ความคิดเห็นที่ 1 อืม อยากแจกกิฟท์นะคะ เพราะฟังดูแล้วก้อมีเหตุผลดี แล้วก้อเห็นด้วยทุกประการ แต่เราคิดว่าจริงๆแล้ว คำว่า ราชภัฎ สำหรับตัวเด็กที่จะเข้า และจากฟีดแบคของสังคมแล้ว มันไม่ค่อยได้รับการยอมรับในมุมกว้างเท่าไรมั้งคะ เวลาใครพูดว่าจบจากราชภัฎมา สิ่งแรกที่คิดก้อคือ ราชภัฎเองเหรอ และคนบางคน ก้อดูถูกสถาบันไปในตัว คำว่าราชภัฎมันเลยกลายเป็นสัญลักษณ์ของสถาบันการศึกษา ที่ไม่ค่อยได้รับการยอมรับสักเท่าไร เขาเลยคิดว่า ถ้าเปลี่ยนมาเรียกมหาวิทยาลัยเฉยๆ ศักยภาพที่จะทำให้สังคมยอมรับเพื่อทัดเทียมกับม.รัฐและเอกชน จะดีกว่าเดิม สุดท้ายก้อคือ สังคมยังยึดติดกับสถาบันเท่านั้นเอง ไม่มีคำไหนจะยิ่งใหญ่ไปกว่า มหาวิทยาลัย แล้วตามด้วยชื่อ แทนที่จะเป็นสร้อยตามมา แล้วค่อยตามด้วยชื่ออีกที เช่นราชภัฎ ราชมงคล เวลาเรียกมันดูภูมิใจกว่าไงคะ ว่าชั้นเป็นมหาวิทยาลัยนะ ไม่ใช่แค่ราชภัฎ หรือ ราชมงคล จากคุณ : SHOMSIPANG เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 13:10:00

ความคิดเห็นที่ 2 ทุกวันนี้คำว่าราชภัฏในสายตาของคนส่วนใหญ่ รวมทั้งอค์กรบริษัทห้างร้าน พวกเขามองว่าเป็นสถาบันที่อยู่ในลำดับต่ำกว่ามหาวิทยาลัยทั่วไปครับ อันนี้เรื่องจริง เพราะไปสมัครงานบางที่เค้าระบุชัดเจนเลยว่า ไม่รับเด็กที่จบจากราชภัฏ บางที่หนักกว่า พอบอกว่าเรียนจบราชภัฏ ก็จะมองว่าจบแค่วิทยาลัยครูเองหรอ อยากเป็นครูหรือไงถึงเรียน ทั้งที่ความเป็นจริง ราชภัฏสมัยนี้ค่าเทอมแพงพอๆกับเอกชนเลยนะครับ โดยเฉพาะสวนดุสิต ค่าเทอมเหยียบสองหมื่น จากคุณ : จ้องจนปวด เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 13:23:23

ความคิดเห็นที่ 3 ความคิดส่วนตัว ตัดแล้วก็เพราะดีนะ มหาวิทยาลัยสวนสุนันทา เรียกง่ายดี เรื่องอื่นๆ คิดว่า มหาวิทยาลัย คง ตอบไปแล้ว สรุปว่า เห็นด้วย จากคุณ : ข้าวสุก เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 13:25:49

ความคิดเห็นที่ 4 เกี่ยวกับ ข้อกำหนดของมหาวิทยาลัยไม่ใช่หรือคะ ถ้ามีคำว่าราชภัฎ เหมือนว่าต้องใช้ข้อกำหนดเดียวกัน แต่บางสถาบันต้องการแก้ไขข้อกำหนดบางอย่างให้เหมาะกับของตนเอง ซึ่งถ้าแก้ไขไปจะกระทบกับทุกราชภัฎ จึงขอตัดคำนี้ออก แล้วจะได้ใช้ข้อกำหนดของตนเองได้ และไม่กระทบกัน ราชภัฎอื่นๆ น่ะค่ะ ถ้าไม่ถูกต้องต้องขออภัยด้วยนะคะ จากคุณ : จั๊กกะจุ่น เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 13:33:45

ความคิดเห็นที่ 5 จำเป็นต้อง rebranding ครับ เพราะมันจับฉ่ายมาก ปลาเน่าในข้อง ก็เน่ากันหมดครับ เพราะที่ห่วยมันมีมากกว่าดี สวนดุสิต สวนสุนันทา คงคิดอย่างนี้ เพราะจะต่อสู้กระแสมันสู้ไม่ได้ เหมือนเตี้ยอุ้มค่อมครับ ตัวเองเตี้ยแล้วยังไปอุ้มราช อื่นๆ ที่ค่อมกว่าตัวเองอีกก็ไม่ไหว แยกออกมามันพัฒนาง่ายกว่า คนจะได้ไม่เหมาไปหมด จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 13:39:17

ความคิดเห็นที่ 6 พูดตามความเป็นจริง คำว่าราชภัฎ  ไม่ได้ทำให้หางานได้ง่ายขึ้น แต่ยังเป็นอุปสรรคในการหางานสำหรับสังคมไทยเสียอีก  ตรามหาวิทยาลัย เค้าก็ไม่ได้ใช้ตราพระราชลัญจกรแล้ว ถ้าจะตัดคำว่าราชภัฎ   ออกไม่เสียหายหรอก แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 55 14:02:28 จากคุณ : Elliptic เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 14:01:47

ความคิดเห็นที่ 7 เรื่องนี้มันเป็นที่พูดกันมากกว่าึ7-8ปี คำว่าราชภัฎบริษัทมีชื่อเสียงแทบไม่มองเลยถึงขนาดประกาศว่าไม่รับนักศึกษาที่่จบจากราชภัฎ จนราชภัฎนำโครงการจัดตั้งเป็นมหาวิทยาลัยมาใช้ตั้งแต่รุ่นปี46-47 แต่ใครๆก็รู้ว่าคำว่าราชภัฎเป็นคำที่ในหลวงประทานให้แต่คิดว่าน่าจะมีการทำเรื่องขอยกเลิกใช้คำว่าราชภัฎในบางแห่ง ในความคิดผมสังคมไทยยังมองว่าชื่อมหาลัยดังๆจะเป็นตัวเลือกโอกาสการทำงานซะมากกว่า จากคุณ : romeo2p เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 14:48:09

ความคิดเห็นที่ 8 อธิการบดี มสด. แจงตัด'ราชภัฏ'อ้างใช้'ม.'เพราะออกนอกระบบ          เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ นายศิโรจน์ ผลพันธิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (มสด.) เปิดเผยกรณีที่ มสด.เสนอร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยในกำกับรัฐโดยเปลี่ยนชื่อจาก มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เป็น มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ว่าเป็นเรื่องจริง เพราะติดขัดข้อกฎหมาย ซึ่งพ.ร.บ.มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) ในปัจจุบัน ใช้ร่วมกัน 40 แห่ง และกำหนดข้อบังคับในการบริหารงานต่างๆ ร่วมกันถ้า มสด.ยังใช้ มรภ.อยู่ ก็ต้องตีความอีกว่ามสด.เปลี่ยนสถานภาพแล้วหรือไม่ จึงต้องเปลี่ยนชื่อเพื่อให้มี พ.ร.บ.ของตัวเอง ที่ผ่านมามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนในและคนนอก แต่ได้อธิบายและเชื่อว่าทุกคนจะเข้าใจ ยืนยันว่าไม่ได้ตัดชื่อที่พระราชทานออก เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานคำว่า สถาบันราชภัฏขณะที่ชื่อ สวนดุสิต ก็เป็นชื่อพระราชทานและเมื่อมี พ.ร.บ.ใหม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงลงพระปรมาภิไธยอยู่แล้วถือเป็นสิริมงคลต่อสถาบันเช่นกัน          นายเปรื่อง กิจรัตน์ภร อธิการบดี มรภ.พระนคร และประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ (ทปอ.มรภ.)กล่าวว่า มองว่าการเปลี่ยนชื่อสถาบันและการออกนอกระบบเป็นเรื่องของแต่ละมหาวิทยาลัยที่จะพิจารณาความพร้อมและความเหมาะสม ที่นายศิโรจน์บอกจำเป็นต้องตัดคำว่าราชภัฏออก เพื่อไม่ให้กฎหมายซ้ำซ้อนนั้น คงเป็นเหตุผลส่วนตัว เพราะการพิจารณาว่าจะได้เปลี่ยนสถานะหรือไม่ขึ้นอยู่กับสภาผู้แทนราษฎร และไม่จำเป็นต้องตัดคำว่าราชภัฏออก ก็เปลี่ยนสถานะได้หากสภาเห็นชอบ เช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี(มจธ.) หรือสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ที่ออกนอกระบบไปแล้ว แต่ไม่ได้เปลี่ยนชื่อ เพราะให้เกียรติชื่อพระราชทาน          ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน จากคุณ : nakama เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 16:27:36

ความคิดเห็นที่ 9 คิดแบบคนไทยมั้ง ตัวไม่ดี เปลี่ยนชื่อ จากคุณ : SaintPSU เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 18:23:01

ความคิดเห็นที่ 10 ก็ดีแล้ว สนับสนุน จากคุณ : Mr.Review เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 18:30:34

ความคิดเห็นที่ 11 คงคิดเหมือนผอ.รร.ที่ชอบตัดคำว่าวัดออกจากชื่อรร. เหตุเพราะรู้สึกไปเองว่าเชย ไม่ทันสมัย ดูบ้านๆ  จนลืมไปว่าวัดเป็นผูสนับสนุนรร.ให้ที่ดินมาสร้างรร. จากคุณ : simiach เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 18:41:28

ความคิดเห็นที่ 12 เขาบอกอย่างชัดเจนแล้ว ว่าเขาต้องการออกจากระบบ ต้องการยืนบนลำแข้งตัวเอง เมื่อเขาจากเลี้ยงตัวเอง เขาต้องออกจากกฏเกณฑ์ของราชภัฏ เมื่อออกจากกฏระเบียบ เขาก็ไม่อ่จจะเป็นราชภัฏอันสูงส่งได้อีกต่อไป ต้องออกมาสร้างกฏเกณฑ์แบบใหม่ ส่วนการ เปลี่ยนแบรนด์ก็จำเป็นต่อการตลาดของมหาวิทยาลัยยุคใหม่ อย่าเดือดร้อนกระวนกระวายเพียงสนองความรู่สึกตัวเองเลยครับ ถ้าเขาทำได้ไม่ดีเขาก็จะล้มในนามของเขา ดีเสียอีกราชภัฏจะได้ไม่แปดเปื้อนมลทินอันเกิดจากข้อผิดพลาดนั้น จากคุณ : โต๊ะกะดุง เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 20:14:57

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่มีความเห็น จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 21:25:44

ความคิดเห็นที่ 14 ชื่อนั้นสำคัญไฉน จากคุณ : ปากจัดชะมัดยาด (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 23:27:37

ความคิดเห็นที่ 15 มั่นใจเหลือเกิน ว่าตัดคำว่า ราชภัฎออก แล้วบริษัทเขาจะรับเข้าทำงาน จากคุณ : karawara เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 55 09:26:42

ความคิดเห็นที่ 16 ผมภูมิใจที่จบ "ราชภัฏ" ครับ ที่จริงอยากจบ "วิทยาลัยครู" ด้วยซ้ำแต่เกิดไม่ทัน จากคุณ : ครูบ้านนอกแรง (คิดว่ามันแปลก) เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 55 10:29:40

ความคิดเห็นที่ 17 โดยส่วนตัว รู้สึกว่าสวนดุสิต (เคยคลุกคลีที่นี่เป็นปีในฐานะนักศึกษา แต่ก็ไม่ใช่นักศึกษาของเขานะ) มีคุณภาพไม่รองมหาวิทยาลัยรัฐทั้งในและนอกกำกับอื่นๆ เลยนะคะ  ดังนั้นถ้ามองว่าทำเพือเปลี่ยนภาพลักษณ์ รีแบรนด์อะไรแบบนี้ คิดว่าดีค่ะ แล้วถ้าทำให้ระบบการจัดการดีขึ้นด้วย โดยไม่ต้องอ้างอิงราชภัฏ (เพราะถ้าใช้ชื่ออยู่ก็ต้องจะระวังเรื่องการจัดการ แม้ว่าจะออกนอกระบบก็ตาม) ก็จะดีเช่นกัน มันเป็นอารมณ์เหมารวมอะค่ะ ราชภัฏไม่ได้ดีเท่ากันทุกสุด จะหาว่าอวยก็ได้ เรารู้สึกว่าสวนดุสิตดีพอตัวทีเดียว การที่ถูกเหมาว่าเป็นราชภัฏแล้วไม่ดีไปด้วย ก็ดูไม่ยุติธรรมไปหน่อยในสายตาเรา แม้ว่าถ้าเอาออกแล้วแรกๆ ใครๆก็ยังรู้ว่าแต่เดิมมีชื่อราชภัฏก็เถอะ แต่เดี่ยวก็เปลี่ยนได้... มันก็แค่ชื่อ จะตัดหรือไม่ตัดก็เป็นชื่อ...ก็จริง แต่ชื่อที่ว่านี้ถูกมองอย่างไร? ไม่เกี่ยวกับไม่รักในพระกรุณาในชื่อพระราชทานหรอกค่ะ เขาไม่ได้กะจะแปลงประวัติเขาใหม่ แบบใส่ตะกร้าล้างน้ำไม่ใช่หรือคะ ก็มองว่าเป็นพัฒนาการได้ค่ะ พัฒนาการเป็นสิ่งที่ดีขึ้น แต่เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับคนที่เกี่ยวข้องค่ะ ตอนนี้เราขอบคุณสวนดุสิตมากๆ เราเรียนรู้จากที่นี่มากทีเดียว จากคุณ : PaBo เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 55 14:00:45

ความคิดเห็นที่ 18 ในความเห็นผม ถ้าจะแก้จริงๆ อาจจะตั้งแต่ทำมหาวิทยาลัยให้น่าเรียน ให้หรูหรา มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้พอๆกับมหาวิทยาลัยของรัฐที่มีชื่อเสียงอื่นๆ ต่อมาเมื่อมหาวิทยาลัยดี ก็แก้หลักสูตรให้เหมือนๆกับมหาวิทยาลัยรัฐที่มีชือ่เสียงอื่นๆ อาจจะนำหลักสูตรของต่างประเทศมาปรับให้เข้ากับไทย เข้ากับบริษัทชั้นนำที่เขา require ไว้ เช่น เด็กจบจากที่นี่ ต้องเก่งอังกฤษ ร้อยละแปดสิบ สอบ โทอิคได้เกิน 600  หรือไม่ก็การเรียนการสอนต้องเข้มข้น เหมือนมหาวิทยาลัยอื่นๆ มีการประกาศเกียรติคุณเด็กให้กว้างขวา เช่น นักศึกษาได้แชมป์เอเชีย ตอบปัญหาเศรษฐศาสตร์ นักศึกษาได้แชมป์โลกฯลฯ หรือไม่ก็ ได้ที่หนึ่งโปรแกรมอินเทินชิปของไมโครซอร์ฟ อะไรแบบนี้เป็นต้น เมื่อปรับหลักสูตรแล้ว ต่อไปก็เปลี่ยนวิธีการรับ ควรรับเด็กเก่ง มีจรรยาความรู้พอควร พฤติกรรมดี ขยัน ไม่ใช่รับสก๊อตนุ่งสั้นผมแดงใส่เสื้อรัดติ้ว เวลาเรียนไปอยู่สยาม อนุสาวรีย์เดินควงกับแฟนเกินงาม ซึ่งน่าจะดูได้จากพอร์ตโฟลิโอ ผลการศึกษา ยังมีอีกหลายอย่างที่เสริมสร้างการปฏิวัติหรือ รีแบรดดิ้งได้ สัญลักษณ์ การแต่งกาย ฯลฯ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป อีกอย่างไม่ต้องเปิดสาขาวิชาให้มันเยอะแยะ อย่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นมหาวิทยาลัยเปิด ตั้งใหม่มายุคสองสี่เจ็ดห้า ยังพัฒนาได้เรื่อยๆในเรื่องวิชาการ และเป็นที่ยอมรับ แม้จะมีสาขาเพียงสองสาขาที่เปิดเมื่อแรกตั้ง และเมื่อพร้อมก็ค่อยๆขยายๆขึ้น จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 55 14:27:35

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่รู้เหตุผลนะ แต่ที่รู้มีบริษัทหนึ่งประกาศรับสมัครพนักงานหลายตำแหน่งมีคนสมัครเยอะแยะ มีนโยบายที่ไม่อยากจะเชื่อคือ ใครมาสมัครถ้าจบราชภัฎมา ให้คัดใบสมัครนั้นทิ้งไปเลย ข้าน้อยงงเหลือเกิน จากคุณ : ฉันคนเกาหลีชื่อจนจังกู เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 55 20:04:48

ความคิดเห็นที่ 20 คนที่เค้ามีความคิดและมีอำนาจ พอที่จะตัดคำว่า ราชภัฏ ทิ้ง เค้าจะมาเล่นบอร์ดพันดริฟท์ แล้วมาตอบกระทู้ให้ หรอครับ? จากคุณ : Sgt.Oat เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 55 22:52:33

ความคิดเห็นที่ 21 ตาม คห.8 ก็พูดชัดทั้ง 2 อธิการบดีแล้ว อย่าพยายาม ยกสถาบัน มาแปดเปื้อนเลยครับ ขอร้องละ จะลากเข้าเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกันอย่างเดียวเลยหรือครับ คนไทย จากคุณ : พัฒน์สุราษฎร์ เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 22:30:46

ความคิดเห็นที่ 22 แล้วแต่ครับ เปลี่ยนชื่อไม่สำคัญ ต้องเปลี่ยนระบบการทำงานให้มันดีขึ้นด้วย ไม่งั้นก็แย่ แต่แค่กล้าที่จะเปลี่ยนนี่ก็ถือว่าเป็นก้าวแรกที่จะคิด แต่ต้องคิดให้ตลอดทั้งหมด ไม่ใช่แค่ชื่อแล้วจบ จากคุณ : teeo79 เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 55 12:45:14

ความคิดเห็นที่ 23 ผมจบราชภัฏครับ ทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทต่างชาติ ได้เป็นผู้บริหารภายในแปดปีหลังจากเรียนจบ บอกได้คำเดียวว่า คนทำงานเก่ง ไม่เก่ง ไม่ได้มาจากชื่อสถาบัน มีเด็กจบจากสถาบันระดับแนวหน้าของประเทศผมก็เคยเลิกจ้างมาแล้ว เพราะทำงานไม่ได้เรื่อง และอีกอย่างเวลาผมสัมภาษณ์งาน candidate ระดับผู้จัดการ เป็นภาษาอังกฤษ จะมีแต่หลายคนจบจาก จ ธ ตลอดมาสมัคร เค้าชอบมักถามผมกลับเสมอ เมื่อผมเปิดโอกาสให้เค้าถาม (ไม่รู้เป็นอย่างไรน่ะ พวกที่จบ จ ธ ถึงชอบอยากรู้ว่าผู้บริหารสีอะไร มันเป็นวัฒนธรรมที่แย่มาก) มักจะมีคำถามว่า พี่จบที่ไหนมาเหรอ ผมตอบอย่างภาคภูมิใจครับว่า พี่จบจากมหาวิทยาลัยราชภัฏ............... ตลอด และ สะใจอย่างแรง แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 55 17:02:11 จากคุณ : Slaskk Wylde (Slaskk Wylde) เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 55 16:59:57