|
private lessons ขนาดลดราคาถูกมากๆ มันก็ยังดูแพง คือคนที่จะเรียนได้มันต้องเป็นพวกคนรวยแน่ๆ เพราะกว่าจะพูดเป็นต้องใช้เงินหลายแสนบาท
จริงๆแล้วที่ จขกท เข้าใจว่าต้องเรียน conversation แบบตัวต่อตัวถึงได้ผล นั่นก็เป็นเพราะว่าคุณไปเจอครูที่สอนผิดๆ คือสอนแบบ teacher to student นั่นก็คือครูหันไปพูดกับนักเรียนทีละคน ซึ่งผลเสียก็คือนักเรียนเก่งๆแย่งพูดหมด นักเรียนไม่เก่งก็ท้อใจ กว่าครูจะวนทั่วห้องเวลาหมดซะก่อน
วิธีที่ถูกต้องเป็นครูหาเสียงมาให้นักเรียนฟังแล้วหัดพูดตาม ต้องใช้เสียงฝรั่งเจ้าของภาษาคนอื่นหลายๆคนที่ไม่ใช่เสียงครู ต่อให้ครูเป็นฝรั่งเจ้าของภาษาก็ใช้เสียงครูไม่ได้ เพราะไม่ต้องการให้นักเรียนชินกับสำเนียงครู
^ ซึ่งในขั้นตอนนี้ ต้องไม่ให้นักเรียนมองดูตัวหนังสือ ถ้านักเรียนฟังไม่ทันพูดตามไม่ได้ ครูจะต้องหยุดเสียงเป็นระยะๆ และเขียนให้ดูบน whiteboard หรือพิมพ์บนคอมพิวเตอร์ฉายผ่าน projector ขึ้นจอ เพื่อแสดง connected speech (การพูดเร็วๆซึ่งออกเสียงไม่เหมือนกับการพูดช้าๆ)โดยลากเส้นโยงว่า เวลาพูดเร็วๆจะมี
sounds disappear sounds change sounds join together
ที่ตรงจุดไหนบ้าง
จากนั้นก็ให้นักเรียนจับคู่แล้วฝึกพูดกัน (แล้วเปลี่ยนคู่ไปเรื่อยๆ จะได้คละกันระหว่างคนเก่งกับไม่เก่ง) โดยการนำประโยคตัวอย่างที่เพิ่งฟังมา มาสร้างประโยคใหม่โดยเปลี่ยน subject, verb, object และ modifier พลิกแพลงไปเรื่อยๆ แบบที่เขาเรียกว่า improvisation ยังไงล่ะ
ในขณะที่นักเรียนพูดกันครูก็ไปยืนฟัง แล้วคอยแก้ไขข้อผิดพลาดให้แต่ละคู่ ซึ่งเราเรียกว่า controlled practice
จากนั้นครูก็ให้นักเรียนจับคู่พูดกันใหม่ โดยให้นักเรียนหัดคิดคำขึ้นมา improvise เอง (คล้ายๆเล่นกลอนสดหรือเล่นลำตัดนั่นแหละ) โดยครูไม่มาแก้ไขข้อผิดพลาดให้ ซึ่งเราเรียกว่า uncontrolled practice
ถ้าโรงเรียนสอนภาษาสอนแบบนี้ คุณจะสนุก แล้วไม่อยากเรียน private lessons เลยหละ แล้วก็จะรู้สึกว่าการเรียนเป็นกลุ่มไม่น่าจะทำให้คุณเก่งช้าลง เพราะถ้า organize กลุ่มให้ดีๆ มันกลายเป็นทำให้นักเรียนช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี
นี่คือศาสตร์การสอน conversation ที่เราเคยค้นคว้าและเรียนรู้มา แล้วโรงเรียนสอนภาษาที่คุณไปเรียน เขาสอน conversation แบบไหนล่ะ คุณถึงคิดว่า private lessons มันจำเป็น
แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 55 00:11:20
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ก.พ. 55 00:07:04
|
|
|
|
|