|
เราจะสาธิตพฤติกรรมของคำศัพท์แต่ละตัวที่จำเป็นต้องเรียนเพื่อให้อ่านรู้เรื่อง และเพื่อให้เขียนได้ถูกต้อง กัน
ลองเอาคำว่า suggest ง่ายๆ ให้ดู แค่คำเดียว
คำว่า "suggest" เพียงแค่คำเดียวนี้ มีพฤติกรรมเฉพาะตัวอะไรบ้าง ที่ต้องจดจำกันไม่หวัดไม่ไหว หากต้องการอ่านให้รู้เรื่อง และเรียนเขียนภาษาอังกฤษให้ถูกต้องเหมือนเจ้าของภาษา
เอาตัวอย่างประโยคมาให้ดูจาก Oxford Advanced Learner's Dictionary ซึ่งเป็น esl dictionary ที่มีชื่อเสียงมาก
พฤติกรรมอันแรกของศัพท์ตัวนี้คือ [VN] คือ verb + noun นั่นเอง
May I suggest a white wine with the dish, Sir? ซึ่งก็เป็น [VN] จริงๆ นั่นก็คือ suggest = V ส่วน wine = N นั่นเอง ซึ่งในประโยคนี้ suggest แปลว่า แนะนำ
ทีนี้ดิก เขาก็ให้ตัวอย่างอีกประโยคหนึ่งคือ A solution immediately suggested itself to me (= I immediately thought of a solution. = ฉันคิดคำตอบขึ้นมาได้ทันที) อันนี้ ถ้าใครท่องศัพท์เป็นคำโดดๆว่า suggest แปลว่า แนะนำ หรือ เสนอ มาโดยตลอด ก็จะไม่มีทางเขียนประโยคให้คำว่า suggest มันมีความหมายอย่างในประโยคนี้ได้เลย
คราวนี้เรามาดูพฤติกรรมของคำนี้ต่อไป นั่นก็คือ [V (that)] คือ verb (+ that) นั่นเอง เมื่อนำ สูตร นี้ไปใช้ ก็จะแต่งประโยคได้ ดังนี้
I suggest (that) we go out to eat.
พฤติกรรมต่อไปที่ต้องจำก็คือ [V -ing] นั่นก็คือ suggest + verb-ing นั่นเอง เมื่อเขียนประโยคก็ได้แบบนี้ I suggested going in my car.
พฤติกรรมต่อไปที่ต้องจำก็คือ [VN that] เมื่อเขียนประโยคก็ได้ประมาณนี้ It has been suggested that bright children take their exams early. หรือถ้าจะเขียน แบบคนอังกฤษ ก็จะเติม should เข้าไป It has been suggested that bright children should take their exams early.
พฤติกรรมต่อไปคือ suggest somebody (for something) ลองเขียนมาก็จะได้ประมาณนี้ Who would you suggest for the job? คุณจะเสนอให้ใครทำงานนี้?
พฤติกรรมต่อไปคือ suggest something (as something) ลองเขียนมาก็จะได้ประมาณนี้ She suggested Paris as a good place for the conference.
เรามาดูพฤติกรรมแบบ [VN] กันใหม่ เช่น Can you suggest a good dictionary? คุณจะแนะนำดิกดีๆสักเล่มได้ไหม? เขียนแบบนี้ถูก
แต่ถ้าเขียนแบบนี้นะ คือ Can you suggest me a good dictionary? มันจะผิด grammar ทันที เนื่องจากว่า
พฤติกรรมเฉพาะตัว ของคำว่า suggest (ตามที่ดิกเขาอธิบายไว้นะ) นั่นก็คือว่า มันใช้ไม่ได้ในรูปแบบ suggest somebody something นั่นเอง
เป็นไง เป็นไง มึนหรือเปล่า? ถ้าคุณมึน เราก็มึนด้วยเหมือนกันน่ะ ....555++++....
พฤติกรรมต่อไปก็คือ [V wh-] คือ verb + who, what, why, when, อะไรทั้งหลายนั่นแหละ เมื่อเขียนประโยคดู จะได้ประมาณเนี้ย
Can you suggest how I might contact him? (หรือถ้าเปลี่ยน how เป็น when (ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูล wh- ก็น่าจะใช้ได้นะ แต่ถ้าดันใส่ what เข้าไปแทน ละก็ อ่านไม่รู้เรื่องไปเลย อ้ะ...!!!!)
คราวนี้ พฤติกรรม [V (that)] All the evidence suggests (that) he stole the money. หลักฐานทั้งหมด แสดงให้เห็นว่า เขาขโมยเงินไป"
คราวนี้เรามาดูพฤติกรรม [V (that)] กลายเป็นความหมายพลิกแพลงไปได้อีก Are you suggesting (that) Im lazy? คุณกำลัง "ส่อความว่า = หาว่า ฉันขี้เกียจหรือ?
เรามาดูข้อพึงระวังเรื่อง non-native speakers errors กัน อีก ตัวอย่างหนึ่ง อันนี้คัดจาก esl dictionary อีกเล่มคือ Longman Dictionary of Contemporary English
นั่นก็คือ
เขียนสรุปมาสั้นๆ ก็คือ He suggested us to go for a drink. อย่างนี้ผิด grammar คือคำศัพท์ตัวนี้ไม่มีพฤติกรรมเช่นนี้นั่นเอง
แต่ที่ถูกต้องเป็น He suggested that we go for a drink. หรือจะเขียนว่า He suggested we go for a drink. ก็ถูกต้องเหมือนกัน
What do you suggest us to do? อย่างนี้ผิด grammar คือคำศัพท์ตัวนี้ไม่มีพฤติกรรมเช่นนี้นั่นเอง
แต่ที่ถูกต้องเป็น What do you suggest we do?
I suggest to wear something warm. อย่างนี้ผิด grammar คือคำศัพท์ตัวนี้ไม่มีพฤติกรรมเช่นนี้นั่นเอง
ที่ถูกต้องเป็น I suggest wearing something warm.
คุณเห็นหรือยังว่าการสอน reading comprehension ที่ถูกวิธี จะเป็นการปูพื้นฐานสำหรับเรียน writing ได้
แต่ถ้าคนสอนเก่งมากๆ เขาสามารถสอน 2 อย่างได้พร้อมๆกัน!
ดังนั้นเวลาเราสอน reading comprehension เราจะใช้เวลาค่อนข้างมากในการสอนนักเรียนให้หัดใช้ dictionaries อังกฤษ-อังกฤษให้คล่องซะก่อน และสอน sentence structure ใน patterns ต่างๆ กับ grammar ที่จำเป็นในการใช้ตีความประโยค
เราไม่เคยมากังวลกับเรื่องเทคนิคในการทำข้อสอบเลยในระยะแรกๆ อันนี้จะสอนหลังจากเห็นแล้วว่านักเรียนได้เรียนรู้อะไรที่เป็นพื้นฐานไปมากพอแล้ว เพราะตามที่บอกไปแล้วว่า
"เราให้เวลากับการสอนเทคนิคในการทำข้อสอบน้อยมากๆ น้อยขนาดเผลอๆไม่ถึง 10% ของเวลาในการเรียนการสอนทั้งหมด"
^ เพราะอะไร? ตอบ เพราะในการสอนให้รู้พื้นฐาน นักเรียนจะ "ฝึกวิธีคิด" อย่างต่อเนื่องโดยตลอดแล้ว เนื่องจากเรียนเจาะลึกถึง sentence structure และพฤติกรรมของคำศัพท์ และ grammar ที่จำเป็นต้องรู้มาแล้ว ดังนั้น พอจับนักเรียนมานั่งอภิปรายกันเอง โดยให้ถกกันในประเด็นที่ว่า "จะจัดการกับข้อสอบแบบนั้นแบบนี้ยังไง" บ่อยครั้งที่
"อยู่ดีๆนักเรียนเกือบทุกคนต่างก็พัฒนาเทคนิคในการทำข้อสอบขึ้นมาได้เอง แล้วเอาวิธีการมาแลกเปลี่ยนกัน"
ซึ่งมันดีกว่า "พอเปิดฉากมาอาจารย์ก็กางข้อสอบ สอนวิธีทำข้อสอบเลย ทั้งๆที่นักเรียนยังไม่ได้เรียนพื้นฐานและยังไม่ได้ฝึกวิธีคิดไปตามลำดับขั้นตอน"
แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 55 11:46:37
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
21 มี.ค. 55 11:36:24
|
|
|
|
|