ความคิดเห็นที่ 1 ศาลาไทย กรุงทิมพู ภูฏาน เมื่อเดือนมิถุนายน 2543 เนื่องในวโรกาสที่พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนมายุครบ 6 รอบ รัฐบาลไทยได้สร้างศาลาไทยในกรุงทิมพู เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับภูฏาน มอบให้แก่รัฐบาลภูฏานเมื่อปี 2544 จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 16:37:47

ความคิดเห็นที่ 2 ศาลาไทย กรุงทิมพู ภูฏาน จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 16:38:13

ความคิดเห็นที่ 4 ศาลาไทย กรุงทิมพู ภูฏาน จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 16:39:07

ความคิดเห็นที่ 5 ศาลาไทย มลรัฐฮาวาย ปี 1967 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถได้เสด็จ พระราชดำเนินมายัง อีสเวสต์เซนเตอร์ ซึ่งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยฮาวาย เพื่อทรงพระราชทานศาลาไทยเป็นของขวัญส่วนพระองค์ โดยส่งมาทางเรือ ซึ่งศาลาไทยนี้มีชื่อว่า พระที่นั่งปาฏิหารย์ทัศนัย โดยชื่อภาษาอังกฤษว่า " Throne of the Miracle Vision" ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ศาลาที่อยู่นอกประเทศไทยและมีตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ด้วย ศาลาไทยหลังเดิมนั้นเป็นไม้เนื้ออ่อน เมื่อเวลาผ่านไปนาน ทำให้เกิดชำรุดเสียหาย ซึ่งทางรัฐบาลไทยและอีสเวสต์เซนเตอร์ได้ร่วมกันขอพระบรมราชานุญาติปลูกสร้างใหม่ในปี 2006 โดยศาลาไทยหลังใหม่นี้ เป็นไม้สักทั้งหลัง ทาด้วยทองโดยมีสถาปนิกผู้ควบคุมดูแลในการก่อสร้างคือ ดร.ภิญโญ สุวรรณคีรี ศาลาไทยหลังนี้มีความโดดเด่นอย่างมากและยังแสดงถึงสัญลักษณ์ความเป็นไทยในฮาวาย  และตั้งตระหง่านที่มหาวิทยาลัยฮาวาย  ที่โฮโนลูลู  โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงตรัสถึงวัตถุประสงค์ในการพระราชทานศาลาหลังนี้ โดยขออนุญาตพิมพ์พระราชดำรัสเืมื่อครั้งทรงมอบให้ในปี 1967 ดังนี้ " It is my wish that this pavillion may serves as (a) symbol of universal hospitality and brotherhood at this center," " Let it be a haven of love and understanding for all travelers from East and West." จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 16:50:06

ความคิดเห็นที่ 6 ศาลาหลังได้รับการปรับปรุง จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 16:51:26

ความคิดเห็นที่ 8 ศาลาหลังได้รับการปรับปรุง จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 16:55:21

ความคิดเห็นที่ 9 ศาลาไทย ญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่สวนอุเอะโนะ กรุงโตเกียว เป็นศาลาที่รัฐบาลไทยจัดสร้างขึ้นเพื่อมอบเป็นของขวัญให้ประชาชนญี่ปุ่นเป็นที่ระลึกในโอกาสที่ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-ญี่ปุ่นครบรอบ 120 ปี เมื่อเดือนกันยายน 2550  ออกแบบและดูแลการจัดสร้างฯ โดย นาวาอากาศเอกอาวุธ เงินชูกลิ่น อดีตอธิบดีกรมศิลปากร และศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะสถาปัตยกรรม เป็นศาลาขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 3.2 เมตร สูง 7.7 เมตร มีตราสัญลักษณ์การฉลอง 120 ปีฯ ติดอยู่บริเวณด้านจั่วของศาลา พร้อมกับจารึกป้ายภาษาไทยภายในศาลา ความว่า "รัฐบาลไทยมอบศาลาไทยแห่งนี้ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมไทยประจำชาติไทย ให้กับรัฐบาลญี่ปุ่น ในโอกาสครบรอบ 120 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2550 เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ที่แนบแน่นของสองประเทศ" โดยฝ่ายญี่ปุ่นได้จัดทำป้ายที่ระลึก จารึกเนื้อความดังกล่าว แปลเป็นภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษ ติดตั้งอยู่ที่บริเวณด้านหน้าศาลาไทยด้วย จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:01:48

ความคิดเห็นที่ 10 ศาลาไทย ญี่ปุ่น จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:02:15

ความคิดเห็นที่ 12 ศาลาไทย ญี่ปุ่น จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:05:13

ความคิดเห็นที่ 14 ศาลาไทย ญี่ปุ่น จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:06:08

ความคิดเห็นที่ 15 ศาลาไทย ประเทศสหรัฐอเมริกา ในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น นอกจากที่ฮาวายแล้ว ยังมีศาลาไทยอีกหลังอยู่ที่รัฐวิสคอนซินด้วย โดยตั้งอยู่ที่สวนพฤษชาติ อัลบริช เมืองเมดิสัน เป็นศาลาไทยที่สร้างโดยสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยวิสคอนซินแห่งประเทศไทย ในนามของรัฐบาลไทย จัดสร้างขึ้นเพื่อมอบให้แก่ มหาวิทยาลัยวิสคอนซินและเมืองเมดิสัน เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบเมื่อปี 2542 โดยจัดสร้างขึ้นในประเทศไทยแล้วส่งไปประกอบที่เมืองเมดิสัน และมีพิธีส่งมอบศาลไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2545 จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:17:25

ความคิดเห็นที่ 16 ศาลาไทย ประเทศสหรัฐอเมริกา จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:17:59

ความคิดเห็นที่ 18 ศาลาไทย ประเทศสหรัฐอเมริกา จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:19:41

ความคิดเห็นที่ 20 ศาลาไทย ประเทศสหรัฐอเมริกา จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:20:20

ความคิดเห็นที่ 21 กับหิมะ สวยแปลกตา จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:21:30

ความคิดเห็นที่ 22 ศาลาไทย ประเทศเยอรมนี ศาลาไทยตั้งอยู่ในสวนสาธารณะคัวร์ปาร์ค เมืองบาดฮอมบวร์ก ศาลาเฉลิมพระเกียรติหลังนี้เป็นศาลาไทยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป เป็นอาคารทรงเครื่องลำยองและปิดทองคำเปลวทั้งหลัง โครงสร้างเป็นไม้แดงซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็ง และประดับตกแต่งด้วยไม้สักแกะสลักปิดทองประดับกระจกสี การก่อสร้างอาคารใช้วิธีการแบบไทยโบราณดั้งเดิมในการประกอบอาคาร คือการเข้าไม้โดยการใช้สลักไม้และเดือยโดยปราศจากตะปู ซึ่งใช้ระยะเวลา 5 เดือนในการก่อสร้างในประเทศไทยและแยกชิ้นส่วน (knock down) เป็นชิ้นส่วนย่อย เพื่อทำการขนส่งไปยังประเทศเยอรมันนีทางเรือซึ่งใช้เวลาในการขนส่ง 1 เดือน และการประกอบศาลาไทยในเยอรมันใช้เวลา 2 เดือน โดยใช้ช่างฝีมือจากประเทศไทย จำนวน 20 คน จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:37:43

ความคิดเห็นที่ 23 รายละเอียดเพิ่มเติม ขออนุญาตนำบทความของคุณ yongchan จาก oknation.net มาเผยแพร่ บาด ฮอมบวร์ก (Bad Homburg)  เป็นเมืองเล็กๆ น่ารัก มีชื่อเสียงด้านสปาน้ำแร่ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเทือกเขาเทานุส ทางเหนือของนครแฟรงก์เฟิร์ต ศูนย์กลางทางด้านการเงิน  การบิน และมหกรรมการจัดแสดงสินค้าสารพัดชนิด  เมืองนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองคนรวย เนื่องจากนายธนาคารจำนวนมาก เลือกเป็นที่พักพิง แล้วขับรถไปทำงานที่แฟรงก์เฟิร์ตทุกเช้า ฟังแล้วไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับคนไทยได้เลยใช่ไหมคะ แต่ก็เป็นเรื่องแปลกแต่จริง เพราะว่า บาด ฮอมบวร์ก เป็นเมืองที่มีศาลาไทยเป็นแห่งแรกในทวีปยุโรป และปัจจุบันก็มีศาลาไทยตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ถึง ๒ หลัง ! ชาวเมืองบาดฮอมบวร์กทุกคนรู้จักศาลาไทย และบอกทางให้เราได้ในกรณีที่เราหลงทาง ! ทำไมศาลาไทยจึงมาอยู่ที่นี่ได้ถึง ๒ หลัง และทำไมเมืองนี้ถึงเกี่ยวข้องกับคนไทยมากขนาดนี้ ต้องไปสำรวจเสียแล้วค่ะ การเดินทางไปนั้นแสนจะง่าย จากสถานีรถไฟใหญ่ เมืองแฟรงก์เฟิร์ต (Hauptbahnhof) นั่งรถ S Bahn สาย S5 ลงป้าย Bad Homburg จะใช้เวลา ๒๐ นาที ราคาตั๋ว ๓.๗๐ ยูโร ไปกลับก็คูณสองเข้าไป ถ้าไปกันหลายคน แนะนำให้ซื้อตั๋ววันแบบกลุ่ม (ไม่เกิน ๕ คน) ราคา ๑๔ ยูโร ประหยัดคุ้มค่า จากสถานีรถไฟ เดินตรงข้ามสะพานไปเลยค่ะ ตรงอย่างเดียว จนเห็นสวนสวยสีเขียวขจี ก็จะถึง Kurpark (คัวร์พาร์ค)  สวนสาธารณะใหญ่ใจกลางเมือง ครอบคลุมพื้นที่ ๔๔ เฮคตาร์ มองหาถนน Brunnenallee จากป้ายบอกทางแล้วมุ่งหน้าเข้าสวน  จะผ่านสนามกอล์ฟแห่งแรกของเยอรมนี ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ๑๘๘๙ เห็นได้ชัดว่าเมื่อร้อยกว่าปีก่อนนั้น บาด ฮอมบวร์ก ไฮโซไม่แพ้ใครเลย เดินบนถนน Brunnenallee ใน Kurpark แล้วจะรู้สึกคล้ายๆ กำลังเดินอยู่ใน Central Park ของนิวยอร์ค  แต่ที่เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใคร คือ สถาปัตยกรรมครอบบ่อน้ำของเชื้อพระวงศ์ต่างๆ ที่ มีให้เดินชมเกือบ ๑๐ แห่งรอบๆ ถนนเส้นนี้ บาด ฮอมบวร์ก นั้นมีชื่อว่าเป็นเมืองน้ำแร่ มีตาน้ำใต้บาดาลมากมาย สมัยก่อนเชื่อกันว่าใช้รักษาโรคสารพัดชนิด มีเชื้อพระวงศ์จากหลายประเทศเสด็จฯมายังเมืองนี้เพื่อพักรักษาพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิไคเซอร์ วิลเฮล์มสที่ ๒ ของเยอรมนี, เจ้าชายแห่งเวลส์ ซึ่งภายหลังได้รับการสถาปนาเป็นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ ๗ รวมถึงพระมหากษัตริย์ไทย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ด้วย และเป็นธรรมเนียมของเชื้อพระวงศ์เหล่านี้ในการสร้างสถาปัตยกรรมครอบบ่อน้ำในชื่อของแต่ละพระองค์ น้ำของบางบ่อยังเปิดให้เราได้ลองชิมด้วย แต่เตือนกันก่อนว่า รสชาติปะแล่ม ไม่เหมือนน้ำแร่บรรจุขวดนะคะ มื่อเราเดินผ่านสนามเทนนิส ตรงตามทางต่อไปเรื่อย จะเห็นป้ายบอกชื่อถนน “จุฬาลงกรณ์” และศาลาไทยส่งประกายระยิบระยับโดดเด่นเป็นสง่า ท่ามกลางพันธุ์ไม้นานาชนิดแต่ไกล ศาลาไทยแห่งนี้เนื่องมาจากว่า ในการเสด็จฯประพาสยุโรปครั้งที่ ๒ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๐ รัชกาลที่ ๕ เสด็จฯมาประทับรักษาพระองค์ที่เมืองนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือน และเพื่อถวายพระเกียรติ ทางเมืองได้ขุดเจอบ่อน้ำแห่งใหม่และตั้งชื่อว่าเป็น “บ่อน้ำจุฬาลงกรณ์” โดยพระองค์ได้เสด็จฯมาทรงเป็นประธานในพิธีเปิดด้วย รัชกาลที่ ๕ จึงมีพระราชดำริสร้างศาลาครอบบ่อน้ำมอบให้เป็นที่ระลึกแก่เมือง ดังเช่นกษัตริย์และราชนิกูลชาติอื่นๆ ก็ได้จัดสร้างขึ้นเช่นเดียวกัน แต่การออกแบบก่อสร้างจนกว่าจะให้เป็นที่พอพระราชหฤทัยก็เป็นไปอย่างล่าช้า จนกระทั่งสวรรคตแล้วก็ยังไม่แล้วเสร็จ แต่เมื่อศาลาเดินทางมาถึงยังเยอรมนี ไคเซอร์ วิลเฮล์มสที่ ๒ ได้มีดำริให้นำศาลาไทยนี้มาตั้งไว้ในบริเวณที่ใกล้กับบ่อน้ำของพระองค์ เพื่อให้เป็นที่เห็นเด่นชัดมากกว่าบริเวณบ่อน้ำจุฬาลงกรณ์ ซึ่งออกจะเป็นรกชัฎ (อยู่ในบริเวณของถนน Brunnenallee ห่างจากที่ตั้งศาลาประมาณ ๕๐๐ เมตร) ศาลาไทยหลังแรกจึงตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ทางตะวันตกของสวน ตามคำบอกเล่าของผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ของเมือง คุณอัวซูล่า สตีห์เลอร์ “ฉันจำได้ว่าตอนเด็กๆ เดินไปเที่ยวที่คัวร์พาร์ค แล้วเห็นศาลาไทยส่งประกายสีทองระยิบระยับแต่ไกล ซึ่งเป็นภาพที่สวยมาก ประทับใจไม่รู้ลืม” หากมาเยือนเมืองบาด ฮอมบวร์กในฤดูหนาว จะได้เห็นภาพสถาปัตยกรรมไทย ส่งประกายงดงามท่ามกลางหิมะขาว สวยงามแปลกตาแบบที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อนทีเดียวค่ะ นอกจากนั้น ศาลาไทยแห่งนี้ยังเป็นเหมือนกับศูนย์รวมจิตใจของคนไทย และมีพระบรมรูปปั้นนูนต่ำของรัชกาลที่ ๕ ประดิษฐานไว้ด้วย ทุกวันที่ ๒๓ ตุลาคมของทุกปี หน่วยงานราชการและเอกชนไทยต่างๆ จะมาถวายสักการะที่นี่ ศาลาไทยตั้งเด่นเป็นสง่า เป็นความภาคภูมิใจของชาวไทยและชาวบาด ฮอมบวร์ก มาเกือบครบศตวรรษ แต่พระราชประสงค์ของรัชกาลที่ ๕ ที่จะให้มีศาลาไทยตั้งครอบบ่อน้ำของพระองค์กลับยังไม่เป็นความจริง ดังนั้น ในโอกาสครบรอบ ๑๐๐ ปี การเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ ๒ ของรัชกาลที่ ๕ หน่วยงานภาครัฐของไทยและเมืองบาด ฮอมบวร์ก จึงได้ร่วมกันสร้างศาลาไทยหลังใหม่  ตั้งไว้ ณ บ่อน้ำจุฬาลงกรณ์  มีพิธีเปิดไปเมื่อวันที่ ๒๐ ก.ย. ๒๕๕๐ และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมบาด ฮอมบวร์กจึงมีศาลาไทยถึง ๒ หลัง เมืองเดียวในโลก (ยกเว้นประเทศไทย) จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:46:53

ความคิดเห็นที่ 24 อันนี้หลังแรก จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:48:27

ความคิดเห็นที่ 25 ศาลาไทย ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในสวนสาธาณะน็องตู เมืองโลซาน ซึ่งรัฐบาลจัดสร้างขึ้นเมื่อปี 2550 เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพื่อเฉลิมฉลองวาระสำคัญสองวาระ คือ วโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และการดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและสมาพันธรัฐสวิสครบ 75 ปี โดยเลือกเมืองโลซานเป็นสถานที่จัดสร้างศาลาไทย เพราะเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะเป็นสถานที่ที่พระมหากษัตริย์ไทยสองพระองค์ คือรัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ ประทับพร้อมด้วยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีและสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในช่วงปี 2476-2494 เป็นเวลาถึง 18 ปี ก่อนเสด็จนิวัตประเทศไทยเป็นการถาวร ศาลาไทยที่เมืองโลซาน เป็นศาลาไม้แบบจตุรมุข มียอดมณฑป ขนาดกว้าง 6 เมตร ยาว 6 เมตร สูง 16 เมตร ก่อสร้างด้วยไม้เนื้อแข็งและไม้สัก ตามลักษณะการก่อสร้างงานสถาปัตยกรรมไทยแบบโบราณ มีความเป็นเลิศด้านสถาปัตยกรรมและงานช่างไทย ประกอบด้วย งานเข้าไม้ งานจำหลักลาย งานปิดทองประดับกระจก งานเขียนลายรดน้ำ เป็นต้น งานก่อสร้างศาลาไทยทั้งหลังและการทำพื้น ฐานและบันไดด้วยหินแกรนิตเป็นความรับผิดชอบของผู้ดำเนินการก่อสร้างฝ่ายไทย โดยนำหินทั้งหมดมาจากประเทศไทยด้วย จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:52:52

ความคิดเห็นที่ 26 ศาลาไทย ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:53:34

ความคิดเห็นที่ 27 หลายๆมุม จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:54:02

ความคิดเห็นที่ 28 อีกรูป จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:54:20

ความคิดเห็นที่ 29 ศาลาไทย ประเทศสวีเดน ส่วนศาลาไทยที่ประเทศสวีเดนนั้น อยู่ในบริเวณอาคารพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งรัฐบาลไทยได้จัดสร้างและมอบให้เทศบาลเขตรากุนดาเมื่อปี พ.ศ.2540 เพื่อเป็นอนุสรณ์เฉลิมฉลองการเสด็จประพาสรากุนดาของรัชกาลที่ 5 ครบรอบ 100 ปี โดยศาลาไทยที่นี่มีผนังสี่ด้าน เพราะกฎหมายกำหนดไว้เช่นนั้น และเมื่อปี 2550 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวาระครบรอบ 110 ปี การเสด็จประพาสประเทศสวีเดนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของไทยในเขตรากุนดา ประเทศสวีเดน รวมถึงหอการค้าไทย-สวีเดน จัดงานเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่ ในระหว่างวันที่ 17-21 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่เมืองบิสพ์เกอร์เดน โซเลฟที และซุนซวาล ซึ่งอยู่ในเขตรากุนดา มลรัฐแยมแลนด์ โดยทั้งสามเมืองดังกล่าว อยู่ในเส้นทางเสด็จประพาสประเทศสวีเดนของรัชกาลที่ 5 เมื่อปี ค.ศ.1897 ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์สำคัญที่เชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยกับสวีเดนมายาวนาน จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:58:51

ความคิดเห็นที่ 30 ศาลาไทย ประเทศสวีเดน จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:59:09

ความคิดเห็นที่ 31 เมื่อมีหิมะ จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:59:33

ความคิดเห็นที่ 32 สุดท้าย ศาลาไทยในเวสพาร์ค เมืองมิวนิค เยอรมนี ซึ่งเป็นของเอกชนจัดสร้าง ศาลาไทยในเวสพาร์ค สร้างโดยนักธุรกิจชาวเยอรมันที่อยู่ในประเทศไทย ชื่อ ซี. ดับบลิว เดรเวส ไว้เพื่อเป็นที่ระลึก มิตรภาพไทย-เยอรมัน   โดยการสนับสนุนของ หอการค้าเยอรมัน-ไทย จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 18:05:29

ความคิดเห็นที่ 33 ศาลาไทยในเวสพาร์ค จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 18:06:11

ความคิดเห็นที่ 35 ศาลาไทยในเวสพาร์ค จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 18:06:58

ความคิดเห็นที่ 36 หิมะ กับ ศาลาไทย จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 18:07:33

ความคิดเห็นที่ 37 ก๊าบๆ จบแระ เครดิษ รูปสวยๆจากอินเตอร์เน็ต          ขอมูล ก็จากอินเตอร์เน็ต จขกท. เรียบเรียง จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 18:09:22

ความคิดเห็นที่ 38 แถมให้ พลับพลายอด ใน สวนหลวง ร. 9 จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 18:24:09

ความคิดเห็นที่ 39 พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ สถานีรถไฟหัวหิน จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 18:25:30

ความคิดเห็นที่ 40 พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ พระราชวังบางปะอิน จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 18:33:19

ความคิดเห็นที่ 41 ศาลาลงสรง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เดิมสร้างที่พระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้ย้ายมาปลูกในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 18:37:35

ความคิดเห็นที่ 42 พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ใน พระบรมมหาราชวัง จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 18:40:54

ความคิดเห็นที่ 43 พระที่นั่งสนามจันทร์ ใน พระบรมมหาราชวัง จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 18:45:20

ความคิดเห็นที่ 44 พระที่นั่งราชฤดี ใน พระบรมมหาราชวัง จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 18:48:47

ความคิดเห็นที่ 45 สวยงามมากครับ แต่หลายที่ดูเหมือนไม่ได้ใช้ประโยชน์ ดูรกร้างเช่น ศาลาไทย กรุงทิมพู ภูฏาน และ ศาลาไทย ที่มลรัฐฮาวาย ถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือคนไทยในต่างแดนแวะผ่านไป ช่วยๆกันดูแลด้วยนะครับ เพราะถือเป็น สัญลักษณืและมรดกที่ล้ำค่ายิ่งของชาติ จากคุณ : หว่างฮั่น2011 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:18:25

ความคิดเห็นที่ 46 ศาลาไทยศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิต์ จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:58:36

ความคิดเห็นที่ 47 ศาลาไทย สนามบินสุวรรณภูมิ จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:01:36

ความคิดเห็นที่ 48 พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ถ้ำพระยานคร อุทยานสามร้อยยอด จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:04:29

ความคิดเห็นที่ 49 ศาลาสนั่นคุณานุสรณ์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:05:14

ความคิดเห็นที่ 50 ศาลาไทย มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ใครมีรูปศาลาไทยสวยๆเชิญแบ่งปันให้เพื่อนๆชมครับ ยินดีอย่างยิ่ง) จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:09:48

ความคิดเห็นที่ 51 งาน Expo ปี ค.ศ. 1937 ศาลาไทย จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:11:51

ความคิดเห็นที่ 52 ศาลาไทย ที่ญี่ปุ่น งาน Expo 1970 จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:13:09

ความคิดเห็นที่ 53 ศาลาไทย ค.ศ. 1878 (พ.ศ. 2421) ฝรั่งเศส จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:15:25

ความคิดเห็นที่ 54 ภาพจากเวป รวมศาลาไทยที่จัดงาน Expo จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:16:36

ความคิดเห็นที่ 55 ศาลาไทยโรงแรมโซฟีเทล หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ศาลาไทยโรงแรมโซฟีเทล เป็นศาลาขนาดเล็กตั้งอยู่ริมชายหาดหัวหินเป็นจุดเด่นกลางสวนของโรงแรม ศาลาหลังนี้ใช้แสดงความงดงามของสถาปัตยกรรมไทย ภาคกลาง ตัวศาลาทำจากไม้ และทาสีแดงไทย (แดงชาด) ประดับด้วยลวดลาย แกะสลักอ่อนช้อย ที่มา thai-architecture.com จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:23:08

ความคิดเห็นที่ 56 ศาลาไทยโรงแรมโซฟีเทล สมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ศาลาหลังนี้ในการออกแบบใช้หลังคาปั้นหยา เพื่อแสดงมนต์เสน่ห์ความงามแห่งสถาปัตยกรรมภาคใต้ โครงสร้างศาลาทำด้วยไม้มุงหลังคาสีน้ำเงินกลมกลืนกับน้ำทะเลและบรรยากาศธรรมชาติในสวนของโรงแรมโดยมีฉากหลังเป็นท้องทะเลของเกาะสมุย ที่มา thai-architecture.com จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:23:58

ความคิดเห็นที่ 57 ศาลาไทย ในงาน Shanghai World Expo 2010 จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:29:17

ความคิดเห็นที่ 58 ศาลาไทย ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:33:51

ความคิดเห็นที่ 59 ศาลาไทย ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:35:06

ความคิดเห็นที่ 60 Expo 67 จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:35:41

ความคิดเห็นที่ 61 ศาลาไทย ณ เกาะผู่โถวซาน ประเทศจีน ในโอกาสครบรอบ 35 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ไทย-จีน รัฐบาลไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศและสถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครเซี่ยงไฮ้ จึงได้ริเริ่มโครงการก่อสร้างศาลาไทย ณ เกาะผู่โถวซาน ขึ้น ด้วยความร่วมมือของกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม โดยศาลาไทยแห่งนี้ ถือได้ว่าเป็นศาลาไทยแห่งแรกในประเทศจีนที่รัฐบาลไทยมอบให้สาธารณรัฐประชาชนจีน การดำเนินโครงการเริ่มโดยการก่อสร้างส่วนประกอบของศาลาไทยขึ้นในประเทศไทย ซึ่งใช้เวลา 3 เดือน และขนส่งจากประเทศไทยไปยังเกาะผู่โถวซาน ด้วยความร่วมมือจากบริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) โดยสถาปนิกผู้ออกแบบจากกรมศิลปากรพร้อมช่างฝีมืออาวุโสจากประเทศไทย ได้เดินทางมาประกอบสร้างศาลาไทยดังกล่าว ณ เกาะผู่โถวซาน ระหว่างวันที่ 20- 29 มีนาคม พ.ศ.2553 และได้ส่งมอบให้รัฐบาลประชาชนเมืองโจวซาน เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบต่อไป ในวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2553 ศาลาไทย ณ เกาะผู่โถวซาน มีลักษณะเป็นศาลาทรงไทยเดิม มีหน้าบัน 4 ทิศ ฐานศาลาสีขาวยกพื้นสูง บริเวณหน้าบันเป็นรูปธรรมจักรสื่อถึงพระพุทธศาสนา ซึ่งสอดคล้องกับประเทศไทยในฐานะรัฐส่งมอบ และเกาะผู่โถวซาน ผู้รับ ที่ทั้งสองดินแดนเป็นดินแดนแห่งพระพุทธศาสนาและเจ้าแม่กวนอิม สำหรับสีในศาลา ได้ใช้สีขาว แดง น้ำเงินของธงชาติไทย และสีเหลือง แดงของธงชาติจีนมาผสมผสานกันเพื่อสื่อถึงความสัมพันธ์ฉันมิตร อันยาวนานระหว่างไทยกับจีน ตัวศาลาและหลังคาใช้สีทอง เพื่อแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของทั้งสองประเทศ บริเวณเพดานด้านในตกแต่งด้วยลายกนกรูปดอกบัวและลายเฟื่องละย้าดอกพุดตาลสีทองซึ่งเป็นดอกไม้ของประเทศไทยและจีนตามลำดับ คันทวยศาลาเป็นรูปพญานาคสีทองตามความเชื่อดั้งเดิมของไทย ศาลาไทย ณ เกาะผู่โถวซาน สร้างเสร็จสมบูรณ์ ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2553 และนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนฝ่ายไทย ได้ส่งมอบให้กับนายโจว กั๋วฮุย นายกเทศมนตรีเมืองโจวซาน ผู้แทนฝ่ายจีน อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553 ศาลาไทย ณ เกาะผู่โถวซาน ถือเป็นอนุสรณสถานที่รัฐบาลไทยมอบให้กับรัฐบาลจีน ในโอกาสครบรอบ 35 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย- จีน เป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ฉันพี่น้องระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ และความปรารถนาดีของประชาชนชาวไทยที่มีต่อพี่น้องชาวจีน จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:51:33

ความคิดเห็นที่ 62 ศาลาพระอรหันต์ เมืองโบราณ สมุทรปราการ จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 21:06:53

ความคิดเห็นที่ 63 สวยมาก รูปศาลากับหิมะแปลกตาแต่เข้ากันดี จากคุณ : lukva เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 22:38:12

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 23:54:57

ความคิดเห็นที่ 65 มีแต่ภาพสวยๆ ศิลปะไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก จากคุณ : Medhawint_CPSK เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 00:08:18

ความคิดเห็นที่ 66 ชอบศาลาไทยในสุวรรณภูมิ ที่ไม่มีของไปวางขาย ดูแล้วสวยมากมาก จากคุณ : tinglee tingamee เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 00:16:09

ความคิดเห็นที่ 67 ศาลาไทยที่อุเอะโนะสวยมากๆ จากคุณ : natty_bear เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 09:39:25

ความคิดเห็นที่ 68 ศาลาพระอรหันต์ ใหญ่โตจังไม่เคยรู้นะว่ามีแบบนี้ จากคุณ : Panlead เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 11:36:20

ความคิดเห็นที่ 69 ลืมศาลาไทย ในสวนสัตว์เมืองฮัมบูร์ก อีก ๑ แห่งครับ จากคุณ : ออกหลวงมงคล เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 11:39:20

ความคิดเห็นที่ 70 ไปงานหนังสือที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ มัวแต่ไปดูหนังสือ เพิ่งรู้ว่ามีศาลาด้วย จากคุณ : Canossa เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 11:53:53

ความคิดเห็นที่ 71 ศาลาพระอรหันต์ ที่เมืองโบราณ ตอนผมไปทัศนศึกษา เค้าว่าผสมศิลปะ 3 ชาติครับ คือ ไทย จีน พม่า จากคุณ : batolomew เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 12:59:25

ความคิดเห็นที่ 72 ศาลาไทยยังเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ประจำชาติไทยด้วยใช่มั้ยครับ ที่มี ศาลาไทย ช้างไทย และดอกราชพฤกษ์ จากคุณ : batolomew เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 13:01:03

ความคิดเห็นที่ 73 ขอบคุณ คุณออกหลวงมงคล มากครับเอารูปใหญ่ๆมาแปะ แต่ไม่มีข้อมูลของประวัติและรายละเอียดศาลาไทยในสวนสัตว์เมืองฮัมบูร์ก จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 13:05:20

ความคิดเห็นที่ 74 อร่ามเรืองรอง จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 13:16:17

ความคิดเห็นที่ 75 สวยไม่แพที่อื่นๆ จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 13:16:56

ความคิดเห็นที่ 76 อีกสักภาพ จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 13:17:20

ความคิดเห็นที่ 77 ศาลากลางน้ำ วัดบางพลีใหญ่ จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 13:57:10

ความคิดเห็นที่ 78 พระตำหนักปากพนัง จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 13:59:59

ความคิดเห็นที่ 79 รัฐบาลไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการกงสุลกับรัฐบาลแอฟริกาใต้เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2535 โดยรัฐบาลแอฟริกาใต้ได้เปิดสถานกงสุลใหญ่ที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือนกันยายน 2535 และรัฐบาลไทยได้เปิดสถานกงสุลใหญ่ที่นครโจฮันเนสเบอร์ก ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจของแอฟริกาใต้ เมื่อเดือนตุลาคม 2535 ต่อมาทั้งสองประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันอย่างเต็มตัวเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2536 และไทยได้เปิดสถานเอกอัครราชทูตไทย ที่กรุงพริทอเรีย เมืองหลวงของแอฟริกาใต้ แทนสถานกงสุลใหญ่ที่นครโจฮันเนสเบอร์ก โดยที่ทำการสถานเอกอัครราชทูตแห่งแรก ตั้งอยู่ที่เลขที่ 840 ถนนเชิรชร์ (Church Street) ย่านอีสวู๊ต กรุงพริทอเรีย ในเดือนกรกฎาคม 2543 สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ย้ายมาที่ที่ทำการปัจจุบันที่เลขที่ 248 ถนนฮิลล์ (Hill Street) ซึงสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศใช้เป็นพื้นที่สำนักงานอยู่ก่อนแล้ว เพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐบาลไทยที่ต้องการให้หน่วยงานราชการของไทยในต่างประเทศ อยู่ร่วมกันในพื้นที่สำนักงานแห่งเดียว เพื่อความสะดวกในการติดต่อประสานงาน การให้บริการผู้มาติดต่อ รวมทั้งเป็นการใช้ภาษีอากรของประชาชนให้คุ้มค่าและประหยัดค่าใช้จ่ายที่สุด ด้วยการมีสำนักงานร่วมกันเพียงแห่งเดียว โดยสถานที่ดังกล่าวอยู่ในทำเลที่ง่ายต่อการติดต่อ คือ หัวมุมของถนนฮิลล์กับถนนพริทอเรียส ซึ่งเป็นถนนหลักสายหนึ่งในกรุงพริทอเรีย มีลานสนามหญ้าที่งดงามที่สามารถใช้จัดกิจกรรมอเนกประสงค์ได้ และมีพื้นที่สำนักงานที่กว้างขวาง ซึ่งต่อมาเมื่อเดือนกันยายน 2551 สำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร ณ กรุงพริทอเรีย ก็ได้เปิดดำเนินการในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวเช่นกัน เอกลักษณ์ที่โดดเด่นประการหนึ่งของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรงพริทอเรีย คือ ศาลาทรงไทยที่ตั้งเด่นอยู่ในมุมหนึ่งของสนามหญ้าใหญ่ด้านหน้าของสถานเอกอัครราชทูตฯ ศ่าลาไทยดังกล่าว สร้างขึ้นเมื่อปี 2536 เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 10 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน ไทยและแอฟริกาใต้ จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 14:02:38

ความคิดเห็นที่ 80 ศาลาไทย อุทยานเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนนทบุรี จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 14:17:49

ความคิดเห็นที่ 81 ศาลาไทย อุทยานเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนนทบุรี คงเห็นในละครบ่อยๆ จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 14:22:57

ความคิดเห็นที่ 82 พระที่นั่งสันติชัยปราการ ในสวนสันติชัยปราการ จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 14:26:39

ความคิดเห็นที่ 83 ศาลาเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วัดสุทธิวาตวราราม (วัดช่องลม) สมุทรสาคร จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 14:29:56

ความคิดเห็นที่ 84 ศาลาเฉลิมพระเกียรติพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บริเวณ สวนสาธารณะริมน้ำน่าน จ.อุตรดิตถ์ จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 14:31:44

ความคิดเห็นที่ 85 ศาลาเฉลิมพระเกียรติ ริมถนน จ.ตราด ศาลาแบบนี้ในกรุงเทพเหนมีหน้า บ.อีซูซุ ตรีเพชร ริมถนนวิภาวดี และก็ริมถนนสายเอเชีย จ.อยุธยา ถ้าจำไม่ผิดอยู่ ก่อนถึงห้างโรบินสัน จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 14:41:52

ความคิดเห็นที่ 86 ศาลาทศชาติ เมืองโบราณ สมุทรปราการ จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 14:56:09

ความคิดเห็นที่ 87 มณฑปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เมืองโบราณ สมุทรปราการ จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 14:59:40

ความคิดเห็นที่ 88 เร็วๆนี้ จะมีการส่งมอบศาลาไทย ที่กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกสด้วยค่ะ ^^ จากคุณ : MonKruz เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 16:11:55

ความคิดเห็นที่ 89 ศิลปะไทย อยู่ที่ไหน ก็สวยโดดเด่นอยู่เสมอ ^.^ จากคุณ : ระวังแตก เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 16:19:08

ความคิดเห็นที่ 90 ขอบคุณมากเลยครับ อาคารแบบไทยพอมีหหิมะก็งามแปลกตาดี ยิ่งอาคารขาวมามีหิมะยิ่งเข้ากันมากเลย จากคุณ : Prince Alone เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 02:49:26

ความคิดเห็นที่ 91 ป้าบีเคยไปเรียนที่ฮาวาย พอไปถึงที่พักที่อีสต์เวสต์เซ็นเตอร์  เห็นศาลาไทยอยู่บนเนินใต้ต้นไม้ก็งงว่ามีศาลาไทยได้อย่างไร ห้องพักในมหาวิทยาลัยของป้า  ตอนกลางคืนจะเห็นศาลาไทยงดงามมาก  มีไฟส่องดูแล้วอบอุ่นคลายคิดถึงบ้านไปได้ จะลองหาภาพที่ป้าบีถ่ายกับศาลาไทยหลังนี้มาให้ชมนะ แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 55 13:06:43 แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 55 13:00:44 จากคุณ : biebie999 เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 12:48:53

ความคิดเห็นที่ 92 เจอแล้ว ๆๆ กว่าจะค้นเจอ เป็นภาพมุมมองจากห้องพัก  จะเห็นศาลาไทยอยู่บนเนิน  ตอนดึก ๆ แอบวังเวง  อิอิ จากคุณ : biebie999 เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 13:00:13

ความคิดเห็นที่ 93 เป็นที่หย่อนใจตอนเย็น ๆ ด้วย  เพราะแสงจะสาดเข้ามา สวยมาก จากคุณ : biebie999 เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 13:04:46

ความคิดเห็นที่ 94 สยามประเทศ ที่ ปารีส ฝรั่งเศสพ.ศ. 2443: Exposition Universelle et Internationale de Paris 1900 การจัดงานในครั้งนี้ ทางผู้จัดได้จัดให้พื้นที่ของอาคารแสดงประเทศสยาม ไปอยู่รวมกับประเทศอาณานิคม(ทำงี้ได้ไง-_-) ประเทศสยามจึงได้ประท้วงผู้จัดงานจนได้มีพื้นที่แสดงซุ้มศาลาเป็นของตัวเอง(ไชโย) เครดิตภาพ:brooklynmuseum แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 55 13:45:36 จากคุณ : เขียวค้อม เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 13:42:07

ความคิดเห็นที่ 95 ชอบศาลาไทยมากๆครับ สวยงามจริงๆ ขอบคุณทุกท่านที่นำภาพมาแชร์ให้ชมครับ ^^ จากคุณ : แมลงภู่บนหูกระต่าย เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 00:00:36

ความคิดเห็นที่ 96 สวยมากเลย ขอบคุณค่ะ ว่าแต่ รูป คคห 25 นี่มีคนอยู่ในศาลาหรือเปล่าคะ คือเพ่งแล้วเพ่งอีก..... จากคุณ : joaksgirl เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 16:42:39

ความคิดเห็นที่ 97 อลังการงานช้างจริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆ   น่าภาคภูมิใจในชาติตนเองเป็นยิ่งนัก จากคุณ : ปากจัดชะมัดยาด (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 01:59:04