ความคิดเห็นที่ 1 ภาษาจีนค่ะ เราก้กำลังจะเข้าเรียนปีหนึ่งในคณะนี้เหมือนกันค่ะ เรียงตามลำดับความสำคัญ หนึ่งก็ต้องอังกฤษอยู่แล้ว สองจีน ส่วนที่เหลือก็ลองพิจารณาดูค่ะ พี่ที่รู้จักไปทำงานที่จีน พยายามจะสอบโทอิกให้ได้เจ็ดร้อยกว่าๆ เค้ามาคุยกับแม่ แม่บอกว่าเราจะคณะเป็นอินเตอร์ พี่เค้าบอกว่าดีมาก แล้วให้เรียนภาษาจีนเพิ่มด้วย อนาคตจะรุ่งมากๆ เหมือนพี่เค้าทำงานที่จีนได้เงินเดือนประมาณหนึ่ง แต่ถ้าเก่งอังกฤษด้วยเงินเดือนจะเพิ่มขึ้นอีกสองเท่า และถ้าได้ภาษาที่สี่ที่ห้ามาอีก เงินเดือนก็จะเพิ่มไปเรื่อยๆค่ะ รวมถึงโอกาสก้าวหน้าทาง อาชีพก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นค่ะ จากคุณ : เด็กหญิงกุ๊งกิ๊ง เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 55 15:33:17

ความคิดเห็นที่ 2 ภาษาอะไรก็ได้ที่คนใ้ช้เยอะในโลก หรือภาษาที่ใช้ในสหประชาชาติ เช่น ฝรั่งเศส  รัสเซีย   สเปน    อาหรับ   นอกนั้นก็เรียนได้หมด ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น เยอรมัน โปตุเกต หรืออิตาเลียน ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณตั้งเป้าในการทำงานไว้อย่างไร จะเป็นนักการทูต จะทำสายการบิน จะเป็นเจ้าหน้าที่วิเทศสัมพันธ์ หรืออะไร จากคุณ : ปากจัดชะมัดยาด (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 55 15:45:10

ความคิดเห็นที่ 3 จบคณะนี้มา ไม่ได้รู้สึกว่าจำเป็นต้องเรียนขนาดนั้น ภาษาอังกฤษนี่ละเอาให้ได้แบบเทพๆภาษาเขียนสวยๆ ไม่ได้แค่ภาษาพูดแค่นั้น อันนั้นใครๆก็ทำได้ แต่ภาษาเขียนวิชาการนี่ละที่วัดจริงๆว่าเก่งแค่ไหน เอาภาษาอังกฤษให้ได้ระดับนี้ก่อนค่อยว่าภาษาอื่น ภาษาจีนไม่ได้สำคัญในทางทูตขนาดนั้นหรอก ทางการค้าญี่ปุ่นยังสำคัญกว่าด้วยซ้ำ ส่วนภาษาอื่นๆเรียนตามความชอบและมีเวลาว่างก็ไม่ว่ากัน แต่ไม่มีผลทางอาชีพอะไรนักหรอก เพราะเรียนในไทยไม่มีทางเก่งเท่าคนที่ไปจบสเปน อิตาลีมาแน่นอน ถ้าเก่งขนาดนี้ค่อยมีประโยชน์ การเรียนภาษาให้แตกฉานสักภาษาต้องใช้เวลานับเกือบสิบปี เอาแค่วิชาการ กับอังกฤษให้ได้ก่อน อย่าไปสนใจภาษาที่สามที่สี่มากไป มันไม่ได้สำคัญขนาดนั้น โลกทุกวันนี้ภาษาอังกฤษยังไงก็ยังครองอยู่ ถ้าประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งไม่ใช่อเมริกาค่อยว่ากันอีกที แต่ตอนนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลง ในสายวิชาความสัมพันระหว่างประเทศนี้ เป็นสายวิชาการ ไม่ใช่สายวิชาชีพ เรียนไปตกงานเยอะแยะ เพราะสายอาชีพไม่ชัดเจน ดังนั้น ภาษาที่สามที่สี่ ไม่ได้มีประโยชน์ในการขึ้นเงินเดือนแน่นอน อย่าเข้าใจอะไรผิดๆ ถึงจะเป็นสายการค้าธุรกิจก็ไม่ได้สำคัญในด้านเงินเดือนขนาดนั้น คุณจะเก่งสักกี่ภาษาแต่ถ้าเค้าไม่ได้ต้องการภาษาของคุณเค้าก็ไม่อัพเงินเดือนขนาดนั้น ส่วนตัวรู้หลายภาษา อ่านแปลเอกสารได้ แต่ไม่ได้รู้สึกว่ามีนัยยะสำคัญในอาชีพขนาดนั้น อยากให้เรียนภาษาเพราะชอบมากกว่าไปเน้นตัวเงินหรืออัพเงินเดือน เพราะมันไม่จริง จากคุณ : คิดดีๆ เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 00:10:25 A:126.209.79.227 X: TicketID:342279

ความคิดเห็นที่ 4 สมัยเรียนโลกยังเป็นสีชมพูอยู่ แต่พอออกไปเจอโลกการหางานการทำงานจริงๆแค่นั้นละ ได้รู้อะไรๆอีกเยอะเลย ว่าเข้าใจอะไรผิดไปเยอะ ถ้าคิดจะเรียนสายนี้ อย่าพูดถึงเงินเดือน หรือความก้าวหน้าทางการงานมากนัก คนที่จบสายนี้มา ถ้าไม่ได้ทำกระทรวงหรือราชการ โอกาสตกงานสูงมากกก เงินเดือนก็ต่ำ จะไปทำบริษัทเอกชนเงินเดือนสูงๆ ถามว่าจะไปทำอะไรให้องค์กรเค้า การตลาดเหรอ การเงินเหรอ หรือบัญชี ทำไม่ได้สักอย่าง หนีไม่พ้นก็เป็นแผนกบุคคล อย่าคิดว่าจบการต่างประเทศจะไปทำบริษัทเอกชนเงินเดือนสูงๆเพราะภาษาเก่งๆ ไม่จริงเลย เพราะบริษัทเค้าไม่ได้ต้องการลูกจ้างตรงนั้น เค้าต้องการคนที่เรียนจบมาตรงสายคือสายธุรกิจและเข้าใจการทำการค้าธุรกิจ ภาษาเป็นเรีองรองเท่านั้น แต่ถ้าคิดจบไปเป็นอาจารย์ ทำงานด้านวิชาการ สร้างสรรค์สังคม สายนี้ก็คงเหมาะกับคุณ เพราะศาสตร์ความสัมพันธฺระหว่างประเทศเป็นสายวิชาการไม่ใช่สายวิชาชีพเหมือนพวกหมอ วิศวะ บัญชี การตลาด จากคุณ : คิดดีๆ เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 00:21:59 A:126.209.79.227 X: TicketID:342279

ความคิดเห็นที่ 5 เห็น reply 3,4 มาตอบแล้วค่อยใจชื้นขึ้น ที่มีคนกระตุกเจ้าของกระทู้ลงมายืนบนพื้นดินแห่งความเป็นจริงได้สักที จริงๆความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนี่หางานยากมากเลยนะ ไปสอบนักการทูตนี่คิดเหรอว่าจะสอบได้ทุกคน เพราะยังต้องไปแข่งกับคนจบสาขาวิชาอื่นๆ ที่เค้าก็ภาษาอังกฤษเริ่ดไม่แพ้กัน หรือไม่ก็พวกเรียนจบป.ตรีมาจากต่างประเทศ แล้วทำกระทรวงการต่างประเทศ ความก้าวหน้าก็เหมือนกับข้าราชการทั่วๆไปในกระทรวงกรมอื่นๆ เคยเห็นคนจบป.ตรี จากรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ป.โทจาก NYU แล้วแป้กอยู่แค่ซี 6 จนหัวหงอก โดนเด็กๆรุ่นน้องๆแซงไปเป็นหัวหน้า ตัวเองยังต้องมาเข้าเวร รปภ.หน่วยงานที่กระทรวงไหม ถ้ายังไม่เคยก็พบได้ที่ กต. เหตุผลที่แป้กก็คือนายไม่ปลื้มเลยไม่โปรโมทให้ไปตำแหน่งสูงๆ การเมืองมีผลต่อความก้าวหน้าของข้าราชการพลเรือนทุกคนอยู่ดี เก่งเทพจบ Harvard Yale Stanford etc. มาจากไหนถ้าเข้ากับนาย เข้ากับนักการเมืองไม่ได้ก็ไร้อนาคตในราชการ ยิ่ง กต.นี่นักการเมืองมองเป็นกระทรวงเกรด C เสียด้วยสิ วัฒนธรรมองค์กรของ กต.ก็เจ้าขุนมูลนายไม่แพ้มหาดไทย จะไปเป็น HR ก็แข่งกับพวกบริหารรัฐกิจ รัฐประศาสนศาสตร์ หรือแม้แต่รัฐศาสตร์ สาขาสังคมวิทยาฯ ก็ไม่ได้เพราะไม่ได้เรียนการบริหารงานบุคคลมาโดยตรง(ในสายรัฐศาสตร์ เนี่ย สาขารัฐประศาสนศาสตร์/บริหารรัฐกิจ หางานง่ายที่สุดแล้ว) จากคุณ : อืม เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 15:41:21 A:58.9.146.254 X: TicketID:338978

ความคิดเห็นที่ 6 จนเดี๋ยวนี้ถ้าผมจะแนะนำเด็กม.6 สักคนที่อยากเป็นนักการทูต อยากเรียนรัฐศาสตร์ ผมจะไม่ให้เขาเข้าเรียนสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเด็ดขาด แต่จะให้เขาเข้าเรียนสาขารัฐประศาสนศาสตร์หรือบริหารรัฐกิจไปแทน และค่อยไปลงวิชาของ IR ที่เอื้ออำนวยกับการสอบเข้านักการทูตถ้าเขายังอยากเป็นนักการทูตอยู่ เป็นวิชาเลือกเสรีหรือวิชาโทไป เพราะวิชาที่ใช้สอบเข้านักการทูตมันมีแค่ไม่กี่วิชา คือ กฎหมายระหว่างประเทศ องค์การระหว่างประเทศ เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ลงเรียนเป็นวิชาเลือกเสรีจากสองในสามวิชาก็พอเพียงแล้วด้วยซ้ำ เพราะนักการทูตปฏิบัติการ มันให้เลือกทำข้อสอบสองข้อจากสามข้อ และบังคับสอบวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเท่านั้น เหตุผลที่แนะนำแบบนี้ เพราะว่านักการทูตจบรัฐศาสตร์สาขาอะไรก็สอบได้ทั้งนั้น ไม่ได้จำกัดสาขาว่าต้องจบ IR เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว สู้ให้เรียนรปศ.ดีกว่า ถ้าสอบนักการทูตไม่ติดยังพอจะเอาวุฒิทาง รปศ.ไปหางานอย่างอื่นๆทำได้กว้างกว่าวุฒิ IR จากคุณ : อืม เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 15:50:15 A:58.9.146.254 X: TicketID:338978

ความคิดเห็นที่ 7 จริงๆคิดก่อนโพสว่าจะพูดไงดี แต่เห็นความเห็นแรกเลยอยากกระตุกลงมาจากความฝัน อะไรจะอัพเงินเดือนได้ขนาดนั้น เห็นเด็กรุ่นหลังๆที่ไม่ได้รักในด้านวิชาการจริงๆ ไม่อยากให้เป็นแบบเรา เพราะชีวิตไม่ได้สวยหรูขยาดนั้น ถ้าย้อนอดีตจะไม่เรียนหรอกรัญศาสตรความสัมพันธฺ ไปเรียนการตลาด เอมบีเอ ดีกว่า นั่นหละ ของจริง กลับมาเถอะถ้าแน่จริง ภาษาแน่นๆคล่องๆ กว้างขวาง ทำงานคล่องๆนะ นายหนุนๆนะ เงินเดือนกระฉูด ไม่ต้องมานั่งเรียนไม่จบไม่สิ้น เรียนจบโทจบเอกสูงๆหัวหงอกกลับมาก็ไม่พ้นเป็นอาจารย์ ไม่ก็ราชการ ไม่ก็นักวิชาการอิสระ ไส้แห้ง เพื่อนๆตกงานเยอะแยะ สถาบันหรือโครงการปิดตัวทีก็ตกงาน จะไปทำอะไรต่อได้ละ บริษัทเอกชนเหรอ แล้วงานนักวิชาการอิสระก็หาความมั่นคงหรือความก้าวหน้าไม่ได้เลย จะขึ้นตำแหน่งสูงๆเงินเดือนเยอะๆเหมือนพวกจบการตลาดที่ซื้อตัวกันเป็นแสนๆ สายเราไม่มีนะ ไม่ตกงาน มีงานให้ทำวันๆก็บุญแล้ว พวกผู้หญิงไม่จบไปแต่งงาน ก็เปิดร้านอาหารไป ส่วนใหญ่คนมาเรียนทางนี้จะเป็นคนมีฐานะอยู่แล้ว ไม่เดือดร้อน ได้เงินเดือนเจ็ดพันแต่ขับเบนซ์มากระทรวงเยอะแยะ มีคนเคยบอกว่าสายสังคมซาตร์ทำงานได้กว้างขวาง แต่กลายเป็นว่ากว้างจนไม่มีงานทำเพราะไม่รู้อะไรจริงๆสักอย่าง สู้บัญชียังไม่ได้ นั่นอะสายวิชาชีพจจริงๆ ยังไงทุกบริษัทก็ต้องมีบัญชี หมอไม่มีตกงาน วิศวะนั่นก็ด้วย เพื่อนจบเอกสเปน อิตเลียน ตกงานเยอะแยะ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะมันไม่มีงานที่ต้องใช้ภาษาสเปน เดี๋ยวนี้ทำการค้าเค้าพูดภาษาอังกฤษได้หมดแหละ เคยทำงานกับพี่ที่จบธุรกิจมา เค้าบอกเลยใครจะมาค้าขายไม่พูดภาษาอังกฤษ ไม่ต้องขาย เสียเวลา มีคู่ค้าที่อยากทำกับเราเยอะแยะ นี่ละโลกแห่งการทำงาน ไม่ได้สวยหรูอย่างที่ฝันหรอก แต่เพื่อนที่จบเอกญี่ปุ่น ไม่เคยตกงาน เพราะญี่ปุ่นมาลงทุนบ้านเรามากมาย ล่ามโรงงานก็มากมาย นี่ละมองจากความเป็นจริง คนญี่ปุ่นเค้าไม่มาเสียเวลาเรียนภาษาไทยหรอก เค้าจ้างคนไทยเป็นล่ามนี่ละจบเลย ส่วนภาษาจีนนี่ สู้ภาษาญี่ปุ่นไม่ได้เลย ผระเทศจีนใหญ่แต่ตัว แต่ไม่มีคุณภาพ คนก็ลำบากเยอะแยะ หนีมาอยู่เมืองนอกเยอะแยะ อย่าพูดเลยว่าจะเป็นมหาอำนาจแทนอเมริกา ไม่แตกเป็นเสี่ยงๆเหมือนโซเวียตก็บุญแล้ว อนาคตถ้าแตกก็ไม่แปลกใจ ไหนจะปัญหาชนกลุ่มน้อย ไต้หวัน ทิเบต ปัญหาความเหล่อมล้ำ สิ่งแวดล้อม ถ้าจะเรียนภาษาจีนเพราะอยากไปเที่ยวเมืองจีน สั่งข้าวได้ ต่อราคาซื้อของได้ก็เรียนไปเหอะ แต่อย่าคิดว่าเก่งภาษาจีนแล้วจะได้เปรียบอะไรมากมาย เพื่อนเรียนจีนมายังต้องมาเรียนญี่ปุ่นเพิ่มเลย เพราะหางานดีๆทำไม่ได้ คนจีนก็ทำงานด้วยแล้วเหมือนตกนรก ญี่ปุ่นนี่ยังแฟร์กว่าเยอะ สรุปกลับาที่เรื่องภาษา เน้นว่าให้เรียนอังกฤษดีๆๆไปเลย มันต่อยอดได้เยอะจริงๆ ถ้ามีเวลาพออยากให้เรียนญี่ปุ่น ประเทศนี้คือตลาดการค้าอันดับสองของโลกรองจากอเทริกา และเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างแท้จริง ถ้าญี่ปุ่นไม่จมทะเลไปซะก่อน หรือถอนการลงทุนไปจากบ้านเราจริงๆ แต่คงยาก ประเทศนี้ก็ยังมีอิทธพลต่อโลกแล้วบ้านเราไปอีกนานนนนน จากคุณ : คิดดีๆ เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 21:26:36 A:126.209.171.177 X: TicketID:342279

ความคิดเห็นที่ 8 ภาษาสเปนนี่พูดเยอะในอเมริกาใต้ แต่ประเทศส่วนใหญ่ยากจน ไม่มีกำลังซื้อไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ในต่างประเทศ ยิ่งในบ้านเรายิ่งไม่มีบทบาทการค้าอะไรเลย จบมาก็ตกงานลูกเดียว จะเรียนหรือทำอะไรต้องมาภาพหรืออนาคตให้ออกให้กว้าง อย่าอยู่กับความฝัน ต้องอยู่กับความเป็นจริง ไม่งั้นสิ่งที่เรียนมาก็เสียเวลาเปล่าๆ ที่มาพูดนี่หวังดีจริงๆ เวลาเป็นสิ่งที่ย้อนกลับมาไม่ได้ เพราะเราก็พลาดมาแล้ว ทุกวันนี้เปลี่ยนอะไรไม่ได้ ก็ต้องรับชะตากรรมที่ตัวเองเลือกมา จากคุณ : คิดดีๆ เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 21:39:23 A:126.209.171.177 X: TicketID:342279

ความคิดเห็นที่ 9 อีกเรื่องที่อยากพูดคือ คนส่วนใหญ่คิดอยากเรียนภาษาสักภาษานึงจะง่ายเหมือนไปช้อปปิ้งหยิบลงตะกร้าง่ายๆ อย่างบอกไว้ข้างบนว่าการเรียนภาษาสักภาษาให้แตกฉานต้องเรียนอย่างหนัก อย่างจริงจังต่อเนื่องนับสิบปี แตกฉานในที่นี้คือฟัง พูด อ่าน เขียนอย่างคล่องแคล่ว ได้ภาษาทั้งทางการและแบบภาษาปาก ไหนจะแสลง สำนวน โวหาร สไตล์ แค่ภาษาอังกฤษเนี่ยก็หาที่แตกฉานไม่ได้ง่ายๆ บางคนพูดเก่ง แต่เขียนรายงานไม่ได้ ภาษาเขียนแย่มาก ภาษาเขียนแบบราชการ แบบธุรกิจ แบบกันเอง บางคนเขียนเก่งแต่ก็พูดไม่เก่ง บางคนอ่านหนังสือยากๆก็ไม่ได้ ภาษาวิชาการยากๆใช่ศัพท์สูงๆไม่ได้ง่ายเหมือนอ่านนิตยสารหรอกนะ นี่แค่ภาษาอังกฤษอย่างเดียวนะ บางคนที่ไม่ได้เป็นลูกครึ่ง ไม่เคยไปเรียนเมืองนอก ซึ่งก็มีไม่มากอยู่ดี ใช้เวลาครึ่งชีวิตกว่าจะไปถึงขั้นนี้ได้ จะเอาเวลาไหนไปเรียนภาษาที่สามที่สี่ คนหลายคนคิดอะไรง่ายเกินไป แม้แต่ภาษาแม่ภาษาไทยเรานี่ละ บางคนให้ไปเขียนเรียงความมายังเขียนไม่เป็นเลย และในสายวิชาการอย่างรัฐศาสตร์เนี่ยทักษะการเขียนเนี่ยสำคัญมากๆ การเรียนภาษาต่างประเทศในไทยยากมากที่จะได้ความสามารถทางภาษาที่แตกฉานได้ ต้องไปเรียนภาษาที่ประเทศนั้นๆหลายๆปีถึงจะทำได้ ไม่เชื่อก็ลองดูได้ว่าจริงไหม แล้วภาษาคือทักษะอย่างนึง เรียนมาให้มากแค่ไหน ถ้าไม่ได้ใช้บ่อยๆมันจะลืมแน่นอน ถ้าลืมก็หมายถึงเงินทอง เวลา ที่ลงทุนไปเรียนมากมายมันสูญไป จากคุณ : คิดดีๆ เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 55 22:23:26 A:126.209.171.177 X: TicketID:342279

ความคิดเห็นที่ 10 "รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม"    เพราะเมื่อยามเราต้องไม่มักไม่รู้ รู้ให้มากไม่ยากไร้ให้เชื่อครู   อนาคตเป็นของหนูเดี่ยวรู้เอง จากคุณ : ปากจัดชะมัดยาด (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 55 04:48:25

ความคิดเห็นที่ 11 "รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม" เป็นสิ่งที่ดี แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องระลึกไว้เสมอว่า "จับปลาสองมือ หรือหลายๆมือ" จะไม่ได้อะไรดีสักอย่าง และเมื่อเลือกอะไรสักอย่างแล้ว "ฝนทั่งให้เป็นเข็ม" หรือ"เข็นครกขึ้นภูเขา" ก็ต้องทำด้วยการใดๆจึงจะสำเร็จได้ เพราะเห็นแต่คนอยากได้อยากเก่ง แต่ไม่พากเพียร ก็ล้มเลิกกลางคันมาเยอะ การเรียนภาษาหลายๆภาษา ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้เวลานานมาก และต้องใช้พรสวรรค์และลูกอึดเยอะมาก เอาง่ายๆวันนึงมียี่สิยสี่ชั่วโมงทุกคน หยิบภาษานึงมาอ่าน อีกภาษาก็ไม่ได้อ่าน ถึงได้บอกว่าให้เรียนทีละอย่างๆไป ถ้าทำได้ดีแล้วค่อยทำอย่างอื่นต่อ และไม่ใช่ว่าภาษาอังกฤษดีแล้ว ก็ไม่ทบทวน ก็ลืมอีก ภาษาเรียนแล้วต้องใช่ทุกวันจึงจะเก่งและไม่ลืม ไม่ใช้แค่ิไม่กี่วันก็ฝืดแล้ว เอาง่ายๆภาษาญี่ปุ่น คุณต้องเรียนอักษรจีนนับพันๆ และแต่ละตัวมีเสียงอ่านหลายเสียง แต่ละเสัยงก็ใช้คนละความหมาย ต้องอ่านเป็นปีๆกว่าจะได้ ไม่ท่อง ไม่ใช่ ไม่เขียนแค่ไม่กี่วันก็ลืมแล้ว ไหนจะคำศัพท์แบบจีน แบบญี่ปุ่น สำนวนพูด คำลงท้ายประโยค และเรื่องอื่นๆมากมายต้องรู้ ภาษาเขียนกับพูดคนละเรื่องเลย เค้าสำรวจมาแล้วเป็นสิบปีขึ้นไปถึงจะคล่องไม่มีทางลัด ถ้าอายุเยอะแล้วไม่แนะนำให้เรียนเลย เพราะมันยากจริงๆ แต่เด็กๆความจำยังดี เริ่มเรียนเร็วๆก็ดี ภาษาอิตเลียน สเปน ฝรั่งเศส คล้ายกัน แต่สำเนียง แกรมม่า การผันกริยา ไม่เหมือนกัน ศัพท์ก็ไม่เหมือนกันหมด ต้องท่องแยก ฝากไว้ให้น้องๆหรือใครที่ผ่านมาอ่านไว้คิดละกัน เวลาในชีวิตมีจำกัด ทำอะไรก็ดูเวลาที่เรามี และความเป็นไปได้ประกอบไปด้วย ชีวิตใครก็ดีไซน์กันเองละกัน โชคดีทุกคน จากคุณ : คิดดีๆ เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 55 15:02:34 A:126.210.170.159 X: TicketID:342279

ความคิดเห็นที่ 12 ฝากถึงจขกท นิดนึง คิดว่า กระทู้คงจะวายแล้ว คงไม่ได้กลับมาพูดอีก ง่ายๆเลย จะเรียนความสัมพันธ์ ถ้าชอบในวิชานี้จริงๆ จะบอกว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับภาษาต่างประเทศเลย ภาษาเป็นแค่เครื่องมือในการค้นหาความรู้ในศาสตร์วิชาที่เรียนเท่านั้น ตั้งใจศึกษาในวิชาความสัมพัฯธ์ให้ดีๆ เพราะเมื่อคุณจบไป คุณต้องมั่นใจว่าเข้าใจในวิชาที่เรียนจริงๆจึงจะอยู่รอดในวงการวิชาการได้นาน เพราะมีคนที่จบเหมือนคุณเยอะมากในแต่ละปี ถ้าองค์ความรู้ในวิชาไม่แน่นพอ จบไปแบบไม่รู้อะไร ไปทำงานอะไรก็จะลำบาก อย่าหลงประเด็นไป หากมั่นใจว่าเราตั้งใจและเข้าใจในวิชาความสัมพัรธระหว่างประเทศระดับนึงแล้ว ค่อยเพิ่มพูนความรู้ภาษาอังกฤษให้มากขึ้น เพราะสายนี้เราต้องรับความรู้จากฝั่งตะวันตกเยอะมาก เพราะวิชาทางด้านนี้เริ่มมาจากตะวันตก อย่างยุโรป อเมริกา ดังนั้นการรู้ภาษาอังกฤษจึงสำคัญมาก เพราะถ้าไม่แม่นก็อ่านหนังสือได้ช้าและลำบาก ไม่แตก เขียนงานได้ลำบาก ไม่ละเอียด และขั้นต่อไป ถ้าคิดว่าเวลาหลังจากให้ไปกับวิชาการและภาษาอังกฤษมันเหลือว่างพอ ค่อยไปลองเลือกภาษาที่สามดู เรียนภาษาที่สามที่เราชอบเลย เพราะถ้าเราไม่ชอบมันจริงๆจะเรียนไปไม่รอด และเราต้องเรียนไปตลอดชีวิต เบื่อมันไม่ได้ ถ้าเบื่อเลิกเรียนก็เสียเวลาที่ใช้ไปเปล่าๆ อย่าไปคิดว่าเรียนภาษาที่สามแล้วจะได้เงินทองมากมายอะไรจากภาษาที่สามที่สี่อะไรมากมาย เพราะคุณไม่ได้ทำงานล่าม ถ้าจะทำล่ามจริงๆคุณต้องเรียนหนักและเก่งจริงๆ ซึ่งการจะถึงขึ้นนี้ได้ต้องใช่เวลาเป็นสิบปีแน่นอน ถ้าคุณจะไม่ได้อุทิศชีวิตกับภาษาขนาดนี้เพื่อจะไปเป็นล่าม ก็เรียนภาษาตามที่ชอบขำๆดีกว่า เป็นงานอดิเรกก็ดี แต่ถ้ารักภาษาจริงๆ แนะนำให้เข้าคณะอักษรศาสตร์ หรือมนุษยศาสตร์ภาษาโดยตรงจะดีกว่า อันนี้ภาษาจะกลายเป็นอาชีพคุณโดยตรง จะได้เงินหรือได้งานก็อยู่ที่ความสามารถทางภาษาของคุณเอง ถ้าเก่งจริงๆคุณไม่ตกงานหรอก แต่ที่ตกงานกันก็เพราะไม่เก่งเพียงพอ เพราะมันยากที่จะคล่องๆในภาษาต่างประเทศ โดยที่ไม่ได้ไปเรียนประเทศนั้นๆมาก่อน สังเกตล่ามดีๆเก่งๆสิ จบต่างประเทศทั้งนั้น ล่ามสเปนต้องจบสเปนมา ล่ามญี่ปุ่นก็ต้องจบญี่ปุ่นมา คนที่ทำงานจะแบ่งเกรดล่ามออกได้เลย ถ้าจบไทยมามันจะไม่เพียงพอกับงานล่ามยากๆ ถ้าให้เลือกภาษาที่สาม แล้วจะหางานเงินดีๆในไทย ไม่ตกงานง่ายๆ ให้เลือกภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น บอกได้คำเดียว ถ้าเลือกเข้าคณะความสัมพันธ ก็ขอต้อนรับสู่วงการวิชาการ จากคุณ : คิดดีๆ เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 55 15:52:25 A:126.210.170.159 X: TicketID:342279