PANTIP.COM : K11761517 แบรนด์มหาลัยในสมัยนี้ ยังจำเป็นต่อการสมัครงานมากน้อยแค่ไหน [การศึกษา]

ความคิดเห็นที่ 23

ถ้าเป็นงานราชการระดับชั้นมหาลัยคงไม่มีผลนะเพราะเขาจ่ายเงินตามวุฒิ บางหน่วยงานแค่ยัดเงินใต้โต๊ะก็สอบผ่านแล้วได้บรรจุแล้ว

แต่ถ้าเป็นบริษัทเอกชนกำลังรับสมัครงานด้านภาษา และคนในหน่วยงาน HR กำลังเอามือตะกุยใบสมัครงานเป็นกองพะเนินเทินทึกเพื่อเลือกว่าจะสัมภาษณ์ใคร เราคาดว่าเพื่อประหยัดเวลา พวกเขาคงโยนใบสมัครของคนจบมหาลัยระดับหางแถวลงตะกร้าหมด! ที่คิดเช่นนี้ก็เพราะว่าจากการที่เราทำงานด้านภาษาอังกฤษในเมืองไทยมาหลายปี เราเคยเจอคนจบเอกอังกฤษจากมหาลัยหางแถวเป็นจำนวนมากซึ่งทั้งพูดและเขียนอังกฤษผิดเละดูไม่ได้เลยเกือบร้อยทั้งร้อยสมดังคำร่ำลือจริงๆด้วย!

แต่ถ้าไปเจอนายจ้างที่รู้วิธีทดสอบอย่างชาญฉลาด และมันเป็นกรณีทักษะเฉพาะทาง ยกตัวอย่างเช่น "การแปล" บางทีไม่มีวุฒิการศึกษาหรูๆก็ยังหางานได้นะ ยกตัวอย่างเช่นตัวเราเองที่เรียนจบแค่มัธยมต้นมา ไปสมัครเป็นนักแปลในบริษัทแห่งหนึ่ง เจ้าของบริษัทให้เราทดสอบแปล company profile ของลูกค้ารายหนึ่งจากไทยเป็นอังกฤษ พอแปลเสร็จเขาก็ให้ฝรั่งเจ้าของภาษาที่อ่านภาษาไทยรู้เรื่อง และเคยเป็น subeditor หนังสือพิมพ์ฝรั่ง ทำการประเมินผลภาษาอังกฤษเรา ปรากฎว่าเราผ่านเกณฑ์ แล้วได้รับการว่าจ้างให้เป็นนักแปลเงินเดือนมากกว่าคนจบปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอกทางด้านภาษาในบริษัทนั้นซะอีก และเราได้รับมอบหมายงานให้แปลเอกสารระดับยากๆ และ edit (ตรวจแก้) ภาษาอังกฤษของคนที่เรียนจบทางด้านภาษาอังกฤษจากมหาลัยระดับดีๆในเมืองไทย(หรือมหาลัยต่างประเทศ) มา ซึ่งที่เราทำได้ด้วยวุฒิการศึกษาอันต่ำต้องของเราก็เพราะอาศัยการเรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตจริงเท่านั้นเอง

จากนั้นเราลองสมัครงานแปลหนังสือกับสำนักพิมพ์หลายแห่ง ก็สมัครได้โดยทำบททดสอบผ่านแล้วได้งานทำ คือรู้สึกว่างานแปลหนังสือนี้ขอให้แปลถูกต้องสำนวนดีสำนักพิมพ์ก็เต็มใจจ้างนะ เพราะนักแปลเก่งๆหายากมากๆ มันเป็นทักษะเฉพาะทาง การเรียนจบด้านภาษามาไม่เป็นหลักประกันว่าคุณจะเป็นนักแปลที่ดีได้เสมอไป เพราะศาสตร์แห่งการแปลมันเป็นศาสตร์เฉพาะทางที่แยกส่วนออกมาจากศาสตร์อื่นๆด้านภาษา

แต่วุฒิการศึกษามัธยมต้นของเราใช้สมัครงานบริษัทคนไทยไม่ได้ง่ายๆนักหรอก อย่างเช่นเราไปสมัครเป็นติวเตอร์สอนภาษาอังกฤษ ในโรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่ง พอเจ้าของโรงเรียนที่เป็นคนไทยเห็นวุฒิมัธยมต้นเรา เขาก็ไล่เราออกมา...555+++... แต่เราไปสมัครอีกโรงเรียนหนึ่งซึ่งมีผู้บริหารเป็นฝรั่ง ฝรั่งสัมภาษณ์เราแล้วเงี่ยหูฟังความคล่องตัวในการพูดอังกฤษของเรา แล้วเขาเอา essay ของนักศึกษาปริญญาเอกมหาลัยปิดชื่อดังมาให้เรา edit (ตรวจแก้) เขาบอกนักศึกษาคนนี้เรียนไม่จบปริญญาเอกเพราะเขียน research paper ไม่ผ่าน แล้วฝรั่งให้เราเขียนภาษาอังกฤษเป็นแผนการสอน อธิบายว่าถ้านักเรียนเขียนภาษาอังกฤษได้ขนาดนี้ เราต้องใช้กลยุทธ์อะไรในการสอน เราจะใช้และสร้างสื่อการสอนขึ้นมายังไง วัดผลยังไง และแสดงความคิดเห็นอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเราคิดว่า "มันเป็นบททดสอบรับสมัครงานครูสอนภาษาอังกฤษที่โหดมากๆ" แต่เราก็ทำมันผ่านแล้วได้งานไปทำ!

^
แต่เราก็ไม่โชคดีแบบนั้นมาทุกครั้งนะ เพราะในบางช่วงของชีวิตเราจะหางานแปลเอกสารแพงๆเราสมัครเองก็ไม่ค่อยจะมีใครให้งานเราทำเพราะเกือบทุกหน่วยงานจะเน้นว่าจะเอาวุฒิปริญญาโทด้านภาษาอังกฤษซะเป็นส่วนใหญ่ เราเกือบจะอดตายอยู่แล้วแต่พระผู้เป็นเจ้าก็เมตตา ส่งแฟนคนหนึ่งมาให้เรา แฟนคนนี้จบอักษรศาสตร์จุฬาเอกอังกฤษและปริญญาโทการแปลจุฬา เธอก็เลยใช้วุฒิการศึกษาอันหรูๆของเธอช่วยรับงานแปลเป็นชื่อเธอ แล้วโยนงานแปลมาให้เราทำเพื่อให้เรามีกิน แต่ในบางครั้งก็มีคนในบริษัทแปล (หรือตัวลูกค้าเอง) อ่านเจอภาษาอังกฤษที่เราเขียนหรืออ่านเจอตัวอย่างการแปลที่เราทำไว้โดยการช่วยคนอื่นแปลงานยากๆใน pantip แล้วคนที่อ่านกระทู้เราเจอก็ติดต่อเราเพื่อชวนเราไปทำงานแปลเอกสารหรือว่าจ้างให้เราทำงานแปลเอกสารให้พวกเขา ทั้งๆที่พวกเขาก็รู้ว่าเราเรียนจบแค่มัธยมต้นอะนะ

สรุปแล้ววุฒิการศึกษาจากมหาลัยดีๆ ช่วยเป็นใบเบิกทางได้ แต่ความสามารถจริงสำคัญที่สุด และข้อสำคัญก็คือต้อง think positive ตลอดเวลา สมัยเราท้อใจแล้ว think negative ว่าเราเรียนไม่สูงเราคงหางานไม่ได้เราก็ไม่ได้งานดีๆทำจริงๆตามที่คิด

เราจึงต้องฝึกตัวเองให้หัดคิดอย่างมีเหตุผล

นั่นก็คือ

"หัดคิดว่าถึงเราเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองไม่จบปริญญามาก็ตาม แต่เราก็ทุ่มเทเวลาเรียนให้กับมันอย่างจริงจัง และรับรู้เนื้อหาและได้มาซึ่งทักษะทางด้านภาษาอังกฤษมากไม่แพ้คนไทยที่เรียนภาษาอังกฤษในมหาลัยดังๆมา ดังนั้น แทนที่เราจะไปเรียนต่อเอาวุฒิสูงๆ เรากลายเป็นฝึกพลังจิตให้ think positive เพื่อให้งานและเงินมันเข้ามาหาเราเอง ตามหลัก the law of attraction (กฎแห่งแรงดึงดูด) โดยการฝึกตัวเองให้เชื่อว่าพลังจักรวาลหรือพระผู้เป็นเจ้ายังคงเมตตาให้โอกาสแก่คนที่มีความสามารถแต่ขาดวุฒิการศึกษาสูงๆอย่างเราบ้าง"
แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 55 10:36:50

จากคุณ : fortuneteller

เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 10:26:55