100 ปีผ่านไปกับทฤษฎีใหม่ไททานิคจม
|
 |
แม้เวลาเนิ่นนานผ่านมาครบหนึ่งศตวรรษ แต่การถกเถียงว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เรือสำราญที่ครั้งหนึ่งได้ชื่อว่าอลังการและทันสมัยที่สุดของโลกอย่างเรือไททานิก พุ่งชนภูเขาน้ำแข็งและจมดิ่งสู่ใต้ท้องมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ คืนวันที่ 14 เมษายน ปี 1912 ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 1,500 คน ยังไม่จบสิ้นลงง่ายๆ
ทั้งที่มีการสอบสวนในระดับรัฐบาลสองครั้ง มีหนังสือออกมามากมายนับไม่ถ้วน กับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ทำเงินถล่มทลาย เพราะยังมีผู้ที่เชื่อว่า ไม่น่าจะเป็นเพราะความเขลาและความอวดดีของมนุษย์เท่านั้นที่เป็นสาเหตุหลัก
สองทฤษฎีใหม่ที่นักประวัติศาสตร์และทีมนักดาราศาสตร์ศึกษาค้นคว้า เสนอออกมาในปีแห่งการรำลึกร้อยปีโศกนาฏกรรมไททานิก คือไททานิกอาจเป็นเหยื่อของมิราจ หรือภาพผิดปกติของวัตถุในระยะไกลที่เกิดจากหักเหหรือสะท้อนของแสง คล้ายกับภาพลวงตาที่ผู้คนเห็นในทะเลทราย กับทฤษฎีโยงปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ที่ไม่เกิดบ่อยนักแต่เกิดช่วงนั้นพอดี ส่งภูเขาน้ำแข็งลอยเข้ามาอยู่ในเส้นทางเดินเรือ
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติและนักประวัติศาสตร์ไททานิกกลุ่มเดิม แย้งว่าความพยายามที่จะหาสาเหตุธรรมชาติมาสนับสนุนทฤษฎีการจมของเรือยักษ์ อาจเป็นการแสวงหาข้อแก้ตัวให้แก่มนุษย์เราเท่านั้น ทิม มาลติน นักประวัติศาสตร์ที่เขียนหนังสือสามเล่มเกี่ยวกับไททานิก เล่มล่าสุดเป็นอี-บุ๊ก ชื่อ "A Very Deceiving Night" ให้น้ำหนักกับปรากฏการณ์เกี่ยวกับแสง ที่อาจลวงตาลูกเรือในคืนฟ้ากระจ่าง
มาลตินเชื่อว่า นี่อาจเป็นความผิดพลาดของมนุษย์ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ท้องฟ้าในคืนนั้นสดใสไร้เมฆ แต่จากคำบอกเล่าของลูกเรือหลายลำ รวมทั้งลูกเรือไททานิกเอง บอกว่า มีบางอย่างผิดปกติในช่วงวันสองวัน
มาลตินกล่าวว่า อากาศเย็นผิดปกติ บิดเบี้ยวการเดินทางของแสงให้แสงโน้มลงต่ำอย่างผิดวิสัย จนเกิดเป็นภาพลวงตา และคำให้การของวิลเลียม แมคมาสเตอร์ เมอร์ด็อก หนึ่งในผู้บังคับเรือไททานิกที่รอดชีวิต ก็พบว่า เขาเห็นอะไรบางอย่างคล้ายหมอกควันที่เส้นขอบฟ้า และจู่ๆ ภูเขาน้ำแข็งก็ปรากฏออกมาจากความพร่าเลือนนั้น นอกจากนี้ เรือลำอื่นๆ รวมทั้งผู้รอดชีวิต เล่าตรงกันว่า เห็นภาพแสงประหลาดลักษณะเดียวกัน และมีปัญหาในการเดินเรือใกล้ๆ ภูเขาน้ำแข็ง
จากคุณ |
:
coif
|
เขียนเมื่อ |
:
วันเนา 55 02:28:41
|
|
|
|