ความคิดเห็นที่ 1 1. พวกภาพยนตร์ที่พูดชัดๆ ส่วนมากจะเป็นพวกการ์ตูนนะครับ และมันก็เหมาะกับเด็กๆด้วย แนะนำ ราพันเซล, กังฟูแพนด้า อะไรทำนองนี้ 2. อ่านหนังสือก็ดีครับของ oxford ที่มีคำแปลอยู่นั่นก็ดีทีเดียว แต่ที่ไม่ดีมีอย่างเดียวคือที่คุณแม่บอกจะบังคับให้อ่านครับ ไม่ดีแน่ๆ ระวังจะได้ผลตรงกันข้ามนะครับ แนะนำให้ใช้วิธีชักชวน หรือสร้างแรงจูงใจดีกว่า อาจขอให้คุณลูกช่วยอ่านหนังสือให้คุณแม่ฟังเป็นต้น 3. ฟังเพลงฝรั่ง นี่ก็ดีครับ -- ทั้งหมดทั้งมวลคือต้องมองหาว่าคุณลูกมีความสนใจอะไรเป็นพิเศษ ดนตรี กีฬา อะไรก็แล้วแต่ แล้วพยายามโยงเข้ากับภาษาอังกฤษให้ได้ครับ 4. ฝึกเขียน essay ซึ่งเป็นปัญหาว่าจะไปเรียนที่ไหน -- อันนี้จนปัญญาจริงๆ ผมไม่ทราบว่าเด็กๆ รุ่นนี้เค้าเขียน essay กันแล้วหรือยัง ยังไงบ้าง ตอนผมอายุเท่านี้แค่เรียงความภาษาไทยยังยากเลย จากคุณ : WanderFoolLife (meanamide) เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 55 10:26:19

ความคิดเห็นที่ 2 มาแบ่งปันประสบการณ์เล็ก ๆ ครับ ... ผมไปเรียนอินเดียตอน 10 ขวบ เรียนตั้งแต่ป. 6 คลุกอยู่กับภาษาอังกฤษทั้งวันและทุกวัน ผ่านไป 3-4 เดือนเพิ่งจะพอกล้อมแกล้มได้ ครูที่สอนก็ใจดี หยวน ๆ เรื่องคะแนน เพราะเราไม่ได้เก่งภาษา ผ่านป. 6 มาได้ ก็คงเพราะครูช่วย ลองคิดดูนะครับว่า ผมคลุกอยู่ทั้งวันและทุกวัน ผ่านไปปีนึงภาษายังไม่ได้ดีนักหนาเลย แล้วอยู่เมืองไทย และไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษตลอด 24 ชั่วโมง พัฒนาการจะเป็นอย่างไร? เปล่า ... ไม่ได้ตัดกำลังใจนะครับ แค่อยากให้มอง "ความจริง" ครับ ... ลูกผมเนี่ย ตอนนี้อายุ 18 แล้ว ผม "กรอก" ภาษาอังกฤษให้ตั้งแต่ 3 ขวบครับ ไม่ถึงกับคุยด้วยเป็นภาษาอังกฤษนะครับ แต่รอบตัวจะมีสื่อเป็นภาษาอังกฤษมาตลอด หนังก็ดูแต่ soundtrack ตั้งแต่เล็ก ๆ เพราะเด็กเล็ก ๆ ไม่สนหรอกว่าเขาคุยอะไรกัน ขอแค่เห็นภาพที่สนุกสนาน สีสวย เค้าก็มีความสุขแล้ว ซึ่ง นั่นแหละ ทำให้เขาซึมซับไปเรื่อย ๆ ตอนประถมก็เรียนโรงเรียนธรรมดา เข้าม. 1 ก็เรียนโครงการ EP โรงเรียนรัฐบาล ไม่ได้เรียนโรงเรียน Inter ราคาแพง ๆ กับใครเขาหรอกครับ ไม่มีปัญญา ลูกผมก็มีพัฒนาการด้านภาษาที่ดี ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมาปีนึง ทำกิจกรรมกับเพื่อน ๆ โต้เถียงแลกเปลี่ยนความคิดกับครูที่โน่นตลอด กลับมาภาษาดีขึ้นอีกโลด สื่อสารกับผม (และลูกค้าต่างชาติของผม) สบายแฮเลยทีนี้ แล้วตอนนี้ก็เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยโครงการ Inter อยู่ (ขอให้สอบได้เถอะ ... ภาษาดีแต่วิชาอื่น ... โอ้แม่เจ้า! ... ปวดหมอง) ... อยากให้สอบทุน ก็เป็นเรื่องที่ดีครับ แต่อย่าลืมถามเค้านะครับว่า อยากไปเรียนหรือเปล่า อย่าให้เขาชิงทุนเพียงเพราะอยากให้ลูก "เป็นที่น่าภูมิใจของพ่อแม่" เด็ดขาด (ที่พูดอย่างนี้เพราะมันมีพ่อแม่แบบนั้นจริง ๆ ซึ่งเป็นการทรมานลูก) ไอ้เราพ่อแม่ก็อยากให้ลูกได้สิ่งที่ดีที่สุด แต่บางครั้งมันอาจไม่ใช่ตัวเขา ต้องระวังนะครับ เพราะมันอาจกลายเป็นการริดรอนเสรีภาพของเขาก็ได้ ลองคุยกับเขาด้วยเหตุผล ให้เขามองถึงอนาคต ว่าการได้เรียนทุน ได้เรียนต่างแดน มีคุณค่าอย่างไร บอกให้เขารู้ด้วยว่า เราแค่ "เสนอแนะ" ไม่ได้บังคับ แล้วให้เขาไปคิดเอาเอง บางครั้งการเรียนในบ้านเรา และพัฒนาภาษาไปเรื่อย ๆ ก็อาจเป็นแนวทางที่ดีก็ได้ เพราะเขาจะมีเพื่อนและพรรคพวกที่จะเป็นแนวร่วมในอนาคตได้ (แน่นอนว่า การได้เรียนต่างแดน ก็จะมีพวกอยู่ต่างแดนเช่นกัน ซึ่งก็เป็นประโยชน์) ... เอาล่ะ ตอบคำถามจขกท. ซะที ... อยากให้เก่งในเวลาอันสั้น ต้อง "หมก" ลูกไว้กับเจ้าของภาษาตลอดครับ แต่เค้าต้องไม่ขี้อายนะ ต้องกล้าที่จะแสดงออก กล้าที่จะลงมือทำ กล้าที่จะพูดจะเขียน จึงจะเกิดประโยชน์ได้ในระยะเวลาอั้นสั้นครับ ... จากคุณ : เศียรนาคา ... เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 55 10:34:30 A:125.24.54.11 X: TicketID:255126

ความคิดเห็นที่ 3 จับท่องศัพย์  วันละ 10 คำ  แบบโบราณ อ่านเรื่อง  หรือ บท  ที่มีคำศัพท์ นั้น เช่น  คำศัพย์  บทที่ 1 ท่องได้แล้ว  งูๆปลาๆ ก็ แล้วจับให้อ่าน เรื่อง  ในบทที่ 1 นี่เป็นแบบโบราณ  ที่ผมคิดว่า ได้ผลในระดับหนึ่ง   แบบโบราณ อีกแบบหนึ่ง  เพื่อเป็น แนวทาง เขียน Essay Translate into Thai Translate into English ตอน Translate into English นี่หละ  เราจะช่วยเขาได้ในรูปไวยากรณ์ เช่น บุรุษที่สาม เอกพจน์ ต้องเติม s หรือ es ที่ verb เชื่อไหมครับ  เด็ก ป.6 บางคน ยังเขียน  I  is  <----------อยู่เลย  ซึ่งเราขัดเกลาได้ I am You are He,she,it    is             etc.................. จากคุณ : ~ทิดฉ่ำ~ เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 55 11:06:28

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณมากค่ะ  สำหรับความเห็น ทั้งของคุณ meanamide และคุณ เศียรนาคา จริงๆ ภาษาอังกฤษลูกก็ได้ระดับหนึ่ง  เพราะเรียนภาค EP ที่กรุงเทพคริสเตียน  เรียนภาษาไทยเฉพาะวิชา ภาษาไทย  ประวัติศาสตร์ และศีลธรรม  นอกนั้น แม้แต่วิชาดนตรี หรือพละ ก็เรียนเป็นภาษาอังกฤษ ค่ะ แต่ภายใน 1 ปี นี้ ต้องเรียนเข้มข้นมากขึ้น  โดยเฉพาะ writing  สำหรับเลขไม่ห่วงค่ะ  เพราะเค้าทำได้ดีอยู่แล้ว  ห่วงก็แต่ writing  เพราะถ้าคุณเขียนไม่ได้  ต่อให้เข้าใจวิชาการต่างๆ แต่ไม่สามารถสื่อสารออกมาเป็นภาษาเขียนได้ก็เหมือนเรียนแล้วไม่เข้าใจ อยากขอคำแนะนำซีรี่ส์ดีๆ เหมาะกับวัยเค้า ให้ด้วยค่ะ  เนื้อเรื่องสมวัย  และเป็นภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน  ไม่เป็นแสลงมากเกินไป   และขอคำแนะนำครูที่สามารถสอน writing ได้ก็จะดีมากๆ ค่ะ จากคุณ : JJean Mum เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 55 11:10:10

ความคิดเห็นที่ 5 จริงๆ ทุกวันนี้ เรามีเทคโนโลยีที่ให้ลูกสามารถอยู่กับสภาพแวดล้อมที่เป็นภาษาอังกฤษได้เยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็น Cable TV, Internet ถ้าให้เด็กอยู่กับสภาพแวดล้อมแบบนี้บ่อยเขาก็จะเก่งเองโดยอัตโนมัติ ครับ ส่วนทักษะอื่น เช่น การเขียน การอ่านภาษาอังกฤษ,  คิดว่าการเรียนในระบบการศึกษาตามปกติก็น่าจะเพียงพอ แต่ถ้าเรียนโรงเรียนนานาชาติได้ก็จะดีมาก จากคุณ : hs4hhnl เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 55 11:14:34

ความคิดเห็นที่ 6 สมัยผมอายุ 11-12 ผมฟังเพลงสากลทางวิทยุทุกวันแล้วร้องเพลงจากหนังสือเพลงไปด้วย นั่นเป็นความชอบส่วนตัว ไม่มีใครบังคับ สมัยลูกสาวอายุ 12-13 แกดูและฟังเพลงสากลจากโทรทัศน์ช่อง Channel V ทั้งวัน จนผมแทบร้องเพลงของ Backstreet Boys and N'Sync ได้หลายเพลง แล้วลูกสาวก็ซื้อ Magazines เกี่ยวกับ Backstreet Boys มาดู แล้วเขียนจดหมายติดต่อกับบรรดาสมาชิก fan club ของ Backstreet Boys แลกเปลี่ยนและซื้อขายสินค้าเกี่ยวกับนักร้องและเพลง ก็เลยมี penpals หลายคน แล้วลูกสาวก็ได้สำนวนภาษาอังกฤษจากการอ่านและเขียนจดหมายถึงเพื่อนฝรั่ง ต่อมาก็เรียนเอแบคจนจบ ก็เลยเก่งภาษาอังกฤษระดับหนึ่ง ไม่ควรบังคับลูกครับ แต่ควรหาสื่อที่ช่วยจูงใจลูกให้ชอบภาษาอังกฤษ เช่น ให้ดูการ์ตูนของ Walt Disney เป็นต้น หรือให้ลูกเล่นเกมส์ที่ใช้ภาษาอังกฤษ ส่วนลูกชายผมชอบเล่นเกมส์ภาษาญี่ปุ่น แล้วก็มีแรงจูงใจให้อยากเรียนภาษาญี่ปุ่นเพื่อที่จะอ่านภาษาญี่ปุ่นในเกมส์ต่างๆเข้าใจ เดี๋ยวนี้ลูกชายผมแตกฉานภาษาญี่ปุ่น ทำงานแปลข่าวจากไทยเป็นญี่ปุ่น จากคุณ : นายชัย เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 55 11:21:07

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ  มีประโยชน์มากๆ เลยค่ะ จากคุณ : JJean Mum เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 55 11:55:10

ความคิดเห็นที่ 8 เราไม่มีลูกนะ เราคิดว่า ต้องสร้างบรรยากาศภาษาอังกฤษที่บ้านให้ลูกซึมซับตลอดเวลาอะค่ะ 1. หาหนังสือภาษาอังกฤษให้เค้าอ่าน ในเรื่องที่เค้าสนใจ อาจเป็นหนังสือดีๆ เน้นภาพสวยๆ ก่อนก็ได้ 2. หรือให้เค้าฟังรายการวิทยุออนไลน์ หรือข่าวภาษาอังกฤษอะค่ะ ในเนตมีเยอะ เอาอันนี้ไปดู http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K11793846/K11793846.html 3. ในตอน-9 มีรีวิว วอยซ์ ออฟ อเมริกา หรือ 4. มีกระทู้ให้ดาวน์โหลด อันนี้ก็เอาไปเปิดที่บ้านได้ Classic VOA  Special available again. http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K11755227/K11755227.html หรือ 5. เข้าไปในยูทูป หาคลิปดีๆ (เช่นคลิปที่สถาบันการศึกษาทำขึ้น) มาทำเพลย์ลิสต์เปิดฟังเองก็ได้ เราเขียนไว้ในตอน 4 หรือตอน 5 มั๊ง ตามๆลิงค์(ในข้อ2)ไปอะค่ะ ก็แนะนำไปหลายละนะ คือ เราไม่รู้เพอร์ซันนาลิตี้ของลูกคุณแม่อะค่ะ เลยไม่รู้ว่าควรจะแนะนำชัดๆยังไง ก็แนะนำกว้างๆไว้ก่อน ฝึกเขียน essay  ซึ่งเป็นปัญหาว่าจะไปเรียนที่ไหน  //1. หาหนังสือมาอ่าน 2. หาอ่านจากกูเกิล 3. หาดูจากยูทูป 4. ตัวอย่างคือ อันนี้คือทางไปชาแนลคลิปทั้งหมดของครูเจมส์ http://www.youtube.com/user/JamesESL/videos?sort=p&view=u หรือดูในลิงค์ที่ให้ไปข้างบนอะค่ะ โชคดีนะคะ อันนี้แกก็สอนเรื่องการเขียนอย่างมีประสิทธิภาพ เราอาจจะรู้อยู่แล้ว แกก็สรุปมาให้เราดูกัน ถือว่าทบทวน มันดูเหมือนยากนะ สำหรับเด็ก ป.6 แต่ถ้าสอบทุนรัฐบาลสิงคโปร์ถือว่ากลางๆ วิธีทำให้เข้าใจคือ รีเพลย์ฟังซ้ำๆ หลายๆรอบ How to Write an Effective Essay In this lesson, I give you a simple method for writing a good, effective essay in English. If you don't know where to start when you are given a writing assignment, start here and learn how to do it right! How to Write an Effective Essay แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 55 10:50:34 แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 55 10:48:31 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 55 08:06:23

ความคิดเห็นที่ 9 Writing ตอนเรียน ม ต้น อาจารย์เขาให้เขียนไดอารี่น่ะค่ะ มีประโยชน์มากทีเดียว แต่ต้องตั้งใจเขียนด้วยนะคะ จากคุณ : jackfruit_k เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 55 09:31:58

ความคิดเห็นที่ 10 ภาพยนตร์ฝรั่งนี่ต้องดูเป็น series ด้วยเหรอครับ ผมว่าคุณคงต้องถามลูกดูก่อนว่าเค้าชอบดูหนังประเภทไหน ลูกผมก็ ป.6 เค้าชอบดู CSI ดูไปเราก็สอนเค้าไป ได้ยินมั้ยคำนี้เค้าพูดว่ายังไง เค้าชอบเค้าก็ดูได้นาน หรือไม่ก็ลองดูช่อง Fox Family ครับ หนังครอบครัว ดูเพลิน เท่าที่สังเกตดูภาษาอังกฤษฟังได้ชัดเจน ลูกผมดูทีไรหัวเราะเอิ๊กอ๊ากทุกที หนังสือภาษาอังกฤษหายากครับ ผมซื้อให้ลูกหลายเล่มทีเดียว เล่มไหนสนุกเค้าชอบก็อ่านเร็วยอมเปิดดิคชันนารี เล่มไหนไม่ชอบก็วางทิ้งไว้ แล้วพาลให้ไม่อ่านเล่มอื่นไปด้วย ส่วนถ้าอยากได้ essay คิดว่าคงต้องจ้างครูสอนตัวต่อตัวแล้วมั้งครับ ว่าแต่ จะให้ลูกไปจริงเหรอเนี่ย ม.1 เองนะ จากคุณ : I AM OUTSIDER เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 55 09:32:44

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณค่ะ คุณ lovelypriest มากๆ ค่ะ มีประโยชน์มากๆ เลยค่ะ จะให้ลูกมาอ่านเอง  และให้เค้าเลือกดูว่าอันไหนเหมาะกับเค้า  หรือไม่ก็ให้เค้าไปหาเพิ่มเติมในหัวข้อที่เค้าสนใจ จะคอยติดตามตอนต่อไปของคุณ lovelypriest ได้โหวตเก็บเข้าคลังกระทู้เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ จากคุณ : JJean Mum เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 55 09:37:52

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ jackfruit_k คะ เป็นความคิดที่ดีมากค่ะ  ให้เค้าเขียนไดอารี่  เขียนทุกวัน วันละไม่มาก เค้าก็จะไม่เบื่อ การเขียนทุกวันก็จะทำให้คล่องมากขึ้น คุณ I AM OUTSIDER ที่สนใจซีรี่ส์ เพราะ 1 ตอนประมาณครึ่งชั่วโมง  เพราะถ้าวันไหนการบ้านเสร็จแล้ว ก็สามารถดูได้ 1 ตอนก่อนเข้านอน  วันหยุดค่อยดูเรื่องยาวๆ  เค้าเคยดูซีรี่ส์ Hot in Cleveland แล้วชอบค่ะ  ถึงแม้จะเข้าใจบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง ก็ยังขำค่ะ  ขำท่าทางคุณป้า Betty White จะลองดูช่อง Fox Family นะคะ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : JJean Mum เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 55 10:04:18