|  | 
สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ได้อยู่ที่เทคนิคการทำข้อสอบ แต่มันอยู่ที่วิธีการเรียนการสอนภาษาอังกฤษต่างหาก =====================================================================
 
 นักเรียนที่ฟังครูหรือติวเตอร์สอนโดยการบรรยายเรื่อง grammar เป็นภาษาไทยนานๆ แล้วนักเรียนจดยิกๆๆๆๆ แบบนี้เรียกว่า passive learning นักเรียนจะขาด "ประสาทสัมผัส" ที่ใช้ในการฟังและโต้ตอบแบบ interactively จนในที่สุดนักเรียนจะพูดหรือเขียนภาษาอังกฤษแบบ "ชักกระตุก" หรือพูดเขียนผิดหมดทั้งๆที่รู้ grammar
 
 นักเรียนที่ฟังครูครูหรือติวเตอร์สอนโดยการบรรยายเรื่อง reading comprehension เป็นภาษาไทยนานๆ แล้วครูให้นักเรียนจดคำแปลศัพท์เป็นภาษาไทย จดยิกๆๆๆๆ แบบนี้ก็เรียกว่า passive learning นักเรียนจะขาด "ประสาทสัมผัส" เวลาอ่านภาษาอังกฤษเพื่อการตีความหรือเพื่อ infer อะไรบางอย่าง จะอ่านช้าและใช้เหตุผลช้ามากๆ  เพราะยังต้องคิดเป็นภาษาไทย
 
 การสอน grammar กับ reading comprehension แบบ 2 วิธีข้างบนนำไปสู่อาการชักกระตุกเวลาเรียน writing ต่อให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด grammar เป็นข้อๆถูก แต่นักเรียนจะเขียนภาษาอังกฤษผิดธรรมชาติแบบเยียวยายากมากๆ
 
 วิธีสอนที่ดีที่สุดก็คือเอาเสียงฝรั่งเจ้าของภาษา (ตัดต่อมาจาก audios หรือ videos การสอนภาษาอังกฤษหรือจากหนังฝรั่ง หรือจากบันทึกการบรรยาย หรือสัมภาษณ์อะไรก็ได้) ให้นักเรียนหัดฟังแล้วหัดพูดตาม (ต่อให้ครูเป็นฝรั่งก็ต้องใช้เสียงฝรั่งคนอื่น เพราะไม่ต้องการให้นักเรียนชินกับสำเนียงครูแต่คนเดียว) แล้วให้นักเรียนหัดเอาประโยคพวกนั้นไปพูดใหม่พลิกแพลงกลับไปกลับมา นี่คือการสอน grammar ด้วย conversation ซึ่งในกระบวนการนี้จะมีการสอนวิชา phonetics (ภาคปฏิบัติ โดยครูจะตัดพวก technical terms ยากๆ ออกไป ไม่ให้นักเรียนเวียนหัว) เพื่อให้นักเรียนออกเสียงถูกต้อง และมีทักษะการฟังที่ดี
 
 เมื่อนักเรียนสามารถโต้ตอบกับครูเป็นภาษาอังกฤษได้ในระดับหนึ่ง ครูก็เริ่มสอน reading comprehension โดยถ้าครูเป็นคนไทย อาจอธิบายศัพท์เป็นภาษาไทย เพื่อความรวดเร็ว แต่ต้องพยายามให้นักเรียนจดแต่ศัพท์กับตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษหลายๆตัวอย่างต่อคำศัพท์ แต่ละคำ โดยไม่จดคำแปลของคำศัพท์เป็นภาษาไทยเลย จากนั้นครูต้องเริ่มลดการอธิบายเป็นภาษาไทย แต่เริ่มอธิบายเป็นภาษาอังกฤษมากขึ้นเรื่อยๆ และเวลาทดสอบว่านักเรียนเข้าใจศัพท์หรือไม่ก็ให้นักเรียนอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ
 
 ^
 มีครูคนไทยน้อยคนนักที่จะสอนแบบนี้ได้ แต่ถ้าสอนได้ และครูคนไทยต้องพูดอังกฤษชัดและคล่องมากๆระดับใกล้เคียงฝรั่งเจ้าของภาษา คือสามารถให้ lecture เป็นภาษาอังกฤษยาวๆได้โดยไม่กระตุก ครูไทยที่เก่งระดับนี้อาจได้เปรียบครูฝรั่งหน่อยๆ แต่จริงๆแล้ว เทคนิคการสอนแบบนี้ใช้ครูฝรั่งสอนได้โดยไม่ต้องพูดไทยเลย ก็ประสบความสำเร็จได้
 
 ................................................................
 จำไว้ว่า
 ก่อนสอบข้อสอบพวก toefl, itelts, toeic หรืออะไรทำนองนี้ นักเรียนต้องรับฟังคำสอนเป็นภาษาอังกฤษ 100% ได้และต้องโต้ตอบกับครูเป็นภาษาอังกฤษได้โดยไม่ใช้ภาษาไทยเลย
 
 ถ้านักเรียนยังต้องยึดติดกับการบรรยายเป็นภาษาไทยยาวๆ ก็แสดงว่า "นักเรียนยังไม่พร้อมที่จะสอบ และครูก็ยังไม่เตรียมการเพื่อให้นักเรียนพร้อมที่จะสอบ"
 ........................................................................
 
 ^
 ถ้าการเรียนการสอนบรรลุเป้าหมายได้แบบนี้ เทคนิคการทำข้อสอบ "ไม่จำเป็นเลย" เพราะนักเรียนจะ "พัฒนาสัมผัสพิเศษในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ และรู้วิธีจัดการกับข้อสอบในหลายๆรูปแบบได้สบายๆ โดยสัญชาติญาณ"
 ..........................................................................
 
 ฃข้อคิดอย่างหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ
 
 เทคนิคการทำข้อสอบเพื่อเพิ่มคะแนน  toefl, itelts, toeic ใช้เพิ่มคะแนนเวลาสอบ cpe (Certificate of Proficiency in English ของ University of Cambridge) แทบไม่ได้เลย ดังนั้น cpe ถึงจะเป็นข้อสอบภาษาอังกฤษที่คนไทยไม่ค่อยรู้จัก แต่มันก็เป็นสุดยอดของข้อสอบภาษาอังกฤษที่หาเทคนิคการเพิ่มคะแนนไม่ได้เลย
 
 "เพราะคนออกข้อสอบรู้วิธีตั้งคำถามจี้จุดอ่อนของคนเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2"
 ^
 จริงๆแล้วกระทรวงศึกษาธิการไทย แทนที่จะให้ครูสอนภาษาอังกฤษจบศึกษาศาสตร์มาหรือไปสอบ 9  มาตรฐานวิชาครูมาเพื่อรับใบอนุญาตครู ซึ่งเกณฑ์การรับสมัครครูสอนภาษาอังกฤษแบบไทยๆมันไม่ได้เรื่อง ถ้าเปลี่ยนเป็นให้อาจารย์จาก University of Cambridge ที่เชึ่ยวชาญด้าน Teaching English to Speakers of Other Languages มาออกข้อสอบจี้จุดอ่อนคนเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 แล้วเอามาทดสอบครูไทย มันจะเข้าท่าซะมากกว่า รับประกันได้ว่า
 
 "ครูสอนภาษาอังกฤษที่จบศึกษาศาสตร์มาหรือไปสอบ 9  มาตรฐานวิชาครูมาแล้วมีใบอนุญาตครู แห่กันมาสอบ ข้อสอบ cpe 5,000 คนเผลอๆสอบตกหมด 5,000 คน"
 
 ^
 ตรรกะง่ายๆก็คือ ถ้าใครสอบผ่านพวกเขาคงเอาทักษะภาษาอังกฤษบวกปริญญาเป็นใบเบิกทางไปทำงานอื่น ได้ค่าตอบแทนเดือนหนึ่ง 50,000 บาท หรือมากกว่านั้นอีกตั้งบาน คงไม่มีใครอยากมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในระบบหรอก เพราะค่าตอบแทนที่จ่ายครูในระบบมันน้อยนิด
 
 ข้อสอบ cpe หาเทคนิคการทำข้อสอบยาก นักเรียนต้องเก่งจริงๆถึงจะสอบได้คะแนนดี เพราะอะไร ไปอ่านดูได้ที่
 
 คคห 9 ในกระทู้นี้
 http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K11858184/K11858184.html
 แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 55 23:10:24
 แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 55 23:08:01
				 
				 
				
					| จากคุณ | : 
fortuneteller       |  
					| เขียนเมื่อ | : 
5 เม.ย. 55 22:58:07 |  
					|  |  |  |  |