ความคิดเห็นที่ 1 อย่างเราอาชีพวิศวกร ถ้าไม่จบสายตรงมาก็ทำงานยากหน่อยนะคะ แต่ถ้าเป็นช่าง หรือผู้รับเหมา ประสบการณ์มากๆ ก็อาจจะทำได้เหมือนกัน แต่คงไม่ได้ใบประกอบวิชาชีพ เพราะสอบใบประกอบ ต้องจบ วศ.บ. เท่านั้นถึงจะขอได้ แล้วตอนที่เรียน พื้นฐานเยอะมากๆ ทั้งเรื่องการคำนวณ คุณสมบัติของวัสดุ ซึ่งถ้าไม่ได้เรียนจบวิศวะ จะไม่รู้เรื่องพวกนี้ ทำงานได้เหมือนกันนะคะ แต่อาจจะไม่รู้ลึก ถ้าเป็นเคสเฉพาะ คงต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ ถ้าเคสทั่วไป สร้างบ้านสองชั้น ปกติ ผู้รับเหมาหรือช่างก็พอจะคำนวณได้จากประสบการณ์หรือความรู้เพิ่มเติมค่ะ เราคิดว่า มีหลายอาชีพที่ไม่จบสายตรงทำงานไม่ได้ เช่นหมอ พยาบาล สถาปนิก ฯลฯ จากคุณ : pRiMpRiM เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 11:04:59

ความคิดเห็นที่ 2 ในประเทศที่เจริญแล้วเขาเอาคนจบศึกษาศาสตร์ไปเป็นนักวิชาการด้านการศึกษา ไม่ใช่เอามาสอนวิชาที่ตัวเองไม่ถนัด ประเทศไทยผลิตคนจบศึกษาศาสตร์ออกมาจนล้นประเทศ ทั้งๆที่ประเทศไทยก็ไม่ต้องการนักวิชาการทางด้านการศึกษามากนัก แต่ประเทศไทยต้องการคนที่เชี่ยวชาญในสาขาวิชาเฉพาะทางต่างๆมาสอนให้นักเรียนเก่งจริงต่างหาก ธุรกิจหรืออุตสาหกรรมใดๆก็ตามถ้าไม่เปิดให้แข่งขันกันโดยเสรีมันก็จะตกต่ำลงเรื่อยๆ วิธีพิสูจน์ว่าคนเรียนครูมาจะสอนเก่งกว่าหรือไม่เก่งกว่าคนเรียนสายตรงวิชาที่จะสอน ก็ต้องให้คนเรียนครู "ทำใจกล้าๆ" มาลงสนามแข่งกัน เพื่อแก้คำครหาที่ว่า "เรียนไม่เก่งถึงต้องไปเรียนครู" ยกตัวอย่างเช่นถ้าพูดถึงวิชาฟิสิกส์กับภาษาอังกฤษ 2 วิชา ก็ต้องเอาครูสอนฟิสิกส์มาแข่งกับคนเรียนจบฟิสิกส์โดยตรง หรือครูสอนภาษาอังกฤษมาแข่งกับคนจบเอกอังกฤษโดยตรงหรือถ้าจะให้มันสะใจก็ต้องเอามาแข่งกับคนไทยอยู่ต่างประเทศนานๆโดยไม่มีปริญญา (เรามั่นใจ 1000 % ว่าคนจบครูมาแต่ไม่เคยอยู่ในสภาพแวดล้อมของการพูดอังกฤษนานๆหลายๆปี ต้องแพ้แน่ๆ) คือแข่งวิชาฟิสิกส์กับภาษาอังกฤษระหว่างคนจบครูกับคนไม่จบครู แล้วลงสนามสอนแข่งกัน แล้วเอาลูกศิษย์มาแข่งกันในแต่ละวิชา พอผลออกมา คนทั้งประเทศก็จะได้เลิกงมงายกันเสียที จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 11:05:10

ความคิดเห็นที่ 3 เรื่องวิศวกร สถาปนิก แพทย์ พวกนี้เป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ต้องมีใบอนุญาต ซึ่งก็ถูกต้องแล้ว เพราะส่วนใหญ่เป็นคนเรียนเก่งๆไปเรียนศาสตร์เฉพาะทาง จะเอาไปเทียบกับอาชีพครูที่ต้องมีใบอนุญาตผูกขาด มันไม่เข้าท่า เพราะเวลานี้ผู้คนในสังคมส่วนใหญ่รู้เรื่องการผูกขาดเพื่อปกป้องคนไม่เก่ง และกำลังจับตามองว่า "คนไปเรียนครูมาจากคนเรียนไม่เก่ง แล้วสอบเข้าเรียนอย่างอื่นที่มีอนาคตดีกว่านี้แล้วไม่ได้" ยิ่งผูกขาดอาชีพครู เด็กไทยก็ยิ่งซวย เพราะจำนวนครูที่ไม่เก่งก็จะแพร่พันธ์มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เพราะตอนนี้การผลิตครูเก่งๆประสบความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ถึงเวลาแล้วที่ต้องเปิดกว้างให้คนเก่งๆเข้ามาแย่งอาชีพนี้ทำ ด้วยค่าตอบแทนที่สูงกว่าเดิม ยิ่งปิดกันอาชีพครูประเทศไทยก็จะยิ่งล้าหลังลงทุกที เพราะเท่ากับเอาคนไม่เก่งไปสอนให้เด็กไม่เก่งออกมาเกลื่อนประเทศ แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 55 11:11:46 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 11:09:21

ความคิดเห็นที่ 4 ที่จริงแต่แรกเริ่มเดิมที ครู ไม่ใช่อาชีพที่เป็นวิชาชีพนะครับ อาชีพที่เป็นวิชาชีพในประเทศไทย มีไม่กี่อาชีพ เช่น แพทย์ พยาบาลวิชาชีพ วิศวกร(วิศวกรก็ยังแยกย่อยออกเป็นแต่ละสาขาเข้าไปอีก ไม่ใช่ วศ.บ. ทำงานได้ครอบจักรวาล) สถาปนิก นักบัญชี นักเทคนิคการแพทย์ นักกฎหมาย วิชาชีพคือ กำหนดว่าคนที่จะทำอาชีพพวกนี้ได้ จะต้องสำเร็จปริญญาตรีเท่านั้น และจะมีสภาวิชาชีพต่างๆ มากำหนดมาตรฐานวิชาชีพ จรรยามารยาทต่างๆ เหตุผลที่ต้องกำหนดวิชาชีพ เพราะว่าอาชีพพวกนี้มันเกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เช่น หมอรักษาคนไข้ไม่ดี ไม่ได้ตามมาตรฐานวิชาชีพของหมอ ก็จะผิดกติกาของหมอ อะไรแบบนี้ วิศวกรโยธาสร้างตึกแล้วตึกถล่ม ก็จะมีสภาวิชาชีพมาเล่นงานวิศวกรอีกที แต่ครูมันไม่ใช่อ่ะ จากคุณ : อืม เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 12:24:57 A:61.90.69.147 X: TicketID:338978

ความคิดเห็นที่ 5 บางคนมีความรู้และสามารถถ่ายทอดให้เด็ก ๆ เข้าใจได้ แต่ไม่ได้จบสายตรงมาก็มีมากมาย ซึ่งอาจเป็นประโยชน์กับประเทศชาติมากกว่าบางคนที่จบสายตรงแต่ถ่ายทอดความรู้ไม่เป็น คนที่คิดว่า ไม่อยากให้คนที่เรียนจบมาทางสายอื่นเข้ามาเป็นครู เพราะจะทำให้วิชาชีพตกต่ำ คงไม่ได้มองถึงประโยชน์ส่วนรวมที่คนในสังคมควรได้รับ ควรเอาเวลาไปพัฒนาตัวเองให้เก่ง ถ่ายทอดเป็น แทนที่เอาเวลามาคิดแบบนี้ อาชีพอื่น ๆ ก็ไม่ค่อยมีปัญหาหรือคิดกันแบบนี้ เพราะดูกันที่ความสามารถในการจัดการบริหารงานมากกว่า แต่ก็เป็นความเห็นส่วนตัว คนอื่นว่าไงนั้น รออ่านอยู่ ^^ แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 55 13:24:05 แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 55 13:18:27 จากคุณ : นภางค์ เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 13:15:30

ความคิดเห็นที่ 6 สอนให้หวงแหน กีดกัน คนเก่งไม่ให้มาเป็นครูหากใครเหล่านั้นไม่ได้จบสายตรงหรือคะ?? ที่อื่นปาบู่ไม่รู้นะ  แต่ที่ปาบู่เรียนมาไม่ได้สอนค่ะ เราถูกสอนให้รักษาเกียรติในความเป็นครู ครูโดยเนื้อของความเป็นครู ไม่ใช่หยิ่งในศักดิ์ศรีเพราะมีใบประกอบวิชาชีพค้ำหัว และตัวปาบู่ก็ไม่ได้หวงแหนกีดกันด้วย ในทิศทางเดียวกันก็ยังสนับสนุนให้คนเก่งๆ มาเป็นครู แต่ก็อยากสนับสนุนให้เด็กเก่งๆ เลือกมาเรียนมาเป็นครู...คือเลือกเรียนครูเป็นที่แรก ไม่ใช่เลือกเป็นทางเลือกที่แปดเก้าสิบค่ะ ซึ่งปาบู่เชื่อมั่นว่าหลักสูตรของสถาบันทั้งวิชาการและวิชาชีพมีคุณภาพ ส่งครูดีทางวิชาการไม่เป็นสองรองสายหลักสายตรงทั้งหลายแน่นอน แต่จะบอกว่า ไม่มีมูลเหตุ ที่ครูรุ่นใหม่ๆ ผู้มีใบประกอบวิชาชีพทั้งหลายจะเกิดความหวงห่วงกีดกันนี้นะคะ เพราะคนเราเนี้ย จะทำอะไรต้องมีแรงเพราะเป้นกลุ่มก้อน เป็นพลังใช่ไหมคะ อาชีพครู หนัก เหนื่อย แต่ค่าตอบแทนไม่สูง ไม่พอดีกับสภาพสังคม (เอาครูทั่วๆ ไปนะ อย่าเพิ่งไปนับถึงครูอาชีพคศ สูงๆ เพราะกว่าจะถึงตรงนั้นอายุคงไม่น้อยเท่าไหร่แล้ว) เลยต้องทำให้กลุ่มครูทั้งหลายออกมาหาอะไรยึดเหนี่ยวให้เกิดพลังต่อรอง นั่นก็คือใบศักดิ์สิทธิ์ที่ชื่อว่าใบประกอบวิชาชีพ ที่จะช่วยให้ได้เงินพิเศษบ้าง และได้ถูกยอมรรับว่ามีความสามารถ เป็นครูที่แท้จริง เหมือนมีหน้ามีตาทางสังคมขึ้นมาบ้าง เทียบเท่ากับอาชั้นสูงอื่นๆ  ดังนั้นจึงยิ่งหวงแหนพร้อมด้วยเหตุผลหลายๆ ประการ เช่น จำนวนปีต้องเรียนมากกว่า ต้องเรียนเรื่องจรรยาบรรณครูกันแทบกระอัก ต้องเรียนเรื่องการปฏิบัติตัว ต้องไปทำกิจกรรมสารพัดอาสาปลูกจิตสำนึก ฯลฯ  อารมณ์ว่าไม่อยากให้คนที่ไม่ได้ตั้งใจเรียนครูจริงๆ มาแย่งงานเขา เพราะเขาทุ่มเทมามากกว่าจริงๆ นะ แล้วถ้าใครที่ไหนมาเรียนได้ ความศักดิ์สิทธิ์ที่เราเรียนมา มันก็ศูนย์เปล่าดิ นั่นคือพลังที่ทำให้ครูรุ่นใหม่ที่เรียนหลักสูตร ห้า ปี มีใบประกอบทั้งหลายคิด หรือน่าจะคิดนะ แต่เรื่องพวกพ้องในองค์กรเส้นสายหมู่ครูระดับผู้บริหารจะเป็นแบบที่สมาชิกพันทิปคนอื่นพร่ำบอกจะเป็นอย่างไร ข้อนี้ปาบู่ไม่ทราบ และเป็นมูลเหตุมาของการกีดกันคนเก่งหรือเปล่า ปาบู่ก็ไม่ทราบอีกเช่นกัน จากคุณ : ปาบู่ผู้พลิ้วไหวไปกับสายลม (PaBo) เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 13:28:30

ความคิดเห็นที่ 7 อยากให้ทุกอาชีพมาสอนได้ค่ะ ไม่ต้องจบครู 5 ปีไรหรอก ถ้าให้แข่งกันได้ พวกเรียนครู 5 ปีดับแน่ๆ จากคุณ : caleste เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 14:16:19

ความคิดเห็นที่ 8 สมัยที่เรียนอยู่ปอ.สาม  โรงเรียนกลางใจพระนครนี่แหละ หาใช่ไกลปืนเที่ยงที่ไหนไม่ ยังจำได้ติดสมองแบบไม่เคยลืมเลือนเลยนั่นก็คือ ได้ครูประจำชั้นสาวๆที่เพิ่งจบมาจากวิทยาลัยครู (สมัยนั้นเรียกอย่างนี้)  ท่าทางไฟแรง..และตั้งอกตั้งใจสอนมาก...อีกทั้งเป็นคนที่เสียงดัง ฟังชัด.. ในการเรียนการสอนตอนหนึ่ง คุณครูได้อธิบายเรื่องน้ำตาลพื้นบ้านที่ทำมาจากต้นตาล โดยคุณครูท่านนั้นอ่านด้วยความมั่นใจว่า โต-นด...และก็อ่าน โต-นด อยู่อย่างนั้นซ้ำๆซากๆ   พวกเราเป็นเด็ก..ก็อ่านตาม..แบบว่าเด็กดีย่อมต้องเชื่อฟังครู.. จนภารโรงทนไม่ไหว..เดินเข้าไปกระซิบอะไรกับคุณครูไม่ทราบ...รู้แต่ว่า คุณครูอึกอักไปสักครู่...ก่อนที่จะกล้อมแกล้มบอกนักเรียนให้อ่าน สระโอ..ต.เต่า..น.หนู..ด.เด็ก ที่เห็นอยู่ในหนังสือใหม่ว่า....ตะโหนด (น้ำตาลโตนด)**** (**** น้ำตาลโตนด  (เครดิต วิกิพิเดีย) น้ำตาลโตนด เป็นน้ำตาลที่ได้จากต้นตาลโตนด ซึ่งในกรณีที่เป็นต้นตาลตัวผู้จะได้จากงวงตาล โดยใช้มีดตาล ปาดตรงบริเวณปลายงวง เพื่อให้น้ำตาลไหลซึมออกมา ในกรณีที่เป็นต้นตัวเมียให้ใช้ไม้คาบนวดระหว่างลูกประมาณ 3 วัน แล้วใช้มีดปาดตาลปาดตรงบริเวณปลายจั่นหรืองวง ถ้ามีน้ำตาลไหลออกมาก็แสดงว่าใช้ได้) กลับไปบ้านไปเล่าให้ป้าฟัง...ป้าถึงกับตบอกผาง..บอกว่าเป็นครูภาษาอะไรไม่รู้จักน้ำตาลโตนด...?!!! จากคุณ : WIWANDA เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 15:29:04

ความคิดเห็นที่ 9 ร.ร. ดังทางภาคใต้ ครูแก่ๆ เก่งๆ มีทั้ง อ.บ. จุฬา  มนุษศาสตร์ มช.   ม.อ.ปัตตานี ไม่ได้จบครูมาโดยตรง แต่ทำไมสอนจนลูกศิษย์ได้ไป afs ได้ทุนฝรั่งเศส หลายคน หลายรุ่น สู้เด็ก กทม.ได้        เกษียณแล้ว ผ.อ. ยังจ้างต่อ เพราะอะไรหรือ จากคุณ : นานาอาละวาด เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 15:58:53

ความคิดเห็นที่ 10 จรรยาบรรณ  อะไรนั้นผมว่าไม่เกี่ยวกันหรอกครับ  เป็นแค่เครื่องมือกีดกันเท่านั่น  ลองเอาหมอ  โปรแกรมเมอร์  หรือวิศวะมาสอน คณิต   สอน  วิทยาศาสตร์สิครับ   ผมรับประกันได้ว่าครูที่จบเอกการศึกษามาตกงานกันเป็นแถว     และถ้าเราปรับตรงนี้ได้รับประกันได้ว่าเด็กๆ  ของเราจะเก่งกว่านี้ครับ   เพราะได้คนที่เก่ง  สมองไว  และคนที่มีความเก่งเป็นพื้นฐาน  ผมคิดว่าถึงแม้เค้าจะไม่ได้เรียนรู้เรื่องวิธีการสอน  วิธีการทำแผนการสอน  แต่ผมคิดว่าคนเหล่านั้นสามารถที่จะเรียนรู้ได้ในระยะเวลาไม่นานนัก   และอย่ามาอ้างเรื่องจรรยาบรรณที่ต้องลงเรียน   จรรยาบรรณนี้ใครๆ  ก็หาอ่านได้  แต่การกระทำนี้มันอยู่ที่ตัวบุคคล  .. จากคุณ : fenics128 เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 16:42:18

ความคิดเห็นที่ 11 ตั้งโจทย์กระทู้กันแบบนี้ เดี๋ยวก็ได้เรื่องยาวกันอีกหรอกนะ ..ก็เพิ่งลงจากกระทู้แนะนำไปเมื่อเร็วๆนี้ไม่ใช่เหรอ..  เดี๋ยวก็มีพวกคุณ...ฯลฯ ออกมาบอกว่า.. ครูจาก วค.เท่านั้นบนแผ่นดินนี้ที่มีสิทธิจะได้เป็นครู ลองไปค้นกระทู้เก่าๆดูนะครับ...  ผมละ ชักจะเอือม..ระอา..แต่ก็อดไม่ได้สักที..เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลต่อลูกหลานเรา.. จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 17:09:13

ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อก่อน ก็ไม่เรียกว่าเป็น"วิชาชีพ..." ไม่นานมานี่เอง ครูเอาคำว่า วิชาชีพ มานำหน้าให้มันคือๆหน่อย เพื่อเรื่องของ รายได้ เหมือน เหมือนพวกหมอ พวกวิดวะ แต่ปีนี้ผลโอเน็ตก็ออกแล้วนะ เป็นไง ก็อย่างที่ได้รู้ ได้เห็นนั่นแล. จากคุณ : สิงโตยนต์ เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 17:15:48

ความคิดเห็นที่ 13 คุณ สุดเดียวดายครับ ผมก็ไม่อยากจะดราม่าหรอกครับ แต่ผมอยากรู้ความคิดเห็นของบุคคลในวิชาชีพอื่นน่ะครับ โดยพื้นฐาน ผมไม่ค่อยแปลกใจ ที่คนเรียนครู 5 ปีจะคิดแบบนี้ เพราะถูกปลูกฝังความคิดมาตลอด 5 ปี เมื่อมาทำงานก็นับกันที่อาวุโสมากกว่า ไม่สนใจแล้วล่ะว่าใครจบตรง หรือจบอ้อม จะมีความเห็นต่างกันบ้าง ก็ในเว็บบอร์ดต่างๆเนี่ยแหละครับ จากคุณ : ICBM เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 18:34:20

ความคิดเห็นที่ 14 ฝาก link เก่าๆมาให้ท่านทั้งหลายได้อ่านครับ.. http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2011/05/K10610756/K10610756.html http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2011/04/K10456532/K10456532.html จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 18:41:50

ความคิดเห็นที่ 15 คิดเหมือนหลายท่านว่า ความจริงคณะครุฯ/ศึกษาฯ ควรจะปรับบทบาทตัวเอง หันมาเน้นการผลิตบุคลากรสนับสนุนด้านการศึกษา เช่น ผู้บริหารด้านการศึกษา ครูแนะแนว ครูบรรณารักษ์ หรือฝ่ายเทคโนโลยีทางการศึกษา ฯลฯ และก็ทำหน้าที่อบรมด้านเทคนิคการสอนให้กับนิสิตนักศึกษาคณะอื่น หรือบุคคลภายนอกที่จบคณะอื่นแล้วต้องการเป็นครูแทนได้แล้ว จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 19:41:39

ความคิดเห็นที่ 16 คห*15 เป็นความคิดที่ดี เห็นด้วยกับ*4 จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 23:28:08

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่รู้สิครับว่าเขาสอนว่าไง  เผอิญจบวิทย์เอก "ฟิสิกส์"   ไม่ได้เรียนศึกษาศาสตร์หรือครุศาสตร์มา  ผมต้องไปแข่งกับพวกศึกษาศาสตร์ครุสาสตร์อีกไหม  ถึงจะพอใจ 555 แล้วตอนปี 53 ก็เผอิญฟลุ๊คสอบติด "ข้าราชการครู" ของ สพฐ. นะไม่ใช่ อบจ. "ทั้งๆที่ยังไม่มีใบประกอบวิชาชีพ"   หนังสือก็ไม่อ่าน  แถมต้องทำข้อสอบให้ได้"ลำดับท้ายๆ" ถ่วงเวลาไว้เพราะใบประกอบยังไม่มี อยู่ในระหว่างดำเนินการ  สงสัยผู้เข้าสอบคงมีแต่คนโง่มั้ง  ผมถึงสอบติด ดูถูกกันเข้าไปครับพ่อคนฉลาด  เขตนนทบุรีที่ผมไปสอบคนที่ได้ที่ 1 ก็เด็กจบใหม่ ครุศาสตร์จุฬาซะด้วย   คงจะโง่กันมากมายเน้อ พวกที่เป็นครูที่เรียนสายตรงเนี่ย เห็นด้วยเรื่องการกีดกันคนเก่งสายอื่นเข้ามาเป็นครู  เพราะผมกว่าจะเข้ามาได้ก็ยาก เอ...ไม่ยากเท่าไรหรอกครับ  เพราะผม"ตั้งใจ"จะเข้ามาเป็น"ครู"จริงๆ แต่ถ้าคนบางคนไม่เปลี่ยนทัศนคติที่ตัวเองวิเศษ เก่งเลิศเลอ  แต่หาใบประกอบฯไม่ได้  แล้วมาเสี่ยมทุกกระทู้แบบนี้  เอา"เวลา"ไปหาใบประกอบไหม  เก่งอยู่แล้วนี่  แค่สอบ9มาตรฐานให้ผ่านหมด  แล้วไปสอนในสถานศึกษาจริงๆแค่ปีเดียว  ไม่ต้องเสียเวลามาบ่นน้ำลายบนบอร์ดให้เสียเวลาหรอกครับ   เข้ามาเลยครับ  วงการการศึกษาอยากได้คนเก่งอยู่แล้ว  มันคงไม่ยากนักหรอก  เพราะ"โง่ๆ"อย่างผมยังสอบเข้ามาได้เลย  เข้ามาช่วยกันพัฒนาการศึกษากันนะครับ จากคุณ : ก็แค่ครูโง่ๆคนหนึ่ง (รัตนลาวัณย์) เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 23:55:14

ความคิดเห็นที่ 18 เอ่อ ทำไมต้องคิดว่าคนเรียนครุ มีความรู้น้อยกว่าคนที่จบสายตรงกว่าสาขาอื่นๆล่ะคะ จากคุณ : Idiot Linguist เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 17:52:07

ความคิดเห็นที่ 19 งานนี้ มันผิดที่คนออกกฏข้อนี้ขึ้นมา . . . อยากเป็นครูจริง ต้องเรียนคณะนี้เท่านั้น . . . จบ 5 ปี สอบบรรจุได้เลย อื่นๆ บลาๆๆๆ แต่เงินเดือน ลักษณะการทำงาน มันโหดร้ายเกินไป จนหลายๆ คนเบนไปคณะอื่นที่ดูมั่นคงกว่า ทำให้เกณฑ์คะแนนครูดูน้อยลงไป สรุป คนออกกฏผิด แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 55 03:14:29 จากคุณ : nomsod เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 55 03:12:31

ความคิดเห็นที่ 20 แต่ทุกวันนี้ ตั้งแต่ออกกฏนี้มา คนก็ยื่นสมัครเรียนครูมากขึ้นนะครับ จะว่าไม่ได้ผลเลยก็ไม่เชิง เพราะหลายปีมานี้ คณะครุศาสตร์จุฬาฯ มีคนยื่นเข้ามาเป็นอันดับ 1 ของประเทศตลอด เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่ไม่ติดอันดับเลย จากคุณ : Okanail เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 22:11:58

ความคิดเห็นที่ 21 โอ คุณ okanail... นานเลยไม่ได้สังสรร.. ข้อแรก..ที่บอกว่านักเรียนเลือกคณะครุศาสตร์จุฬา มาเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ..คุณลงไปลึกด้วยไหมว่า คนที่เลือกนะ คะแนนเป็นอันดับหนึ่งของประเทศหรือป่าวครับ.. หรือคุณเข้าใจว่า..เดี๋ยวนี้ คนเก่งๆ เขาเลือกคณะครุศาสตร์จุฬาฯ กันหมดแล้ว แทนที่จะเป็น หมอ ทันตะ เภสัช วิทยา วิศวะ สถาปัตย์ อักษรฯ นิเทศ นิติ..ฯลฯ เหรอครับเนี่ย.จึงได้คิดว่ามาถูกทางแล้วที่คนเลือกครุศาสตร์มากกว่า.???   ปริมาณคนเลือก หรือคุณภาพคนเลือกคณะครุ..ครับเนี่ย..คนเลือกมาก ไม่ได้หมายความว่า..จะได้คุณภาพมากขึ้น..ถูกไหมครับ.แล้วตรวจสอบดูหรือป่าวว่า คนไปเลือกเรียนที่ ราด-ชะ-พัด นะคะแนนสูงขึ้นไหมครับ?? .. คคห.ที่ 17 ครับ ถ้าอยากจะรู้ว่า ใครฉลาดกว่า เก่งกว่า..เขาสมกับที่คุยว่าฉลาดกว่าคนจบ วค.เมื่อก่อน จริงหรือไม่ ..ก็ง่ายๆ ..พิสูจน์กันได้เลย..โดยการ "เปิด เสรี สอบแข่งกันเลยซิครับ.. ใครแน่จริง เจ๋งจริง ฉลาด มีความรู้กว่าจริง สมราคาคุย ก็สอบได้คะแนนดีกว่า เอากันตรงๆ  FREE AND FAIR.. หรือ เปิดกว้างอย่างโปร่งใสไปเลยซิครับ.ไม่ต้องมาจำกัดสิทธิเขาเสียตั้งแต่ต้น.คนเก่งยังไม่มีสิทธิเข้าสอบเสียก่อนแล้ว..    แล้วคุณจะรู้ได้เลยว่า ใครฉลาด ดีกว่ากัน... แต่ผมดูถูกหรือปรามาส.ได้เลยครับ..."ไม่กล้ากันหรอก...เพราะจะแพ้เขาหมด       ชอบกันแบบ ลับๆ ล่อๆ ปิดกั้น สร้างเงื่อนไขสิ่งกีดขวางกัน แกล้งกันอย่างนี้..มันส์กว่าใช่ไหมครับ..   อ่านความเห็นของครูคนหนึ่งประกอบดีกว่าน้อ" ....ผลเป็นไง วิชาชีพครู ไม่ใช่วิชาที่คนเก่ง ๆ เลือก หรือตั้งเข็มไปเรียน เพราะมันคือส้มในลัง จะหยิบเมื่อไรก็ได้ -ในเมื่อคนเก่งไม่เลือก มันก็เหลือให้คนไม่สามารถแข่งกับใครได้ คนเรียนครู จบแล้วต้องมาแข่งขันกันเอง แย่งตำแหน่งที่มันมีให้นิดเดียว จึงต้องออกกฎขึ้นมา..." จบ. คนเก่งนั้น เรื่องการสอบ ๙ ชุดวิชา นั้นเขาไม่ยั่นหรอกครับ..คนเรียนอ่อนมากๆยังเรียนได้ ทำไมเขาจะเรียนหรือสอบไม่ได้ แต่มันน่ารำคาญตรงไปฝึกสอนตามไหนก็ไม่รู้นี่แหละครับ..มันเหมือนผักชีเสียมากกว่า.. อ้อ ฝากคุณ okanail ช่วยดูเรื่องเงินค่าวุฒิ ของ คศ.๓ ให้หน่อยครับ น้องๆผม บ่นว่าได้มาปีกว่าแล้ว ยังไม่ตกเบิกให้เลย..แถวนั้น(จังหวัดทางภาคกลาง)ก่อนหน้าน้องเขา เกือบสองปีแล้ว.ก็ยังไม่ได้..ถามๆกันแล้วก็บอกว่า..ยังไม่มีเงิน..กำลังเปลี่ยนแปลงอยู่ ..สรุปคือ ให้ค่าวุฒิ กันจนไม่มีเงินกันแล้ว..ต่อไปเงินของกระทรวงศึกษาฯทั้งหมดคงเป็นค่าเงินเดือนและค่าวุฒินี่ทั้งหมดแน่นอนครับ.ลองดูคลิปทีวี..รายการตรงประเด็นเก่านั้น..ด้วยนะครับท่าน okanail และก็ตรงนี้ก็น่าสนใจครับ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K11779662/K11779662.html แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 55 07:16:41 จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 23:40:14

ความคิดเห็นที่ 22 อยากเป็นครูแต่ไม่อยากเรียนครู จบสาขาอื่นแต่ไม่อยากทำตามข้อกำหนดที่เขาวางไว้ว่า ถ้าจบสาขาอื่นที่ไม่ตรง ต้องทำยังบ้าง ถึงจะเป็นครูได้   มันแปลกๆนะ อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง อยู่ในสังคมเขามีกติกาข้อตกลงกัน อีกอย่างเขาไม่ได้ห้ามว่าจบสาขาอื่นไม่ให้เป็นครู แต่เขามีข้อตกลงและระเบียบให้คุณปฏิบัติและเมื่อคุณทำตามข้อตกลงที่ว่าไว้แล้วผ่าน มันจะไปมีปัญหาอะไร แต่ที่พูดๆบ่นๆกันอยู่เนี้ย ได้ลองทำตามที่เขามีช่องทางให้หรือยัง หรือว่าจะเอาแต่ช่องทางที่ตนเองคิด ไม่มีอะไรได้ดังใจเราทุกอย่างหรอก  ตัวเราเองยังต้องกลับมาเรียน ป. ตรีอีกใบเลย ( มีอีกหลายวิธีไม่จำเป็นต้องมาเรียนใหม่ 5 ปีก็มี ปีสองปียอมเสียบ้างเถอะ ) บ่นอย่างเดียวไม่ลงมือก็ไม่ได้นะจ๊ะ จากคุณ : Md.Ok เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 08:19:50

ความคิดเห็นที่ 23 ถึงคุณสุดเดียวดายครับ  ติดใจประโยคนี้มากเลย "แต่มันน่ารำคาญตรงไปฝึกสอนตามไหนก็ไม่รู้นี่แหละครับ..มันเหมือนผักชีเสียมากกว่า.. " ถ้ามันน่ารำคาญนัก จะเป็นครูทำไมครับ   เพื่อนผมจบวิศวะ มธ. มา  ไปเป็นครูอัตราจ้างได้แค่ 3 เดือน  เพราะสอนเด็กประถมไม่ได้   นี่ไงครับ เก่ง แต่สอนไม่ได้  กะไอแค่ฝึกสอนปีเดียว  มันยากตรงไหนครับ จากคุณ : รัตนลาวัณย์ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 09:16:48

ความคิดเห็นที่ 24 มีคนที่ไปอบรมฯการฝึกสอนก็เล่าต่อๆกันนะครับว่า .. ลงเวลาไปฝึกกัน แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ค่อยได้ฝึก..เหมือนทำๆให้มันครบ..ก็คงรู้ๆกันทั้งนั้น..    ตั้งขึ้นมาเพื่อให้มันดูเท่ห์และกีดขวาง obstruction ซึ่งมี hidden proposal ก็เท่านั้น การฝึกสอน.แล้วคนรุ่นก่อนๆ สมัยก่อนออกกฎหมายนี่ เขามีกันมากมายขนาดนี้ไหมครับ. ก็เพิ่งมาคิดเมื่อไม่กี่ปีนี้..ฝึกสอนกันเข้าไปจนเด็กอ่านหนังสือไม่ออกกันไปทั่วประเทศเข้าไปแล้วนะครับ..   เมื่อก่อน ทำไมเขาจึงออกมาสอนเป็นครูกันได้..สอนดีกว่าเดี๋ยวนี้เสียอีก การยกตัวอย่างเป็นรายย่อย แค่เป็นคนๆ มันก็จะยกได้ตลอด. แต่จะมาหักล้างหลักการมันจะเข้าประเด็น ที่บางท่านใช้คำว่า lame logic นะท่านนะ จากคุณ : สุดเดียวดาย เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 09:58:46

ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อก่อนกับเดี๋ยวนี้มันไม่เหมือนกันนะครับ เทคโนโนยีเข้ามาในชีวิตเด็กมากขึ้น   เมื่อก่อนเด็กๆไม่มีอะไรทำ อย่างน้อยก็ได้อ่านหนังสือ เดี๋ยวนี้ โลกมันเปลี่ยน กลับมาจากโรงเรียนเด็กก็เล่นเกม  เล่นface  สื่อลามกอนาจารเข้าง่ายออกง่าย   ติดต่อสื่อสารกันสบาย  คุยข้ามวัน แล้วมันจะเอาเวลาไหนไปอ่านหนังสือ ทำการบ้าน   จะมาโทษครูว่า"โง่"อย่างเดียวไม่ได้หรอก  ตัวเด็กเองพร้อมที่เก่งเองหรือเปล่า บางอย่างผมก็เห็นด้วยกับคุณสุดเดียวดายนะ   แล้วพอผมยกตัวอย่างมาว่าเพื่อนผมเก่งแต่สอนไม่ได้เพราะไม่ได้เรียนสายครูมาก็หาว่าเป็นการยกตัวอย่างรายย่อยๆอีก ผมรับฟัง พร้อมปรับและเปลี่ยนทัศนคติอยู่ตลอดเวลา  เพราะคนบางคนชอบว่าผมตรรกะป่วย  ทั้งๆที่ตัวเองไม่เคยเปลี่ยนทัศนคติ ยึดมั่น ถือมั่น ว่าตนเองถูกเสมอ จากคุณ : รัตนลาวัณย์ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 12:15:18