คุณ K.Senior แนะนำหลายครั้งให้ผู้ที่ต้องการเริ่มต้นเรียนรู้ภาษาอังกฤษ อ่านหนังสือ graded reader ขออธิบายเพิ่มเติมเล็กน้อย
Graded Reader เป็นเรื่องทั่ว ๆ ที่น่ารู้ เช่น ชีวิตและการทำงานของมาดามคูรีย์ หรือหลุยส์ ปาสเตอร์ นิทานของฝรั่ง เช่น เจ้าหญิงนิทรา สโนไวท์กับคนแคระ ซึ่งผู้อ่านจะได้ทั้งสาระและความเพลิดเพลิน
ที่น่าสนใจคือหนังสือประเภทนี้จะกำหนดศัพท์ไว้ว่าผู้อ่านควรมีความรู้ระดับใด เช่น 500 คำ หรือ 700 คำ หรือ 1,000 คำ ก็มีหลายระดับ คำใดที่สำนักพิมพ์เห็นว่าอาจยากสำหรับผู้อ่าน ก็พิมพ์เป็นตัวหนาและมีคำแปลไว้ท้ายเล่ม ผู้อ่านจะได้ไม่เสียเวลาเปิดพจนานุกรมอังกฤษ-ไทย และวัดได้ว่าตัวเองเหมาะกับหนังสือเล่มที่กำลังจะเลือกซื้อหรือไม่
หากอ่านแล้วยังยากเกินไป ก็ลดระดับจำนวนศัพท์ลงมา หากง่ายไปก็เลือกเล่มที่ยากขึ้นไปอีก อ่านหนังสือประเภทนี้ไปหลาย ๆ เล่ม จะได้ทั้งศัพท์ ไวยากรณ์ การเขียน เรียบเรียงประโยคต่าง ๆ ไปพร้อมกัน
ตอนเป็นนักเรียน อาจารย์จะให้อ่านหนังสือประเภทนี้ภาคละ 2 เล่ม ปีหนึ่งก็ 6 เล่ม เรียกว่าหนังสือนอกเวลา (ไม่ได้เรียกว่า graded reader แต่เรียกว่า ladder edition จำได้ว่าปกในจะมีรูปบันได) คือไม่สอนในชั้น แต่ออกสอบ ระหว่างภาคใครมีปัญหาก็ถามท่านอาจารย์เป็นระยะ ซึ่งเป็นการเรียนภาษาอังกฤษที่ได้ผลดี
แต่ทั้งนี้ไม่หมายความว่าอ่าน graded reader จะเก่งอังกฤษโดยเร็วชั่วข้ามวันข้ามเดือน เพราะแค่อ่านก็ต้องอ่านหลายระดับ ระดับละหลายเล่ม และการฝึกฝนด้านอื่น ๆ ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน จะใจร้อนเก่งเร็ว คงไม่ได้
โดยส่วนตัวเห็นว่า การอ่าน graded reader จะทำให้ผู้เรียนมีความรู้ภาษาอังกฤษที่แน่น และพัฒนาไปยังการเขียนซึ่งคู่กับการอ่าน คือ Import (อ่าน)เสียก่อนจึงจะ Export (เขียน) ได้ ตามสำนวนของคุณแอ๊ด ปากเกร็ด ซึ่งเป็นความจริง