุดอ่อนอันนี้ แต่ถ้าครูเก่งระดับเทพๆๆๆ ตอนสอน reading comprehension เขาจะสอน writing ให้เด็กเขียนอังกฤษได้แบบเป็นธรรมชาติแบบซึมๆเข้าสมองเด็กได้โดยที่เด็กแทบไม่รู้ตัวเลยหละ
ไปดูข้อมูลเรื่อง Side by Side (ที่เหมาะกับนักเรียนของคุณมากๆ) ได้ที่นี่ http://www.pearsonlongman.com/ae/marketing/sidebyside/
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
6 ก.พ. 55 15:04:39
|
|
|
|
|