 |
ได้อะไรจากการเรียนปรัชญา?
ครั้งแรกที่สัมผัสกับปรัชญาก็ตอนไปนั่งกินเบียร์ที่ pub ริมแม่น้ำ Cam ในนคร Cambridge เห็นนักศึกษาจาก University of Cambridge ใส่เสื้อครุยดำๆ (เขาใส่กันแบบนั้นกันทุกวันไม่ใช่แต่จะใส่ตอนรับปริญญา) มานั่งถกกันเรื่อง philosophy แล้วเราก็ได้ยินชื่อ Plato, Socrates และ Aristotle เราก็เลยอยากฉลาดแบบพวกเขา ^ เราเห็นพวกเขาแข่งกันแสดงความคิดเห็นแบบ intellectual เราก็เลยไปซื้อตำราแนว western philosophy มาอ่าน
^ แต่อ่านๆไปแล้วอยู่มาวันหนึ่งไปดูหนังจีน ในเนื้อเรื่องพระเอกคนจีนกำลังจะดวลกับนักวรยุทธ์ญี่ปุ่น พระเอกเลยไปหายอดฝีมือเพื่อเรียนวรยุทธ์เพิ่มเติม แต่พอเห็นสำนักวรยุทธ์ที่โอ่อ่า พระเอกไม่สน กลายเป็นหันไปมองขอทานที่นอนเมาอยู่ข้างทาง แล้วเผอิญเพื่อนพระเอกไปเตะขอทาน แต่ขอทานขณะทำท่ากลัวหลบการโดนเตะต่อย พระเอก "ตาแหลม" มองรู้ว่าขอทานคนนี้เป็นยอดฝีมือแปลงร่างมา พระเอกจึงบอกให้เพื่อนเข้าไปยั่วขอทานอีก คราวนี้ขอทานเอาจริงขณะทำท่่ากลัว แต่เคลื่อนไหวตัวแบบกึ่งคนเมากึงคนบ้า แกล้งเตะต่อยและออกอาวุธอื่นออกมาเป็นชุด แบบตั้งใจอำพรางว่า "ตัวเองไม่รู้วรยุทธ์แต่บังเอิญฟลุ๊กเตะต่อยโดนเป้า" แต่โดนเพื่อนพระเอกกระเด็นล้มไปหมด ซึ่งในขณะนั้นพระเอกแอบเรียนเพลงยุทธ์วิชาหมัดเมาจากขอทานไปเรียบร้อยแล้ว
^ พอดูหนังจีนเรื่องนี้แล้วเรากลายเป็นเลื่อมใสยอดฝีมือที่ฉลาดแต่แกล้งโง่แกล้งบ้ามากกว่าเลื่อมใสพวกฝรั่งที่เป็นนักศึกษาวิชาปรัชญาที่ไปนั่ง philosophize แข่งกันเพื่ออวดภูมิปัญญากัน เราจึงเบนเข็มไปเป็นศึกษาปรัชญาเต๋าของจีนซะแทน และช่วงหลังๆเราหันมาศึกษาปรัชญาฮินดู เพราะศาสตร์ 2 อย่างนี้มีความสัมพันธ์กับการแพทย์ชั้นสูงของจีนกับอินเดีย ส่วนวิชา western philosophy ที่เหลือซากในสมองเรา มันเหลือแค่ส่วนน้อยๆของมัน คือวิชา logic เท่านั้นเอง
จากนั้นความรู้ด้านปรัชญาตะวันออกกลายเป็น "ความรู้ช่วยชีวิต" เพราะเราเรียนการแพทย์แผนจีนจากปรัชญาจีน และต่อยอดโดยการเรียนศาสตร์ของฮินดู จนเรารักษาโรคประจำตัวให้หายขาดได้ และกำลังเปลี่ยน cells สมองและร่างกายเราแบบ biological transmutation (การเปลี่ยนแปลงในเชิงชีวะแบบผ่าเหล่าผ่ากอ) ตามคำสอนในคัมภีร์โบราณ เพื่อกลับเป็นเด็กวัยรุ่นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเรากำลังทำได้ดีมากๆ เพราะยิ่งอายุมากขึ้นเรื่อยๆเรากลายเห็นหน้าตาเด็กขึ้นเรื่อยๆ และเรียนรู้อะไรใหม่ๆได้รวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ
สรุป สำหรับเราแล้ว "ปรัชญา" เป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในชีวิตเรา มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาถกกันเพื่อแสดงภูมิปัญญาว่า "ข้ารู้ปรัชญาข้าต้องเป็น intellect"
^ คือปราชญ์ตะวันออกตัวจริงเสียงจริง (ที่เราเลื่อมใสมากๆ) มักจะแกล้งบ้าหรือแกล้งโง่ เหมือนๆกับขอทานในนิยายจีนเรื่องนั้น นั่นแหละ ผู้มีวิชาสุดยอดเวลาจะรับศิษย์เอกเพื่อถ่ายทอดวิชาชั้นสูงให้มักจะทำตัวให้ต่ำต้อยไม่เป็นที่น่านับถือเพื่อให้คนตาแหลมเท่านั้นที่จะรู้ ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้วิชาชั้นสูงไปตกอยู่กับคนที่คิดตื้นๆ ซึ่งตรงกันข้ามกับติวเตอร์ดังๆสมัยนี้ที่ต้องโฆษณาว่าเรียนจบสูงๆเพื่อที่จะให้นักเรียนเลื่อมใสมากๆจะได้มาคนมาเรียนกันมากๆ
^ แนวคิดกวนๆแบบนี้ของเต๋า มันคือ paradoxes เราหลงรัก daoist paradoxes มาหลายปีแล้ว
แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 55 06:22:21
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
23 มี.ค. 55 06:17:46
|
|
|
|
 |