รำลึกถึงยาขอบ (๕)
ก่อนที่จะจบบันทึกที่ชวนให้รำลึกถึง ยาขอบ ฉบับนี้ ขอยกเอาข้อเขียนของท่านเกี่ยวกับเรื่อง ผู้ชนะสิบทิศ จากคำนำของภาคสาม มาวางไว้ให้เห็นถึงความถ่อมตนของท่าน เป็นการสรุป
..................ข้าพเจ้าอยากให้ผู้ชนะสิบทิศของตัวไม่มีวันตาย แต่เมื่อมองไปที่วงการหนังสือ เห็นงานของท่านนักประพันธ์อื่น ๆ ข้าพเจ้าก็ต้องเตือนตัวเองว่า สะกดความอยากข้อนี้ไว้เถิด เมื่อผู้อ่านรู้สึกว่าจะอ่านผู้ชนะสิบทิศไปทำไม เมื่อมีเรื่องโน้นเรื่องนี้ดีกว่าอยู่แล้ววันใดวันนั้นความนิยมในรสบันเทิงของเรื่องผู้ชนะสิบทิศ ก็จะดับสูญเช่นเดียวกับชีวิตของเจ้าของเรื่อง วันตายของผู้ชนะสิบทิศในด้านเป็นหนังสือน่าอ่าน ในเรื่องตายนั้นแน่ ไม่ต้องกล่าว เพราะน่ากลัวจะตายไปก่อนตัวข้าพเจ้าเสียอีก ข้าพเจ้าอยากให้คุณค่าของเรื่องผู้ชนะสิบทิศไม่ตาย หากข้าพเจ้ามิได้หวัง
แต่ในด้านหนังสือผู้ชนะสิบทิศเล่มใหญ่ ๆ จะเป็นวัตถุหรือเป็นสิ่งหนึ่ง ข้าพเจ้าหวังว่าถึงตายก็ตายช้าตายยากเต็มที และอาจตายทีหลังข้าพเจ้า นับด้วยจำนวนร้อยปีเป็นอย่างน้อย เพราะเป็นน้ำหมึกประทับไว้บนกระดาษ ก่อให้เกิดเรื่องราวลำดับด้วยถ้อยคำ ของภาษาคนภาษาหนึ่ง กว่าล้านห้าแสนคำ ทั้งคำกว่าล้านห้าแสนที่รวมกันเข้าเป็นเล่มหนังสือ มิได้พิมพ์ขึ้นเพียงเล่มเดียว
หนังสือนับเนื่องเข้าในเรื่องผู้ชนะสิบทิศ เท่าที่ได้พิมพ์ขึ้นแล้ว เฉพาะตอน ยอดขุนพล ๓,๐๐๐ เล่ม เฉพาะภาคหนึ่งครั้ง พ.ศ.๒๔๗๗ พิมพ์ ๒,๕๐๐ เล่ม มาคราวพิมพ์ปีนี้ไม่นับเล่มปลีกย่อย ๆ ที่เรียกว่าตอน นับแต่ที่รวมเข้าหลาย ๆ ตอนเป็นเล่มใหญ่ แล้วเรียกเป็นภาค ก็พิมพ์ภาคละ ๕,๕๐๐ เล่ม รวมสามภาคเป็นหนังสือที่พิมพ์คราวนี้ ๑๖,๕๐๐ เล่ม เรื่องผู้ชนะสิบทิศ จึงมีรูปร่างเป็นหนังสือชนิดอยู่ข้างจะถาวร รวมทั้งหมด ๒๒,๐๐๐ เล่มด้วยกัน
ก็แหละภาษาไทยของเราอยู่ในวงจำกัด หนังสือที่เป็นภาษาไทยไม่มีโอกาสกระจัดกระจายออกไปจากที่แคบ ๆ ของวงการหนังสือเมืองไทยโดยสะดวก ถ้าข้าพเจ้าได้บังอาจหวังว่า ผู้ชนะสิบทิศจะตายทีหลังตัวข้าพเจ้า ก็ด้วยหวังในฐานสิ่งนี้เป็นเพียงวัตถุเท่านั้นเอง
เมื่อการเขียนข้อความทั้งนี้ ทำให้ต้องรำลึกถึงผลได้ที่ผู้ชนะสิบทิศให้แก่ข้าพเจ้า ก็ทำให้ต้องระลึกไปถึงผู้มีบุญคุณต่าง ๆ กันในการนี้ด้วย ข้าพเจ้าระลึกถึง ศรีบูรพา (คุณกุหลาบ สายประดิษฐ์) เป็นคนแรกที่ช่วยหนุนน้ำใจปั้นปลุกให้ข้าพเจ้าเขียนหนังสือแล้ว ยังช่วยให้ได้เงิน ๓๕ บาทต่อเดือน อันเป็นเงินจำนวนประเดิมเริ่มแรกของการเขียนผู้ชนะสิบทิศนี้
ข้าพเจ้าระลึกถึง แม่อนงค์ (คุณมาลัย ชูพินิจ) นอกจากเป็นผู้ปั้นปลุกน้ำใจ ยังในฐานช่างคิดชื่อ ผู้ชนะสิบทิศ อันเป็นมงคลทำมาค้าขึ้นให้แก่ข้าพเจ้า
และระลึกถึง ขุนสงัดโรคกิติ เพราะท่านผู้นี้ทีเดียว ได้สอนให้รู้ถึงความที่มหาชน ต้องการเรื่องของข้าพเจ้า โดนกล้าพิมพ์ ยอดขุนพล ออกขายเป็นครั้งแรก ในบรรดาหนังสือของข้าพเจ้า
ทั้งสามท่าน ทำให้ผู้ชนะสิบทิศ เป็นเรื่องสมบูรณ์ด้วยรูป แต่ยังไม่สมบูรณ์ในอันจะให้เกิดประโยชน์เป็นเรือโดยแท้ จนกว่าได้มาพบหยดน้ำแต่ละหยดที่รวมกันเข้าเป็นท้องน้ำ คือท่านพวกประชาชนคนอ่าน มือที่ข้าพเจ้าไม่รู้จักหน้าค่าชื่อ มากมายแต่ละมือนี้เอง ที่ได้ให้ประโยชน์แก่ข้าพเจ้า จนกระทั่งชวนให้ผู้ที่ไม่รู้ราคาของการประพันธ์ สำคัญราวกับว่าข้าพเจ้ามีความสำราญ เพราะมีมือลับ ๆ คอยส่งเงินบำรุงข้าพเจ้าในทางไม่สุจริต ข้าพเจ้าขอระลึกถึงคุณผู้อ่านหนังสือของข้าพเจ้าเป็นประการที่สุด
ข้อความเหล่านี้จารึกไว้ในคำนำเมื่อ ๕ กันยายน ๒๔๘๒ แต่หนังสือเรื่อง ผู้ชนะสิบทิศ ทั้งสามภาคที่สำนักพิมพ์ผดุงศึกษา ได้พิมพ์ขึ้นเป็นจำนวนแปดเล่ม เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๖ ก็มิได้จบลงโดยสมบูรณ์ ต้องมีการสรุปท้ายเรื่องโดยเพื่อนนักประพันธ์ร่วมสมัยของท่าน เขียนต่อเติมอีก ๑๓ หน้า
แต่หนังสือที่มีเรื่องยืดยาวไม่รู้จบดังกล่าว ก็ยังมีชื่อเสียงยืนยงคงกระพันอยู่จนถึงปัจจุบันนี้
อันเป็น เวลาที่ผู้เขียนได้ล่วงลับไปแล้วถึง ๕๐ ปี เป็นอมตนิยายเรื่องสำคัญรองลงมาจาก พระอภัยมณี ของท่านสุนทรภู่
แต่จะยั่งยืนอยู่ต่อไปได้ถึง ๑๐๐ ปี ดังที่ท่านผู้รจนาหวังไว้ หรือไม่นั้น
ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้อ่าน อีกห้าสิบปีต่อไป............เท่านั้น.
###########
จากคุณ |
:
เจียวต้าย
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ก.พ. 55 05:49:50
|
|
|
|