ความคิดเห็นที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K11955877/K11955877.html http://www.youtube.com/watch?v=j3rh1gZIImY&feature=player_embedded ช่วยแปะหน่อยนะคะ ดุแล้วเลยอยากมาแชร์กันนะคะ จากคุณ : จขกท เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 23:06:03 A:119.42.66.61 X: TicketID:343333

ความคิดเห็นที่ 2 วันก่อนได้มีโอกาสไปเที่ยวกับผู้บริหารโรงเรียนในสังกัด กทม.  ได่้สอบถามทางรอง ผอ.ว่า ทำไมอาจารย์แต่ละคนไม่อยากย้ายไปอยู่โรงเรียนมัธยม เพื่อเพิ่มศักยภาพหรือ อ.จ.บอก  ถ้าเทียบแล้วเงินเดือนจาก กทม.ดีกว่า  ได้ค่าตำแหน่ง  ได้โบนัส  รับผืดชอบเด็กเล็กสบายกว่า  ไม่ต้องเครียดเหมือนเด็กมัธยม ซึ่งอยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ สรุปแล้วไม่กระจอกเลยนะคะ  เงินเดือน ผอ.ก็ 5 หมื่น  รวมค่าตำแหน่งอีก 1.8 หมื่น ส่วนเพื่อนบ้านเป็น ดร.มีตำแหน่งรอง ศจ. อยู่ม.รัฐ ตอนอยู่ในระบบราชการเงินเดือนไม่เกิน 5 หมื่นบาท ต้องไปรับสอนพิเศษตาม ม.เอกชน ได้ค่าสอนช.ม.ละ 2.5 พัน - 3 พัน ตอนหลังลาออกมาทำงานนอกระบบ  ได้เงินเดือนรวมแล้วประมาณ 1 แสน  แต่ต้องคอยทำงานส่ง  และต้องทำรายงานเพื่อต่อสัญญา ซึ่งสัญญาปีต่อปี  ยากกว่า แต่เงินเยอะกว่า แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 55 02:26:43 แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 55 23:49:31 จากคุณ : nice_piggyy เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 23:47:23

ความคิดเห็นที่ 3 อาจารย์มหาวิทยาลัยเอกชนมาช่วยตอบค่ะ เงินเดือน บวกค่สอนเกินโหลด บวกงานวิจัย บวกค่าตำรา บวกค่าตรวจข้อสอบ บวกค่าตำแหน่ง มันก็อยู่ได้พอประมาณค่ะ แต่ห้ามถามถึงความฟุ่มเฟือย....อันนี้ช่วยตอบตามความเป็นจริง แต่เรื่องจริงกว่าของตัวเอง ไม่เกี่ยวกับใครก็คือ พ่อแม่ดาวน์รถให้ บ้านเดี่ยวที่กำลังผ่อนอยู่ก็ได้มาจากเงินก้นถุงที่ผู้ใหญ่ให้ทั้งสองฝ่ายให้ตอนแต่งงาน ค่าเทอมลูกสาว แต่ละเทอมเกินเงินเดือนตัวเองไปสองเท่า...ตายายจ่ายให้กลัวหลานลำบาก ค่ารักษาพยาบาลใช้ประกันสังคม แต่เราไม่ใช้ พ่อแม่ซื้อประกันสุขภาพให้ จาก? มหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำระดับประเทศ : ปณิธานมหาวิทยาลัยตัวเองค่ะ เวลามีคนมาถามเรื่องเงินเดือนไม่กล้าตอบค่ะ...กลัวมหาวิทยาลัยเสียหน้า:-) ไม่ต้องถามว่าทำใมยังอยู่....งานนี้มันเหมาะกับคนมีความรู้ ที่ขี้โม้แบบเราค่ะ!!!!!!!!! :-) แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 55 23:53:39 จากคุณ : flower over the moon เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 23:48:46

ความคิดเห็นที่ 4 โธ่  อจ ราดพัด ป โท บางแห่ง เงินเดือน 9000 แถวอีสาน  ใครมันจะอยากเป็น   พูดก็พูดเถอะ เทียบกับครู ประถม มัธยม ความยากในการสอน ยากกว่าเยอะ แต่เงินเดือน สวัสดิการ ห่วย   ยิ่ง อจ สายวิศวะ ม เล็กๆ  จะไปหาเงินจากการสอน ภาคพิเศษก็ยากอีก ซวยสองเด้ง จากคุณ : crazydog19097 เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 00:04:53

ความคิดเห็นที่ 5 -ตอนนี้อายุสามสิบต้นๆเป็นอาจารย์พนักงานมหาวิทยาลัยราชภัฏเหมือนกัน ได้เงินเดือน 16,000 บาท ที่จริงต้องได้ 17,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา ตอนนี้จึงรอส่วนต่างๆที่มหาวิทยาลัยยังไม่ได้จ่ายมาเจ็ดเดือน(1 ต.ค.2554 ถึง 30 เม.ย.2555)แล้วก็คงจะทำหน้าที่เป็นอาจารย์พนักงานมหาวิทยาลัยนี้ต่อไปให้ดี(ไม่ขอดีที่สุดเพราะกลัวเครียดและกลัวเหนื่อยเกินไป) -คิดว่าตนเองโชคดีมากที่ได้ทำงานในราชภัฏ(ชื่อพระราชทานความหมายประมาณว่าผู้รู้คนฉลาดของพระราชา) จากคุณ : อยู่ราชภัฏค่ะ เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 12:06:55 A:223.204.118.157 X: TicketID:355138

ความคิดเห็นที่ 6 สำหรับผมเอง อายุยี่สิบปลายๆ เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยที่สวัสดิการ อยู่ในระดับกลางๆครับ เงินเดือน+สวัสดิการ คล้ายๆ กับมหาวิทยาลัยรัฐอื่น - เงินเดือน ป.เอก ประมาณ 21,xxx (ปรับ 5% จากรัฐบาลที่แล้วให้โดยมหาวิทยาลัยสำรองจ่ายก่อน (ขอบพระคุณท่านอธิการบดีครับ)) - ประกันสังคม - กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ - ค่ารักษาพยาบาล 15,000 บาท ต่อปี สมทบได้ ปีนี้ไม่ใช้ ปีหน้าก็สมทบเป็น 30,000 บาท ค่าตอบแทนอื่นๆ (งานวิจัย/งานนนอกเวลาราชการ/ทำวิจัยให้เอกชน/การตีพิมพ์ ฯลฯ) - เฉลี่ยประมาณ 10,000-25,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ขึ้นกับว่าขยันหาทุนและขยันรับงานแค่ไหนครับ จริงๆแล้ว จะว่ามันดูด้อยกว่าครูประถมข้าราชการซะทีเดียวก็อาจจะไม่ถูกมากนัก ผมมองว่าการอยู่ในมหาวิทยาลัย ให้อิสระเราในการทำงานต่างๆ เปิดโอกาสให้เราได้ทำอะไรใหม่ๆ ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะทำหรือเปล่าเท่านั้นเองครับ แก้ไขเมื่อ 16 เม.ย. 55 20:25:49 จากคุณ : Dimensionless เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 13:34:06

ความคิดเห็นที่ 7 อาจารย์มหาลัย ที่เป็นข้าราชการ เงียบเลย  น่าจะมาเม้นท์ ซักท่านน๊า ว่ายังอยู่สบายดีบ่ ครู ประถม มัธยมก็เงียบเลย                 เคยอ่านกระทู้ทำนองบ่นแบบนี้มาบ้างแล้ว มีคนตอบว่า   จุดประสงค์ที่ได้ค่าตอบแทนน้อยเพราะ ภาระรัฐบาลมาก  ข้าราชการ1คน  ตั้งแต่จบ ป ตรี  เริ่มรับราชการจนเกษียณ  รัฐต้องจ่ายค่าตอบแทนรวมทั้งสิ้น (เงินเดือน บำนาญ ค่าเล่าเรียนบุตร รักษาพยาบาล ลูกเมียพ่อแม่) ประมาณ 17 ล้านบาท (ข้อมูล จากปากนายชวนหลีกภัย ที่แถลงในสภา ประมาณปี 2535)  ผ่านมาแล้ว 20ปี ปัจจุบันนี้ จะขนาดไหน ถ้าไม่เปลี่ยนเป็นพนักงานของรัฐ   ประเทศเราคงไปไม่รอด  นายกอานันท์เคยพูด  30เปอเซนต์ของงบประมาณแผ่นดิน  เอาไปเป็นเงินเดือนข้าราชการ              ยิ่งสมัยทักษิณ เพิ่มเงินค่าตอบแทนประตำตำแหน่งอาจารย์3 เป็น11200 บาท  นายกทักษิณจะรู้ไหมว่า มีการจ้างทำผลงานมากมาย  ในราคา35000-50000 บาท คนจ้างบอก คุ้มจะตาย    เป็นครู รร ประถม อาจจะดีกว่าจริงๆๆ ครู ประถมเลยเงียบกันหมด  แบบนี้น่าเป็นห่วงคุณภาพการศึกษาของไทยในระยะยาว   คงแพ้เวียดนามแน่นอน  ร้อยเปอเซ็นต์     ที่เขียนมาก็เพราะห่วงชาติไทยเราจริงๆ จากคุณ : นิทรา นรินทร (นิทรา นรินทร) เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 13:36:11

ความคิดเห็นที่ 8 สรุปว่าเป็นข้าราชการแน่นอนกว่า ไม่ว่าจะเป็นข้าราชครู เทศบาล กทม ชัวร์กว่าแน่นอนครับ ยืนยันนอนยันเลย เป็นพนักงานมหาวิทยาลัย อยู่ได้ด้วยสัญญาจ้าง เค้าก้จ้างตลอดนะแหละ แต่ก็งั้นๆๆ ต้องทำใจว่าเมืองไทย ถ้าทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ต้องข้าราชการนะแหละครับ ลองมาดูโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยซิครับ ข้าราชการ พ่อแม่ ลูกเมีย นอนห้องพิเศษได้ เบิกได้ พนักงานมหาวิทยาลัยนะเหรอ ประกันสังคมครับ ขนาดทำงานในมหาวิทยาลัยนะครับ  พ่อแม่ ถ้าไม่เป้นข้าราชการ ก็บัตรทองจ้า ไม่ต้องบ่นนะ ว่าสวัสดิการไม่ดี เพราะได้เงินมากกว่า ขรก 1.7 1.5 เท่าแล้วจ้า อย่าบ่นนะจีะ ถ้าอยากได้สวัสดดิการนั้นจงมาเป็น ขรก ซ ถ้าบอกว่าเป็น ขรก แล้วระเบียบเยอะไม่อิสระ ก้อย่าบ่นจ้า จากคุณ : Jacques เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 19:37:01

ความคิดเห็นที่ 9 โหวตครับ จากคุณ : dexsil เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 20:11:50

ความคิดเห็นที่ 10 เดี๋ยวนี้นะ ถ้าอยากเป็นอาจารย์จริงๆ ไปเป็นข้าราชการ แล้วเรียนให้จบป.เอก ขี้คร้านมหาลัยจะแย่งชิงกันส่งเทียบเชิญให้มาเป็นอาจารย์พิเศษกันให้รึ่ม งานธุรการก็ไม่ต้องทำ สอนอย่างเดียว เก๋ๆ ที่ต้องเป็นข้าราชการ เพราะข้าราชการมันมีระเบียบชัดเจนว่าอนุญาตให้ข้าราชการไปสอนพิเศษในมหาลัยได้ ยิ่งตอนนี้ เวลาสอบทีสีสจะต้องมีกรรมการบุคคลภายนอกที่มีวุฒิป.เอกมาร่วมเป็นกรรมการสอบ ก็จะใช้บริการพวกด๊อกเตอร์ข้าราชการพวกนี้นี่แหละมาช่วยสอบให้ ยิ่งถ้ามีสายสัมพันธ์ดีๆนะ(แต่จบป.เอกมหาลัยท๊อปๆด้วย) โอกาสจะได้เป็นอาจารย์พิเศษจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ ก็มีสูงขึ้น แถมเอาไปเขียนใน CV โม้ได้อีกว่าเป็นอาจารย์พิเศษจุฬาฯ มธ. จากคุณ : อืม เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 23:08:43 A:58.9.213.37 X: TicketID:338978

ความคิดเห็นที่ 11 มหาวิทยาลัยเอกชน ยิ่งแย่ครับ ตั้งแต่มหาวิทยาลัยรัฐออกนอกระบบ และเปิดรับ นศ อย่างไม่จำกัดเหมือนมหาวิทยาลัยเอกชน ทำให้มหาวิทยาลัยเอกชนจริงๆเริ่มอยู่ไม่ได้กันแล้ว เนื่องจากปริมาณนักศึกษาลดลงอย่างมาก มหาวิทยาลัยเอกชนบางส่วนกำลังจะขอเข้าไปเป็นสังกัดของมหาวิทยาลัยรัฐบาล เนื่องจากไม่มีเด็กมาเรียนแล้วครับ ค่านิยมของคนไทยยังเป็นมหาวิทยาลัยรัฐบาลอยู่ แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 55 08:51:32 จากคุณ : นะนะ เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 08:19:44

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าเป็นอาจารย์มหาลัย พออยู่พอกินคะ สวัสดิการเทียบไม่ได้เลยกับข้าราชการครู ที่เหนื่อยมาก คือสอนเด็ก อยากกลับไปถามครูประถม มัธยมมาก ว่าสอนเด็กกันยังไงคะ แทบจะต้องกลับไปสอนใหม่หมดเลยทีเดียว จากคุณ : โลกนี้ไม่มีอะไรเลย เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 09:58:57

ความคิดเห็นที่ 13 #12 ก็สอนตามหลักสูตรแกนกลางที่สพฐ กำหนดให้ค่ะ จะโทษครูประถม มัธยมซะทีเดียวก็ไม่ได้ ในเมื่อป้อนให้แล้วเค้าไม่รับ ครูผู้สอนเองก็จนปัญญาค่ะ ตอนแรกคิดว่าอาชีพครูจะสบาย แต่พอมาเป็นจริงๆแล้วหนักค่ะ สมกับคำว่า ครุ= หนัก แต่ก็ภูมิใจสุดๆในอาชีพนี้  โดยเฉพาะวันที่ศิษย์ประสบความสำเร็จ แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 55 15:24:07 แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 55 15:23:53 จากคุณ : krukully (krukully) เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 15:22:45

ความคิดเห็นที่ 14 #13 คะ ไม่อยากโต้เถียงนะคะ แต่การสอนที่ดีไม่ใช่แค่สอนในตำรานะคะ แต่ควรสอนให้เขาเรียนรู้เป็น แต่เด็กในปัจจุบัน มีแต่ความรู้ที่ท่องมา แต่ไม่มีทักษะในการเรียนรู้ การสอน ไม่ใช่การป้อนความรู้ให้เด็ก แต่ต้องสอนให้เขารักที่จะเรียนรู้ ต้องขออภัยที่นอกประเด็น จากคุณ : โลกนี้ไม่มีอะไรเลย (โลกนี้ไม่มีอะไรเลย) เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 15:49:45

ความคิดเห็นที่ 15 เราจบโทนะ แต่ก็ได้มีโอกาสรับทาบทามจากน้องๆที่เรียนโทในการเป็นผู้ทรงภายนอกให้ในการทำThesis +สอบจบ ไม่กี่ครั้ง รู้สึกดีแต่ก็ต้องทำการบ้านหนัก เพราะเกรงว่าอาจารย์ท่านอื่นที่จบเอกจะไม่เชื่อถือ  เคยจะออกไปสอนมหาลัย แต่ก็เลิกความคิดเพราะเงินเดือนเยอะมากๆแล้วจะไปรับเงินน้อยๆได้ไง  พออาจารย์มาชวนก็ดีใจแต่พอรู้เงินเดือนก็เลยถอดใจ 555 จากคุณ : mangpongja เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 15:51:07

ความคิดเห็นที่ 16 อยากบอกถึงภาระงานของครูมัธยม โรงเรียนขนาดกลาง-เล็ก นอกจากภาระหน้าที่สอนแล้ว ยังมี!!!!!! งานพิเศษอื่นๆ นอกเหนือจากหน้าที่สอน ซึ่งงานเหล่านี้เป็นงานที่เบียดบังงานสอนเป็นอันมาก อีกทั้งครูแต่ละคนก็ได้รับมากน้อยต่างกัน ยกตัวอย่างโรงเรียนข้าพเจ้าเอง ครู A - ทำงานวัดผล, แนะแนว, จัดตารางสอน, จัดสอนแทน, กยศ., งานทุน, งานสอนซ่อมเสริม, ย้ำว่าทั้งหมดนี้ทำหน้าที่หลักเพียงคนเดียว! ครู B โรงเรียนเดียวกัน - ทำงานจัดตารางอยู่เวรของคณะครู ทำเดือนละ 1 ครั้ง! อันนี้ก็อยากให้พิจารณา การทำงานไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ตำแหน่ง ครู-อาจารย์-พนง. เพียงอย่างเดียว แต่มันขึ้นอยู่ที่"คน"ด้วยคะ จากคุณ : rea_jam เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 17:41:29

ความคิดเห็นที่ 17 มายกมือ เคยบรรจุเป็นข้าราชการครูมา 6 ปี รวมลาศึกษาต่อปริญญาโท ลาออกเมื่อปี 52 โดนปรับบาน แต่กัดฟันส่งหมดแล้ว ตอนนี้รับเงินเดือนอาจารย์ประจำในราชภัฎ 12000/เดือน หักประกันสังคม ค่าสอนเสาร์อาทิตย์พอกรุบกริบ แต่ไม่มากมายอะไร เช่น ถ้าจะซื้อรถสักคันคงต้องส่งสายตัวแทบขาด ประมาณนั้น ถามว่าเสียดายไหม คำตอบคือไม่ ตัดสินใจลาออกมาแล้ว ถ้าถวิลหาการลงหลักปักฐาน คงไม่ลาออก แต่เรามีงานพิเศษคือเขียนหนังสือ หาเงินได้สองทาง เลยไม่ค่อยรู้สึกว่าลำบากอะไร แต่ยอมรับว่าสวัสดิการข้าราชการดีที่สุดจริง ๆ อ่อ...ไม่รู้นะ รับราชการ 6 ปี ไม่เคยเบิกอะไรกับเขาเลย ไม่เคยเจ็บ ไม่เคยป่วย เฮ้อ สู้ต่อไปเถิด อาชีพนี้ค่าตอบแทนน้อย จะอยู่ไหน ๆ ก็เหมือนกัน งานหนัก สอนวิชาความรู้ และสอนให้คนเป็นคนดี เหนื่อย ท้อ แต่เวลาเจอลูกศิษย์เก่า ๆ ที่จำเราได้ ไปไหนมีแต่คนยกมือไหว้ ให้ความเคารพนับถือ มันชื่นใจจริง ๆ จากคุณ : BAHAMAS เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 19:43:01

ความคิดเห็นที่ 18 งั้น เอาภาระงานทั้งหมดของครูประถมและมัธยมไปทำแทนมะครับ อาจจะร้องไม่ออก จากคุณ : I-Kant เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:03:35

ความคิดเห็นที่ 19 ลองดูภาระงานครูมัธยมแล้วอาจจะร้องไม่ออก สอนสัปดาห์ละ 20 คาบ ไม่รวมลูกเสือ ชุมนุม แนะแนว ยังมีงานพิเศษอีก ใครจะได้งานอะไรก็ว่ากันไป วิชาการ ธุรการ ปกครอง บางโรงเรียนนักการมีน้อย ก็ต้องไปช่วยตัดหญ้า ตัดต้นไม้ ซ่อมแซมอาคารเรียนก็มี แถมต้องดูแลนักเรียน ยิ่งพวกม.2-3 ยิ่งอยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่หลุดไปมหาวิทยาลัยได้น่ะ เป็นเด็กค่อนข้างดีแล้ว ถึงเรียนจบกันได้ ที่พูดมาไม่ได้ว่าใครทำงานหนักกว่าใคร ทุกอาชีพมีความลำบากในตัวอาชีพอยู่แล้ว หากอยากจะเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ควรจะมองให้ครบทุกมุม ไม่ใช่มองแค่บางมุม แล้วก็โวยวายเขาดีกว่าอย่างนู้นอย่างนี้ จากคุณ : หมั่นไส้ เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 22:04:35

ความคิดเห็นที่ 20 เห็นด้วยกับคุณหมั่นไส้ครับ ทุกอาชีพมีทั้งความสะดวกสบายและความลำบาก ถ้าจับเอาแต่มุมที่ลำบากมาเปรียบเทียบกับความสบายของอีกอาชีพหนึ่งมันก็ไม่ค่อยเป็นธรรมเท่าไร ครูประถม-มัธยมได้เงินเดือนหมื่นกว่า ๆ ก็จริง แต่ว่าเงินเดือนขยับปีละเท่าไรครับ ครูบรรจุใหม่ถ้าได้ 1.5 ขั้น ก็จะได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นราว ๆ 500-700 บาท ถ้าเอาตารางเงินเดือนมาดู ก็จะเห็นกว่ากว่าจะขยับจนได้เงินเดือนประมาณสองหมื่นใช้เวลาทำงานไม่น้อยกว่า 10 ปีเลยทีเดียว (ถ้าได้อย่างน้อย 1.5 ขั้นทุกปี) และกว่าจะทำผลงานวิจัยได้ ต้องรอให้เงินเดือนถึงก่อน (ประมาณ 10 ปี) ไม่เหมือนอ.ที่ใช้เวลาเป็นตัวกำหนด และไม่ใช่ทุกคนที่จะทำผลงานผ่าน ครูประถม-มัธยมนอกจากสอนแล้วยังมีภาระงานที่ต้องทำมากมาย ไม่เหมือนกับอ.ที่มีเจ้าหน้าที่ธุรการ  มีเจ้าหน้าที่แล็บมาคอยจัดการให้ (อันนี้เปรียบเทียบให้ดูนะครับ ว่าครูประถม-มัธยมก็มองกว่าอ.ว่างานสบายดี เพราะบอกแล้วว่าแต่ละอาชีพมีลำบากและสบายต่างกัน) แต่สุดท้ายก็ขอพูดถึง #12 และ #14 หน่อยเถอะว่า อย่ามาโทษกันเลยว่าใครสอนดีสอนไม่ดี ถ้าครูประถม-มัธยมบอกคุณว่าสอนยังไงความรู้ใหม่ ๆ ถึงไม่เข้าหูนักศึกษาเลย การสอนที่ดีจะต้องมีการกระตุ้นความรู้เดิมของผู้เรียนก่อน เพราะมันลืมกันได้ (แทบจะทุกทฤ.การจัดการเรียนรู้จะต้องมีขั้นตอนการกระตุ้นความรู้เดิมออกมา)  คุณจะต้องกระตุ้นเอาความรู้ของผู้เรียนออกมาให้ได้ แต่คุณไม่สามารถทำได้ และที่สำคัญคุณสอนผู้เรียนที่ได้รับการคัดเลือกแล้ว ไม่เหมือนครูประถม-มัธยมที่ต้องสอนนักเรียนทั้งเก่งและไม่เก่ง คุณจะรู้สึกอย่างไรครับ เรื่องของการศึกษานี้จะต้องช่วยกันครับ ไม่ใช่จะต้องมาโทษกัน (ขออภัยที่อาจใช้ถ้อยคำที่ทำให้ขุ่นข้องใจ) จากคุณ : object เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 01:09:37

ความคิดเห็นที่ 21 เรียนด้วย ความเคารพ กระทู้ตั้งเปรียบเทียบด้านสวัสดิการจ้าระหว่าง พนักของของรัฐในม. กับข้าราชการ^^ ส่วนที่บอกว่า ไม่เหมือนกับอ.ที่มีเจ้าหน้าที่ธุรการ มาคอยจัดการให้ อันนี้เป็นแต่มหาวิทยาลัยใหญ่ๆ ส่วนพวก ม. เอกชนเล็ก หรือม.ราชภัฎเล็กๆ ขออนุญาตเอ่ยพาดพึง ม,เล็ก ๆ ตามต่างจังหวัดบางแห่ง อ.ก็ต้องพ่วงทำธุรการด้วยเพราะคนน้อยจ้า ไม่ต่างกัน แถมบางทียังสงสัยว่า เป็นธุรการหรือเป็นอ. กันเนี้ย เรื่องรายได้ที่บอกว่าขึ้นที่ละน้อยนั้น ด้วยความเคารพขึ้นที่ละน้อยจริงแต่ความมั่นคงมีอยู่อย่างไรไม่เอาออก ต่างจากพนักงานม. ที่ประเมินไม่ผ่านเมือ่ไรมีสิทธิ์เด้งทันที ตื่นเต้นตลอดเวลา ส่วนเรื่องความรู้เด็กนั้น ม.เอกชน ก็ไม่ค่อยได้เลือกเท่าไรจ้า ก็เก็บๆตกหล่น พวกเที่เค้าช้อนไปหมดแล้วมา มันขั้นอยู่กับวัตถุดิบ คือเด็กๆๆจ้า เพราะเข้าใจว่าเด็กบางคน ถึงเราป้อนใส่ปากไปจัดเต็มเซทเมนู แต่เด็กไม่เอาอะไรเลย อันนี้ไปโทษใครไม่ไดขริงๆเข้สใจและเห็นใจ ถึงแม้ว่าสมัยนี้ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญกันตาม ผู้เรียนไม่เอาอะไรอันนี้ก็ไปโทษใครไม่ได้ อ.เด็กๆ จบใหม่ เงินเดือนก็ได้ไมมากเหมือนกัน สวัสดิการแบบนี้ ถ้าบ้านไม่รวยก็ตั้งตัวกันลำบาก กว่าได้ ยศได้ตำแหน่งวิชาการก็ค้องรอเวลาเหมือนกัน แถมบางคนลงทุนลงแรกไปเยอะมาก อยู่ๆไปก็สั่นคลอนไป จะเอาแต่ผลงาน แต่พอถามเรือ่งงบประมาณก็เงียบกันหมด วกเข้าเรื่องสวัสดิกันกันนะ ถ้าดูคลิปแล้วจะเข้าใจ ว่าทำไหมชาวพนักงานมหาวิทยาลัยถึงออกมาเรียกร้องสิทธิบ้าง งานหนักใครๆก็ทนได้ ถ้าสวัสดิการเหมือนกัน http://www.youtube.com/watch?v=j3rh1gZIImY&feature=player_embedded สุดท้ายเป็นกำลังใตให้ทุกท่านจ้า เห็นเด็กๆ จบมาก็ภูมิใจมีกำลังสู้ๆกันต่อไปทุกคน ^^ จากคุณ : ยิ้มกันไว้เถิด เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 01:46:44 A:119.42.66.61 X: TicketID:343333

ความคิดเห็นที่ 22 กลับมาดูกระทู้อีกที ก็ต้องขออภัยที่ตอบไม่ชัดเจนกับหัวข้อของกระทู้เท่าไร ที่เปรียบเทียบกับภาระงานที่เป็นเจ้าหน้าที่ธุรการ เพราะผมถือว่าส่วนนี้เป็นสวัสดิการของผู้สอนเหมือนกัน เพราะครูประถม-มัธยมก็ต้องทำตั้งแต่งานธุรการในชั้นเรียนจนถึงธุรการของโรงเรียน เช่น ประกันคุณภาพ วัดผล-ทะเบียน ซึ่งครูต้องทำเองหมด และต้องทำหลังจากสอนเสร็จแล้วด้วย วกเข้าเรื่องเงินเดือน เมื่อกางบัญชีเงินเดินครูแล้ว จะเริ่มต้นที่หมื่นกว่าบาท แล้วขยับไปเรื่อย ๆ (หลักร้อย) จนกระทั่งตันที่ประมาณสามหมื่นกว่าบาท ไม่มีโอที ไม่มีค่าพิเศษใด ๆ ทั้งสิ้น (ไม่นับสอนพิเศษ ซึ่งไม่ใช่ว่าครูทุกคนจะได้สอนพิเศษ) คนที่เป็นครู ถึงแม้ว่าจะจบป.เอกมา แต่เงินเดือนบรรจุยังเป็นป.ตรีอยู่ เพราะเค้าไม่รับวุฒิที่สูงกว่านั้น ส่วนอ.ได้รับเงินเดือนแล้วแต่โครงสร้างของม. แต่เงินเดือนย่อมสูงกว่าครูอยู่แล้วใช่ใหมครับ ซึ่งในเมื่อเงินเดือนสูง ความคาดหวังของม.ก็ย่อมต้องสูงอยู่แล้ว ดังนั้นการประเมินก็เป็นเรื่องธรรมดา (จริงๆแล้วข้าราชการก็มีประเมิน แต่ก็อย่างว่าแหละ ถ้าไม่ถึงขั้นทุจริต ก็ไม่ต้องกังวลอะไร) แถม อ.ยังมีค่าสอนตามชั่วโมงใช่ใหมครับ เรื่องผลงาน ม.ที่ผมเคยเข้าไปอยู่ ถ้าป.เอก ก็ใช้เวลาทำงาน 1 ปี ป.โท 2-3 ปี หรือป.ตรี 5 ปี ซึ่งเปรียบเทียบกับครูที่ต้องรอเงินเดือนถึงอย่างเดียว ถ้าไม่ได้ขั้นพิเศษก็ต้องรอนานหน่อย ซึ่งปกติถ้าได้ 1.5 ขั้นทุกปี ก็ใช้เวลาประมาณ 12 ปีครับ กว่าจะทำผลงานเพื่อขอให้ได้เงินวิทยฐานะ 11200 บาท ซึ่งถ้านับอายุที่สมมุติว่าบรรจุเมื่ออายุ 22 ปี  จะอายุ 34 ปี ซึ่งเวลานั้นส่วนใหญ่กำลังเลี้ยงลูกพอดี จะเอาเวลาไหนไปทำ สวัสดิการด้านการรักษาพยาบาล อ.จะใช้ประกันสังคม ส่วนครูใช้สวัสดิการข้าราชการ ซึ่งสามารถเบิกให้กับทุกคนในครอบครัวได้ พ่อ แม่ คู่สมรส ลูกที่อายุไม่เกิน 20 ปี (หรือ 18 ปีนี่แหละ) แต่ปัจจุบันกำลังถูกตัดลงเรื่อย ๆ และทุกคนที่เป็นคนไทยจะได้สวัสดิการเท่าเทียมกันอยู่แล้ว แต่ข้าราชการได้เปรียบตรงที่เบิกค่าห้องพิเศษได้วันละ 600 บาท (มั้ง) แต่ส่วนใหญ่โรงพยาบาลของรัฐค่าห้องพิเศษเกินกว่านี้แล้ว ด้านสวัสดิการหลังเกษียณ ข้าราชการเลือกได้ว่าจะเอาบำนาญ หรือบำเหน็จ ถ้าบำเหน็จก็ได้ประมาณสองสามล้าน ส่วนบำนาญก็จะได้ประมาณครึ่งหนี่งของเงินเดือน (ปัจจุบันถ้าเงินเดือนตันจะได้แถวๆสองหมื่นบาท) + เงินกบข. และยังได้สิทธิค่ารักษาพยาบาลด้วย ที่พิมพ์มาเพื่ออยากให้ทราบหลายท่านเข้าใจว่าครูเงินเดือนนั้นไม่มากนัก เพิ่มทีละน้อย ไม่มีพิเศษ แต่ถือว่าค่อนข้างมั่นคง (ถ้าไม่ผิดขั้นร้ายแรง) และไม่ใช่ว่าทุกคนจะไปถึง คศ.3 ได้ ถึงอยากจะทำผลงานเพื่อทำคศ.3 ก็ต้องรอเวลาที่ค่อนข้างนานกว่าอ. และเลือกสวัสดิการยามเกษียณที่จะเอาบำนาญได้ ความผิดร้ายแรงคือ ละทิ้ง ทอดทิ้งงานครับ เช่น มาทำงานแต่ไม่สอน ปกติถ้าเด็กเป็นอะไรก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าเด็กเกิดปัญหาก็จะมีปัญหาตามมาด้วย หรือถ้าต้องนอนเวรแต่ไม่มา แล้วเกิดไฟไหม้ หรือการทุจริต เป็นต้น ส่วนคห.2 คุณ nice_piggyy ที่ว่าผอ.เงินเดือน 50k กับเงินวิทยฐานะ 18k นั้น จะมีผอ.กี่คนที่ได้เงินเดือนอันดับ คศ4 มีไม่กี่คนในประเทศหรอกครับ สมัยนี้้ถ้าสอบเป็นผอ.ได้ จะได้เงินเดือนอันดับ คศ2 และไม่ได้ค่าวิทยฐานะด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ก็อยู่ในช่วง 20-30k เท่านั้น ต้องทำผลงานเลื่อนวิทยฐานะเอา และครูกทม.จะได้เงินเพิ่มจากปกติ 2000 บาท และได้โบนัสหมือนกับคนของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วกทม.จะได้มากกว่าครับ จากคุณ : object เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 03:59:36

ความคิดเห็นที่ 23 ทำไมพนักงานมหาวิทยาลัยเปรียบเทียบสวัสดิการตนกับข้าราชการ ทำไมไม่เปรียบเทียบสวัสดิการตัวเองกับพนักงานราชการ ถ้าพนักงานมหาวิทยาลัยได้สวัสดิการเท่าข้าราชการ ต่อไปข้าราชการก็จะต้องร้องขอเงินเดือน 1.7 เท่า 1.5 เท่า 1.3เท่า ให้เหมือนพนักงานมหาวิทยาลัย และต่อไปพนักงานราชการซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับพนักงานมหาวิทยาลัย ต้องเรียกร้องสวัสดิการให้เท่าข้าราชการ ขอบำเหน็จบำนาญอีก แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายให้กัน หลักการของพนักงานราชการ/พนักงานมหาวิทยาลัย คือต้องการลดภาระงบประมาณประเทศ แต่หากคุณจะขอสวัสดิการเท่าข้าราชการซึ่งคือการเพิ่มภาระงบประมาณประเทศ คงจะยาก ผิดหลักการ ถ้าพูดกันตรงๆ รัฐไม่ได้ตัดสวัสดิการอะไรคุณนิ มหาลัยสัญญาว่าจะให้อะไรเท่าไหร่ ตอนเริ่มทำงานคุณก็ทราบ และก็ได้เท่านั้น แต่ก็เข้าใจว่าทำงานกับข้าราชการซึ่งเป็นกลุ่มรุ่นเก่า ทำให้เกิดการเปรียบเทียบ อีกทั้งยิ่งแก่ๆไป โรคภัยรุมเร้า ยิ่งน้อยเนื้อต่ำใจในประกันสังคม หากข้าราชการคงค้างนี้หมดไป อาจจะแก้ไขปัญหา"ทางใจ"ได้ระดับหนึ่ง จากคุณ : ไถนาอุตลุด เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 07:53:36

ความคิดเห็นที่ 24 อีกมุมหนึ่งนะครับ ไม่มีใครจะบอกว่างานของตัวเองไม่หนักหรอก เพราะจะคิดว่างานตัวเองนั้นหนักมากกว่าคนอื่นๆ แต่ผมคิดว่า หากเรายังมีความสุขในการทำงานอยู่ ณ วันนี้ ก็จงทำไปเถอะครับ ถ้าไม่ไหวก็ออกหางานใหม่ บางทีงานที่ทำอยู่อาจจะไม่ถูกกับเรามากกว่า สวัสดิการก็เช่นกัน แน่นอนว่าเมื่อมหาลัยรัฐออกนอกระบบ มันเหมือนเป็นลูกจ้างดีๆนี่เอง เงินเดือนเพิ่มมากขึ้นแต่สวัสดิการก็ต้องน้อยกว่าราชการ สังเกตว่าตอนนี้ สวัสดิการดีสุดคือข้าราชการ คุณแม่เพื่อนผมเป็นโรคไตหลายปี หมดเป็นล้านๆ ได้สวัสดิการราชการมาช่วยเยอะมากครับ ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาคงตายไปแล้ว เพราะไม่มีเงิน แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 55 09:37:50 จากคุณ : นะนะ เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 09:34:58

ความคิดเห็นที่ 25 น้องชายบรรจุเกือบแปดปีเต็ม(ข้าราชการครู)ตอนนี้เงินเดือน 15040 บาท (เมษายังไม่ทราบ) จ้าส่วนเราได้รับอานิสงฆ์ นั่นนี่ปรับบ่อย บรรจุ ยังไม่สี่ปี ได้เงินเดือน จะหมื่นห้าเท่าน้องชายแล้ว สงสารน้องเหมือนกัน ความไม่เท่าเทียมในการปรับเงินฐานเงินเดือน ปรับให้เฉพาะครูบรรจุรุ่นหลัง รุ่นบรรจุก่อน เลยเสียกำลังใจ ขนาดน้องๆ ที่บรรจุ ห้าสอง ก็ได้เงินเดือนเท่าเราเลยจะหมื่นห้าแล้ว คิดดูห่างกันไม่กี่ร้อย คนทำงาน สามปี กับแปดปี เงินจะเท่ากัน เห็นใจคนบรรจุก่อนเหมือนกัน จากคุณ : total99total เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 12:37:59

ความคิดเห็นที่ 26 เท่าที่พบเห็นนะ ตอนนี้ครูบรรจุใหม่ก็แทบไม่ต่างจากพนักงานราชการมากนัก เขาไม่ได้บำนาญกันเหมือนแต่ก่อน เคว้งคว้างอยู่พอสมควร ส่วนเนื้องานที่คุณบรรยายมานั้น คุณครูทั้งประถมและมัธยมเขาก็มีมีงานล้นมือ แถบไม่ได้พักเหมือนกัน ใครคิดว่าสอนเด็กเล็กอย่างป.1 ป.2 จะสบาย คุยกันตั้งนานกว่าจะรู้เรื่อง กว่าจะสอนให้อ่านออกเขียนได้ ไหนจะต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยเป็นพิเศษ ยิ่งสมัยนี้เด็กพิเศษมากขึ้นทุกที พ่อแม่ก็มัวยุ่งอยู่กับการทำมาหากิน โรงเรียนเลิกแล้ว ลูกกลับถึงบ้านก่อนก็ออกไปเล่น ค่ำมืดพ่อแม่ก็โทรมาหาครูให้ช่วยกันออกตามหา ไหนจะงานสหกรณ์ขายของในโรงเรียน การทำอาหารกลางวันให้เด็กเป็นพันรับประทานทุกวัน การยืนเวรตั้งแต่เจ็ดโมงจนถึงแปดโมง ฝึกเด็กร้องเพลงชาติ เล่นดนตรี อบรมหน้าเสาธง แนะแนว จัดกิจกรรมตามวันสำคัญให้ครบทุกรูปแบบ ยิ่งประถมด้วยแล้ว คุณครูต้องเริ่มให้ทั้งหมดเพราะเด็กยังเล็ก จะเป็นแค่ที่ปรึกษาไม่ได้ เขาจึงเรียกว่าครูประจำชั้นไง คาบสอนก็มาก บางเทอมได้ 23 คาบ/สัปดาห์ สอนแทนเพื่อนที่ถูกสั่งให้ไปอบรม รวม ๆ สอนแทน ก็ 20 คาบ/เทอม ไม่เคยมีค่าโอทีอย่างใครเขา ช่วงมีประเมินโรงเรียน ซึ่งก็มีการะประเมินจากสมศ, smart school, 5ส และการประเมินอื่นตามแต่หน่วยงานใดอยากให้เข้าร่วม(แกมบังคับ) ครูต้องอยู่เตรียมงานแบ่งเป็นฝ่าย เช่น ซักซ้อมเด็กในการพูดจาตอบคำถามให้สุภาพเรียบร้อย ถูกใจกรรมการทุกฝ่าย ซักซ้อมการแสดง จัดทำป้ายแสดงผลงาน รวมรวมผลงานทั้งหมดจัดเป็นหมวดหมู่ เตรียมสถานที่ อาหาร ฯลฯ ครูทั้งนั้น อยู่กันถึงห้าทุ่มเที่ยงคืน ช่วยกันไปเป็นงาน ๆ ไป จะทำงานอะไรก็ต้องรอให้เด็กกลับก่อน เพราะเวลานักเรียนอยู่กันเต็มโรงเรียน เขาก็จะมีเรื่องของเขามากมายคอยให้ครูช่วยเหลือหรือตามคำถามของพวกเขา ซึ่งคุณครูก็เต็มใจ งานที่บรรยายมานี้เป็นแค่ส่วนหนึ่ง แล้วอย่างนี้จะไม่ให้กำลังใจ ให้เขามีเงินเดือนสักสองหมื่นหรือ เขาไม่มีรายได้จากส่วนอื่นกันเลยนะจะบอกให้ ยิ่งครูรุ่นใหม่ เงินเดือนไม่มาก งานยากน่าดู อ้อ! ต้องทำวิจัยปีละ 2 เรื่องอีกต่างหาก ผอ.ให้เขียนแบบ 5 บทด้วย แล้วอย่างนี้ ยังจะว่าพวกเขาเหล่านั้นสบายเกินไปไหม จากคุณ : supat เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 14:44:45 A:125.24.89.30 X: TicketID:335556

ความคิดเห็นที่ 27 ******กระทู้สวัสดิการ เปรียบเทียบ****** พายกลับเข้าฝั่งกันก่อนนะคะ น่าเปลี่ยนชื่อหัวข้อใหม่เป็น ชีวิตข้าราชการครูประถมมัธยม ทุกข์ระทมกว่า พนักงานมหาวิทยาลัย ป.เอก จะตรงกับผู้ตอบมากกว่า เป็นกำลังใจให้ทุกๆๆท่านคะ จากคุณ : ยิ้มๆๆ เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 15:23:18 A:58.97.124.196 X: TicketID:343333

ความคิดเห็นที่ 28 ลืมบอกเราสอนประจำชั้น ป. 1 สอนเต็ม 30 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ค่ะ ที่โรงเรียนทุกๆ โรงเรียน นี่ก็เป็นโรงเรียนที่ 5 ทุกโรงเรียนให้ทำวิจัยอย่างน้อย เทอมละ 1 เรื่องเป็นอย่างน้อย งานที่หนักใจมากที่ทำคือ ความปลอดภัย ของเด็ก แค่เด็กตีกันนี่ผู้ปกครองมาโวย แล้ว ว่าครูไม่สนใจ อ่ะเด็กเกือบ 30 นะ ครูไม่สามารถแยกร่างได้นะ แล้วครูไม่เข้าห้องน้ำ กินข้าวบ้างหรือ แค่ลูกเขามีบาดแผลกลับบ้านนี่ครูโดนเต็มๆ ยิ่งถ้ามากๆ แบบขาหักนี่ครูระวังไว้จะโดนมาด่าเสียๆ หายๆ (กรณีหลังไม่เคยแค่ยกตัวอย่าง) ปล. สอนเด็กมาก็หลายระดับทั้งประถมและมัธยม เราว่ามัธยมนี่สอนง่ายกว่าประถม นี่ได้จับมือเขียน ขีดเส้นหน้าก็ไม่เป็นเลย สมุดข้างหน้า ข้างหลังยังไม่รู้จักเลย จากคุณ : total99total เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 17:26:09

ความคิดเห็นที่ 29 ผมว่าระบบประเมินในการให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมแก่ครูมันมีปัญหาครับ เช่น 1.ครูบางท่านสอน 20-30 คาบ/สัปดาห์ กับ 2.ครูบางท่านสอน 10 คาบ/สัปดาห์ แต่ครูกลุ่มที่2 บางท่านกลับได้รับเงินรวมถึงค่าวิทยฐานะมากกว่าครูกลุ่มแรกอีกทั้งๆที่ภาระการสอนก็น้อยกว่าและก็ไม่ได้ดีกว่า(อาจแย่กว่าด้วยซ้ำ) นี่คือข้อหนึ่งที่ผมมองว่า แค่ในระดับครูด้วยกัน ยังเทียบกันเห็นๆขนาดนี้ ก็คงมี พนง.มหาวิทยาลัยจำนวนไม่น้อยหละครับที่รู้สึกว่า ครูบางกลุ่มบางท่านไม่เหมาะสมกับสิทธิประโยชน์ที่รัฐจัดให้เพิ่มเติม แล้วก็คงจะเกิดคำถาม พวกเขาทำอะไรถึงได้? แล้วพวกผมหล่ะ ทำไมไม่สนใจบ้าง? จากคุณ : ใบไม้สีน้ำตาลในหน้าร้อน เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 18:01:11

ความคิดเห็นที่ 30 อยากจะสรุปว่า คนที่ทำหน้าที่เรือจ้าง ของประเทศนี้ ลำบากจริงๆครับ เคยได้ยินว่า องค์การอนามัยโลกออกแคมเปญว่า ถ้าอยากให้โรคตาบอดในโลกลดลง สิ่งที่ต้องทำคือ สนับสนุนหมอตา พอหมอมีเงินมีแรง ก็จะรักษาคนไข้ได้มาก ตาบอดก็จะลดลง ถ้าเราดูแลคนเป็นเรือจ้างได้ดี  การศึกษาบ้านเราก็อาจจะดีขึ้นด้วย   ผมก็เป็น อ.แพทย์แบบพนักงานมหาวิทยาลัย สวัสดิการก็ประกันสังคมเช่นเดียวกันครับ ยอมรับว่าเงินเดือนแค่หมื่นต้นๆ ที่เหลือต้องไปทำเอกชนนอกเวลาครับ จากคุณ : doctorpond เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 22:25:49

ความคิดเห็นที่ 31 สอนเด็กป. 1 ป.2 อาจจะยากจริง แต่สอนเด็กม.ต้นที่ตั้งหารยาวไม่เป็น คิดเศษส่วนไม่ได้ อ่านหนังสือไม่ออกมันยากยิ่งกว่า ไม่ต้องพูดถึงสอนนักศึกษาที่พื้นฐานแย่มาก พวกนี้สอนไปก็ไม่รู้เรื่องจริง ๆ สอนให้เด็กทำได้ ไม่ยากเท่าสอนให้เด็กคิด วิเคราะห์ได้ ่บ่อยครั้งไม่ใช่เพราะครูสอนไม่รู้เรื่องหรอก เพราะตัวเองพื้นฐานไม่ดีแล้วไม่ไปหาอ่านเพิ่มเติม ที่ผมรู้สึกว่างานครูมัธยมมันหนักเพราะว่าต้องทำเอกสารแผน ปพ มฐ วิเคราะห์ บันทึก วิจัยซึ่งเสียเวลา ไร้ประโยชน์ แต่พวกผู้บริหารหรือนักการศึกษาชอบพูดว่ามันเป็นผลดีต่อครู และเด็ก แต่พวกที่พูดส่วนใหญ่ก็บริหารเรื่อยเปื่อยไปวัน ๆ ไม่ได้ติดตามตรวจสอบจริงจังอะไรหรอก จากคุณ : เซียนแห่งmath เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 00:01:50

ความคิดเห็นที่ 32 ปัญหามันคือไม่สมควรเลื่อนชั้นแต่ก็จำต้องดัน ๆกันขึ้นไป ไม่สมควรเรียนสายสามัญเกรดจุด 1 กว่าก็เข้าได้ไม่เห็นยากอะไร ไม่สมควรเรียนแผนวิทย์ แต่ก็เปิดรับให้เต็มโควต้า เรื่องครูสอนดีไม่ดีนะไม่เกี่ยวหรอก ผมบอกเด็กเสมอว่าไม่มีใครสอนครูให้รู้เรื่องเลขได้หรอก ครูต้องสอนตัวเองจากการแนะแนวทางของอาจารย์ จากคุณ : เซียนแห่งmath เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 00:06:39

ความคิดเห็นที่ 33 หัวอกเดียวกันครับ  อยากจะบ้าตาย และอยากลาออก แต่ด้วยความที่รักและชอบในอาชีพเลยต้องทน  ถึงแม้ว่าเงินเดือนจะน้อยนิดก็ตาม  ปัจจุบันผมเงินเดือนน้อยมากถึงมากที่สุด แถบยังอยู่มหาวิทยาลัยใน กทม ด้วย ค่าโน้นค่านี้มากมาย  วุฒิ ป โท บรรจุได้เจ็ดเดือน เป็นพนักงานราชการ มหาลัยอื่นเค้าขึ้นเงินเดือนไปจนถึงโลกไกล  มหาลัยผมยังจนอยู่เลยครับ  เพื่อนผม ป ตรี  บางคน  สอนที่โรงเรียนมัธยมต่างจังหวัด  ยังเงินเดือนเยอะกว่าผมเลย  คิดแล้วก็เซ็ง  ก้ได้แต่ภาวนาไห้เงินเดือนขึ้นไวไว  ตกเบิกด้วยก้ดี  ชีวิตความเป็นอยู่จะได้ดีขึ้นกว่านี้ จากคุณ : chenwei เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 15:48:39

ความคิดเห็นที่ 34 จี๊ดดเลย http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K11966924/K11966924.html ความคิดเห็นที่ 5 ๙.ในบรรดาน้องๆ มีน้องที่จบ ป.เอกจากต่างประเทศประเทศมหาอำนาจ..สามีจบ ป.เอก จาก มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของเมืองไทย น้องเป็นอาจารย์มหาลัยอันดับสองของประเทศ..ปรากฎว่าสอนมา 7 ปี ได้ค่าวิทยาฐานะ ๓,๕๐๐ บาทเท่่านั้น.จบ ดร.สอนมหาวิทยาลัยคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่ด้วยนะครับ.ส่วนสามี จะเขียนปรับ ผศ.นี่ยากเย็นแสนเข็ญ ยังไม่ได้เลย.. พอมานั่งฟัง อีกกลุ่มหนึ่ง เป็นครูสอนอนุบาล ครูสอนโรงเรียนมัธยมตำบล.ได้ คศ.๓ กันง่ายดาย.ดุจปลอกกล้วยเข้าปาก ได้เงิน หมื่นพัน.กันง่ายดายที่สุด ซื้อขายได้.. เขาก็บ่นเลยว่า นี่ละมั้งที่ทำให้ นักศึกษาฯที่เข้ามหาลัย อ่อนมากๆ มีอื่นๆๆอีกไปตามอ่านได้ ตรงมาก จากคุณ : จี๊ดๆไหม เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 16:13:17 A:58.97.124.196 X: TicketID:343333

ความคิดเห็นที่ 35 ผมกำลังตอบเขาอยู่ แต่ขอตอบข้อ 9 นี่ก่อนเลย จบ ป.เอก ปัญญาแค่จะทำ ผศ.แค่นี้ ยังต้องไปเทียบกับพวกครูพวกนั้น พิจารณาตัวเองเถิดครับ จบมาได้อย่างไร จากคุณ : กำลังตอบอยู่ เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 23:04:50 A:171.99.214.118 X: TicketID:322897

ความคิดเห็นที่ 36 ผมกลับเห็นด้วยกับการให้เงินเดือนลักษณะนี้ และจะดีมากที่ประเทศไทย จะจัดสรรงบประมาณเพื่อจ้างครูที่เก่งที่สุด มาสอนระดับปฐมวัย และประถมศึกษา ด้วยเงินเดือนที่แพงที่สุด ทำไม เหตุผล ทราบหรือไม่ว่า เด็กเล็กๆ ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและดีที่สุด เท่าที่รัฐจักพึงจัดหาทรัพยากรให้ได้ ไม่ต้องอ้างหลักวิชาการใดๆ   เปรียบเทียบง่ายๆ ระหว่างลูกวัยเล็กๆกับวัยโตเป็นผู้ใหญ่ วัยไหนที่คุณควรจะเอาใจใส่มากกว่า เพื่อความปลอดภัย สถาพร ของลูกคุณ วัยเด็ก ควรจะได้รับการดูแลเอาใจใส่มากกว่าจริงหรือไม่ ฉันใดก็ฉันนั้น การจะจ้างใครสักคนมาสอน ลูกของคุณในวัยที่แตกต่างกัน ย่อมต้องการผู้คนที่มีความถนัดแตกต่างกัน ผู้มีความสนใจแตกต่างกัน การถ่ายทอดความรู้ให้กับลูกของคุณได้แตกต่างกัน ภาระหน้าที่รับผิดชอบแตกต่างกัน โดยสิ้นเชิง บริบทของโรงเรียนกับมหาวิทยาลัยมันแตกต่างกัน การสอนเหมือนกันก็จริง แต่ศาสตร์การสอนในแต่ละระดับต้องการความเข้าใจในเนื้อหาในแต่ละระดับแตกต่างกัน วิธีการสอนที่แตกต่างกัน (ภาระงานนอกเหนือจากนั้นผมตัดทิ้งไป ใครๆก็งานเยอะทั้งนั้น) ที่คุณคิดว่าครูประถมงานสอนสบาย ก็คิดกันอย่างนี้ ประเทศถึงได้ล่มจม การสอนเด็กเล็กๆ ให้เขาเข้าใจไม่ใช่เรื่องง่ายๆ การจัดหากิจกรรมให้เขาสนใจในแต่ละวิชาก็เช่นกัน เด็กเขารับรู้ได้ง่ายก็จริงแต่ทำอย่างไรให้เขามีความเข้าใจและอยากจะค้นหาต่อ ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่งานกระจอกๆ ใครๆก็ทำได้ แต่สิ่งที่ประสบพบเจอ และทำให้คุณ จขกท มาตั้งกระทู้ก็คือว่า เทคนิควิธีการสอนของครูก็เหมือนกันทั้งประถม มัธยม มหาวิทยาลัย สอนเหมือนกันหมด แล้วทำไมครูสอนเด็กเล็กๆ สอนง่ายๆ กเอ๋ย ก ไก่ เงินเดือนถึงได้แพงแสนแพงใช่หรือไม่ อนึ่ง ฝากถึง จขกท เกษียณ เขียนแบบนี้ครับ แก้ไขเมื่อ 20 เม.ย. 55 01:43:01 จากคุณ : cheychai เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 01:39:15

ความคิดเห็นที่ 37 "...การสอนเหมือนกันก็จริง แต่ศาสตร์การสอนในแต่ละระดับต้องการความเข้าใจในเนื้อหาในแต่ละระดับแตกต่างกัน วิธีการสอนที่แตกต่างกัน (ภาระงานนอกเหนือจากนั้นผมตัดทิ้งไป ใครๆก็งานเยอะทั้งนั้น) ที่คุณคิดว่าครูประถมงานสอนสบาย ก็คิดกันอย่างนี้ ประเทศถึงได้ล่มจม การสอนเด็กเล็กๆ ให้เขาเข้าใจไม่ใช่เรื่องง่ายๆ การจัดหากิจกรรมให้เขาสนใจในแต่ละวิชาก็เช่นกัน เด็กเขารับรู้ได้ง่ายก็จริงแต่ทำอย่างไรให้เขามีความเข้าใจและอยากจะค้นหาต่อ ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่งานกระจอกๆ ใครๆก็ทำได้..." เห็นด้วยอย่างยิ่งๆๆๆๆๆ กับความเห็นนี้ครับ การสอนหนังสือไม่ว่าระดับไหน โดยเฉพาะเด็กๆ เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย แต่อยากรู้จากปากผู้รับผิดชอบหรือครูที่มีใจเป็นกลางไม่คิดปกป้องแต่พวกพ้องว่า สภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ ประเทศเราใช้คนที่มีความสามารถระดับนี้ไหมครับ ถ้าใช้อยู่ ทำไมการศึกษาความสามารถเด็กตกต่ำลงๆๆๆๆๆ เมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ยของครูที่เพิ่มขึ้น สมควรจ้างไว้ทำงานต่อไปไหม? แล้วแบบนี้เราจะมีครูไปเพื่ออะไร? ในเมื่อผลมันออกมาแบบนี้ หรือเป็นความซวยของเด็กเองที่บังเอิญไปเจอครูห่วยๆ เข้าก็เท่านั้น? ถึงเวลาที่จะสังคยนาระบบจริงๆ จังๆ หรือยัง หรือว่าจะปล่อยให้มันสูญเปล่าไปอย่างนี้ตลอดไป? ส่วนเรื่องของกระทู้นี้ที่ว่า ข้าราชการครูประถมศึกษาหรือมัธยมศึกษา สวัสดิการดีกว่า พนักงานมหาวิทยาลัย ป.เอก อันนี้มันก็ไม่เสมอไป ครูดีๆ ไม่ได้เงินเยอะทุกคนเมื่อเทียบกับภาระงาน ขณะที่อาจารย์จบป.เอก อีกหลายคนก็สามารถหาเงินได้มากกว่าครู ปัญหาส่วนต่างเรื่องสวัสดิการอะไรนี้ถือว่าจิ๊บๆ มาก และถ้าจะมีคนจบการศึกษาขั้นสูงสุดถึงป.เอก จะเรียกร้องเพราะความน้อยเนื้อต่ำใจ ขอความเห็นใจอะไร ผมมองว่าก็น่าเห็นใจอยู่บ้างแต่ก็รู้สึกไร้สาระอยู่ในที จบการศึกษาสูงสุดถึงขั้นป.เอก แต่ไร้ปัญหาหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ ต้องเอาตัวเองไปเทียบกับคนจบครู ช่างกระจอกสิ้นดี ไม่รู้ว่าได้ปริญญาเอกจากม.กระลั่ว หรือเพราะมีปัญญาสอนได้แค่ที่ม.กระลั่วที่ไหนหรือเปล่าถึงได้สิ้นคิดไร้ทางออกถึงขนาดนี้ (ถ้าใครไม่ได้เป็นแบบนี้ก็จงอย่าร้อนตัว ผมพูดไว้ก่อนเพราะรู้สึกสมเพชมากๆ) แก้ไขเมื่อ 20 เม.ย. 55 09:27:40 แก้ไขเมื่อ 20 เม.ย. 55 09:23:47 จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 09:21:58

ความคิดเห็นที่ 38 ... ครับ ... ครั้งนะครับว่า ช่วยๆๆ กันกด VOTE ก็ดีนะครับ เพี่อที่ กระทู้จะได้อยู่ได้นานๆ นะครับ จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 19:04:11

ความคิดเห็นที่ 39 เห็นด้วยกับ คห.32 มากๆค่ะ เรื่องห้ามซ้ำชั้น ต้องดันกันให้ผ่าน โดยเฉพาะเด็กราชภัฏครุศาสตร์ ถ้าเด็กอยูู่ปี 4 ห้ามติด I หรือ E (ติด ร หรือ F นั่นแหละ) เพราะจะออกฝึกสอนไม่ได้ และ สกอ.จะไม่รับรองเด็กคนนั้น พูดง่ายๆว่าเรียนมา 4 ปี หมดสิทธิ์เป็นครู คนสอนก็ต้องหลับหูหลับตาช่วยให้ผ่านๆไป ถามว่าเด็กแบบนี้จบไปได้จะมีความรู้อะไรติดตัวบ้าง สุดท้ายพอเด็กไปสอนได้ไม่ดีก็ย้อนกลับมาเรื่องเดิมคือ ครูประถมห่วย ครูมัธยมสอนอะไรมาไม่ได้เรื่อง ครูอุดมศึกษาทำไมปล่อยเด็กไม่มีมาตรฐานออกมา แล้วตกลงนี่ใครผิด จำปาน่านได้แต่สงสัยว่าคนในกระทรวงรู้ปัญหาจริงๆที่ครูอาจารย์ต้องเจอหรือเปล่า หรือได้แต่นั่งเทียนเขียนแผนไปเรื่อยๆ ขออภัยที่พาออกทะเลค่ะ จากคุณ : จำปาน่าน เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 55 21:36:18

ความคิดเห็นที่ 40 ของตอบเป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ อาจตอบไม่ตรงกับที่จขกท ตั้งไว้ เพราะส่วนตัวแล้วเคยเป็นทั้งคนพายเรือส่งเด็กปฐมวัย และตอนนี้เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย เป็นข้าราชการคนหนึ่ง ถามว่าอันไหนเหนื่อยกว่ากัน ค่าตอบแทนคนเป็นครูสูงกว่าไหม ขอตอบว่า คนเป็นครูระดับปฐมวัย ระดับ สพฐ ได้รับการดูแลและค่าตอบแทนสูงกว่า แต่งานจะหนักกว่าคนเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยในแง่ของการต้องดูแลเด็กใกล้ชิดกว่า ชั่วโมงการทำงานในแต่ละวันดูจะมากกว่าคนเป็นอาจารย์ และต้องมีการประเมินคุณภาพเป็นระยะ ซึ่งมาประเมินโรงเรียนเลยต้องทำด้วยค่ะ เพราะถ้าไม่ผ่านโรงเรียนและตัวเองต้องทำงานเพิ่มอีกมากทีเดียว คนเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่เป็นข้าราชการ ชั่วโมงการสอนน้อยกว่าคนเป็นครู ในสังกัด สพฐ แต่การต้องค้นคว้าพัฒนาตนเองด้านวิชาการสูง อาจารย์ในมหาวิทยาลัยต้องพัฒนาตนเองสูงมาก หยุดไม่ได้ เพราะมีตัวกำกับ(การประเมินอาจารย์ในแต่ละเทอมไว้) ซึ่งกำหนดไว้สูงมาก เช่น ต้องได้รับการพัฒนา(เข้าอบรม เรียนอะไรมาเพิ่มเติมไหม) มีการทำงานพัฒนาชุมชนไหม ซึ่งกำหนดจำนวนการทำงาน ชั่วโมงไว้ชัดเจน ว่าต้องทำกี่ชั่วโมงต่อสัปดาห๋ ซึ่งนอกเหนือจากการสอนที่เห็นเป็นเรื่องเป็นราวนะคะ ส่วนรายรับ ต้องบอกไว้ก่อนว่าเงินเดือนคนเป็นอาจารย์ไม่มากมายอะไร ตามที่ราชการกำหนดไว้ สำหรับตัวเองทำงานมา 17 ปี เงินเดือน 25.000 บาท ไม่รวมค่าวิทยฐานะ(ผศ, รศ, ศ) (บอกไว้ก่อนว่ากำลังทำอยู่) ซื่งการทำให้ได้ตำแหน่งทางวิชาการที่พูดถึง สำหรับ ผศ.ต้องทำผลงานสามอย่าง คือ ตำรา หนึ่งเล่ม เอกสารประกอบการสอนหนึ่งเล่ม และงานวิจัย หนึ่งเล่มค่ะ (มีข้อบังคับย่อยๆอีก) ส่วนรายรับอื่นๆที่จะได้ มักเป็นการเป็นวิทยากร อาจารย์พิเศษ งานสอน งานวิจัย ขึ้นอยู่กับอาจารย์แต่ละท่านจะทำได้ ซึ่งไม่ได้มากเท่าไหร่ สรุป อย่ามองว่าใครทำงานหนักกว่าใครเลยค่ะ เพราะหน้าที่ตรงนี้ งานตรงนี้ไม่เหมือนกัน สอนเหมื่อนกันก็จริง แต่เนื้องานข้างในไม่เหมือนกัน ความละเอียดต่างกัน  อยากให้มองว่าเราทั้งหมดที่เป็นอาจารย์เป็นช่างปั้นเหมือนกัน เพี่ยงแต่งานมันอยู่คนละขั้นตอนเท่านั้นเอง คนเริ่มปั้นหม้อก็มีความสำคัญ ขึ้นรูปไม่ดี คนมาปั้นต่อก็ลำบาก คนตกแต่งเอง ต้องแต่งให้ดีเช่นกัน  ถ้าปั้นมาดีแต่ตกแต่งไม่ดี งานที่ออกมาก็ไม่ดีเหมือนกัน ทุกคนทุกตำแหน่งในสายงานนี้มีความสำคัญทั้งนั้น ขาดไม่ได้ทั้งนั้นค่ะ แก้ไขเมื่อ 21 เม.ย. 55 15:53:54 จากคุณ : สองสาย เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 55 15:38:44

ความคิดเห็นที่ 41 ถ้าเห็นว่าสัวัดิการดีกว่า  คุณพนักงานมหาวิทยาลัยก็ลาออกแล้วมาสมัครสอบเป็นครูประถม  มัธยมสิครับ  ชีวิตเราเราเลือกเอง จะบ่นไปไย จากคุณ : I-Kant เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 19:12:56

ความคิดเห็นที่ 42 ตำแหน่ง ผศ รศ ศ. กว่าจะได้ เข้าใจว่าเหนื่อยยาก แต่ ลูกน้อง เจ้าหน้าที่เป็นพนักงานมหาลัย เป็นฝ่ายบริการ ท่านละ ไม่แย่กว่าหรือ ไม่เหนื่อยตายหรือ ได้แต่เงินเดือน โอที ไช่จะมากมาย บางคนเป็นบันไดให้ใครบางคน ใช้เพื่อตำแหน่ง ผศ รศ ศ พอได้ดี ก็ลืม งานต้องทำตลอด เด็กปิดเทอม อาจารย์ยังพอมีเวลาหยุดได้ เสาร์อาทิตย์ ท่านยังได้ค่าสอน ป.โท แต่พนักงานฝ่ายบริการไม่ได้ งานไม่เสร็จก็ต้องมาทำเสาร์ อาทิตย์ นโยบาย เมื่อมีการเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ ก็เห็นแต่ให้ความสำคัญกับ อาจารย์ ได้ต่อ เอกต่างประเทศ พอฝ่ายบริการมาขอต่อบาง ได้รับคำตอบว่า เขาจ้างให้มาทำงาน จะขอต่อ ป.เอกแสดงว่าจะหนีไปที่อื่น ที่อาจารย์ สนับให้ต่อต่างประเทศ ส่วนเจ้าหน้าที่ง่อยแดก บางหลักสูตร ป.โท ต้องเรียนช่วงปกติ เวลาจะกินข้าวยังไม่มีเลย ปล่อยให้เป็นกบในกะลา ผมพูดเรื่องจริงครับ ต้องขอโทษที่ ในสิ่งที่เป็นจริง จากคุณ : KK เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 55 22:06:28 A:202.28.21.92 X: TicketID:196509