ความคิดเห็นที่ 1 จ้างฝรั่งมาเป็นครูสอนเลยดีครับ จากคุณ : มีปัญญาคืออาวุธ เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 11:48:31

ความคิดเห็นที่ 2 ผมเห็นด้วยตาม คห1 จากคุณ : หนุ่มเมืองใต้ เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 11:59:24

ความคิดเห็นที่ 3 โง่จริงๆ 1 เดือนมันได้อะไร ขนาดผมไปอยู่กับ family 6 เดือน ภาษาอังกฤษไม่ได้ดีขึ้นมากเลย ทั้งที่ภาษาอังกฤษผมเก่งกว่าครูพวกนี้อีกแยะตอนไปนอกเมื่อจบ มศ.5 ใหม่ๆ มีแต่โครงการเสียเงิน คิดกันเข้าไป พวกก๋วยเตี๋ยวเรือ นึกว่าอะไรก็ทำได้เร็วๆ ง่ายๆ อีกประสบการณ์ ส่งลูกสาวไปอังกฤษไปอยู่กับน้องสาว 2 เดือน ต้องพูดอังกฤษตลอดเวลา กลับมาก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไรเลย ภาษาอังกฤษมันต้องฝึกฝนทุกวัน ตลอดชีวิต ถ้าครูสอนอังกฤษคนไหน ทำแบบนี้แล้ว ไม่ต้องไปนอกก็ยังพูดได้ เขียนได้ ผมยกตัวอย่าง เ้จ้านายผม จบแค่ commerce เทียบก็ ปวช ไม่เคยไปนอก แต่พูดภาษาอังกฤษได้แบบคนมีการศึกษา แปลไทยเป็นอังกฤษระดับที่ ad agency ยอมรับฝีมือ คนมันเอาถ่าน อยู่ที่ไหนก็เอาถ่าน คนมันไม่เอาถ่าน ส่งไปนอกก็ไม่เอาไหนอยู่ดี จางวางหร่ำ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 12:06:29

ความคิดเห็นที่ 4 กลัวผู้เข้าอบรมจะห่วงแต่เที่ยวหรือช็อปปิ้งน่ะสิครับ จากคุณ : Timin2101 เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 12:27:22

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่ต้องไปพัฒนาอะไรหรอก ผมเชื่อว่าครูคนไทยเก่งอยู่แล้ว  แต่ระบบมันห่วย แทนที่จะเอาเวลาไปเตรียมการสอน หรือตรวจการบ้านเด็กอย่างละเอียด วิเคราะห์จุดผิดพลาดให้เด็ก   อาจารย์ต้องมานั่งทำเอกสารบ้าบอคอแตกเสีย ทำให้การสอนไม่ดีเท่าที่ควร  แบบนี้เอาไปฝึกต่างประเทศอีกสิบปี เก่งเทพขนาดไหนก็สอนไม่ดี จากคุณ : next80 เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 12:36:33

ความคิดเห็นที่ 6 เราคลุกคลีกับคนไทยที่ใช้ชีวิตในต่างแดนมานานหลายปีอะนะ คนไทยพวกนี้จากที่ไปอยู่ที่นั่นโดยภาษาอังกฤษไม่กระดิกหูเลย แล้วไปอยู่ที่นั่นตอนโตแล้วด้วยนะ ส่วนใหญ่อยู่เมืองนอกกันไปนาน 2-3 ปี ก็แค่ฟังกับพูดได้แบบไม่ค่อยคล่องนักหรอก มาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษยังไม่ค่อยจะได้หรอก แล้วพวกครูสอนภาษาอังกฤษในระบบการศึกษาไทยส่วนใหญ่อ่อนอังกฤษยิ่งกว่านั้นอีก (ถึงต้องไปเป็นครูเพราะหางานอื่นดีกว่านั้นแล้วไม่ได้) ไปต่างประเทศแค่ 1 เดือน เสียงบประมาณบานเลย กลับมามันจะได้อะไรกัน? เราเคยพูดติดตลก แต่เป็นเรื่องที่เป็นไปได้จริงๆ ซึ่งท้าพิสูจน์ได้ นั่นก็คือว่า เพราะเห็นคนจบศึกษาศาสตร์กับมีใบอนุญาตครูโม้นักว่า "ใครจะเป็นครูก็ต้องจบครูมา" เราก็เลยอยากท้าพิสูจน์โดยการให้ทดลองทำ experiment กัน โดยเราจะเป็นหัวหน้าทีม คัดเลือกคนไทยที่อยู่ต่างแดนมานานๆเป็นสิบๆปี แต่ไม่มีปริญญาสักใบ มาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทย โดยเราจะเอาพวกเขาไปฝึกอบรมเรื่องการสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองเป็นเวลาหกเดือน (เราอบรมเองก็ได้ เพราะเคยทำงานค้นคว้าด้านนี้มามากพอ)  ในขณะที่ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา (ต่อให้จบปริญญาเอกมาด้วย) มาอบรมคนจบศึกษาศาสตร์ที่ชอบโม้นักว่า "ต้องจบศึกษาศาสตร์ถึงจะเป็นครูได้"ด้านการสอนภาษาอังกฤษเป็นเวลาหกเดือนเท่าๆกัน แล้วจับครูสองทีมนี้มาลงสนามสอนแข่งกัน วัดผลกัน (วัดจากผลการเรียนของนักเรียน) แล้วเอานักเรียนของครูสองกลุ่มนี้มาแข่งภาษาอังกฤษกันให้คนไทยทั้งประเทศได้เห็นผลกัน จะได้พิสูจน์ได้ว่า "กฎระเบียบใบอนุญาตครูทำให้ประเทศไทยเจริญหรือถอยหลังลงคลอง" พอแสดงความคิดเห็นไป คนจบศึกศาศาสตร์และมีใบอนุญาตครู โต้แย้งโดยใช้ lame logic (ตรรกะป่วย) รายหนึ่งมาแบบนี้ "คุณไม่เคารพกฎระเบียบเรื่องใบอนุญาตครู คุณมีพฤติกรรมชั่วร้าย คุณไม่สมควรที่จะเป็นครู" ^ ตลกดี ทำไมเขาไม่เถียงตามหลักวิชาการล่ะว่า "การจบศึกษาศาสตร์จะทำให้สอนภาษาอังกฤษเก่งขึ้นมาได้ไง" แล้วทำไม่ไม่เถียงว่า "ถ้ามาลงแข่งกันจริงๆ จะเป็นผลดีหรือผลร้ายแก่ระบบการศึกษาไทย" ^ เถียงแบบนี้เป็นการใช้ fallacy ที่เรียกว่า poisoning the well หรือภาษาไทยเรียกว่า "ตีปลาหน้าไซ" คือไม่ยอมสู้เหตุผล แต่พยายาม discredit ฝ่ายตรงข้าม ซึ่งผลปรากฎว่ามีพวกครูที่ระดับสติปัญญาสูสีกับคนๆนี้ เข้ามาให้ gift เขาบานเลยหละ...555+++... แล้วมีนักศึกษาวิชาศึกษาศาสตร์อีกรายหนึ่ง โต้แย้งเราว่า premiss 1: (ในฐานะที่กำลังเรียนศึกษาศาสตร์อยู่ดิฉันขอบอกว่า) คณะศึกษาศาสตร์มีใว้ผลิตครู premiss 2: (ถ้า)คนไม่ได้เรียนศึกษาศาสตร์มาสอนหนังสือได้ conclusion: ก็สมควรให้ยุบคณะศึกษาศาสตร์เสีย ^ ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เถึยงแบบนี้สมแล้วที่จะจบออกมาเป็นครูที่สอนไม่เก่ง เพราะใช้เหตุผลง่ายๆไม่เป็น เรามาดู premiss 1 กันว่าจริงหรือไม่? คงไม่จริง 100% เพราะในประเทศที่เจริญแล้วคณะศึกษาศาสตร์ผลิตนักวิชาการด้านการศึกษามา แต่ก็ยังจ้างครูที่จบเอกวิชาที่ตัวเองเรียนมามาสอนนักเรียนในวิชาเอกที่ตัวเองเรียนมา เช่นจ้างคนจบเอกอังกฤษมาสอนวิชาภาษาอังกฤษ premiss 2 เป็นจริงเพราะครูเก่งๆในหลายประเทศไม่เห็นต้องจบศึกษาศาสตร์มาเลย มีแต่ประเทศไทยนี่แหละที่ยิดติดกับความเชื่อผิดๆที่ว่า "จะเป็นครูได้ต้องเรียนครูมา" conclusion เป็น logical flaws (ข้อผิดพลาดในเชิงตรรกะ) อย่างรุนแรง เพราะการที่คนไม่จบศึกษาศาสตร์มาสอนหนังสือได้ มันก็ไม่ได้ไปทำให้คนที่จบศึกษาศาสตร์มาเป็นนักวิชาการด้านการศึกษาไม่ได้ อีกทั้งคนจบศึกษาศาสตร์บางคนนอกจากจะเป็นนักวิชาการด้านการศึกษาแล้ว ก็ยังสอนหนังสือได้ด้วยเช่นกัน (มันอยู่ที่การใช้ some กับ all ให้ถูกต้อง ในการใช้เหตุผล) ^ ถ้าคนที่ใช้ lame logic สองคนนี้เกิดไปเป็นใหญ่เป็นโตในแวดวงการศึกษาไทย โห มันน่ากลัวมากๆนะว่าพวกเขาจะคิดนโบายทำลายชาติอะไรออกมา! ระบบการศึกษาไทยแย่ลงเรื่อยๆ เป็นเพราะครูส่วนใหญ่ในระบบ "ยึดติดกับความเชื่อผิดๆ สมองไม่ยืดหยุ่นพอ แถมยังใช้เหตุผลไม่เป็น แล้วก็มาจากคนเรียนไม่เก่งเสียเป็นส่วนใหญ่" ไม่ประหลาดใจเลยว่าคนในแวดวงการศึกษาของไทยถึงได้ตัดสินใจผิดๆ โดยการส่งครูไปอบรมต่างประเทศ 1 เดือน ซึ่งเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำชัดๆ ตรรกะที่แม่นยำกว่านี้ในการตัดสินใจก็คือ "คนที่เก่งภาษาอังกฤษก็มีอยู่แล้วตั้งมากมายในประเทศไทยหรือไปเชิญคนไทยในต่างแดนมีเยอะแยะเลยที่เก่งอังกฤษ ทำไมไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาเข้ามาสอนภาษาอังกฤษบ้างล่ะ มัวแต่บ้ากฎระเบียบเรื่องใบอนุญาตครู" มันก็เลยเละกันทั้งระบบ! แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 55 12:54:09 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 12:43:18

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้ากระบวนการในการคัดครูที่จะส่งไปเมืองนอก มันวัดผลได้ชัดเจนเราว่าก็ OK  ( แต่ก็ไม่รู้ว่ามีหรือเปล่าอะนะ) เช่น ครูที่จะได้ไปต้องผ่านการทดสอบภาษาอังกฤษในระดับหนึ่ง เช่น อ่าน เขียนเข้าใจ และสื่อสารได้ในระดับที่ใช้งานได้ เช่นอาจวัดจากคะแนน TOEIC ( แต่TOEIC ก็ไม่ได้วัดเรื่องการพูด) มี course syllabus ที่ clear ว่าจะให้ครูที่ไปต่างประเทศพวกนี้ เรียนรู้อะไรบ้าง เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์การใช้ภาษาอังกฤษของตนเองและนำกลับมาถ่ายทอดได้ หรืออย่างน้อยก็เป็นฐานในการพัฒนาการใช้ภาษาอังกฤษ  ที่สำคัญ มีการติดตามผลหลักสูตรระหว่างที่ครูพวกนี้อบรมอยู่ว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือเปล่า ครูทีกลับมาอาจไม่ได้ภาษาที่คล่องปร๋อตอนกลับมา แต่อย่างน้อยก็ได้ network ที่เป็นเพื่อนชาวต่างชาติที่สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องภาษาได้ ได้ประสบการณ์ชีวิต ที่สำคัญก็ได้เรียนรู้วิธีการเรียนการสอนภาษาในรูปแบบที่แตกต่างที่จะนำมาปรับใช้ได้ ไ แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 55 13:39:51 จากคุณ : accytu46 เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 13:20:48

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าโครงการผ่าน ก็ถือว่าเป็นครั้งแรก ..... ขอให้ประเมินผลออกมาดีๆ นะครับ จะได้มีโอกาสต่ออายุโครงการ ปล. ขอให้คัดครูที่มีความทุ่มเทจริงๆ จากคุณ : iamdanai เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 13:32:56

ความคิดเห็นที่ 9 หาเรื่องไปเที่ยวกันอีกและ พวกข้าราชการนี่ เอะอะ เอะอะ ดูงานตลอด ไปแล้วก็ช็อปปิ้ง ถ่ายรูปกันอีกอะ เมื่อไหร่จะเลิกสักที ปัญหาภาษาอังกฤษนี่ไม่ได้มีอะไรเลย ก็แค่คนไทยไม่ยอมใช้ก็แค่นั้น ถ้าใช้กันทุกวันๆเดี๋ยวมันก็เก่งเอง เด็กประถม อนุบาลก็ให้เค้าพูดๆ ไม่ใช่นั่งแต่ในห้องนั่งพูดตามที่ครูบอก This is a book. พาเค้าออกไปนั่งข้างนอก เจอแมว หมา ปลา นก ก็ถามเด็ก ไม่ใช่ให้ดูแต่รูป เวลาครูสอนก็พูดไปเลยภาษาอังกฤษ ท้ายคาบค่อยพูดภาษาไทย เด็กอนุบาล ประถมอะเดี๋ยวมันก็จำได้ ไม่ใช่มานั่งสอน Subject + Verb + object บ้าบอคอแตก ไม่ใช่คณิตศาสตร์นะโว้ย ภาษามันต้องฟังให้รู้เรื่องก่อน จากนั้นพูด แล้วค่อยอ่านเขียน ถามจริงมีใคร รู้ว่าภาษาไทยต้องประกอบด้วยประโยค กริยา กรรม คุณพูดไทยได้ก่อน หรือว่า รู้เรื่องพวกนี้ก่อน? นี่ฟังยังฟังไม่รู้เรื่องเลย แล้วไอพวกท่องศัพท์อะ เลิกสักทีเหอะ ถ้าจุดมุ่งหมายของการเรียนภาษาคือทำข้อสอบ ก็ท่องท่องท่องไปเหอะ แต่มันไม่ใช่ ทำขึ้นมาดิ หนังสือ Kla and Kaew in Wonderland ให้เด็กได้อ่าน ได้จำได้ เปิดเพลงง่ายๆให้เด็กฟัง แล้วเติมศัพท์ที่ได้ยินลงในช่องว่าง ไอพวกนี้อะช่วยได้เยอะ แต่ก็เอาเหอะจะพาครูไปต่างประเทศให้เงินตั้งแสน ช็อปปิ้งกันมันส์ละ มองโลกในแง่ดี ถือสะว่ากระตุ้นเศรษฐกิจของอเมริกาและยุโรป จะได้ฟื้นฟูขึ้นมาบ้าง:) จากคุณ : Freedom of Speech เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 13:56:08

ความคิดเห็นที่ 10 ช่วยเอานายกไปอบรมด้วยจะดีมาก ทุกวันนี้ออกงานต่างประเทศที อิชั้นละขายขี้หน้าประชาชี จากคุณ : Mrs.Pitt เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 13:57:32

ความคิดเห็นที่ 11 ผมเห็นด้วย อย่างยิ่งครับ จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 14:04:02

ความคิดเห็นที่ 12 อีก 100 ล้าน จากคุณ : ตัวกลมแก้มป่อง เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 14:04:25

ความคิดเห็นที่ 13 ตอบ คุณ Mrs.Pitt คคห 10 นายกยิ่งลักษณ์พูดอังกฤษพอใช้ได้นะ คือไม่ได้ใช้นานๆมันก็ไม่คล่อง ฝึกๆไม่นานก็เก่งเองนั่นแหละ (ถ้ารัฐบาลนี้ไม่โดนทหารทำรัฐประหารซะก่อนนะ) นี่เราประเมินจากประสบการณ์ที่เราใช้ภาษาอังกฤษประกอบอาชีพในเมืองไทยมา 20 กว่าปีนะ รับรองว่าประเมินไม่พลาดหรอก ส่วนอดีตนายกอภิสิทธิ์พูดอังกฤษเก่งมากๆ แต่พอเขาพูดอะไรออกไป เราสังเกตเห็นว่า "ผู้นำชาติต่างๆต่างก็เบือนหน้าหนี คือไม่อยากฟังอ้ะ!" เพราะอะไรคุณ Mrs.Pitt ลองไปคิดดูเอาเองก็แล้วกัน เผื่อระบบตรรกะคุณแม่นยำพอที่จะคิดหาคำตอบได้ อีกหน่อยคุณอาจได้เป็นรัฐมนตรีศึกษาไทยคนต่อไปก็ได้อะนะ...555+++... แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 55 15:47:07 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 15:45:30

ความคิดเห็นที่ 14 กลับเห็นตรงกันข้ามแฮะ ว่าตอนอภิสิทธิ์พูด ดูเหมือนคนอยากฟังอยากทำข่าวมากกว่า (ภาษาอังกฤษนะ) แต่กับคุณยิ่งลักษณ์ อย่าว่าภาษาอังกฤษ แค่ภาษาไทย คนก็เอามาเป็นมุขฮากันได้ยันลูกบวชแล้ว อันนี้เรื่องภาษาพูดอย่างเดียวนะ เรื่องอื่นไม่ออกความเห็น จากคุณ : ติดงอมแงม เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 16:04:19 A:115.87.75.80 X: TicketID:336041

ความคิดเห็นที่ 15 โครงการปัญญาอ่อน ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ภาษาอังกฤษ ไม่ใช่วิชาที่อยู่ๆ นึกจะเรียนก็ไปเรียน นั่งท่องนั่งติวไม่กี่วันแล้วไปสอบได้ มันเป็นทักษะ มันต้องฝึกทุกวัน ทุกวัน ทุกวัน เข้าใจกันบ้างมั้ยเนี่ย เพลียใจกะไอ้พวกที่มาวางระบบการศึกษาประเทศไทยจริงๆ จากคุณ : สาวน้อยร้อยแปด เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 16:08:25

ความคิดเห็นที่ 16 นายุกยิ่งลักษณ์ นี่นะ ต่อให้จ้างผมสักพัน ผมยังไม่อยากไปฟังท่านเลย เพราะมันโหรงเหรง และไม่ได้อะไรจริงๆ ส่วนนายกอภิสิท มีแต่คนอยากฟังล่าสุดไปพูดที่ มหาวิทยลัยเทคโนลาดกระบัง คนมาฟังเต็ม ส่วนยิ่งลักษณ์ล่าสุดไปพูดเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ให้นักธุรกิจ ปรากฏว่า ห้องโหรงมาก ต้องเกณฏ์คนมานั่งให้เต็ม จริงๆ น่าจะส่ง นายก ไปอบรมเพิ่มสัก เดือน นะ และปัญหาอีกอย่างคือ ขนาดนายก ไปอยู่นอกตั้ง 2 ปี ยังพูดไม่เป็นเลย แล้วครูบ้านเราไปอยู่ 1 เดือน ผลาญงบและใช้เงินสิ้นเปลืองปล่าวประโยชน์ จากคุณ : ต้นอ้อที่ไหวลม (ต้นอ้อที่ไหวลม) เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 18:48:02

ความคิดเห็นที่ 17 ^ ^ ^ ^ ^ คนฟังอภิสิทธิ์เยอะแยะจริงๆหรือ? ก็คนไทยที่ไม่รู้เรื่องประชาธิปไตยยังไงล่ะ ผู้นำต่างชาติที่เขาเห็นอภิสิทธิ์ได้ตำแหน่งนายกมาโดยการเล่นการเมืองนอกรัฐสภา เห็นอภิสิทธิ์พยายามตามล่าทักษิณโดยการอ้างโน่นอ้างนี้ แต่แท้จริงแล้วใครๆก็รู้ว่ามันเป็นการพยายามกำจัดคู่แข่งทางการเมืองตั้งแต่รัฐประหาร ไปจนถึงไปตามล่าตัวในต่างแดน สร้างความขัดใจให้ประเทศต่างๆทั่วโลก ผู้นำประเทศต่างๆต้องพยายาม "สุภาพไว้" แต่หนักๆเข้าก็ทนฟังอภิสิทธิ์ไม่ได้เหมือนกันนั่นแหละ อภิสิทธิ์เรียนหนังสือในประเทศอังกฤษ เขาน่าจะรู้ว่าไม่มีนักการเมืองผู้ดีอังกฤษคนไทยสั่งทหารถืออาวุธสงครามออกมาเข่นฆ่าประชาชน ยกตัวอย่างเช่น Edward Heath อดีตนายกอังกฤษ เมื่อโดนประชาชนเดินขบวนประท้วงหนักๆเข้าเพื่อระบุว่า "ไม่ต้องการรัฐบาลนี้" บ้านเมืองจลาจลวุ่นวายยิ่งกว่าเสื้อแดงเดินขบวนตั้งหลายเท่า แต่ Edward Heath ยอมลาออกเพื่อเห็นแก่ประเทศอังกฤษ ส่งครูไปเรียน 1 เดือนผลาญเงินจริง แต่มันคนละประเด็นกันกับภาษาอังกฤษของนายกยิ่งลักษณ์ เพราะจริงๆแล้วภาษาอังกฤษของนายกยิ่งลักษณ์ก็พูดรู้เรื่อง เพึยงแต่ไม่คล่องเท่านั้น แต่อยู่ในวิสัยที่จะปรับปรุงได้ แต่ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแล้วมันไม่จำเป็นเพราะขนาดประธานเหมาของจีนที่รู้ภาษาอังกฤษดี เขาก็ยังใช้ล่ามเลย "แล้วทีอดีตนายก ชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งก็ภาษาอังกฤษไม่กระดิกหูยิ่งกว่านายกยิ่งลักษณ์ แล้วทำไม่พวกเสื้อเหลือง ถึงไม่ชูประเด็นนี้บ้างล่ะ? ได้แต่คอยจับผิดนายกยิ่งลักษณ์เรื่องอะไรเล็กๆน้อยๆ" ^ เห็นไหมว่า ช่างไร้สาระสิ้นดี! อยู่ดีๆมาดึงกระทู้เข้าการเมือง แล้วก็มาเปิดฉากเล่นกีฬาสี แต่เถียงข้างๆคูๆ เอาความนิยมชมชอบพรรคการเมืองของตนเอง แบบงมงาย เป็นที่ตั้ง ประเทศไทยไม่เจริญก็เพราะมีคนพวกนี้อยู่เยอะมากๆนั่นแหละ แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 55 12:46:25 แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 55 19:20:14 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 19:15:53

ความคิดเห็นที่ 18 เอานายกไปก่อนเลยดีไหม ไม่ต้องไปอยู่ที่ต่างประเทสหรอก แค่ภาษาพ่อแม่ ท่านยัง อ่าน คอ...นก ...รีต ...อ้าว ฮาแตก จากคุณ : คุ้มค้างคาว เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 19:52:08

ความคิดเห็นที่ 19 ^ ^ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับกระทู้นี้เลย ถ้าอยากจะลากเข้าการเมืองก็ควรจะลากให้มันฉลาดกว่านี้ นี่ได้แต่คอยจับผิดเล็กๆน้อยๆนิสัยเหมือนพวกพรรคประชาธิปัตย์เลย ตกลงมีนายกพูดผิดๆเล็กๆน้อยๆเพราะประหม่าเมื่อมีคนคอยจับผิด กับมีนายกที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งสั่งทหารถืออาวุธสงครามเข้าเข่นฆ่าประชาชน อันไหนมันแย่กว่ากัน ลองใช้สมองคิดดีๆ แล้วตอบหน่อยสิ จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 20:29:36

ความคิดเห็นที่ 20 ให้ยิ่งลักษณ์ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ซิ จากคุณ : อำแหลก เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 20:30:32

ความคิดเห็นที่ 21 คุยกันเรื่องภาษาอังกฤษดีๆ  ข้ามมาเรื่องการเมืองไ้ด้ไงครับเนี่ย จากคุณ : David Patt เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 21:39:07

ความคิดเห็นที่ 22 หาครูต่างประเทศได้มาตรฐานมาสอนในคาบเรียนเลยดีกว่ามั้ยคับ ฟังไม่รู้เรื่องก็ตกยกชั้นไป โหดดี เอาแบบเนื้อหาเข้มข้นเหมาะสมกับระดับด้วยนะ ไม่ใช่ ม.5 มาเรียน abcd โดยครูต่างประเทศอยู่ จากคุณ : A Boy From The Moon เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 55 22:56:20

ความคิดเห็นที่ 23 เอ้อ...ใครที่เริ่มสีก่อนกันแน่หล่ะเนี่ย ประชาธิปไตยมากเลยนะเนี่ย ไม่เห็นเคยฟังความคิดเห็นคนอื่นเลยจริงๆ อภิสิทธิ์น่ะเรื่องการเมืองอาจจะห่วย มีนอกในเยอะ แต่เรื่องวิชาการมีคนสนใจเค้าจริงๆนะ ยังเสียดายว่าเค้าไม่น่าไปเล่นการเมือง ถ้ามาทำงานด้านวิชาการน่าจะช่วยพัฒนาประเทศมากกว่านี้ ------------------------------------------------------------------------- ตอบกระทู้หน่อย เรื่องประเด็นนี้ จริงๆก็มีมานานแล้วที่ครูสอนภาษาในโรงเรียน ณ จุดหนึ่งจะได้ส่งไปอบรม ถ้าหลักการคัดเลือกไม่มีอะไรแอบแฝง พูดไปผลดีก็มีในเชิงภาษาและวัฒนธรรมจริงเพราะภาษาอังกฤษบางที จินตนาการเอาเองก็ไม่รู้ เพราะบางอย่างมันมาจากวัฒนธรรม ความเป็นอยู่จริงๆ แต่มองอีกมุมก็ดูจะเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำซะจริงๆ เพราะระบบการเรียนที่มีมาตั้งแต่แรกของชั้นภาษาอังกฤษ ในไทย ที่สุดท้าย ก็จะแค่ กูดมอนิ่ง ทีชเชอร์....ซิทดาว ไปเรียนมายังไงพอถึงคราวสอนก็ต้องมาลงฟอแมทนี้ตามเคย เนื่องจากสามีเป็นครูสอนภาษานี่หล่ะ แต่เค้าได้สอนในคลาสที่ต่างกัน คือ อันนึงเป็นอินเทนซิฟ อีกอันเป็นธรรมดา ห้องที่เป็นอินเทนซิฟนี่จะมีคลาสต่างเลย ครือครูไทยเน้นสอนแกรมม่า(แน่นใช้ได้ แต่ไม่รู้จะลืมทีหลังมั้ย) ส่วนคลาสสนทนา เขียน ออกเสียง ก็จะให้ครูต่างชาติ เพราะต่อให้ไปอยู่ 10 20 ปี สำเนียงก็ไม่เหมือน นอกจากเกิด โต ที่นั่น ตรงนี้นึกถึงสมัยเรียนแล้วมีอาจารย์ชาวฟิลิปปินส์ สำเนียงก็จะตลกๆหน่อย ชอบพูดว่า แอมงงงิ่ง เค้าจะบอกว่าพูดได้ก็พอ สำเนียงเอาของแต่ละชาติแหละ เป็นเอกลักษณ์ดี ตรงนี้ก็แล้วแต่จะคิด สรุปนอกเรื่องไปไกล...จบ จากคุณ : ติดงอมแงม เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 00:19:36 A:115.87.75.80 X: TicketID:336041

ความคิดเห็นที่ 24 ละเลงขนมเบื้อง มันง่าย "มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 08:04:12

ความคิดเห็นที่ 25 เราว่าก็เป็นแนวความคิดที่ดีนะ...แต่ยังไม่เหมาะสมในหลายๆ อย่าง ที่คุณเค ความเห็นสามบอกว่าหนึ่งเดือนไม่ได้อะไร นี่เราว่าจริง อย่างน้อยต้อง8เดือนล่ะ ถึงจะพุดคล่อง(ถ้ามีพื้นฐานดีอยู่แล้ว) โครงการนี้น่าจะให้สัก1ปีนะ...แทนที่จะเอาไปหว่านๆ แบบนี้ (พูดจริงๆ นะ 1เดือนนี่เหมือนไปเที่ยวมากกว่า อาทิตย์แรกก็ปรับตัวอย่างเดียวแล้ว) มามุ่งพัฒนาจำนวนไม่มากให้มันมีคุณภาพดีกว่า ที่สำคัญ การเรียนการสอนที่ผลิตครูขึ้นมานี่แหละ ได้คุณภาพหรือยัง ทั้งที่อาจารย์ที่สอนก็ดร. บ้าง ศาสตราจารย์บ้าง จบนอกกันทั้งนั้น เรายังเห็นนักศึกษาพูดภาษาไทยกันให้ขรมไป พอจบมา แล้วเข้าสอนเด็กจริงๆ จะไปพูดอย่างไหลลื่นเป็นธรรมชาติกันได้ยังไง...กระทรวงชอบคิดอะไรแปลกๆ อยู่เรื่อย เหมือนกับไม่พิจารณาปัญหาและแก้ที่ต้นตอจริงๆ ชอบจริงเลยเรื่องไปอบรมบ้างล่ะ ใช้อุปกรณ์/เทคโนโลยีบ้างล่ะ ดูมีแต่เรื่องที่เน้นให้เกิดกระแสสังคมออกมาวูบวาบประเดี๋ยวประด๋าว ให้คนออกมาฮือฮา มันต้องแก้ที่การเรียนครูนั่นล่ะ เราคิดว่าคนที่ขวนขวายมากๆๆ มันก็จะเก่งเอง พอเก่งเป็นทุนอยู่แล้ว มาเสริมอีกหน่อย (เรียนภาษาต่างประเทศ6เดือน-1ปี) ก็ใช้การได้...ทุกวันนี้ระบบมันกดดันให้นักศึกษาครู(ภาษาอังกฤษ)เกิดความขวนขวาย มุ่งมั่นอะไรบ้างล่ะ เทียบกับคนที่เรียนสาขาอื่นที่มีการแข่งขันสูงได้หรือเปล่า...นักศึกษาครูพวกนี้ส่วนใหญ่ อ่านหนังสือกันเป็นบ้าเป็นหลัง ลงทุนเรียนคอร์สwriting,conversation เพิ่มเติมบ้างหรือเปล่า...ถ้าจบมาแบบไม่เต็มร้อย จะหวังให้การอบรม/ดูงาน มันช่วยให้เป็นครู(ภาษาอังกฤษ)ที่สมบูรณ์ขึ้นได้ยังไง ในเมื่อทักษะอันนี้มันต้องเกิดจากการฝึกฝน สำหรับคนที่บอกว่าให้ชาวต่าวชาติมาสอนแทนไปเลยดีกว่าไหม...เราไม่เห็นด้วยนะ ในฐานะที่เราพอจะคลุกคลีกับเรื่องนี้มาพักหนึ่ง รัฐเสียเงินจ้างอจ.ต่างชาติอย่างต่ำๆ4-5หมื่นต่อเดือน แต่สอนเด็กได้แค่ห้องละ1ชม. ต่อสัปดาห์ แถมยังต้องมีผู้ช่วยครุมาคอยดูแลเรื่องตรวจข้อสอบ ทำคะแนน วัดผล ประเมินผลให้อีก...เด้กแทบจะไม่ได้อะไรเลย เพราะส่วนใหญ่เขาก็พุดๆ สอนๆ ไปตามหน้าที่ เขาไม่ได้มีจิตวิญญาณลึกซึ้งอะไรเหมือนครุไทย....ยังไม่นับว่าบางคนคุณภาพต่ำว่ามาตรฐาน พุดคล่อง พูดเก่งจริง สำเนียงได้ แต่ผิดไวยากรณ์ และลักษณะนิสัยแย่ ไม่มีความรับผิดชอบ...ครูพวกนี้ลอยนวลอยู่ได้เพราะครูคนไทยในรร. ไม่สอดส่องเป็นหูเป็นตา (กลัวการพูดภาษาอังกฤษ) เราจึงเห็นว่าการพัฒนาครูของเราเองให้เก่งและดี ย่อมต้องดีกว่าจ้างคนข้างนอกมาแน่ๆ ...ลงทุนอาจจะมากหน่อย แต่จะใช้งานไปได้20-30ปี สามารถสร้างเด็กให้เก่งอีกตั้งมากมายเท่าไหร่...เพียงแต่คนที่มีหน้าที่ออกนโยบายต้องไม่คิดอะไรชุ่ยๆ มุ่งแต่ทำแบรนดิ้งประชาสัมพันธ์ตัวเอง...มองปัญหาให้ลึกและแก้จากต้นตอให้เป็นระบบ จากคุณ : kiria chalee เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 08:41:37

ความคิดเห็นที่ 26 อดีตนายกชวนภาษาอังกฤษใช้ได้เลยนะคะ  เคยเป็นล่ามญี่ปุ่น-ไทยแล้วได้เจอท่านสองครั้ง ภาษาอังกฤษท่านใช้พูดคุยส่วนตัวสบายๆเลย ท่านชวนเป็นคนดี  อย่าดึงท่านลงมา เห็นด้วยกับการยกระดับภาษาของครู  แต่เดือนเดียวเวลาน้อยเกินไปเงินของทั้งภาครัฐและเงินส่วนตัวของคุณครูทั้งหลายจะสูญเปล่า     มีทุนรัฐบาลญี่ปุ่นที่ให้กับครูจะได้ไปอยู่ประมาณปีครึ่ง(ไม่รู้เดี๋ยวนี้ยังมีอยู่หรือไม่)  กลับมาเก่งๆภาษาญี่ปุ่นกันทั้งนั้น  รัฐน่าจะหาความร่วมมือทางภาครัฐและสนันสนุนโครงการระยะยาวแบบนั้น เอามาเขียนต่อเติมตรงนี้  ตอบความเห็น๒๗  จะได้จบๆกันไป ถูกหาว่าโม้ซะแล้ว จริงๆนะ    ตอนนั้นเป็นงานเปิดตัวสินค้าบริษัทของผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เป็นเพื่อนของท่านชวน  เราเป็นล่ามแปลเฉพาะสุนทรพจน์  แต่ก็เห็นผู้ใหญ่เขาคุยกันเองเวลาสังสรรค์กัน   อย่าบอกนะว่าเขาคุยกันภาษาญี่ปุ่น เข้าใจว่าท่านใช้ล่ามในงานทางการ  แต่นั่นเป็นงานส่วนตัว   ห้องสมุดนี่ดุจัง แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 55 21:09:20 แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 55 21:03:52 จากคุณ : อาคิคุุน เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 09:13:49

ความคิดเห็นที่ 27 ^ ^ ^ ที่คุณบอกว่า "อดีตนายกชวนภาษาอังกฤษใช้ได้เลยนะคะ" ^ ตอบ ไม่รู้จริง แล้วเที่ยวได้โม้ไปเรื่อย งมงายสุดๆ อดีตนายกชวนอ่านภาษาอังกฤษ (คนอื่นเขียนสุทรพจน์ภาษาอังกฤษให้อ่าน ไม่ใช่พูด) และเวลาต้องมีการถามตอบกับนักข่าวต่างประเทศชวนจะพูดภาษาไทยและใช้ล่ามตลอดไม่เคยพูดอังกฤษเลย สื่อมวลชนที่ไหนๆก็รู้เรื่องนี้กันทั้งนั้น   ที่คุณบอกว่า "ท่านชวนเป็นคนดี  อย่าดึงท่านลงมา" ตอบ ทำไม่จะดึงลงมาไม่ได้ ก็ทีพวกเสื้อเหลืองได้แต่หาเรื่องจับผิดยิ่งลักษณ์ว่าพูดอังกฤษเฮงซวย เสื้อแดงก็ตอบได้เช่นกันว่าทีชวนก็ไม่ได้พูดอังกฤษเก่งกว่ายิ่งลักษณ์ไปเลย มันผิดตรงไหน ตกลงหลังเลือกตั้งแล้วยังไม่หมดสมัยเสื้อเหลืองทำอะไรถูกหมด แต่เสื้อแดงทำอะไรผิดหมดอีกหรือ หัดมีใจเป็นธรรมซะบ้าง ใครกันแน่ที่ลากกระทู้นี้เข้าการเมืองก่อน พวกเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง? ลองตอบมาแบบตรงไปตรงมาสิ แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 55 11:52:35 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 11:50:52

ความคิดเห็นที่ 28 ... ครับ ... ครั้งนะครับว่า ช่วยๆๆ กันกด VOTE ก็ดีนะครับ เพี่อที่ กระทู้จะได้อยู่ได้นานๆ นะครับ จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 12:36:31

ความคิดเห็นที่ 29 ที่คุณ kiria chalee พูดใน คคห 25 ว่า "รัฐเสียเงินจ้างอจ.ต่างชาติอย่างต่ำๆ4-5หมื่นต่อเดือน แต่สอนเด็กได้แค่ห้องละ1ชม. ต่อสัปดาห์ แถมยังต้องมีผู้ช่วยครุมาคอยดูแลเรื่องตรวจข้อสอบ ทำคะแนน วัดผล ประเมินผลให้อีก...เด้กแทบจะไม่ได้อะไรเลย เพราะส่วนใหญ่เขาก็พุดๆ สอนๆ ไปตามหน้าที่ เขาไม่ได้มีจิตวิญญาณลึกซึ้งอะไรเหมือนครุไทย...." ^ จะบอกให้ว่าเราเคยทำงานในโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ แล้วเคยเจออาจารย์ฝรั่งที่เป็น born teachers ต้้งหลายคน ซึ่งทั้งสอนเก่งแบบเทพๆ และเอาใจใส่นักเรียนมากๆ ข้อความที่คุณเขียนนั้น จับแยกประเด็นออกไปได้ตั้งหลายเรื่องคือ 1) ปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างในหน่วยงานไทย (มีการฮั๊วงานกัน ยัดเงินใต้โต๊ะกัน) 2) แม้กระทั่งจะจ้างอาจารย์คนไทยเก่งๆ มันก็ยังติดปัญหานานานับประการ เพราะที่คุณบอกว่าอาจารย์ฝรั่งได้เงินเดือน 4-5 หมื่นน่ะ เราก็รับประกันว่าคนไทยที่เก่งอังกฤษมากๆถ้าทำงานบริษัทหรือองค์กรข้ามชาติ ก็ได้ค่าตอบแทนเดือนหนึ่ง 4-5 หมื่นเหมือนกัน (เรารู้จักคนไทยเก่งๆที่ได้เงินเดือนขนาดนี้ หรือสูงกว่านี้ เยอะมากๆ) ดังนั้น การที่จะหาคนไทยเก่งๆมาสอนมันก็ยากอีกนั่นแหละ ไหนจะเจอกฎระเบียบเรื่องใบอนุญาตครู อีก คนไทยเก่งๆอังกฤษพอเห็นกฎระเบียบใบอนุญาตครู เห็นเงินเดือนครู ก็เผ่นหนีหมดแล้ว ทุกอย่างมันติดขัดไปหมด ถ้าคนไทยเก่งๆอังกฤษอยากเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ พวกเขาไปเปิดโรงเรียนติวชีวิตจะง่ายกว่า ได้เงินก็มากกว่าด้วย 3) การฝึกอบรมครูที่ไม่เก่ง (เท่าที่มีอยู่ในระบบ) มันก็ลำบากแสนเข็ญ เพราะคนที่จะเก่งอังกฤษมากๆ ส่วนใหญ่มันต้องฉายแววมาตั้งแต่เรียนมัธยมแล้วหละ คนที่เข้ามาเรียนครูส่วนใหญ่มักจะไม่เก่งวิชาสำคัญๆเช่นคณิตศาสตร์กับภาษาอังกฤษถึงเข้ามหาลัยดีๆไม่ได้ ก็เลยต้องเลือกมาเรียนครูเพราะคะแนนต่ำสุด ไม่มีใครอยากได้ การขึ้นเงินเดือนครูขึ้นตามวุฒิไม่ได้ขึ้นตามความสามารถ ครูก็เลยไปเรียนเอาปริญญาโทกับปริญญาเอกด้านศึกษาศาสตร์มาขึ้นเงินเดือนกันหมด แต่ทักษะภาษาอังกฤษของครูส่วนใหญ่ยังคงอยู่ต่ำกว่าปริญญาตรีมากๆ ครูสอนภาษาอังกฤษหลายๆคนในระดับมัธยมในระบบการศึกษาไทย ความรู้ภาษาอังกฤษบางทีจะยังไม่ถึง ม.6 ด้วยซ้ำไป ปัญหามันซ้บซ้อน โยงใยกันไปหมด แก้ยากมากๆ มันต้องรื้อระบบการศึกษาใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่ วิธีการรับสมัครครู โครงสร้างเงินเดือน และเปิดให้มีการแข่งขันกันโดยเสรี คือยกเลิกกฎระเบียบเรื่องใบอนุญาตครู เพื่อเปิดโอกาสให้คนที่ไม่ได้เรียนจบครูให้เข้ามาสอนภาษาอังกฤษแข่งขันกับคนเรียนจบครู แล้วจ่ายเงินเดือนตามความสามารถจริงๆ ไม่ใช่จ่ายตามวุฒิ...เพราะวุฒิการศึกษาจากมหาลัยไทยหลายๆแห่งมันหลอกกันเหมือนผีหลอกกลางวันแสกๆ ยกตัวอย่างเช่นปริญญาเอกวิชาศึกษาศาสตร์จากมหาลัยจ่ายเงินครบจบแน่ๆ ตัวดุษฎีบัณฑิตที่จบมามีความรู้ต่ำกว่าปริญญาตรีซะอีก...มันเป็นการเล่นละครตบตากันในสังคมชัดๆ ระบบมันถึงได้ยุ่งเหยิง อีกทั้งยังต้องแก้ไขอะไรแบบยกเครื่องใหม่ อีกหลายๆอย่างในระบบการศึกษาไทย...ฯลฯ แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 55 12:57:28 แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 55 12:53:09 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 12:41:36

ความคิดเห็นที่ 30 อันที่ 1 เข้ามาฮา อันที่ 2 โครงการนี้เค้าไม่ได้มีไว้พัฒนาครูหรอกครับ อย่าเสียเวลาทะเลาะกันเลย จากคุณ : WanderFoolLife (meanamide) เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 13:24:30

ความคิดเห็นที่ 31 อีก 1 ข้ออ้างที่ใช้เพื่อไปเที่ยว ไปชอปปิ้งต่างประเทศ - - " Edit = แก้ไขตัวสะกดค่ะ แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 55 15:32:10 จากคุณ : XODA เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 13:43:56

ความคิดเห็นที่ 32 1 เดือน หรอคะ ก็คงต้องเป็นครูที่มีพื้นฐานภาษาดีพออสมควรอยู่แล้ว ไม่ใช่ Yes No Okay เหมือนนักเรียนแล้วส่งไปนะคะ เพราะเดือนเดียวคงไม่ได้อะไรกลับมาเท่าไหร่นอกจากคำทักทายหรือบทสนทนาในชีวิตประจำวัน ซึ่งคงเอามาสอนนักเรียนไม่ได้ จากคุณ : wendyandbas เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 15:25:41

ความคิดเห็นที่ 33 เรฟ29 "...จะบอกให้ว่าเราเคยทำงานในโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ แล้วเคยเจออาจารย์ฝรั่งที่เป็น born teachers ต้้งหลายคน ซึ่งทั้งสอนเก่งแบบเทพๆ และเอาใจใส่นักเรียนมากๆ "....แม้กระทั่งจะจ้างอาจารย์คนไทยเก่งๆ มันก็ยังติดปัญหานานานับประการ เพราะที่คุณบอกว่าอาจารย์ฝรั่งได้เงินเดือน 4-5 หมื่นน่ะ เราก็รับประกันว่าคนไทยที่เก่งอังกฤษมากๆถ้าทำงานบริษัทหรือองค์กรข้ามชาติ ก็ได้ค่าตอบแทนเดือนหนึ่ง 4-5 หมื่นเหมือนกัน (เรารู้จักคนไทยเก่งๆที่ได้เงินเดือนขนาดนี้ หรือสูงกว่านี้ เยอะมากๆ) .... อันนี้ชาลีเข้าใจค่ะ แต่อัตรา4-5หมื่นนี้ถือว่าขั้นต่ำสุด และในหนึ่งรร. ก็ไม่ได้มีแค่ครูคนเดียว...แล้วอาจารย์ต่างชาติที่born teachers มันหาไม่ได้ง่ายๆ หรอกค่ะในอัตราเงินเดือนเท่านี้ แล้วไม่ได้อยู่ห้องแอร์ในรร. สอนภาษา แต่ต้องมารบรากับเด็กเป็นสี่สิบคนต่อห้อง คุณภาพมันก็แปรผันไปตามค่าจ้างแหละค่ะ พูดกันตรงๆ ..ชาลีถึงได้เปรียบเทียบแล้วเอาเงินตรงนี้มาพัฒนาบุคลากรในประเทศมันแลดูเหมาะสมและคุ้มค่าในระยะยาวมากกว่าค่ะ ตอนนี้คนเรียนครูเยอะพอควรค่ะ ถูกล่ะว่าตั้งแต่มัธยมมาก็พื้นฐานไม่ดีแล้ว แต่ถ้าระบบปฏิรูปและมีหลักเกณฑ์ที่เข้มงวดมากกว่านี้และผลักดันให้นศ. ครู ฝึกฝนทักษะมากกว่านี้ คนที่จบไปและทงานครุก็คงมีคุณภาพในระดับหนึ่ง คราวนี้การไปอบรม/เรียนภาษาต่างประเทศสัก6 เดือน-1 ปี ก็ถือว่าทำให้อาวุธที่มีมันคมขึ้นอ้ะค่ะ ไม่ใช่มานั่งตีเหล็กกันใหม่ ไม่รู้สิคะ อาจจะเป็นคนที่ค่อนข้างเชื่อว่าคนเราอยากทำอะไร อยากเก่งแค่ไหน ก็ทำได้ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเองอ้ะค่ะ จากคุณ : kiriachalee@gmail.com (kiria chalee) เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 16:08:40

ความคิดเห็นที่ 34 เรื่องอื่นไม่ติดใจ งบ 100 ล. ถือเป็นโครงการทดลองแบบเน้นปริมาณนะ (นี่คิดแบบแง่ดีสุดๆ 555) เรื่องที่ติดใจมีเรื่องเดียวคำว่า "จางวางหร่ำ" ในความเห็นที่ 3 ชวนให้นึกถึงการอ่านเรื่องนี้ในสมัยมัธยมต้น มันทำให้เราคิดได้ว่าสักครั้งหนึ่ง อยากไปเรียนไปเอาความรู้ในต่างประเทศบ้าง :) จากคุณ : คนโง่ว์ เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 16:15:51

ความคิดเห็นที่ 35 ก่อนอื่น เอา Mrs.Pitt  ไปอบรมภาษาคนก่อน  ลากเอาเรื่องการเมืองมาด่านั่นแหละ จากคุณ : CCE9PASS เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 18:28:34

ความคิดเห็นที่ 37 .....ผมคิดว่า ทุกท่านที่ทุ่มเท ลงทุนลงแรง กับการพัฒนาความสามารถทางภาษา ทราบดีว่า . . . 1 เดือน เป็นเวลาที่น้อยเกินไป...100ล้าน แค่100คน แต่ซัก1ปี น่าจะดีกว่า . . . เป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆครับ จากนักศึกษาคนหนึ่ง เคารพทุกความคิดเห็นครับ แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 55 18:38:43 จากคุณ : Just a nice man เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 18:38:15

ความคิดเห็นที่ 38 ตกลงนี่มันกระทู้การศึกษา หรือ การเมือง? จากคุณ : โสดเสมอเมื่อเจอผู้ชาย เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 20:03:55

ความคิดเห็นที่ 39 กระทู้การศึกษา ครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองใต้ เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 22:02:26

ความคิดเห็นที่ 40 การเมืองในวงการศึกษา... จากคุณ : นอกวงการ เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 22:31:14

ความคิดเห็นที่ 41 การเรียนภาษาทุกภาษาในโลกในฐานะภาษาต่างประเทศ(สำหรับตัวผู้เรียน) มันต้องใช้เวลาในการฝึกฝน และต้องฝึกบ่อย ๆ ฝึกเยอะ ๆ ถ้าไม่ยอมฝึกฝน(ฟัง พูด อ่าน เขียน แปล) ต่อให้เมื่อก่อนเทพแค่ไหน อีกไม่เกิน 5 ปี ก็ต้องลืม และอีก 10 ปี ก็จะลืมเกือบหมด จะจำได้แค่ทักทายหรือคำพื้นฐานอื่น ๆ เพราะฉะนั้นภาษามันอยู่ที่การฝึกฝน ถ้าไม่ฝึก ก็ลืม แค่นี้เอง ผมเคยบอกไว้ในกระทู้ก่อน ๆ ที่เกี่ยวกับการศึกษาในห้องนี้แหละ ประมาณว่า "ผู้สอนควรเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองสอนอย่างถ่องแท้ก่อน ถึงจะสอนให้คนอื่นเข้าใจได้" ดังนั้นเลยไม่ค่อยเห็นด้วยกับโครงการข้างต้นสักเท่าไหร่ เพราะระยะเวลา 1 เดือนนั้นน้อยเกินไปที่จะทำให้เข้าใจในภาษาใดภาษาหนึ่งอย่างถ่องแท้ได้ และคิดว่าคงไม่ได้มีการเข้าชั้นเรียนอบรมเสริมทักษะตั้งแต่ 8 โมงเช้า จนถึง 4 โมงเย็นเป็นแน่ แต่ว่าคุณครูที่เขาจริงจัง มุ่งมัน หรือเก่งอยู่แล้วและต้องการไปเพิ่มทักษะของตัวเอง ก็น่าจะมีอยู่ แต่ก็คงไม่ทั้งหมด -------------------------- ผมว่าน่าจะเอางบไปสร้างช่องฟรีทีวีขึ้นมา 1 ช่อง แล้วฉายอะไรก็ได้ที่เป็นภาษาอังกฤษอย่างเดียวทั้งวันเลยดีกว่า คนที่ต้องการศึกษาเขาจะได้ไม่ต้องไปเสียเงินหลายร้อยจนถึงหลายพันบาท เพื่อติดตั้งมาดูช่องภาษาอังกฤษเพียงไม่กี่ช่อง แต่แถมช่องไร้สาระมาอีก 200 กว่าช่อง หรืออย่างน้อยก็เพื่อเด็กที่กำลังศึกษาอยู่จะได้ซึมซับบ้าง ถึงจะฟังไม่ออก แต่ก็ต้องมีอะไรติดอยู่ในหัวบ้างหละ แล้วสำหรับคนที่พอรู้เรื่องแล้วยังสามารถเพิ่มเติมความรู้จากช่องทางนี้ได้กันทั้งประเทศ ปล.นี่เป็นความคิดเห็นของผมคนเดียว ผมอาจจะไม่ทันเทคโนโลยีสมัยนี้(ทั้ง ๆ ที่อายุนำหน้าด้วยเลข 2 ฮ่า ๆ) ปัจจุบันอาจจะมีจานดาวเทียมติดให้ฟรีสำหรับการศึกษาแล้วก็ได้ ถ้าข้อมูลผิดพลาดยังไง ก็ช่วยแก้ไขด้วยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : ระวังแตก เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 23:03:13

ความคิดเห็นที่ 42 จาก ประสบการณ์ใกล้ตัว เมื่อเรียนจบตรี  หลังจากจบกันแล้ว มีพูดภาษาแบบว่าไม่อายฝรั่งได้ทั้งสิ้นเพียงสี่คน จากเพื่อนนักเรียนทั้งหมด สี่สิบหกคน    สี่คนนี้ไม่เป็นครู  ส่วนพวกที่เรียนไม่ค่อยได้เรื่อง ตกแล้วตกอีกในวิชาวัดความรู้ภาษา  เพื่อนที่เข้าข่ายไม่สนใจเรียนเหล่านี้ท่านเหล่านั้นพากันไปมีอาชีพเป็นครูเสียส่วนใหญ่   บอกตามตรงในฐานะเพื่อนร่วมชั้นเรียน  เคยเห็นความขยันของพวกเขาที่มีน้อยมากตอนเรียน รายงาน จ้างคนอื่นทำ  เจออาจารย์ต่างชาติ ใบ้รับประทานกระืัทันหัน  สี่ปีที่เรียนกับอาจารย์ต่างชาติ ทักษะทางภาษาเคยง่อยอย่างไร  จบมาแล้วก็ง่อยอยู่อย่างนั้น   เราก็ได้แต่สงสัยว่า จากอดีต นิสิตนักศึกษาที่คุณภาพไม่ดีเท่าที่ึควรเหล่านี้    เอาความรู้ความสามารถอะไรไปสอนนักเรียนอนาึคตของชาติ ปล  เคยได้ยินเพื่อนสมัยเรียนที่ปัจจุบันเป็นครูมัธยม สอนให้นักเรียน อ่านคำว่า elephant  = อีลาพัน  T T " ปวดตับ ปวดม้าม กับเพื่อนครูของดิชั้นจริงๆ ถ้าเวลาดูงาน อะไรเพียงหนึ่งเดือน  แล้วคิดว่ากลับมาครูเหล่านั้นจะพูดได้น้ำไหลไฟแล่บ  อันนี้เปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ     เอาครูเหล่านั้นไปลองเข้าค่ายกับคนต่างชาติที่อยูในประเทศไทยก่อนดีไหม   เวลาแค่เดือนเดียว   ถ้าดูตามนิสัยเพื่อนๆครูของดิชั้น อาจหมดไปกับการช้อปปิ้ง และหาว่าที่สามีฝรั่ง  ( อันนี้มิได้เหมาถึงครูทุกท่านนะเจ้าค๊ะ   นิสัยเพื่อนเป็นเช่นนี้จริงๆ) แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 55 23:28:52 แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 55 23:25:14 จากคุณ : Motek (Motek) เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 55 23:21:53

ความคิดเห็นที่ 43 Got money to burn?...... I'm so sick of this project....Is this an indication of the intelligent of the one in charge of the country's education? No wonder why the country is walking backward... Oh my, my,,my beloved Thailand. You won't get any out of this project only entertaining abroad. Please tell me that this is not real.... จากคุณ : Peter เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 05:42:52 A:66.80.82.30 X: TicketID:326890

ความคิดเห็นที่ 44 เรารู้จักคนไทยเป็นจำนวนมากที่เรียนภาษาอังกฤษในเมืองไทยมาโดยตลอด ไม่เคยไปเมืองนอก (ยกเว้นไปเที่่ยวแค่ไม่กี่วัน) แล้วเก่งอังกฤษมากๆ ระดับเป็นล่ามในที่ประชุมได้ (พูดอังกฤษได้คล่องและพูดชัดมากๆ) เป็นนักแปลระดับเขียนภาษาโฆษณาเป็นภาษาอังกฤษได้สวยหรูเหมือน copywriter ต้วจริงเสียงจริง คนพวกนี้เก่งเพราะขวนขวาย (เหมือนที่คุณ K.Senior พูดไว้ใน คคห 3 เลยว่าถ้าคนมันรักจะเรียนภาษาอังกฤษหละอยู่เมืองไทยมันก็เรียนได้) คนไทยที่เก่งๆภาษาอังกฤษมากๆพวกนี้ใช้ประโยชน์สื่อจากต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Internet โดยจะเสพย์ภาษาอังกฤษทั้งดูหนังฟังเพลงและอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ มาตั้งแต่เด็กๆด้วยใจรักมาโดยตลอด คนไทยเก่งๆเหล่านี้ที่เรารู้จักเป็นจำนวนมากไม่เคยมีใครที่คิดจะไปเป็นครูเลย เพราะไปทำงานบริษัทหรือองค์กรข้ามชาติที่ได้เงินเยอะๆกันหมด หรือที่รู้จักที่ไปเป็นครูก็ไปเปิดโรงเรียนกวดวิชาซึ่งได้ค่าตอบแทนสูงกว่ามากๆ ดังนั้น การปรับปรุงการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทย เราต้องคำนึงถึงคุณภาพของครู ไม่ใช่เล่นละครตบตากันในสังคม โดยการพูดว่า "พวกข้ามาเป็นครูยอมรับเงินเดือนต่ำๆเพราะเสียลละด้วยจิตและวิญญาณของความเป็นครู" ^ โม้ชัดๆ คือจริงๆแล้วเรียนไม่เก่ง ถึงต้องไปเรียนครูกัน แล้วไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในระบบการศึกษาแบบไทยๆ คนเก่งอังกฤษจริงๆไปทำงานอื่นกันหมดเพราะได้ค่าตอบแทนสูงกว่าตั้งหลายเท่า หรือถ้าจะสอนอังกฤษจริงๆ ส่วนใหญ่ก็ไปเปิดโรงเรียนกวดวิชากันทั้งนั้น   คนไม่เก่งอังกฤษมากๆระดับเรียนจบปริญญาตรีปริญญาโทกันมาแล้วก็ยังไม่เก่งอังกฤษ จะมานั่งเข็ญกันด้วยงบประมาณมากๆต่อให้ทุ่มไปหลายๆพันล้านบาทมันก็ยังเข็นไม่ขึ้นหรอก นั่นก็เพราะระบบการศึกษาไทยไม่ได้เพิ่มเงินเดือนครูเพราะครูรอบรู้ในวิชาที่ตัวเองสอนมากขึ้น หากแต่เพิ่มเงินเดือนครูตามวุฒิการศึกษา ดังนั้นครูที่ไม่เก่งอังกฤษส่วนใหญ่ก็ไปเรียนเอาปริญญาเอกด้านศึกษาศาสตร์เพื่อเอาวุฒิไปขึ้นเงินเดือน แต่ภาษาอังกฤษพวกเขาก็ยังอ่อนกว่าระดับ ม. ปลาย อยู่ดีนั่นแหละ อ่อนขนาดนี้จริงๆเท่าที่เห็นมา การเยียวยาแบบส่งไปเรียนนอก 1 เดือน โอกาสสำเร็จมันไม่มีเลย เพราะก็อย่างที่บอกแล้วนั่นแหละว่า "ถ้าจะรักเรียนอังกฤษจริงๆเรียนในเมืองไทยก็ได้" ถ้าอยากปรับปรุงการเรียนการสอนภาษาอังกฤษจริงๆ ก็สมควรเปิดโอกาสให้คนเก่งๆ ที่ไม่ได้เรียนครูมา ให้เข้ามาทำงานสอนภาษาอังกฤษ โดยยกเลิกกฎระเบียบเรื่องใบอนุญาตครู และให้เงินเดือนครูสอนภาษาอังกฤษให้มากกว่าปกติ เป็นกรณีพิเศษ ม่ายง้้น แก้ยังไงก็แก้ไม่ไหวหรอก ก็บอกแล้วไงล่ะว่าคนเก่งๆน่ะมันมีอยู่มากมาย แต่ระบบการศึกษาไทยมันปิดกั้น (ผูกขาด) ไม่ให้คนเก่งๆเข้ามาเป็นครูได้ ถ้าไม่ยอมรับความจริงในเรื่องนี้ ยิ่งหาทางแก้ก็ยิ่งยุ่ง ยิ่งแก้ก็ยิ่งปัญหาซับซ้อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหมือนๆกับที่แก้ระบบสอบเข้ามหาลัยนั่นแหละ ความงมงายระดับประเทศชาติเลยนั่นก็คือ "การปลูกฝังให้คนเรียนไม่เก่งหลงงมงายคิดว่า "ใครจะเป็นครูได้ต้องเรียนครูมา และต้องเสียสละยอมรับเงินเดือนต่ำๆ" " แนวคิดแบบนี้ทำให้ประเทศไทยต้องเปลี่ยนชื่อ จาก The land of smiles เป็น The land of lies! ^ การโกหกหลอกลวงกัน การเล่นละครตบตากันในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างภาพลักษณ์ลวงๆของครูขึ้นมาในระบบการศึกษาไทย ทำให้ประเทศไทยล้าหลังตามประเทศเพื่อนบ้านไม่ทัน จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 09:05:25

ความคิดเห็นที่ 45 ผมว่าเอาเงินนั้นมาจ้างครูฝรั่งดีกว่า โครงการประมาณ 1 โรงเรียน 1 ครูฝรั่ง น่าจะคุ้มกว่า จากคุณ : nonsaint เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 09:39:00

ความคิดเห็นที่ 46 ไม่ทำอะไร ก็ว่าไม่พัฒนาปรับปรุง ทำอะไรออกมา  ก็ว่าไม่ดี ไม่ได้เรื่อง  สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ มีแต่คนติ ไม่มีคนก่อ   แล้วมันจะพัฒนาได้อย่างไร  ประเทศสารขัณฑ์เราก็เป็นแบบนี้แหละ เซ็งเป็ดกับพวกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำจริงๆ   เฮ้อ จากคุณ : ศรีวรลักษณ์ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 12:49:22

ความคิดเห็นที่ 47 ^ ^ ^ ก็มันไม่ได้เรื่องจริงๆนี่นา ทำไมจะติไม่ได้ เราเคยทำงานที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษประกอบอาชีพมานานกว่า 20 ปี พบคนไทยที่เก่งอังกฤษมากๆมาหลายรายที่เก่งอังกฤษได้โดยไม่เคยไปเรียนต่างแดน และสมัยเราอยู่ต่างแดนเราก็เคยวัดระยะเวลาที่คนไทยในต่างแดนกว่าจะเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้จนเชี่ยวชาญ ว่ามันจะต้องใช้ระยะเวลาขนาดไหน เราถึงรู้ว่า "การส่งครูที่อ่อนอังกฤษมากๆ (ซึ่งส่วนใหญ่ต้องมาเป็นครูเพราะภาษาอังกฤษต่ำกว่าระดับมัธยมปลาย หางานอื่นดีกว่านี้แล้วไม่ได้) ไปเรียนเมืองนอก 1 เดือน มันไร้สาระสิ้นดี ไม่ได้อะไรเลย" ^ ถ้าคุณไม่เชื่อว่ามีคนเรียนภาษาอังกฤษในเมืองไทย แล้วเก่งระดับเทพ เป็นล่ามในที่ประชุมได้ พูดอังกฤษชัดแจ๋วเลย เขียนอังกฤษก็ดีเยียม เราจะนัดคุณไปเจอตัวจริงเพื่อท้าพิสูจน์ คนเก่งๆพวกนี้ไปทำงานบริษัทหรือองค์กรข้ามชาติหมด หรือถ้าเป็นครูก็เปิดสอนพิเศษ ไม่มีใครอยากไปรับเงินเดือนครูต่ำๆ มันเข้าข่ายที่ฝรั่งเขาพูดว่า If you pay peanuts, you will only attract monkeys. ถ้าคุณจ่ายเงินจิ๊บจ๊อยคุณก็จะดึงดูดแต่พวกลิงพวกค่างมา (monkeys ในที่นี้เป็นสำนวนหมายถึงคนที่แอบอ้างว่าเป็นมืออาชีพแต่แท้จริงแล้วไม่รู้จริงในอาชีพที่ตัวเองทำ) การเปิดโอกาสให้คนเก่งๆที่ไม่ได้เรียนครูและไม่มีใบอนุญาตครูได้เข้ามาทำงานสอนภาษาอังกฤษ (ถ้ายกเลิกกฎระเบียบเรื่องใบอนุญาตครูไปได้เลยก็จะดี) โดยตั้งเงินเดือนสูงให้เป็นกรณีพิเศษ เป็นข้อเสนอจากเราที่น่าจะได้รับการพิจารณา แล้วมัน "มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ" ตรงไหนกัน ลองชี้แจงหน่อยซิ จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 13:47:50

ความคิดเห็นที่ 48 ตอบคุณ nonsaint คคห 45 เรื่องจ้างครูฝรั่งก็เป็นความคิดที่ดี แต่ปัญหาก็คือ "การจัดซื้อจัดจ้าง" ในหน่วยงานไทย ซึ่งส่วนใหญ่มีการยัดเงินใต้โต๊ะกัน ถ้าโรงเรียนมีอิสระที่จะว่าจ้างครูได้เองเรื่องมันก็ง่ายขึ้น เพราะนักเรียนและผู้ปกครองจะมีสิทธิ์ให้คะแนนเสียงสนับสนุนหรือคัดค้านการว่าจ้างครูคนใดคนหนึ่ง แต่ถ้าส่วนกลางเป็นผู้ตัดสินเรื่องการว่าจ้าง คนที่มีอำนาจตัดสินใจมักจะโดน agencies (บริษัทหางาน) ยัดเงินใต้โต๊ะ เพื่อโก่งราคาค่าจ้างครูแพงๆเอาไว้ แต่ทาง agencies จะหาครูคุณภาพต่ำๆให้ เพื่อให้ agencies ทำกำไรได้่สูงสูด จะทำได้สำเร็จต้องมีระบบตรวจสอบที่มีคุณภาพ สรุปแล้วปัญหาการศึกษาไทยมันซับซ้อนมากๆ ยุ่งอีนุงตุงนังกันหมด ต้องหลายๆฝ่ายช่วยๆกัน ยกตัวอย่างเช่นครูจำนวนพันกว่าคนที่จะถูกส่งไปนอก 1 เดือนนี้ น่าจะลองจับสุ่มเอามาสัก 20 คน ให้มาพูดคุยกับฝรั่งเจ้าของภาษาออกทีวีให้คนดูทั่วประเทศไทยกัน พวกเซียนภาษาอังกฤษจะทำนายได้ทันทีเลยว่า 1 เดือนนี่ ครูพวกนี้จะได้หรือไม่ได้อะไรกลับมา! ^ นี่คือหนึ่งในตัวอย่างของ "การร่วมมือกันทุกฝ่าย" แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 55 14:00:09 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 13:58:26

ความคิดเห็นที่ 49 เข้าใจความรู้สึก คห.42 ตุลาปีที่เเล้ว รัฐบาลไทยส่งครูชาวไทยจำนวน 60 คนมาเรียนภาษาจีนที่ม.ที่เซี่ยงไฮ็เป็นเวลา 1 เดือน เราอยู่หังโจว มีเวลาว่างเลยแวะไปหาเพื่อน เจอเพื่อนแล้วตกใจ เพราะเพือนเคยได้ทุนรัฐบาลไทยไปเรียนภาษาที่เซี่ยเหมิน 1 ปี กลับไทยไปก็ไปใช้ทุนเป็นครูสอนหนังสือ แต่ภาษาจีนของเพื่อนเน่าเสียยิ่งกว่าเน่า ไอเราก็พูดอะไรไม่้ออกเพราะมันก็เพื่อนเรา พูดสื่อสารง่ายๆ ก็ยังไม่ได้ ฟังประโยคง่ายๆ ก็ไม่รู้เรื่อง แถมออกเสียงก็เพี้ยน (เพี้ยนไปไกลมาก) ตัวจีนง่ายๆ ก็อ่านไม่ได้ ไม่รู้ว่ามันไปเป็นครูได้ยังไง ที่น่าตกใจกว่าก็คือ เพื่อนได้แนะนำอาจารย์ท่านอื่นให้รู้จัก อาจารย์เหล่านั้นพูดจีนประโยคง่ายๆ ไม่ได้ ช็อคเมื่อเพื่อนบอกว่าอาจารย์เหล่านี้เดิมทีเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษมาก่อน เนื่องจากประเทศไทยตกอยู่ในสภาวะขาดแคลนครูจีน จึงได้จับเอาครูสอนภาษาอังกฤษพวกนี้ไปอบรมภาษาจีน 3 เดือน แล้วมาสอนภาษาจีนให้เด็กๆ จากวันนั้นมาเราจึงไม่เเปลกใจที่คนไทยส่วนใหญ่เรียนภาษาต่างชาติไม่ได้เรื่อง เพราะครูที่รัฐบาลจัดมาให้เป็นซะแบบนี้ จัดกันมาด้วยวิธีนี้ รีบจนลืมนึกถึงคุณภาพ เสียงบประมาณโดยใช่เหตุ ความเห็นส่วนตัวคือ อย่าเพิ่งเอาเงินไปผลาญด้วยการส่งครูไปเรียนภาษาแค่เดือนเดียวเลย มันไม่ได้อะไรนอกจากส่งคนไปเที่ยว กลับมาสมองก็ยังกลวงเหมือนเดิม เซลล์สมองไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่ประการใด ควรจัดไปแค่ 100 คนก่อน ไปกันน้อยๆ แต่ทุ่มเต็มที่ จัดให้เรียนไปต่อโทต่อเอกไปเลย 5-6 ปี เรียนกันเข้าไป ส่งกันไปเป็นปีๆ ทุนเยอะหน่อย เวลานานหน่อย แต่ได้ผลแท้จริง การศึกษาเป็นอะไรที่ต้องลงทุน ประเทศมันจะเจริญได้ถ้าคนมีการศึกษา ประเด็นสำคัญตอนนี้ที่ควรต้องเร่งรีบทำก็คือ หารัฐมนตรี ศธ.คนใหม่เข้ามารับหน้าที่แทนคนเก่า เราไม่อยากได้คนมีเขาเข้ามาทำงาน หรืออีกทางก็คือหาทุนจัดงบให้รัฐมนตรีคนนี้ไปเอาเขาบนหัวออกก่อนแล้วค่อยมาทำงานจะดีกว่า สุดท้ายนี้ เราไม่มีสีนะ กรุณาอย่ามาการเมืองกับเรา อ้อ และก็เห็นด้วยว่า ใบประกอบวิชาชีพครู มันน่าจะยกเลิกไปได้ตั้งนานแล้ว การสอน ในสมองมันต้องมีความรู้ก่อน แล้วค่อยมาฝึกวิธีการสอนเอาทีหลังก็ได้ ไม่ใช่เอาคนที่มีความรู้แค่หางอึ่งมา ต่อให้มีใบประกอบวิชาชีพครู สอนให้ตายเด็กมันก็ไม่ฉลาดหรอก สอนกันอยู่แค่นั้น เพราะครูมันได้แค่นั้น สุดท้ายของสุดท้าย ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ไม่มีการเมือง ไม่ได้ตั้งใจเขียนหลบหลู่อาชีพครูหรืออาจารย์ท่านใด ขอชี้แจงไว้ ณ ที่นี้ ขอบคุณ แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 55 16:26:41 จากคุณ : งิ้วมังกร (sweetbutter) เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 16:24:07

ความคิดเห็นที่ 50 ที่กระทู้มันมาเกี่ยวกับการเมืองได้ก็เพราะ... กระทรวงซึ่งมาจากรัฐบาลซึ่งเป็นฝ่ายอนุมัติโครงการนี้ เป็นนักการเมือง ใช่มั้ยครับ? จริงๆแล้วโครงการนี้เป็นความคิดโง่ๆของนักการเมือง ใช่ไหมครับ? แล้วด่านักการเมืองที่คิดนโยบายนี้ไม่ถูกหรือครับ? โง่ครับ..ไม่ว่ารัฐมนตรีท่านนั้นจะมาจากสีอะไร พรรคใดก็ตาม จากคุณ : ทูตซ้ายเอี้ยเซียว เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 19:07:29

ความคิดเห็นที่ 51 อบรมแบบน้ำตก. ส่งหนึ่งคนมาอบรมแล้วให้ไปอบรมครูที่เหลือเอง5555555 ไม่ รบ.ไหนเหมือนกันหมด communicative skills เด็กเข้ามหาลัยพูดได้แค่ 10% ref. bangkokpost ,weerawong2004  pentumaseng etc.  ห่วยมากมายกับเรื่อง communicative approach ในไทย revised กันอยู่นั้นแหละ จากคุณ : by iPhone (Bloodstream) เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 20:46:10

ความคิดเห็นที่ 52 ลงชื่อในกระทู้การเมือง เอ้ย การศึกษาก่อน เดี๋ยวกลับมาอ่าน จากคุณ : ปาบู่ผู้พลิ้วไหวไปกับสายลม (PaBo) เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 21:48:51

ความคิดเห็นที่ 53 หลากหลายทางความคิด น่ารับฟังมากๆครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองใต้ เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 55 21:50:19

ความคิดเห็นที่ 54 จริงๆแล้วเราเป็นพวกเสื้อแดงนะ ถึงเราสนับสนุนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่เราก็ต่อต้านนโยบายการศึกษาอันนี้ นั่นก็เพราะว่าปัญหาที่แท้จริงในระบบการศึกษาไทย ก็คือ กลุ่มอำนาจเก่าๆในกระทรวงศึกษาธิการ และความงมงายที่สืบทอดกันต่อๆกันมาหลายชั่วคนแล้ว ที่หลอกให้คนไทยหลงผิดคิดว่า "ใครจะเป็นครูต้องจบศึกษาศาสตร์มา" จนกลายเป็นการผูกขาดในหมู่คนที่จบศึกษาศาสตร์ซึ่งมาจากกลุ่มคนเรียนไม่เก่งก็เลยทำให้การเป็นครูเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญมากๆสำหรับคนที่เรียนสาขาอื่นมา ที่เก่งๆกว่า เช่นต้องไปสอบ 9 มาตรฐานวิชาครู บล๊าบๆๆ...ซึ่งเรื่องพวกนี้เราโต้วาทีกับคนที่เป็นครูในระบบผูกขาดมาจนรู้ทางหนีทีไล่หมดแล้ว ประเด็นที่จะพูดถุึงก็คือการปรับปรุงการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในระบบการศึกษาไทย เป็นภารกิจเร่งด่วน เร่งด่วนเพราะอะไร? เพราะ information explosion นั่นเอง เหลียวไปทางทิศไหนก็มีแต่สื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นที่ติดเป็นอันดับหนึ่งของโลกในเรื่องการให้ความรู้ในสาขาวิชาการต่างๆอย่างสุดแสนจะเหลือเชื่อ เวลานี้พวกอดีตเมืองขึ้นอังกฤษ ครูเขาไม่ต้องเหนื่อยแรงเตรียมการสอนแล้วหละ เขาเปิด Internet สอนเด็กกันเลย โดยเอาบทเรียนภาษาอังกฤษในวิชาต่างๆที่เด็กมัธยมต้องเรียน (ซึ่งฝรั่งทำไว้) มาสอนกัน ซึ่งหาจาก Internet ได้ครบหมดทุกวิชา! ที่มันทำได้ก็เพราะพวกอดีตเมืองขึ้นอังกฤษสอนนักเรียนเป็นภาษาอังกฤษกันมาตั้งหลายปีดีดักแล้ว  แต่ในเวลาเดียวกันพวกเราชาวไทยกำลังสับสนว่าครูชาวไทยบางทีลองสอบวิชาเด็กมัธยมกลายเป็นครูสอบตกวิชาที่ตัวเองสอน...555+++... นั่นก็หมายความว่าถ้าเราไม่พัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในระบบการศึกษาไทยให้รวดเร็ว ไทยจะล้าหลังประเทศเพื่อนบ้านมากๆในการค้นคว้าหาความรู้ด้านวิชาการต่างๆ เพราะครูจะเตรียมการเรียนการสอนวิชาอื่นๆอีกตั้งหลายวิชาการใช้ข้อมูลภาษาอังกฤษจาก Internet เป็นอาวุธสำคัญที่สุดในขณะนี้ การที่จะทำได้สำเร็จอย่างรวดเร็วม้นต้องรื้อระบบใหม่หมด ถ้าระบบการศึกษาไทยมันพลาดท่าโดยการรับสมัครครูสอนภาษาอังกฤษที่ภาษาอังกฤษครูก็แทบไม่กระดิกหูเลย การเอาครูพวกนั้นไปอบรมหนักแค่ไหน มันก็ไม่บรรลุเป้าหมายได้รวดเร็วทันการหรอก "ทางออกที่ดีที่สุดต้องเป็นการรับสมัครครูภาษาอังกฤษใหม่ที่มีความรู้ความสามารถได้มาตรฐานจริงๆมาเลย โดยการคัดเลือกจากคนที่เรียนมาด้านภาษาอังกฤษหรือคนที่เคยใช้ภาษาอังกฤษประกอบอาชีพมานานหลายปี โดยว่าจ้างพวกเขาเงินเดือนสูงกว่าปกติเพื่อเป็นแรงจูงใจ เพราะถือว่าเป็นภารกิจเร่งด่วน" ^ พอพูดถึงตรงนี้พวกเราก็ต้องทำใจกว้างๆ ยอมรับว่ากฎระเบียบเรื่องใบอนุญาตครูมันเป็นการผูกขาดกันชัดๆ และเป็นการถ่วงความเจริญของประเทศชาติอย่างแน่นอน ถ้าใครเคยเรียนหนังสือในประเทศที่เจริญแล้วจะเห็นได้ว่าครูสอนเด็กมัธยมส่วนใหญ่เขาก็เอาครูจบสาขานั้นๆมาสอน เช่นจบเอกอังกฤษก็เอามาสอนภาษาอังกฤษ จบเอกคณิตศาสตร์ก็เอามาสอนคณิตศาสตร์ ไม่มีประเทศไหนเขาจะงมงายแบบประเทศไทยที่ได้แต่ยัดเยียดความคิดผิดๆกรอกหูประชาชนชาวไทยว่า "จะเป็นครูได้ต้องจบศึกษาศาสตร์มา ม่ายงั้นไม่มีจรรยาบรรณ ไม่รู้วิธีถ่ายทอดวิชา คนเก่งวิชาอะไรถ้าไม่เรียนครูมาถึงเก่งแค่ไหนก็ถ่ายทอดไม่เป็น...บล๊าบๆๆๆ..." ^ ไม่ใช่หรอกนะ คณะศึกษาศาสตร์ผลิตคนให้ออกมาเป็นนักวิชาการด้านการศึกษาต่างหาก แต่ไม่ได้ผลิตคนให้ออกมาสอนวิชาเฉพาะทางเช่นภาษาอังกฤษหรือฟิสิกส์...ความงมงายมาหลายชั่วคนแบบนี้ (สร้างความงมงายเพื่อผูกขาดอาชีพครู เอาไว้ให้คนเรียนไม่เก่ง) นี่แหละ ที่สร้างปัญหาให้กับระบบการศึกษาไทยทั้งระบบ จนระบบมันป่วยหนักใกล้จะตายมะรอมมะร่ออยู่แล้ว นั่นก็เพราะว่าในขณะนี้บ้านเราแทบจะไม่มีครูสักคนที่สอนวิชาที่ตัวเองเชี่ยวชาญเลย ^ เหตุผลง่ายๆก็คือว่าถ้าครูเก่งวิชาที่ตัวเองสอนมากๆระดับมืออาชีพ ครูก็หนีไปทำงานเอกชน หรือเปิดสอนส่วนตัว ที่ได้เงินมากกว่าเป็นครูในระบบตั้งหลายเท่า ส่วนไอ้เรื่องที่ว่า "ยอมรับเงินเดือนน้อยเพราะมีจิตวิญญาณครู" น่ะ มันเรื่องโกหกหลอกลวงเล่นละครตบตากันทั้งเพ ...จริงๆแล้วคนไม่เก่งไปหางานอื่นไม่ได้ต่างหาก ถึงต้องจำใจมาเป็นครู ^ ถ้าครูในระบบคิดว่าเราใส่ร้าย ก็ลองทำใจกล้าๆ ลองเปิดแข่งขันเสรีดูกันสิ แล้วมาลงสนามแข่งกันเลย แข่งออกทีวีหรือผ่าน website ด้วยก็ได้ ให้รู้ดำรู้แดงกัน ให้คนทั้งประเทศชาติเห็นๆกันจะๆไปเลยว่า "คนเรียนจบเอกอังกฤษจากมหาลัยดีๆแข่งสอนภาษาอังกฤษกับคนจบศึกษาศาสตร์จากมหาลัยที่ผลิตครูมากที่สุดในประเทศไทย แล้วศิษย์ใครจะเก่งกว่ากัน เอาศิษย์มาดวลกันด้วย" ประชาชนทั่วประเทศจะได้ล้างตาให้หายสงสัยกันเสียทีว่า "จริงหรือไม่ที่คนจะเป็นครูได้ต้องจบศึกษาศาสตร์มา" และจะได้ขยี้ตาหายสงสัยกันเสียทีว่า "กฎระเบียบใบอนุญาตครูมีไว้คัดเลือกกลั่นกรองให้ได้ครูเก่งๆมีจรรยาบรรณ หรือมีไว้ช่วยครูที่สอนไม่เก่งให้ผูกขาดอาชีพครู กันแน่?" จริงๆแล้วเราท้าพิสูจน์ด้วยการทำ experiment ที่ตลกเหลือเชื่อยิ่งกว่านี้อีก โดยการท้าว่า ก็ในเมื่อคนจบศึกษาศาสตร์หรือคนมีใบอนุญาตครูโม้นักโม้หนาว่าคนจบศึกษาศาสตร์จะสอนวิชาอะไรก็ได้หมดภายใต้ดวงอาทิตย์ เราขอท้าว่างั้นสอนภาษาอังกฤษแข่งกัน พวกคุณจบศึกษาศาสตร์มาแล้วเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ก็จัดทีมกันมาสัก 20 คน เราซึ่งไม่จบอะไรมา ปริญญาสักใบก็ไม่มีขอไปเก็บคนไทยที่พำนักอาศัยในต่างแดนเกิน 10 ปี ที่ไม่มีปริญญาเหมือนกัน มาสัก 20 คน ต่างฝ่ายต่างไปฝึกอบรมศาสตร์ด้านการสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 กัน ทีมละ 6 เดือน โดยให้คนจบศึกษาศาสตร์ระดับปริญญาเอกเป็นผู้ฝึกสอนครูทีมพวกเขา แต่เราผู้ไร้ปริญญาเป็นผู้ฝึกสอนคนไทยในต่างแดน (เรามั่นใจว่าเราทำได้เพราะเราค้นคว้าตำราต่างประเทศเรื่องการสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 มาแล้วนานหลายปี เพราะความสนใจโดยเป็นการส่วนตัว ถึงแม้ว่าเราจะมีอาชีพเป็นนักแปลก็ตาม) แล้วพอครบ 6 เดือนก็ให้มาลงสนามแข่งกัน ออกทีวี และผ่าน website ให้คนดูเป็นสักขีพยานกันทั้งประเทศ จะได้หายงมงายกันสักที แต่ครูในระบบตอบโต้คำท้าเราด้วย lame logic (ตรรกะที่ป่วย) ป่วยยังไง ไปอ่าน คคห 6 (ที่เราเล่าถึงการโต้วาทีในครั้งนั้น) สิ  แล้วจะรู้ว่าครูในระบบโต้วาทีกับเราอย่างไร! มันสุดแสนจะจี้เส้นสิ้นดี...555+++... แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 55 01:32:05 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 01:23:38

ความคิดเห็นที่ 55 เอาตรงๆ ผมว่าคุณหมอดู เอนไปทางการเมืองมากขึ้นแล้วนะครับในกระทู้นี้ คือ ตลก ตรงค.ห.17 บรรทัดแรกอะครับ ที่บอกว่า คนไปฟังอภิสิทธิ์เยอะจริงหรอ ก็คนไทยที่ไม่รู้ประชาธิปไตยยังไงละ หืม??? แปลกๆนะ (ขออภัย ไม่เกี่ยวกับกระทู้เลย) จากคุณ : CaloriesBOYd เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 01:27:05

ความคิดเห็นที่ 56 ^ ^ ^ เอนไปทางการเมืองยังไง? อ่าน คคห 54 ดีๆดิ เราบอกว่าเราเป็นเสื้อแดงและสนับสนุนรัฐบาลยิ่งลักษณ์แต่เราก็ยังคัดค้านนโยบายการศึกษาของรัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่างมีเหตุผล คุณกลับไปอ่านระหว่างบรรทัดใหม่ดีๆว่าเสื้อเหลืองลากเข้าการเมืองก่อนใช่ไหม? เรายอมรับว่าเราปกป้องยิ่งลักษณ์ และแสดงการต่อต้านอภิสิทธ์ ชวน และพรรคประชาธิปัตย์ แต่เราก็ไม่สนับสนุนนโยบายการศึกษาของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่คิดจะส่งครูไปนอก 1 เดือน เพราะเราเห็นว่ามันเปลืองงบประมาณ แล้วครูก็จะไม่ได้อะไรกลับมา นอกจาก shopping เราแยกแยะประเด็นได้นะ คุณพิจารณาเราแบบเป็นธรรมหน่อยสิ แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 55 01:39:24 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 01:36:09

ความคิดเห็นที่ 57 อยากให้บ้านเรายอมรับกันเสียทีว่าระบบการศึกษาไม่ค่อยดีเนี่ย คนที่มาเป็นครู ( เพื่อนเราเป็นครูกันเยอะเลย  ต่างสาขาวิชาออกไป  แต่ส่วนมากพวกได้เกรดดีมีความสามารถก็ไปทำงานบริษัทใหญ่ๆเงินเดือนสูงๆ    เพื่อนที่เป็นครูอีกคนนึง เรียนด้านภาษามาด้วยกัน ความรู้เรื่องแกรมม่าเธอเป๊ะ จบด้วยเกรดนิยมอันดับสองนะ  แต่สนทนากับอาจารย์ต่างชาติ เธอจะลนลานปากสั่น พูดไม่รู้เรื่องทันที เหนียมอาย ไม่รายงานหน้าชั้น ยอมได้คะแนนน้อยเจ้าค่ะ แต่ที่เลือกไปเป็นครูเพราะเธอบอกว่ามันมั่นคง แถมสอนภาษา english เสียด้วย   ฮ่วย สอนในระดับมหาวิทยาลัยด้วยนะจะบอกให้ ประเทศไทยสมัยนี้น่าจะเรียนภาษา english กันมาตั้งแต่อนุบาลจนจบ ป ตรี  กี่ปีนับไปสิ  มีพูดได้แบบไม่ต้องไปเรียนพิเศษกวดวิชาเพิ่มกันกี่คน ถ้าเอาแค่ครูจากโรงเรียนและสถาบันสอนให้ คนต่างชาติที่อยากมาเป็นครูบ้านเราก็เยอะ มาอยู่ไทย สอนไปด้วย  แต่ทาง กท ก็เรื่องมากอีก ต้องมีใบอะไรมากมาย  เค้าพูดได้ ไม่อยากให้สอน อย่างน้อยก็ให้นักเรียนได้ฟัง จับสำเนียงต่างชาติ  ได้เห็นต่างชาติให้ชินจะได้ไม่อาย กล้าพูดกันมากขึ้น  แต่นี่อะไร เอาแต่ครูไทยที่พูดภาษาไม่ค่อยจะได้  แกรมม่าล่ะเก่ง เปิดจากหนังสือสอนเด็กเอา   แต่แค่มีใบ   ก็รับเป็นครูสอนแล้ว  แล้วเด็กไทยจะไปได้อะไร   เอางี้  ปสก ตรงนะ ของเราเอง   เรียนภาษาฮีบรู ในประเทศอิสราเอล   ครูผู้สอนไม่พูดภาษา  English ด้วย  พูดแบบน้อยมาก แกเล่นฮีบรูล้วนๆ ถ้าไม่เข้าใจจริงๆ ให้ดิ้นตาย แกถึงจะอธิบายให้   ระยะเวลา ห้าเดือน  ที่จริงไปเรียนแค่สามเดือนกว่าด้วยซ้ำไป    พอจบออกมา เราอ่าน เขียน ฟัง และ พูดฮีบรูได้ สื่อสารกับคนที่นี่ อ่านป้าย อ่านหนังสือออก แต่แปลได้หรือไม่ได้นั้นอันนี้ไปพัฒนาเอาอีกที  คือเอาจากพื้นฐานที่ครูเค้าสอนแค่ไม่กี่เดือนนั้นแหล่ะ ไปต่อยอดเอาเอง การสอนของครูเขา เมื่อเทียบกับการสอนจากครูไทยที่เราเคยได้ร่ำเรียนมา ( ในด้านภาษา ) มันต่างกันมากจริงๆ   การเรียนการสอนด้านภาษามันไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลย   ถ้าจับจุดได้ ผู้สอนรู้จักวิธีที่จะทำให้ผู้เรียนเข้าใจ และรู้ว่าควรเน้นที่ส่วนไหน จุดไหนไปพร้อมกัน   ไม่ใช่แบบว่า เด็กพูดภาษา english ในชั้นทุกวันมีแต่ประโยคที่ว่า   " Student stand up !" good morning ( afternoon ) teacher ! ครู   Good morning student, นักเรียน How are you? ครู       I am fine thank you and how are you? นักเรียน  I am fine .......... จากนั้นก็เปิดตำราสอนด้วยภาษาไทย เรื่อง Tense    คำนาม กริยา วิเศษณ์  อะไรก็ว่ากันไป แต่ไม่มีการเรียนเรื่องสนทนาในชีวิตประจำวัน แบบเอาตัวรอด ตอบโต้กับฝรั่งง่ายๆได้เลย  ฮ่วย เราเป็นคนชอบสอน แบบตลกโปกฮา อยากไปรับจ๊อบสอนภาษาให้เด็กไทยแบบไม่คิดเงินเลยเอ้า   แต่คงไม่มีที่ไหนรับ เพราะเรามันไม่มีใบประกอบวิชาชีพครู จากคุณ : Motek (Motek) เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 02:10:45

ความคิดเห็นที่ 58 ขอร้องละครับ ท่านผู้เจริญด้วยสติปัญญาทั้งหลาย ก่อนตอบหรือแสดงความเห็น กรุณาอ่านหัวกระทู้และเนื้อความของกระทู้ให้ถ่องแท้ และ ตอบ แสดงความเห็นของท่าน ให้เข้ากับหัวข้อ และเนื้อความของกระทู้จะได้ไหม เพื่อให้กระทู้มีทิศทางถูกต้องตามที่ จขกท เขาตั้งไว้ หรือท่านอาจอ่านทบทวนที่หน้า "ห้องสมุด" เขาเขียนชัดเจนว่า "หนังสือ วรรณศิลป์ การศึกษา ภาษา ปรัชญา" หากท่านใดเขียน แสดงความเห็นในทิศทางอื่น น่าจะ "ไม่ใช่" ห้องนี้ ไม่อายเด็ก ๆ นักเรียน นักศึกษา ที่อาจเข้ามาอ่านกระทู้ "ห้องสมุด" ด้วยคาดหวังจะได้ความรู้จากห้องนี้บ้างหรือครับ  อ่านไม่กี่กระทู้ อ้าว ท่านผู้ใหญ่ ผู้ทรงคุณวุฒิทะเลาะกันด้วยเรื่องอื่นที่ไม่ใช่สาระของห้องนี้ซะแล้ว จากคุณ : อ่านแล้วเบื่อ (กื้อ) เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 07:43:11

ความคิดเห็นที่ 59 I personally don't think that it will be useful. I talked to my American husband, he said positively that it sounds like a good project. He might want to host one because we have an extra room in our place. He also said that the selected teachers should really take advantage of this project. จากคุณ : Carry On!! เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 12:07:31

ความคิดเห็นที่ 60 fortuneteller  เราชอบเวลาคุณตอบนะ เนื้อหาเยอะดี แต่เราไม่ชอบเวลาที่คุณเหวี่ยง ...เยอะไป จากคุณ : MaybeYesMaybeNo เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 13:20:03

ความคิดเห็นที่ 61 "คนที่เก่งภาษาอังกฤษก็มีอยู่แล้วตั้งมากมายในประเทศไทยหรือไปเชิญคนไทยในต่างแดนมีเยอะแยะเลยที่เก่งอังกฤษ ทำไมไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาเข้ามาสอนภาษาอังกฤษบ้างล่ะ มัวแต่บ้ากฎระเบียบเรื่องใบอนุญาตครู" เห็นด้วยกับประโยคนี้เป็นที่สุด 1.บางคนจบเอกฟิสิกส์เกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยแนวหน้า แต่กลับสอนวิชาฟิสิกส์ในโรงเรียนไม่ได้เพราะว่าไม่ได้จบศึกษาศาสตร์มา... 2.บางคนที่จบไม่ตรงสายเช่น อาจจะจบบัญชี แต่ภาษาอังกฤษเค้าอาจจะดีกว่าคนที่จบศึกษาศาสตร์เอกอังกฤษเสียอีก 3.เพื่อนเราบางคนที่จบเอกชีววิทยา(ศึกษาศาสตร์)มาเนี่ยะ เรายังงงว่ามันมาสอนเด็กได้ยังไงความรู้พื้นฐานแบบ... 4.เราว่านอกจากระบบที่ห่วยแล้ว มาตรฐานของมหาวิทยาลัยที่ให้จบมาก็มีส่วนนะ รับเข้าไปได้ยังไง ปีนึงเป็นพันๆ จบออกมาถามอะไรก็บอก ไม่รู้ๆ จากคุณ : สิริธีรีน เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 16:52:30

ความคิดเห็นที่ 62 นโบายคอรับชั่นแบบไทยๆซึ่งมีทุกรัฐบาล+เป็นการซื้อเสียงล่วงหน้าครับ เค้าหวังแค่ให้ครู"เที่ยว"จนพอใจแล้วกลับมาบอกชุมชนให้เลือกกลับเข้าไปใหม่ก็แค่นั้นครับ ไม่ได้หวังเรื่องภาษาอังกฦษอะไรกันหรอก น่าจะมีกฏหมาย "ชี้แจงทรัพย์สินงอกผิดปกติ" ไม่ได้ จับไปตัดมือนะ ไม่รู้จะหาใบเสร็จการจ่ายเงินใต้โต๊ะกันทำไม? ทั้งๆที่ทรัพย์สินพวกมันเหล่านั้นมันคือใบเสร็จชั้นดีอยูแล้ว จากคุณ : Top27 เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 55 17:45:48

ความคิดเห็นที่ 63 ผมว่าให้กระทรวงเทงบให้คุณfortunetellerซัก50ล้านพอ ทำสื่อการสอนพร้อมสอนครูเหล่านั้นจะเวิร์คกว่าไหม จากคุณ : ก (Jamba_juice) เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 01:03:14

ความคิดเห็นที่ 64 ใครว่าไม่ดีผมว่่าดี ลองเปิดใจฟังทรรศนะผมหน่อยนะครับ "การพูดภาษาอังกฤษมันพูดได้หลายแบบ แต่ครูไทยจะสอนรูปแบบเดียว การพูดภาษาอังกฤษท้ายประโยคไม่จำเป็นต้องขึ้นสูง และไอ้พูดภาษาอังกฤษต้องดัดจริต ต่างๆนานาำ" จากที่กล่า่วข้างตน คุณครูเหล่านั้นจะได้รู้ตัวเองว่าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เรื่องและไอ้ที่พูดอยู่นั้นผิด จะได้แก้ไขหรือเป็นการดัดไม้แก่นั้นเอง แต่ไม่รู้ว่าไ่ม้แก่มันจะงอหรือเปล่า หรือจะมั่นใจในการพูดดัดจริตของตัวเองลง จากคุณ : ชอบกินหมูน้ำตก เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 03:37:46

ความคิดเห็นที่ 65 Do you have a much time to gibber a nonsense politic-related issue? No wonder why the majority of Red-shit is so suck. P.s. My skill may not be excellent, but not for my logic. จากคุณ : RedshitsR (Ggamers) เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 15:49:49

ความคิดเห็นที่ 66 ไม่แปลกใจเลยว่าการศึกษาขั้นพื้นฐานบ้านเรามันถึงเจริญลงเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆ คนรับผิดชอบ คิดนโยบายมีแต่พวกบ้าๆ บอๆ เอาเงินภาษีไปทิ้งเปล่าอีกแล้ว จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 55 21:43:24

ความคิดเห็นที่ 67 To #65: You say "P.s. My skill may not be excellent, but not for my logic." ^ What the hell does it mean? What skill are your talking about? Do you mean you use excellent or lame logic? What are you trying to tell us? Your English or your brain sucks? Before bragging how precise you logic is, read all the threads to see who started the nonsense in the first place, the yellow shirt or the red shirt people?  In doing so, you may realize that you are in fact a retard. แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 55 09:22:43 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 55 09:07:52

ความคิดเห็นที่ 68 โพยกับไม่โพย รบ. หาเรื่องเบิกเงินมาละลายเล่นอีกแล้ว ใช้เงินเป็นว่าเล่น จ้างฝรั่งเทพๆ มาสอนครูก็ได้ ไม่เห็นต้องส่งครูไปรับกิเลสที่ต่างประเทศ หาเรื่อง แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 55 12:48:55 จากคุณ : GenocidE (Likasit23) เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 55 12:47:29

ความคิดเห็นที่ 69 โอ้ว แดงโร่เลย จากคุณ : Mr.Potato Head เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 55 20:01:04

ความคิดเห็นที่ 70 ทำไมต้องเฉพาะเจาะจงให้ไปเมืองนอกด้วย ร้อยล้านนี่เอามาจัดตั้งเป็นศูนย์ติวใน กทม. ก็ได้ (เหมือนพวกตึกติว อ.อุ๊) แล้วค่อยไปคัดหาครูแต่ละภาคแต่ละจังหวัดมาเรียน เช่าโรงแรมให้อยู่ใน กทม. เอาก็ได้ แต่ก็นะ มันคงไม่ดูหรูหรา แฟนตาซี เท่าส่งไปอยู่เมืองนอกหรอก ทั้งที่ก็คอนเซปเดียวกัน แต่งบต่างกันเยอะ จากคุณ : ปูเทียมไก่ชุบ เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 55 20:33:49

ความคิดเห็นที่ 71 ฝึก กับ  อินเตอร์ เนต... จาก  dvd    cd ...ฝึกจาก คลิปก็ได้...   ที่ กระทรวง ทำ..     แจก  ทั้งครู และนักเรียน..ทั้ง ประเทศ.. ..ขอ ละ..... สนามหญ้า  ที่กระทรวง มีเยอะ...  แต่อย่ากินบ่อย.... จากคุณ : นาย หุ้น n-park (prince-npark) เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 00:03:05