ความคิดเห็นที่ 1 ต้องดุครับ เอาแบบจริงจังเลย ไม่ต้องกลัว เอาแบบดุ ๆ เลย พอเด็กเชื่อฟังคน ก็ค่อยอ่อนลงมา เห็นครูหลายคนนะที่เป็นผู้หญิง ดุมาก ดุจนเวลาเข้าห้องไปเด็กเงียบ ตั้งใจฟังอยากมาก อย่าทำตัวอ่อนแอให้เด็กให้ เวลาจริงจังต้องจริงจัง เวลาอ่อนต้อนอ่อนไม่ต้องกลัว จากคุณ : mak2010 เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 00:25:15

ความคิดเห็นที่ 2 ต้องทำตัวเป็นพวกเดียวกับเค้าอะ ปัญหาคือ ครู กับ นักเรียน คนละไทป์ กัน  แล้วไม่เข้าใจกันอะ ครูเอาแต่สอนๆๆๆ แต่ไม่เข้าใจหัวใจเด็กอะ เรารู้สึกงั้นนะ ต้องให้ครูมองเปลี่ยนเป็นเหมือนเพื่อนคุยกับเพื่อน ไรงี้ อาจจะเข้าใจกันมากขึ้น แบบครูรู้จักคาแรคเตอร์เด็กแต่ละคนปล่าว่าเป็นไง ใครชอบไร ไม่ชอบไร แต่ละคนเค้าเรียนไปทำไม ถ้าครูรู้จักความต้องการของเด็กอันนี้นะ ครูก็จะจับจุดเด็กถูกอะ ขนาดเด็กช่างกล เค้ายังฟังครูเลยนะ   เราเคยขึ้นรถเมล์ที่เด็กช่างกลขึ้นมาทั้งรถ แต่เค้าเห็นหน้าประชาชนธรรมดาในรถ มากสุด 5 คน เค้าก็อุตส่าห์ให้เกียรติอะ ทั้งๆที่เส้นทางสายนั้นเสี่ยงต่อการตีกันมาก ตีกันมาเป็นสิบๆปี 2- 3 วันก่อนก็เพิ่งมีข่าวลง นสพ ว่าตีกันจนรถเมล์พัง ต้องขับผ่านคู่อริ 2 - 3 ร.ร. แต่เดชะบุญ วันนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น เด็กนักเรียนกลุ่มที่ครูสอน ก็ไม่น่าจะยากเกินไป แบบทำดีกับเค้าอะ เข้าใจเค้าให้มากขึ้นอะ เป็นมิตรกับเด็กอะ ตลกบ้าง ให้เด็กออกมาเล่าอะไรหน้าชั้นเรียนบ่อยๆ อะค่ะ จะได้รู้จักนิสัยเด็กแต่ละคน ดูว่าให้งานอะไร ประเภทไหนแล้วเด็กชอบอะค่ะ แต่อย่าท้อนะคะ จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 01:18:56

ความคิดเห็นที่ 3 แสดงว่าเด็กนั้นอาจจะมีปัญหา ต้องการการดูแลและแก้ไข ครูต้องใจเย็น เป็นมิตร เป็นผู้ใหญ่ใจดี มีเหตุผล ครูผู้หญิงจะได้เปรียบ เด็กๆจะรักและไว้ใจง่ายกว่าครูผู้ชาย การดุ+ด่าเด็ก บางครั้งยิ่งเป็นการเปิดช่องว่างระหว่างครูกับเด็กให้ห่างขึ้นไปอีก จนยากจะเยียวยา บางครั้งการพูดคุยแบบเปิดอก คุยทั้งกลุ่มในห้อง เรียกมาคุยเป็นรายๆ  ช่วยได้ค่ะ เป็นมิตรกับเขาให้มาก สอบถามเพื่อนสนิท ตีซี๊กับหัวโจก  ชมเชยมากกว่าดุด่า ตลกเฮฮาบ้าง ขอความร่วมมือ ขอความเห็นใจ และทำให้เขารู้สึกสบายใจและรู้สึกกว่าครูเป็นที่ที่ปลอดภัยสำหรับเขา เด็กเขาจะเปิดใจเอง และบางครั้งตัวเขาเองนั่นแหละที่จะเป็นคนคลายปมปัญหาต่างๆนี้ เด็กแต่ละคน มีความสามารถ มีปัญญา มีทักษะ รวมทั้งมีปัญหาไม่เหมือนกัน เด็กบางคนทำงานส่ง 5 หน้าก็เกินจะทำได้แล้ว ส่วนบางคน 10หน้า ยังทำเพิ่มได้อีกชิลล์ๆ บางครั้งการที่ครูเคร่งครัดมากๆ มาตรฐานเป๊ะๆ ไม่ได้แก้ปัญหาเด็ก แต่เป็นการเพิ่มปัญหาให้เด็กนะคะ ครูควรยืดหยุ่นบ้างในบางสถานการ เด็กที่ส่งงานครบ ไม่ได้หมายความว่าเด็กนั้นฉลาดและดี (อาจให้ใครทำให้) เด็กที่ไม่ส่งงาน ไม่ได้หมายความว่าเด็กโง่ ไม่ผ่านเกณฑ์ (เด็กอาจมีปัญหาครอบครัว หรือช่วยพ่อแม่ ไม่มีเวลาทำงานจริงๆ) การตัดเกรดโดยไม่ได้พิจารณาให้รอบคอบ จึงไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการพิพากษาเด็ก แต่อาจกลายเป็นการสร้างตราบาปให้แก่เด็กได้ ครูควรได้วิเคราะห์และตีโจทย์ให้แตก และแก้ปัญหาตามโจทย์นั้นๆก่อน หัวใจดวงน้อยๆเหล่านี้ คอยครูเปิดและเข้าไปจับจองนะคะ อย่าท้อค่ะ ลองมองปัญหาให้ทะลุ และค่อยๆแง้มประตูใจของพวกเขานะคะ จากคุณ : Flair เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 02:45:54

ความคิดเห็นที่ 4 เจอมาเหมือนกันค่ะ การทำตัวให้ดุก็เป็นวิธีที่ดี แต่มันไม่ใช่ตัวเรา  สิ่งที่เราทำได้ก็คือ ทำตัวให้สม่ำเสมอค่ะ ถ้าบอกว่าจะหักคะแนนก็ต้องทำจริง ถ้าจะลงโทษก็ต้องลงโทษจริง พอเด็กเห็นว่าเราพูดจริงทำจริง เขาจะเคารพและเชื่อฟังเรามากขึ้นค่ะ จากคุณ : ครูม่อน (Vinter) เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 02:47:59

ความคิดเห็นที่ 5 อ่านแล้วมึน เด็กร้ายมากจริงๆ ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดี สู้ๆเข้าไว้นะคะ หวังว่าาคงหาวิธีแก้ไขได้นะ อย่าท้อ จากคุณ : นางสาวคานทอง เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 05:12:08

ความคิดเห็นที่ 6 เอ่อ ไม่ได้อยากซ้ำเติมนะ โครงการครู 5 ปี เนี่ย นักศึกษาต้องไปฝึกสอน 2 เทอม (ก็คือ 1 ปี) ถ้าเพื่อนของคุณไม่ได้ไปฝึกสอนโรงเรียนที่มันหรูหราอะไรมากก็น่าจะเก็บประสบการณ์รูปแบบเด็กปัจจุบันได้มากพอสมควรเลยนะ ทำไมไปเจอของจริงกลับเหมือนคนไม่มีประสบการณ์อะไรเลย       ขอเดาอีกอย่างว่าทางโรงเรียนคงให้เพื่อนคุณไปสอนชั้น ม.2หรือ ม.3 ใช่ไหม ถึงเจอแบบนี้ เพราะปรกติครูใหม่จะให้สอน ม.1 ม.2 หรือไม่ก็เป็นห้องที่ครูคนอื่นไม่เอาแล้วเพื่อนคุณเลยได้รับของแข็งไปจริงๆ เรื่องรถลองไปจอดในที่เห็นง่ายๆ หรือจอดรวมกลุ่มกับครูคนอื่นได้ไหมอย่างน้อยจะได้ปลอดภัยมาอีกนิด     วิชาจิตวิทยาการศึกษา จิตวิทยาเด็กสมัยที่เรียนงัดตำราออกมาสู้เลย เดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้ จากคุณ : น้องหมูแดง เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 07:09:16

ความคิดเห็นที่ 7 นี่คือบททดสอบของครูใหม่ค่ะ ลองคิดเล่นๆ ว่า ครูเก่าๆ แก่ๆ ที่เคยเจอเหตุการณ์นี้ แล้วผ่านมันไปได้อย่างไร เด็กที่ไม่มีใครเอา เด็กที่ไม่มีทางจะเข้าสถาบันติวเตอร์ สารพันเด็ก ในการศึกษาขั้นพื้นฐาน ก่อนที่คุณจะส่งเขาต่อไปยังการศึกษาระดับสูงกว่านี้   นี่คือสนามจริงและของจริงค่ะ ความเห็นที่ 3 พูดถูกต้องเลยค่ะ ถ้าคุณผ่านมันไปได้ คุณคือ ครูที่ดีในอนาคต และหลังจากนี้ ต่อให้อีกกี่สิบกี่ร้อยเด็ก คุณก็รับมือได้ แต่ถ้าคุณทำมันไม่ได้ คุณมีอย่างเดียว คือ ออกจากวงจรครู เท่านั้น และนี่คือเหตุผลว่า ทำไมจะเป็นครูต้องเลือกเรียนครู จากคุณ : somkamol เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 09:25:09

ความคิดเห็นที่ 8 ^ ^ ^ คุณ somkamol พูด ใน คคห 7 ว่า "ถ้าคุณผ่านมันไปได้ คุณคือ ครูที่ดีในอนาคต และหลังจากนี้ ต่อให้อีกกี่สิบกี่ร้อยเด็ก คุณก็รับมือได้ แต่ถ้าคุณทำมันไม่ได้ คุณมีอย่างเดียว คือ ออกจากวงจรครู เท่านั้น และนี่คือเหตุผลว่า ทำไมจะเป็นครูต้องเลือกเรียนครู" ^ จะบอกให้ว่ากระบวนความคิดนี้มันผิดหลักเหตุผล โจทย์ที่ต้องคิดคือ เพื่อน จขกท เป็นครูสายพันธ์ใหม่ ซึ่งไปสอนเด็ก แล้วเจอเด็กร้ายๆ คราวนี้เราลองมาดูความเป็นไปได้ทุกความเป็นไปได้กัน กรณีของคนเรียนครูมา 1. รับมือกับเด็กร้ายๆได้ 2. รับมือกับเด็กร้ายๆไม่ได้ กรณีของคนไม่เรียนครูมา 1. รับมือกับเด็กร้ายๆได้ 2. รับมือกับเด็กร้ายๆไม่ได้ มันยังสรุปแบบที่คุณสรุปไม่ได้หรอกว่า "และนี่คือเหตุผลว่า ทำไมจะเป็นครูต้องเลือกเรียนครู" หลักเหตุผลง่ายๆ อธิบายแบบนี้ งงหรือเปล่า? จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 10:01:36

ความคิดเห็นที่ 9 จบจากโครงการครูพันธุ์ใหม่ 5 ปี หรือว่าที่ต้องฝึกสอน1ปีคงไม่เพียงพอแล้ว? อาจต้องเปิดหลักสูตรเพิ่มจำนวนปีเข้าไปอีก? สรรพนามที่เรียกเด็ก และ "เราไม่อยากอยู่กัเด็กเถื่อนๆแบบนี้ เฮ้อ..อยากตายมาก" >ระบายให้เพื่อนกันฟังก็คงไม่มีปัญหา เพราะคนเราจำเป็นต้องปลดปล่อยความกดดันบ้าง ผมก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน พอจะเข้าใจ แต่ระวังอย่าเผลอหลุดในรร. ในห้องเรียน หรือให้เด็กมาได้ยิน เด็กอาจจะมีทัศนคติที่ไม่ดีกับคุณครูเพิ่มขึ้นอีกครับ แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 55 15:17:09 แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 55 15:16:11 จากคุณ : temp003184 เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 15:06:49

ความคิดเห็นที่ 10 เห็ด้วยกับ#9 5ปีนี่ไม่น้อยเลยนะคะ สำหรับการมาเป็นมืออาชีพ เห็นใจอยู่หรอกนะคะ แต่ขอโทษที่ต้องขอบอกว่าคุณครูยังไม่มีความพร้อมจะมาเป็นคุณครูเลยนะคะ เป็นดูวิชาชีพอื่นดูสิคะ เช่น แพทย์ 6ปี จบมาต้องพร้อมเจอทุกรูปแบบเลยค่ะ ไม่ว่าคนไข้จะมรูปแบบไหน ไม่มีสิทธิ์โวยวายเลย ไม่ได้นอนเต็มอิ่มเป็นอาทิตย์เลยก็มี  พยาบาล 4 ปี ต้องทำได้ทุกอย่าง หมออนามัยที่อยู่รพ.สต.ไม่มีสิทธิ์เลือกคนไข้  วิศวกรจบไปก็ต้องทำงานในไซต์งานได้เลย เวทีของวิชาชีพไม่มีพี่เลี้ยงค่ะ   จากคุณ : mangpongja เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 15:39:23

ความคิดเห็นที่ 11 โห คห*10 เป๊ะ จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 16:24:11

ความคิดเห็นที่ 12 เราเคยเรียนโรงเรียนอำนวยศิลป์สมัยเป็นผู้ชายล้วนๆยังไม่มีนักเรียนหญิง นักเรียนที่นั่นเกเรพอๆกับเด็กช่างกล ครูอำนวยศิลป์จัดการกับเด็กร้ายๆด้วยวิธีการที่คุณ lovelypriest ให้ไว้ใน คคห 2 นั่นก็คือ "ต้องทำตัวเป็นพวกเดียวกับเค้าอะ ปัญหาคือ ครู กับ นักเรียน คนละไทป์ กัน  แล้วไม่เข้าใจกันอะ ครูเอาแต่สอนๆๆๆ แต่ไม่เข้าใจหัวใจเด็กอะ เรารู้สึกงั้นนะ ต้องให้ครูมองเปลี่ยนเป็นเหมือนเพื่อนคุยกับเพื่อน ไรงี้ อาจจะเข้าใจกันมากขึ้น" จะเล่าเรื่องจริงที่เราเจอที่อำนวยศิลป์ให้ฟัง ครูสาวของพวกเรากำลังสอนวิชาเคมีเขียนกระดานอธิบายอยู่ เด็กจอมแก่นนั่งยองๆเอากล้องส่องทางไกลดูลอดกระโปรงครู เพื่อพนันกับเพื่อนๆว่า "วันนี้คุณครูใส่กางเกงในสีอะไร?" ในขณะที่เด็กทั้งชั้นหัวเราะกันกิ๊กกั๊กๆ ครูสาวได้ยินเสียงหัวเราะเลยสงสัย แล้วหันมาเจอเข้า แทนที่จะโวยวายว่า "ไอ้หื่นกาม ฉันจะฟาดก้นแก" แต่ก็ไม่ทำ เพราะรู้ว่า "ถ้าพูดงั้นครูจะกลายเป็นตัวตลกให้นักเรียนทั้งชั้นหัวเราะ" แต่ครูแก้เกมเก่งมากๆ ครูบอกว่า "นี่เธอใส่แว่นก็หนาเตอะ แล้วยังต้องใช้กล้องส่องทางไกลอีกด้วยหรือ สายตาสั้นขนาดนั้นนักเรอะ ถ้าอยากเห็นจริงๆใจจะขาดแล้ว ก็ย้ายมานั่งข้างหน้าสิ แล้วถ้ายังไม่เห็นอีกฉันจะเอาไอ้สิ่งที่เธออยากเห็นนักน่ะ ครอบลงไปบนหัวเธอซะเลย!" ปรากฎว่า "เด็กฮากันครึนทั้งชั้น แต่ฮาหัวเราะเยาะคนแอบดูกางเกงในครู ไม่ใช่หัวเราะเยาะครู" แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 55 20:14:15 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 20:11:43

ความคิดเห็นที่ 13 เป็นกำลังใจแล้วกันค่ะ จะแนะนำก็ไม่ได้ เพราะไม่เคยเจอ ที่เรียนมาก็ต่างกลุ่มกัน จะแนะนำตามหลักการก็ไม่ได้ อ่านการ์ตูนไหมคะ เรื่อง GTO ครูหลายคนค้นพบแรงบันดาลใจจากเรื่องนี้ กรณีอาจคล้ายคลึงกัน แต่ไม่ต้องทำตามอย่างหนังสือ เพราะเราทำไม่ได้ แต่ก็ต้องลองคิดว่าเราทำแบบไหนได้ที่เข้ากับเด็กและเหมาะกับเรา จากคุณ : ปาบู่ผู้พลิ้วไหวไปกับสายลม (PaBo) เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 20:17:33

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณทุกท่านนะคะ สำหรับทุกความคิดเห็น เดี๋ยวทาง จขกท. จะลองนำไปแนะนำเพื่อนๆ นะคะ ก็คงต้องให้ทางเพื่อนของจขกท. ค่อยๆ ปรับปรุงตัวค่ะ ทาง จขกท. คิดว่า อาจเพราะว่า เพื่อนเป็นครูสอนคณิตศาสตร์ด้วย เลยอาจทำให้เด็กคิดว่ายาก (เด็กม.ต้น) เลยไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ค่ะ ส่วนปัญหาแบบนี้ ทางเพื่อนไม่ได้เจอแค่ช่วงนี้ค่ะ พอดีเขาเจอแบบนี้มา 3 ปีแล้ว ไม่ีรวมตั้งแต่ฝึกงานแล้ว เขาก็บ่นมาเรื่อยๆ แต่ไม่หนักเท่าเมื่อวานนี้ค่ะ ขอบคุณทุกท่านมากจริงๆ ค่ะ จากคุณ : หนูเป็นมนุษย์ต่างดาว เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 22:39:26

ความคิดเห็นที่ 15 ที่พูดนี่ไม่ได้พูดให้หมดกำลังใจ แต่อยากจะบอกว่าจริงๆแล้วปัญหาเรื่องครูเจอเด็กร้ายๆนี่ไม่ใช่แต่จะมีในประเทศเราเอง ประเทศที่เจริญแล้วอย่างประเทศอังกฤษก็มี เราเคยเห็นแหล่งเสื่อมโทรมที่ในประเทศอังกฤษซึ่งมีสถิติอาชญากรรมสูงมากๆระดับอย่าว่าแต่จะเข้าไปเรียนในโรงเรียนในละแวกนั้นเลย กะอีแค่เดินผ่านย่านนั้นผู้คนจากแหล่งอื่นก็ยังไม่ค่อยกล้าที่จะเดินเข้าไปเลย และเด็กวัยรุ่นวัยเรียนในย่านนั้นก็เอาเรื่องน่าดู ถ้าเอาคนแปลกถิ่นมาสอนก็อาจสอนไม่ได้เพราะจะโดนเด็กเล่นงานเอา (อันนี้พูดจากที่เคยไปสัมผัสมาจริงๆในแหล่งเสื่อมโทรมบางแห่งในนครลอนดอน) แต่เมื่อ 2-3 ปีที่แล้วเราเป็น editor ทำหน้าที่ตรวจแก้งานแปล videos เรื่องการศึกษาในประเทศต่างๆ (รู้สึกว่าจะเอาไปขึ้นเวปการศึกษาของไทย) พบว่าใน Liverpool (อีกจังหวัดหนึ่งในประเทศอังกฤษ) ก็มีบรรยากาศที่น่ากลัวมากในระดับหนึ่ง ที่เด็กวัยรุ่นวัยเรียนทำตัวเป็นอันธพาลระรานทั้งครูและชาวบ้าน ซึ่งถึงจะมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านการศึกษา นักสังคมสงเคราะห์ และครูประจำวิชาหลายๆคนมาช่วยๆกันประสานงานกัน ซึ่งบางทีจะออกแรงมากขนาดไปเยือนผู้ปกครองที่บ้าน หรือจัด workshops แล้วเชิญผู้ปกครองจากหลายๆครอบครัวมาฝึกอบรม หรือเชิญทั้งผู้ปกครองและนักเรียนจากหลายๆครอบครัวมาจัดงานเลี้ยงสังสรรค์เพื่อประสานสัมพันธไมตรีกัน แต่มันก็แค่ช่วยได้ในระดับหนึ่ง คือสรุปแล้วในประเทศอังกฤษเขาแก้ปัญหาแบบนี้โดยหาทางหันหน้าเข้าหากัน และเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นกัน แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะแก้ปัญหากันได้ง่ายๆ ^ มันไม่ใช่แค่ว่า "จบศึกษาศาสตร์มาแล้วจะต้องเป็นครูได้ดี หรือจะต้องแก้ปัญหาเด็กนักเรียนอันธพาลได้เสมอไป" ^ ปัญหาพวกนี้มันละเอียดอ่อนมากกว่านั้นตั้งหลายเท่า แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 55 21:43:59 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 21:40:11

ความคิดเห็นที่ 16 agree with *15 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 22:57:04

ความคิดเห็นที่ 17 เห็นใจเพื่อนคุณจัง แต่เราว่าเพื่อนคุณไม่พร้อมจริง ๆ อ่านแล้วเราถามตัวเองว่า ครูคนอื่นเค้ามีปัญหาแบบเพื่อนคุณมั้ย แล้วเค้าทำไง ทำไมเค้าต้องนินทาเพื่อนคุณ เพื่อนคุณมีอะไรให้ต้องนินทา กับเด็กก็เอาไม่อยู่กะเพื่อนครูก็เข้ากันไม่ได้ เรื่องใหญ่เลยนะเนี่ย พิจารณาตัวเองด่วน ปรึกษาครูใหญ่ว่าเรามีปัญหาแบบนี้ ต้องแก้ไขอย่างไร แต่ต้องใจกว้างรับข้อติให้ได้นะ เอาใจช่วยจ้า จากคุณ : Schnuckiputz เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 00:23:50

ความคิดเห็นที่ 18 ฝากบอกเพื่อนน้องนะคะ.. คนเป็นครูนั้นจะต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ และคิดหาวิธีสอนที่ได้ประสิทธิภาพ ต้องมีทั้งความรู้ และใช้จิตวิทยาค่อนข้างสูง เป็นธรรมดาสำหรับเด็กๆ ที่มักจะชอบลองของ การที่เราเจอเด็กแสบๆ ลองหาหัวโจกให้เจอสักหนึ่งคน แล้วปราบคนนั้นคนเดียวก็พอ สุดท้ายทุกคนจะอยู่ในกำมือเรา "ไม่ว่าจะเรียนมาสักกี่ปี จะมีความรู้สูงส่งแค่ไหน แต่ขาดประสบการณ์ในการรับมือกับเด็กๆ ก็ไปไม่เป็นเหมือนกันค่ะ" ต่อให้จบเกียรตินิยมอันดับ 1 4.00 จากมหาลัยอันดับหนึ่งของประเทศ และต่อให้เก่งสุดๆ ในสายวิชานั้นๆ และต่อให้เป็นอาจารย์กวดวิชาที่อ้างว่าได้เงินมากมาย ก็จอดได้เหมือนกันถ้าเจอเด็กแสบๆ ....... ส่วนเรื่องพฤติกรรมครูนั้น ขอบอกว่า.. ต้องทำใจนะคะ มันเป็นธรรมดาในโลกของความเป็นจริง เพิ่งจะเรียนจบมา ยังไม่เคยได้ออกสู่โลกกว้าง เลยไม่รู้ว่าสังคมข้างนอกมันเป็นยังไง ..นี่แหละชีวิตจริง ไม่ว่าเราจะทำงานอะไร เราก็หนีไม่พ้น เรื่องของการนินทา การอิจฉาริษยา อยู่ที่ไหนก็เจอ ไ่ม่ต้องหนี ..แต่เรียนรู้ให้ได้ว่าต้องอยู่อย่างไรให้มีความสุข ใครว่าเขานินทาช่างเขา ขอแค่ตัวเราทำตัวให้ดีก็เป็นพอ คนเป็นครูเป็นแม่พิมพ์ ต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี ถ้าน้องทำตัวไม่ดี แล้วโดนว่า โดนนินทา พี่ก็ต้องบอกว่า "สมน้ำหน้าค่ะ" เพราะน้องทำตัวเอง แต่ถ้าน้องทำตัวดี แล้วยังโดนว่าโดนนินทา ก็ขอให้อดทนค่ะ.. ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ และใครจะทำอะไรเราไม่ได้ด้วย มันเป็นสัจธรรม พี่ถือคติอย่างนี้.. ถ้าเราคิดว่าเราทำดีแล้ว นั่นหมายถึงว่า เรายังไม่ดีพอค่ะ แต่ถ้าเมื่อไร ที่เราคิดว่าเรายังทำไม่ดีพอ เราจะคอยระมัดระวังตัวเอง และทำตัวดีอยู่เสมอ ขอให้เชื่อและศรัทธาในความดีนะคะ หลักธรรมช่วยเราได้เยอะ พี่เข้าใจนะ.. เราอยุ่กับคนจำนวนมาก ทั้งนักเรียนและครูด้วยกัน แต่ละคนก็ต่างมีปัญหาเยอะแยะเข้ามา เราไม่มีทางรู้ได้เลยและไม่มีทางควบคุมมันได้ สิ่งที่เราทำได้ คือควบคุมใจเราเองให้นิ่ง และไม่ไหวตามเขา ถ้าเขาว่าเรา ก็ปล่อยเขาไป ไม่คิด เขาก็ทำอะไรเราไม่ได้ นี่เขายิ่งว่า เรายิ่งคิด เราก็ยิ่งทุกข์ อย่าไปโกรธเขา "การให้อภัยทาน กับพวกคนพาล เป็นทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด" ...และฝากบอกเพื่อนน้องอีกว่า ครูนั้น.. ในสังคมไม่มีใครเขาเห็นใจเราหรอก ทำดีแค่เสมอตัว ทำไม่ดีก็ถูกประนาม และน้อยคนที่จะทำได้ดีจริงๆ แต่เมื่อไรที่ผลของมันผลิดอกออกผล มันจะยิ่งใหญ่มหาศาลมากกว่าเพียงพูดแค่ลมปาก จงเป็นครูผู้อดทนต่อไป... จากคุณ : ][NuUnAn-- เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 10:09:10

ความคิดเห็นที่ 19 ตอนนี้ทาง จขกท. ได้พูดคุยเพื่อนแล้วค่ะ ได้นำคำแนะนำในนี้ ให้เพื่อนอ่าน (copy ไปให้เพื่อนอ่านบางคิดเห็น) กลับกลายเป็นว่า เพื่อนเรา บอกว่า เข้าใจ แต่ทำไม่ได้ เพราะเคยทำตัวเป็นพวกเดียวกับเด็ก แล้วเด็กลามปาม แล้วว่าเราไม่ได้เป็นครู ไม่มีทางเข้าใจหรอก ทั้งที่ เราหวังดีอยากให้เพื่อนปรับทัศนคติเพื่อจะได้ทำงานอย่างเป็นสุข T^T เศร้าเลย จากคุณ : หนูเป็นมนุษย์ต่างดาว เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 22:03:10

ความคิดเห็นที่ 20 ภาค 2 มาทำลิงค์ให้ จากกระทู้ เสียงเล็กๆ จากครูคนหนึ่ง http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K11763982/K11763982.html จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 23:43:47

ความคิดเห็นที่ 21 -ลบและย้ายไปกระทู้ใหม่ค่ะ- แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 23:52:40 จากคุณ : Flair เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 23:48:23