ความคิดเห็นที่ 1 แสดงว่าอ่านเนื้อหาที่ยาก(เกินระดับ)ไปครับ ให้ลองหาวรรณกรรมร่วมสมัยอ่านง่ายๆ หรือไม่ก็วรรณกรรมเด็กที่สนใจ หรือว่าอ่าน graded readers ครับ :) จากคุณ : เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 09:54:50

ความคิดเห็นที่ 2 โห จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 10:02:50

ความคิดเห็นที่ 3 อะโห ถ้ามันยากก็อย่าไปฝืนใจอ่านมัน อ่านอย่างอื่นก็ได้ความรู้ เรายอมรับว่าวรรณกรรมอังกฤษกับเรานี้ไม่ถูกโฉลกก้นซะเลย คือเราอ่านแล้วง่วงนอนอ้ะ หาวนอนจนน้ำตาเล็ดเลยหละ เราเลยอ่านพวกหนังสือ howtos กับหนังสือสอนศาสตร์ต่างๆ เช่นโยคะ การแพทย์แผนจีน วิธีฝึกคิดให้ใช้งานสมองได้ดีขึ้น ฯลฯ ซะมากกว่า เพราะไอ้ความหวังว่าอ่านแล้วจะเก่งรู้วิธีการต่างๆนาๆมาปรับเปลี่ยนใช้งานในชีวิตจริง หรือทำให้สุขภาพดีขึ้นหรือสมองดีขึ้นได้ ก็เลยเวลาเจอศัพท์ยากๆ ก็เปิด dictionaries ได้มากๆ โดยไม่ท้อใจ เพราะมีแรงผลักดัน จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 10:35:50

ความคิดเห็นที่ 4 เป็นอีกคนที่ไม่ชอบอ่านวรรณกรรมภาษาอังกฤษเอาซะเลย มันไม่อินตามเลย แต่ที่ชอบมากคืออ่านเรื่องสั้น หรือนิยายไทย โดยเฉพาะที่มีแปลเป็นภาษาอังกฤษซะงั้น อยากรู้ว่าเซียนภาษาเขาแปลภาษาไทยสวยๆ เป็นภาษาอังกฤษยังไง หลายครั้งพบว่าตัวเองคิดไกลไปเกินเหตุ เขาแปลได้ง่ายอ่านแล้วได้ใจความมาก แม้ว่าบางครั้งอรรถรสและวัจนลีลาของภาษาต้นฉบับมันจะขาดๆ ไปนิดหน่อยเป็นธรรมดาก็ตาม จากคุณ : โจโฉ (joechou) เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 11:33:16

ความคิดเห็นที่ 5 ผมหมายถึงวรรณกรรมหรือนวนิยายที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งมาจากทั่วทุกมุมโลก ไม่ได้หมายถึงวรรณกรรมหรือวรรณคดีที่มาจากประเทศอังกฤษ พูดง่ายๆก็คือผมอยากฝึกอ่านหนังสือที่เป็นภาษาอังกฤษ เพราะงานเขียนดีๆที่ยังไม่ได้แปลเป็นไทยตั้งเยอะแยะ และจะได้ฝึกภาษาไปด้วย ถ้าทำให้คลาดเคลื่อนไปต้องขออภัยด้วยครับ จากคุณ : ขอบคุณครับผม เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 12:20:34 A:58.11.54.196 X: TicketID:289560

ความคิดเห็นที่ 6 อยากเริ่มเหมือนกันค่ะ โหลดมาเป็น eBook ใส่ไว้ในมือถือ เป็นแนวเดียวกับที่เราชอบอ่านอยู่ปกติ แต่ในเมืองไทยยังไม่เอามาแปล แต่ว่ามันไม่ค่อยอินเหมือนอ่านภาษาไทยเลยอ่ะค่ะ 55 ปกติเป็นคนอ่านหนังสือเร็วมาก แต่พอมาเจอภาษาอังกฤษนี้หน้าละเกือบนาทีเลยค่ะ ก็พยายามหัดอ่านไปเรื่อยๆ เพราะหนังสือมันดีมากจริงๆ อดใจรอให้เอามาแปลเป็นภาษาไทยไม่ไหว จากคุณ : ziinnuf เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 16:46:47

ความคิดเห็นที่ 7 พออ่าน คคห 5 ของ จขกท ที่พูดว่า "พูดง่ายๆก็คือผมอยากฝึกอ่านหนังสือที่เป็นภาษาอังกฤษ" ^ แล้วชัดเจนขึ้นว่า จขกท ต้องการอะไรกันแน่ ก็เลยขอตอบใหม่อีกรอบหนึ่งดังนี้ การฝึกอ่านภาษาอังกฤษไม่ใช่ฝึกจากการวางต้นฉบับภาษาอังกฤษเทียบกับคำแปลภาษาไทย (นั่นมันฝึกแปล) แต่ต้องฝึกจากการ "เลิกใช้สื่อการเรียนการสอนภาษาอังกฤษที่เขียนเป็นภาษาไทย" นั่นก็คือ ใช้ dictionaries อังกฤษ-อังกฤษ ล้วนๆ แล้วค่อยๆหัดอ่านภาษาอังกฤษจากสื่อที่หลากหลายไปเรื่อยๆ ไม่เข้าใจตรงไหนก็ดูคำอธิบายเป็นภาษาอังกฤษจาก dictionaries อังกฤษ-อังกฤษ   ^ ถ้าผ่านขั้ินตอนนี้ไปไม่ได้โอกาสประสบความสำเร็จ (แบบอ่านภาษาอังกฤษเข้าใจทันทีเหมือนอ่านภาษาไทยโดยไม่ต้องแปล) เป็นไปได้ยากมากๆ เหตุผล 1 ถ้าใช้ dictionaries อังกฤษ-ไทย มันจุศัพท์ไม่พอ และไม่มีอธิบายเป็นประโยค อ่านให้ตายก็ไม่แตกฉาน เพราะศัพท์ภาษาอังกฤษเกือบทุกคำแปลเป็นวลีหรือประโยค พอเปลี่ยนรูปแบบวลีหรือเปลี่ยนรูปแบบประโยคความหมายมันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ มันไม่ง่ายเหมือนฝรั่งเรียนภาษาไทยหรือภาษาจีนที่ท่องศัพท์เป็นคำๆโดดๆก็อ่านไทยกับจีนพอรู้เรื่อง แล้วเผลอๆเขียนภาษาไทยหรือจีนไม่เพื้ยนด้วย 2 ถ้าวางต้นฉบับภาษาอังกฤษเทียบกับคำแปลภาษาไทย คุณจะเห็นแต่ความหมายคำศัพท์เฉพาะที่นักแปลเลือกแปลให้เข้ากับบริบท ดังนั้นคุณจะพลาดโอกาสที่จะเรียนรู้ได้ว่าคำศัพท์ภาษาอังกฤษพอเปลี่ยนรูปแบบวลีหรือเปลี่ยนรูปแบบประโยคความหมายมันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆได้อย่างไร (เพราะไม่เห็นตัวอย่างประโยค) เมื่อเป็นเช่นนี้หนทางที่จะพัฒนาจากอ่านคล่องเป็นเขียนคล่องจึง "ตันสุดๆ ไม่มีทางก้าวหน้าได้" เพราะเขียนไปมันเพี้ยนหมด! เนื่องจากคำศัพท์ภาษาอังกฤษจะเปลี่ยนความหมายไปเรื่อยๆเมื่อรูปประโยคภาษาอังกฤษมันพลิกกลับไปกลับมา แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 55 10:20:26 แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 55 22:06:12 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 55 22:03:37

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณทุกๆคนมากครับ และขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่ดีๆของคุณ fortuneteller ด้วยครับผม จากคุณ : ขอบคุณครับผม เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 00:39:23 A:110.168.180.41 X: TicketID:289560

ความคิดเห็นที่ 9 เอาอย่างนี้ดีไหม   หากคุณเจองานที่ทำเป็น adaptation หรือ simplified version ก็หาอันนี้มาอ่านก่อน  เช่นงานเีขียนของ Victor Hugo, Alexandre Dumas, Honore de Balzac, etc.   เมื่อรู้เรื่องราวจากเล่มง่ายโดยทะลุปรุโปร่ง  ค่อยถึงเวลากินยาขม ก็คืออ่าน unabridged version หรือต้นฉบับจริง  ขนาดของเรื่องจะยาวมาก  ประโยคจะซับซ้อน  แต่หากคุณผ่านตามาแล้วจากเวอร์ชั่นที่ง่ายกว่า จะทำให้คุณอ่านได้โดยไม่สะดุด (คือไม่ใช่เปิดดิก ทุกหน้าเวลาอ่าน)   หัดอ่านพวกบทบรรยายให้เข้าใจเสียก่อน คุณจะเห็นอลังการแห่งวรรณศิลป์  วาดภาพตามไปในจินตนาการ แม้ศัพท์จะไม่ได้ถึงตัว จับเอาความสำคัญเป็นหลัก   ส่วนบทสนทนา จริงๆง่ายกว่า (โดยหลัก) อ่านได้ลื่นไหลไม่ยาก แต่บางทีก็ต้องมีตีความบ้าง จากคุณ : ปากจัดชะมัดยาด (ปรารถนาดี ไม่มีแอบแฝง) เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 05:48:23

ความคิดเห็นที่ 10 คล้าย จขกท.เลย เราสนใจอยากฝึกภาษาหลังจากร้างราไปนานค่ะ แต่ไม่รู้จะเริ่มจากแนวไหนดี  แนวที่ชอบเป็นแฟนตาซี  ประวัติศาสตร์  อ่านยากไม่เข้าใจ  สงสัยระดับไม่ถึงแบที่ข้างบนบอก  คงต้องหาหนังสือเด็กไปฝึกอ่านก่อนแน่เลย จากคุณ : โสด แก่น แสนหรรษา เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 22:27:14

ความคิดเห็นที่ 11 ^ ^ เราอ่านภาษาอังกฤษแตกฉานระดับตีความภาษากฎหมายยากๆได้ฉลุยในการทำงานแปลเอกสาร แต่เราก็ยังไม่อยากจะอ่านวรรณกรรมอะไรยากๆให้ปวดหัวเลย แนะนำว่าให้ไป social networks ของฝรั่ง ที่พวกเขาคุยกันเรื่องทั่วๆไป อ่านๆไปสนุกดีไม่เครียด แล้วก็อ่านข่าวสาร อ่านเรื่องเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง อ่านข่าวดารามั่ง ข่าวการเมืองมั่ง อ่านหรือดู videos เรื่องแฟชั่นมั่ง เรื่องการออกกำลังกาย เช่นเล่นโยคะ การใช้ makeup การเต้นระบำ bellydance เพื่อทรวดทรงอันสวยงาม ฯลฯ หรือไม่ก็หา web contents ที่ให้ความรู้เช่นวิธีแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์ บทเรียนภาษาอังกฤษ บทเรียนภาษาจีน ความรู้รอบตัวทั่วๆไปอย่างเช่นใน wiki ก็น่าอ่าน อย่าไปยึดติดกับวรรณกรรมอันแสนจะน่าเบื่อ แต่ให้พยายามก้าวไปในโลกสมัยใหม่ แบบที่เราทำ คือเราเป็นผู้สูงอายุที่หน้าเดฺ็ก เคลื่อนไหวตัวได้คล่องแคล่วและทรงพลัง เรียนรู้ศาสตร์ใหม่ๆได้เร็วมากๆเมื่ออายุมากขึ้นเรื่อยๆ แต่งตัววัยรุ่น และเป็นนักทดสอบ software ที่ต้องหาความรู้ใหม่ๆอยู่เสมอ แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 55 00:12:27 แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 55 00:08:02 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 55 00:06:27