Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
แผนทำลายมิตร ติดต่อทีมงาน

เสี้ยวสามก๊ก

แผนทำลายมิตร

เล่าเซี่ยงชุน

ในพงศาวดารจีนเรื่องสามก๊ก ที่มีผู้ฟันธงไว้ว่า ผู้ที่อ่านจบสามเที่ยวเป็นคนคบไม่ได้นั้น ตลอดเรื่องเต็มไปด้วยกลอุบายต่าง ๆ นา ๆ ทั้งนี้ก็เพื่อให้สำเร็จประโยชน์ของตน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะหรืออธรรม ต่างก็ใช้เล่ห์เพทุบายด้วยกันทั้งสิ้น ไม่มีใครดีไปกว่าใคร โดยเฉพาะโจโฉ ตัวเอกที่ยืนโรงอยู่ค่อนเรื่อง ดังเหตุการณ์ต่อไปนี้

เมื่อครั้งที่โจโฉยกกองทัพประชาชน สิบเจ็ดหัวเมืองมาช่วยพระเจ้าเหี้ยนเต้ ให้พ้นจากเงื้อมมือของตั๋งโต๊ะ มหาอุปราชผู้ชั่วร้าย แต่ไม่สำเร็จนั้น หันซุยเจ้าเมืองเป๊งจิ๋วไม่ได้เข้าร่วมขบวนการด้วย แต่เมื่อตั๋งโต๊ะตายแล้ว ลิฉุยกับกุยกียกทัพมายึดเมืองหลวงได้ และบังคับให้ฮ่องเต้แต่งตั้งให้เป็นขุนนาง ซึ่งลิฉุยได้เป็นผู้ว่าราชการฝ่ายทหาร และเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินด้วย ส่วนกุยกีนั้นเป็นผู้ว่าราชการฝ่ายพลเรือน ทั้งสองจึงปกครองบ้านเมืองสืบทอดความหยาบช้า เช่นเดียวกับตั๋งโต๊ะต่อไป

หันซุยรู้ข่าวก็ปรึกษากับม้าเท้งเจ้าเมืองเสเหลียง ซึ่งเป็นเพื่อนเกลอกันมาก่อน ว่าจะต้องยกกองทัพเข้าไปกำจัดสองทรราชย์นั้นเสีย จึงมีหนังสือไปถึงขุนนางข้าหลวงเดิมของฮ่องเต้สามนาย ให้ช่วยเป็นไส้ศึกและกราบทูลฮ่องเต้ด้วย ฮ่องเต้ก็มีพระทัยยินดีจึงทรงพระอักษร ให้สองเจ้าเมืองทำการให้สำเร็จ

หันซุยกับม้าเท้งก็ยกกองทัพทั้งสองเมือง ประมาณสิบสองหมื่น เดินทางจากชายแดนภาคเหนือฝ่าความกันดาร จนถึงเมืองเตียงฮัน ลิฉุยกุยกีก็ให้ลิบ้องกับอ่องหอง นายทหารที่เคยเปิดประตูเมือง ให้ลิฉุยกุยกีเข้ายึดเมืองครั้งก่อน ออกไปรบกับหันซุยและม้าเท้งซึ่งตั้งอยู่ห่างประมาณสองพันเส้น

ม้าเฉียวผู้บุตรม้าเท้งอายุสิบแปดปี ที่มาในกองทัพด้วยก็ขออาสาออกไปรบ ม้าเฉียวมีฝีมือเข้มแข็ง รบกับข้าศึกเพียงห้าเพลง ก็แทงอ่องหองตกม้าตาย แล้วก็ชักม้ากลับ ลิบ้องก็ขับม้าไล่ตาม พอจวนจะทันม้าเฉียวก็หันกลับมาสู้ และจับตัวลิบ้องเอาไปให้บิดาตัดศรีษะเสียบประจานได้ แล้วทั้งสองก็ยกทัพเข้าไปตั้งค่ายประชิดเมืองหลวง

แต่ล้อมเมืองอยู่ประมาณสองเดือน ก็ไม่สามารถตีหักเข้าไปได้ เพราะข้างในเกณฑ์ทหารขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินมั่นคงทุกด้าน กองทัพของหันซุยก็ขาดเสบียง อดข้าวปลาอาหารไพร่พลก็อิดโรย พอดีลิฉุยกุยกีจับไส้ศึกของหันซุยทั้งสามคนได้ และตัดศรีษะเสียบประจานไว้บนเชิงเทิน ทั้งสองเจ้าเมืองจึงสั่งถอนทัพกลับ แยกไปเมืองของตน

ทางกองทัพของหันซุยนั้น ลิฉุยกุยกีให้หวนเตียวนายทหารเอก ยกทหารตามมาจนทันกันที่เขาตันฉอง หันซุยไม่มีแรงจะสู้รบจึงขอร้องว่าเราเป็นชาวบ้านเดียวกันมาแต่น้อย ตนยกมาทำการทั้งนี้ก็เพราะหวังจะทำนุบำรุงแผ่นดิน ให้อยู่เย็นเป็นสุข ถ้าไม่เห็นแก่ตนก็ขอให้เห็นแก่ฮ่องเต้เถิด หวนเตียวก็ใจอ่อนปล่อยให้หันซุยเดินทางกลับไปบ้านเมืองโดยปลอดภัย

ต่อมาอีกหลายปี เมื่อโจโฉยกทัพมาปราบลิฉุยกุยกี และได้เป็นมหาอุปราชของฮ่องเต้ และย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เมืองฮูโต๋แล้ว ม้าเท้งได้เข้าไปราชการในเมืองหลวง และมี ขุนนางกลุ่มหนึ่งตั้งตัวเป็นศัตรูกับโจโฉ ม้าเท้งก็ไปลงชื่อร่วมขบวนด้วย พร้อมกับเล่าปี่ แต่ยังไม่มีทางทำการอย่างใด เกรงความลับจะแพร่งพราย ม้าเท้งกับเล่าปี่ก็หาทางหลบออกจากเมืองหลวง ปล่อยให้ผู้ร่วมคิดซึ่งเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ถูกโจโฉจับได้และประหารชีวิตหมดสิ้น

ต่อมาอีกหลายปีหลังจากที่โจโฉแตกทัพมาจากเมืองกังตั๋งแล้ว นึกถึงม้าเท้งขึ้นมาได้ จึงหลอกให้เข้าไปเฝ้าฮ่องเต้ แล้วจับตัวไปประหารเสีย พร้อมกับลูกชายอีกสองคน เหลือแต่ ม้าเฉียวลูกชายคนโต กับม้าต้ายน้องชาย แล้วโจโฉก็เขียนหนังสือบอกหันซุย ให้จับตัวสองพี่น้อง ส่งไปให้ที่เมืองฮูโต๋ แล้วจะให้บำเหน็จเป็นเจ้าเมืองเสเหลียงแทน

หันซุยก็ไปบอกกับม้าเฉียวดังกล่าว ม้าเฉียวก็คำนับกราบลงแล้วว่า หันซุยกับบิดาของตนก็เป็นสหายรักใคร่กันนัก บัดนี้โจโฉฆ่าบิดาของตนเสียแล้ว ขอให้เห็นแก่บิดาของตนเถิด หันซุยก็บอกว่า

“……บิดาเจ้ากับเราก็รักใคร่กันนัก ซึ่งโจโฉฆ่าบิดาเจ้าเสียนั้น เราก็มีใจเจ็บแค้น อยู่ แม้เจ้าจะยกไปรบเมืองฮูโต๋แก้แค้นเมื่อใด เราจะไปด้วย…….”

หันซุยก็เอาตัวทหารเดินหนังสือของโจโฉ มาประหารเสียต่อหน้าม้าเฉียว แล้วทั้งสองก็ยกทัพกว่ายี่สิบหมื่น เดินทางไปตีเมืองเตียงฮันก่อน ในการศึกครั้งนี้ม้าเฉียวกับโจโฉผลัดกันได้ท่าเสียทีอยู่หลายครั้ง จนถึงฤดูหนาวก็ยังไม่สามารถเอาแพ้ชนะแก่กันได้ หันซุยคิดจะหาอุบายเลิกทัพไปก่อน จึงทำหนังสือถึงโจโฉขอเป็นไมตรีกัน โจโฉก็ทำหนังสือตอบมาว่า ซึ่งท่านกับเราจะเลิกทำสงครามแก่กันนั้น ก็ยินดีด้วย แต่เราจะรีบเลิกทัพไปนั้นยังไม่ได้ ต้องให้ทหารทำสะพานข้ามแม่น้ำให้เสร็จก่อน หันซุยกับม้าเฉียวไม่ไว้ใจจึงรั้งรออยู่มิได้รีบถอยทัพ

วันรุ่งขึ้นโจโฉก็ยกทหารออกมาหน้าค่าย แล้วเชิญหันซุยออกไปสนทนาด้วย ตัวโจโฉนั้นมิได้ใส่เกราะอย่างแม่ทัพออกศึก หันซุยจึงไว้ใจย่างม้าเข้าไปใกล้ ต่างก็คำนับกันแล้วโจโฉก็กล่าวขึ้นก่อนว่า

“……..ตัวท่านกับข้าพเจ้าก็ใช่คนอื่น บิดาของท่านเล่าข้าพเจ้าก็ได้คำนับว่าเป็นอา เราทั้งสองเมื่อหนุ่มนั้นเป็นขุนนางทำราชการอยู่ด้วยกัน เป็นคนชอบอัธยาศัย แลบัดนี้เราจากกันมาช้านานแล้ว พึ่งได้เห็นกัน อายุท่านจะได้สักเท่าใด……”

หันซุยจึงบอกว่าอายุของตนได้สี่สิบแล้ว โจโฉก็เอามือลูบอกแล้วว่า เราทำราชการอยู่ด้วยกันในเมืองหลวงหลัด ๆ แลจากกันมาดังหนึ่งมิทันจะเหลียวหลัง อายุก็ล่วงไปถึงเพียงนี้แล้ว เมื่อไรบ้านเมืองจะราบคาบเป็นปกติ เราทั้งสองจะได้อยู่เย็นเป็นสุขด้วยกัน แล้วทั้งสองก็พูดคุยกัน จะได้กล่าวถึงเรื่องการสงครามหามิได้ ต่างคนต่างหัวเราะชื่นชมยินดีด้วยกัน เหมือนหนึ่งเพื่อนเก่าได้มาพบกัน แลเล่าเรื่องหลังสู่กันฟัง จนเวลาบ่ายจึงคำนับลาแยกจากกันไป

ทหารที่ไปกับหันซุยก็บอกม้าเฉียวว่า หันซุยออกไปเจรจากับโจโฉเป็นเวลาช้านาน แต่อยู่ไกลจะว่ากล่าวประการใดยังมิแจ้ง ม้าเฉียวจึงถามหันซุยว่า ออกไปเจรจากับโจโฉท่ามกลางสงครามวันนี้ พูดจาสิ่งใดกันบ้าง หันซุยก็บอกว่าพูดถึงเนื้อความซึ่งเคยได้รับราชการด้วยกันแต่ก่อน ม้าเฉียวก็สงสัยถามว่าท่านหาได้เจรจาด้วยการสงครามนี้หรือ หันซุยก็ว่าโจโฉมิได้เจรจาตนจึงไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้

วันต่อมาโจโฉให้คนถือหนังสือมาให้หันซุยที่ค่าย ม้าเฉียวรู้จึงมาถามว่าโจโฉมีหนังว่าประการใด หันซุยยังมิได้เปิดผนึกก็ส่งหนังสือนั้นให้ ม้าเฉียวฉีกผนึกออกดูก็เห็นแต่กระดาษเปล่า มีความสงสัยจึงถามว่าท่านเอาหนังสือไปไว้ที่ไหน หันซุยก็บอกว่า

“…..หนังสือโจโฉให้มาอย่างนั้นเอง เรายังมิทันฉีกผนึกก็พอท่านมา ซึ่งมิได้มีอักษรนี้ ชะรอยโจโฉหลงไปมิได้เอาหนังสือใส่ผนึก เอากระดาษเปล่าใส่มา……”

ม้าเฉียวจึงว่า

“……ท่านว่านี้ไม่เห็นสม โจโฉเป็นคนมีสติปัญญามั่นคง อันจะลืมหนังสือเสียนั้นผิดไป ชะรอยท่านเข้าด้วยโจโฉคิดจะทำร้ายเรา ให้หนังสือลับมาถึงกัน จึงมิให้เราเห็น แกล้งเอากระดาษเปล่าให้เราดู…….”

หันซุยจึงว่า

“……ถ้าท่านสงสัยแคลงใจอยู่ดังนั้น เวลาพรุ่งนี้เราจะออกไปพูดกับโจโฉนอกค่าย ท่านจงแอบฟังดูในค่าย ถ้าได้ยินเรากับโจโฉพูดจากันเห็นพิรุธประการใด ท่านจงเอาทวนแทงเราให้ตกม้าตายเสียเถิด…..”

เช้าวันรุ่งขึ้นหันซุยจึงพาทหารเอกห้าคนออกมาจากค่าย ให้คนไปร้องเรียกโจโฉถึงหน้าค่าย โจโฉจึงให้โจหองคุมทหารม้าเพียงสามสิบคนออกมาคำนับ แล้วบอกว่ามหาอุปราชให้มากำชับว่า หนังสือซึ่งให้ไปนั้นอย่าให้ผู้ใดรู้แพร่งพรายไป จะเสียการ พูดแค่นั้นแล้วก็พาทหารกลับเข้าค่าย ม้าเฉียวได้ยินก็โกรธขับม้ารำทวนออกไปจะแทงหันซุย ทหารคนสนิทของหันซุยก็เข้าช่วยป้องกัน และพาหันซุยหนีเข้าค่ายของตน ม้าเฉียวก็ขับม้าเข้าค่ายใหญ่ด้วยความแค้นเป็นกำลัง

เมื่อถึงที่พักแล้ว หันซุยก็ปรึกษากับทหารเอกทั้งห้าคนว่า บัดนี้ม้าเฉียวมีความแคลงใจว่าตนจะเข้ากับโจโฉ จะทำประการใดจึงจะสิ้นสงสัย นายทหารเอกผู้หนึ่งจึงยุยงว่า ม้าเฉียวเป็นคนโอหังไม่เคารพผู้ใหญ่ ถือตัวว่าเป็นคนมีฝีมือเข้มแข็ง ถึงจะทำการต่อไปที่ไหนจะชนะโจโฉ เราจะต้องไปง้อเด็กทำไม กลับไปเข้าเป็นพวกโจโฉจะดีกว่า โจโฉก็จะทำนุบำรุงพวกเราให้มียศศักดิ์ใหญ่โตขึ้น

หันซุยก็บอกว่า

“…….ตัวเรากับม้าเท้งบิดาม้าเฉียวเป็นมิตรกันมาแต่ก่อน แลจะทิ้งความสัตย์เสีย กลับไปเข้าด้วยโจโฉ จะทำร้ายม้าเฉียวผู้บุตรมิตรนั้น มิควรนักเราทำมิได้ ….”

ลูกน้องก็ว่าท่านกลัวจะเสียความสัตย์ก็ชอบอยู่ แต่ว่าบัดนี้การจลาจลถึงตัวแล้ว จะมิทำก็จำทำ หันซุยไม่รู้จะแก้ไขประการใดจำต้องเห็นด้วย จึงมีหนังสือไปถึงโจโฉว่า

ข้าพเจ้าหันซุยขอคำนับมาถึงมหาอุปราช ด้วยข้าพเจ้าได้ประมาท ยกทหารมารบสู้ท่านนั้น เพราะเบาความมิได้พิเคราะห์ผิดแลชอบ แลบัดนี้ข้าพเจ้าเห็นโทษตัวแล้ว มิได้คิดที่จะทำร้ายแก่ท่านสืบไป จะมาอ่อนน้อมคำนับท่านตามประเพณี ขอท่านได้อดโทษแก่ข้าพเจ้าเถิด

โจโฉก็ตอบรับและให้หันซุย จุดเพลิงขึ้นในค่ายม้าเฉียวค่ำวันนี้ ตนจะคุมทหารยกเข้าตี จับเอาตัวม้าเฉียวให้จงได้ หันซุยได้แจ้งก็มีความยินดี ให้คนไปเชิญม้าเฉียวมากินเลี้ยง แต่ม้าเฉียวรู้ระแคะระคายว่าจะถูกทำร้าย จึงพาทหารเอกและคนสนิทสามสิบคน บุกเข้าไปจัดการกับพวกหันซุยก่อน ม้าเฉียวฟันหันซุยด้วยกระบี่ หันซุยตกใจยกแขนขึ้นรับ จึงถูกฟันแขนขาดกระเด็น ทหารเอกทั้งห้าคนของหันซุยก็วิ่งเข้าต่อสู้กับม้าเฉียว แต่ถูกม้าเฉียวฆ่าไปสองคน อีกสามคนหนีไปพวกทหารก็พาหันซุยหนีออกจากค่ายไปได้ ทหารของทั้งสองฝ่ายก็เข้าสู้รบกันอุดตลุด โจโฉก็ยกทหารเข้าตีค่ายม้าเฉียวแตก ตัวม้าเฉียวกับน้องชายและนายทหารเอกหนีรอดไปได้

ฝ่ายโจโฉก็พาหันซุยกลับเข้าไปรักษาตัว ในเมืองเตียงฮัน แต่เมื่อหายแล้วก็เป็นคนพิการ ทำสงครามต่อไปอีกไม่ได้ จึงตั้งให้เป็นเจ้าเมืองเสเหลียงแทนม้าเท้งและม้าเฉียว มิตรเดิมของหันซุยนั่นเอง

ม้าเฉียวต้องหนีออกไปอยู่ที่เมืองเจี๋ยง นอกเขตแดนจีน แผนการอันแยบยลของโจโฉ ที่ทำให้เกิดความระแวงสงสัยระหว่างมิตรต่างวัย จึงเป็นผลให้สามารถกำจัดศัตรูได้ทีเดียวถึงสองคน

ส่วนหันซุยผู้ตกเป็นเหยื่อแห่งความระแวงนั้น ก็กลายเป็นคนพิการไปจนตลอดชีวิต และชื่อก็หายไปจากสารบัญของสามก๊ก ตั้งแต่บัดนั้น.

##########

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 08:57:24




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com