PANTIP.COM : K11768926 ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษในงานวิชาการมีความสำคัญขนาดไหนครับ [ห้องเรียนภาษาอังกฤษ]

ความคิดเห็นที่ 4

สิ่งที่น่ากลัวมากๆในการเขียนงานด้านวิชาการ นั่นก็คือเวลาต้องแปลจากไทยเป็นอังกฤษ

ที่พูดนี่เพราะเจอปัญหาที่เกิดขึ้นจริงๆ หลายๆอย่าง ในขณะที่กำลังทำงานแปลชิ้นหนึ่ง คือ

1. คนเขียนภาษาไทยใช้ meaning shift (พูดอย่างหนึ่งแต่หมายถึงอีกอย่างหนึ่ง) เยอะมากๆ อาจเป็นเพราะความมักง่ายๆ หรือเป็นเพราะเขาเป็นคนที่ระบบตรรกะใช้การไม่ได้ (ซึ่งเจอบ่อยๆในงานเขียน แม้กระทั่งของนักศึกษาปริญญาเอก (ส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษามหาลัยที่จ่ายเงินครบจบแน่ๆที่พวกข้าราชการไปเรียนเอาวุฒิมาขึ้นเงินเดือน))

2. ภาษาไทยทีเขียนมา ได้มาจากการแปลอังกฤษเป็นไทยผิด

3. ภาษาไทยทีเขียนมา ได้มาจากการลอกของคนอื่นมา แล้วต้องแปลอังกฤษเป็นไทย แต่แปลผิดมา

กรณี 1. ถ้าต้องเขียนอธิบายกลไกการทำงานของระบบอะไรบางอย่างที่นักแปลไม่รู้ กว่าจะค้นข้อมูลเจอเพื่อเรียนรู้การทำงานของระบบ เพื่อแก้ไข meaning shift และแก้ไขข้อผิดพลาดในเชิงตรรกะให้เจ้าของงาน นักแปลก็บางทีทำไม่ทันเพราะเวลาหมดซะก่อน

กรณี 2. บางทีค้นเจอต้นตอ แล้วแก้ไขให้ ลูกค้าหาว่าเราแปลผิดเจตนารมย์เขา

กรณี 3. เราค้นข้อมูลเจอ แล้วใส่ภาษาอังกฤษของดั้งเดิมไป เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง แต่ลูกค้าเร่งจะเอาไปใช้งาน เราเลย paraphrase ไม่ทัน ซึ่งนับว่าเสียงโข เพราะถ้าเอางานไปตีพิมพ์ จะโดนข้อหา plagiarism แต่ถ้าเราแปลไปตามเนื้อผ้า จะเอาไปใช้งานไม่ได้ เพราะอธิบายกลไกการทำงานผิดพลาดหมด ซึ่งจริงๆแล้วแค่ paraphrase นี่ก็ยังไม่รอดพ้นจากข้อหา plagiarism ได้ง่ายๆนะ แต่มันต้องแปลงอีกหลายรอบ โดยสอดแทรกความคิดของตัวเอง (ของเราเอง เพราะนักศึกษาได้แต่ลอกมา แต่นักศึกษาคิดไม่ออก) เข้าไปเยอะมาก

จริงๆแล้วเรื่อง grammar ไม่มีปัญหาสำหรับเจ้าของงานเพราเขาว่าจ้างคนอื่นแปลให้ แต่ป้ญหาก็คือภาษาไทยที่เขาเขียนมามันทำให้นักแปลเขียนอธิบายกลไกการทำงานของระบบผิดพลาดหมด

ยกตัวอย่างเช่นเอกสารจดทะเบียนสิทธิบัตรภาษาไทย ตรงส่วนที่เป็นข้อถือสิทธิ์ เราเคยเห็นมานับร้อย แต่เราไม่เคยตีความภาษาไทยถูกต้องเลย แต่เผอิญที่รับมาเป็นงานแปลราคาหน้าหนึ่งไม่แพงมากนัก ก็เลยแปลไปตามเนื้อผ้า แต่ถ้าเป็นงานแปลที่ราคาแพงมากๆ และต้องการแปลให้ได้คุณภาพสูงสุด เราก็คงต้องถึงกับลงทุนไปสัมภาษณ์คนเขียนภาษาไทย เพื่อขอให้เขาแปลไทยเป็นไทย

มีงานเขียน research paper ชิ้นหนึ่งที่เรารับจ้างทำให้นักศึกษารายหนึ่ง เป็นงานกฎหมาย ภาษาไทยเอาไว้แค่ดูชื่อคนในคดีความที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็น keywords ค้นจาก google ว่าคดีต่างๆเหล่านั้นดำเนินไปยังไง ซึ่งกลายเป็นงานแปลงหมด ไม่ใช่งานแปล (ถ้าไม่แปลงนักศึกษาไม่มีทางเรียนจบได้เลยเพราะจะโดนอาจารย์ตีกลับงานเขียนมาหมดเพราะข้อมูลผิดพลาด) เพราะถ้าแปลตามภาษาไทยจะกลายเป็นให้ข้อมูลผิดหมด เพราะนักศึกษาอ่านภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องตอนแปลมาเป็นไทยกระโดดไปกระโดดมา ถึงกับบางทีโจทก์ชนะคดี แต่สรุปเป็นโจทย์แพ้คดีก็มี เรื่องแบบนี้มันพอจะค้นเพื่อช่วยเหลือนักศึกษาได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องวิศวกรรมระดับไฮเทคที่ซับซ้อนมากๆ แล้วเขียนภาษาไทยมีปัญหา เราคงต้องคืนงาน เว้นเสียแต่จะให้เวลาเรามากพอที่จะลงสนามไปค้นข้อมูล (ถามผู้รู้) เท่านั้น

สรุปแล้ว grammar ไม่ใช่ปัญหาหลัก ถ้าจ้างคนอื่นแปล แต่การเขียนภาษาไทยด้วยระบบตรรกะที่แม่นยำ สำคัญมากๆ

พูดๆไปแล้วก็ต้องกลับไปนั่งแปลเอกสารเดิมอีกรอบหนึ่ง ตอนนี้กำลังงงว่าสวิตช์ตัวไหนทำหน้าที่อะไร ซึ่งระบบมันไม่น่าจะยากมากนัก แต่คนเขียน (พวกพนักงานรัฐวิสาหกิจ) ที่เช้าชามเย็นชาม ใช้ meaning shift เยอะมากๆ จนตอนนี้เรางงสุดๆเลยว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่?
แก้ไขเมื่อ 29 ก.พ. 55 04:34:52

จากคุณ : fortuneteller

เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 04:26:23