ถ้าเป็นเรา เราเรียนฟังกับพูดอังกฤษให้คล่องๆก่อนจาก aua นะ มันจะทำให้เราอ่านระดับง่ายๆพอรู้เรื่องด้วย
จากนั้นเราเข้า youtube ฟังฝรั่งเจ้าของภาษาบรรยายเรื่อง grammar แล้ว หา textbooks (ใช้ google หาของฟรีมีเยอะเลย) จากต่างประเทศมาเรียนเรื่อง grammar กับ writing มาเรียนเพิ่มเติมด้วยตัวเอง ซึ่งตลอดกระบวนการนี้คุณต้องดูหนัง ฟังเพลง และอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเยอะๆ
เรียนแบบที่ว่านี้
1 ฟังกับพูดได้สบายไปแล้ว 2 เรียน grammar กับฝรั่งเจ้าของภาษา sure กว่า เข้าใจลึกซึ้งกว่า (คนไทยเข้าใจผิดคิดว่าคนไทยด้วยกันสอน grammar เก่งกว่าฝรั่ง ซึ่งตอนแรกเราก็หลงคิดแบบนั้น แต่พอเข้ายุค Internet เราไปเจอเวปฝรั่งที่ฝรั่งสอน grammar แนวคิดมันไปกันคนละเรื่องเลยหละ ฝรั่งมอง grammar ลึกซึ้งกว่าคนไทยมากมายจากความเข้าใจอย่างแท้จริงซึ่งมีความพลิกแพลงมากกว่าหลายเท่า แทนที่จะเป็นมองจากการท่องกฎเกณฑ์ที่ไม่ยืดหยุ่นแบบไทยๆ)
การเริ่มเรียนภาษาอังกฤษกับติวเตอร์คนไทยโดยฟังติวเตอร์บรรยายเป็นภาษาไทยตลอดเวลาและนั่งจดตลอดเวลาเป็น passive learning แต่มันช่วยให้สอบข้อสอบแบบไทยๆได้ แต่ถ้าเรียนแบบนี้มาตั้งแต่แรก เวลาจะเรียนพวก writing จะประสบความสำเร็จได้ยาก เพราะไม่เคยฝึกฟังและโต้ตอบเป็นภาษาอังกฤษแบบ interactively ทำให้ผู้เรียนคิดเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้ เวลากระโดดไปเรียน writing จะเขียนได้ผิดธรรมชาติมากๆจนเละ แล้วแก้ไขได้ยากมากๆ ต้องใช้เวลานับสิบๆปี
การเรียนฟังกับพูดก่อนเป็นลำดับแรก บางคนไปเรียนแล้วบอกว่า "ไม่เห็นผล" บ่นว่าพูดไม่ได้ เพราะอะไร? ก็เล่นเรียนแค่ 2 เดือนมันก็ไม่เห็นอะไรสิ! เพราะเราเห็นคนไทยที่ภาษาอังกฤษไม่กระดิกหูที่ไปอยู่อังกฤษหรืออเมริกานะ บางคนอยู่ที่นั่นนานตั้ง 2-3 ปีกว่าจะฟังกับพูดเรื่องง่ายๆได้ฟังฝรั่งพูดช้าๆได้ และต้องอยู่นานถึง 5-6 ปีกว่าจะฟังกับพูดเรื่องยากๆได้ฟังฝรั่งพูดเร็วๆได้
แต่จะอย่างไรก็ตามโรงเรียนกวดวิชาต่างๆช่วยให้ทำข้อสอบ grammar กับ reading comprehension ผ่านได้โดยใช้เวลาเรียนสั้นลง แต่ในระยะยาว กลายเป็นเรียนฟังกับพูดก่อนได้เปรียบกว่า
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
วันมาฆบูชา 55 01:44:00
|
|
|
|