ท่านคิดว่ายุคสามก๊กนั้น เกิดขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลกในยุคนั้นหรือไม่ ?
|
 |
รบกวนเรียนถามความเห็นครับว่า ท่านคิดว่ายุคสามก๊กนั้น เกิดขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลกในยุคนั้นหรือไม่ ?
อย่างที่เราทราบกันดีว่า มีงานวิจัยหลายชิ้นได้โยงความเกี่ยวข้อง ระหว่างการพินาศราชวงศ์หรือยุคสมัย เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศโลก โดยอาศัยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ (เช่นการวัดปริมาณคาร์บอนในแก่นไม้, ขนาดวงปีต้นไม้ หรือ ฯลฯ) ซึ่งงานวิจัยหลายชิ้นก็นำเสนอว่า ในทุกๆการเปลี่ยนแปลงยุคสมัยของจีนนั้น จะเกิดขึ้นพร้อมกับการลดลงอย่างเป็นนัยสำคัญของอุณหภูมิซีกโลกเหนือครับ ตัวอย่างเช่น
1. การล่มสลายของราชวงศ์หมิง เกิดขึ้นพร้อมๆกับการเกิด LIA (Little Ice Age) ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 16 พอดี และผลของมันก็ส่งผลกระทบรุนแรงมากในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 จนทำให้ราชวงศ์หมิงล่มสลาย จากบันทึกทางประวัติศาสตร์สมัยหมิงนั้น ช่วงต้นศตวรรษที่ 17 (ปลายรัชกาลว่านลี่ไปจนสิ้นรัชกาลฉงเจิน) จีนเหนือต้องเผชิญกับสภาวะแห้งแล้งติดต่อกันแทบทุกปีครับ ตัวอย่างเช่น ในซานตงช่วงระหว่างปี 1599-1610 นั้น เผชิญภัยแล้งติดต่อกันถึงสิบปี, ในเหอหนานต้องเผชิญกับภัยแล้งและแมลงศัตรูพืชระบาดครั้งใหญ่หลายรอบในช่วงปี 1590-1640, โรคระบาดครั้งใหญ่ในจีนเหนือช่วงปี 1620-1630 ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้ เป็นแรงขับดันที่รุนแรงทำให้เกิดกบฏชาวนาไปทั่วทุกหย่อมหญ้า โดยแม้ราชสำนักหมิงจะพยายามแก้ไขสถานการณ์อย่างหนักในรัชกาลฉงเจิน (จักรพรรดิฉงเจินเป็นจักรพรรดิที่ทรงงานหนักมาก พระองค์ทรงอักษรวันละ 8-9 ชั่วยาว และออกว่าราชการไม่เคยขาดเลยตลอดรัชกาล) แต่กลับกู้ประเทศชาติหรือแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย จนหลี่จื้อเฉิงสามารถตีปักกิ่งแตกในที่สุด ความอดอยากและแห้งแล้งอย่างหนักในช่วง 50 ปีแรกของศตวรรษที่ 17 นี้เอง ทื่ทำให้พอกองทัพแมนจูเข้าด่านมา กองกำลังต้าหมิงเดิมหรือกลุ่มฐานอำนาจทั้งหลายในจีนเหนือก็ไม่มีกำลังพลหรือทรัพยากรจะต้านพวกแมนจูได้ครับ พวกเขาแตกพ่ายและล่มสลายอย่างรวดเร็ว (ในขณะที่ราชสำนักหมิงในจีนใต้ ยังสามารถยืนต่อสู้ได้อีก 20 กว่าปี)
2. การล่มสลายของราชวงศ์ชิง เกิดขึ้นพร้อมๆกับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลกในช่วงปี 1800-1850 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ LIA นั้นรุนแรงอีกรอบครับ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศอย่างรุนแรงในจีน (หลังจากที่สภาวะ LIA นั้นทรงๆตัวมา 100 กว่าปี ในช่วงปลายรัชกาลคังซีจนถึงปลายรัชกาลเฉียนหลง) ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภัยธรรมชาติอย่างรุนแรงบ่อยครั้งในจีนเหนือและใต้ ส่งผลให้ราชสำนักชิงเก็บภาษีไม่ได้ ประชาชนอดอยาก และผนวกกับการคุกคามของลัทธิจักรวรรดินิยมในช่วงหลังจากปี 1840 เป็นต้นมา ทำให้สถานการณ์ของต้าชิงนั้นกู่ไม่กลับอีกต่อไป
3. เช่นกันกับในสมัยถังครับ ศตวรรษที่ 9 อันเป็นศตวรรษสุดท้ายของราชวงศ์ถังนั้น หลักฐานทางประวัติศาสตร์และทางวิทยาศาสตร์ให้ผลการทดลองที่ตรงกันว่า จีนต้องเผชิญกับสภาวะหนาวเหน็บ การลดลงของอุณหภูมิในจีนเหนือส่งผลต่อภัยแล้งที่ถี่ขึ้น (ในขณะที่จีนใต้ได้รับผลกระทบน้อยกว่า) ส่งผลให้เกิดการอพยพของประชากรจากจีนเหนือลงใต้อย่างมโหฬาร และจากความอดอยากนี้เองทำให้ราชสำนักถังอ่อนแอลง เกิดกบฏชาวนารุนแรงขึ้นและถี่ขึ้น จนเมื่อถึงปลายศตวรรษที่ 9 ถึงคิวของหวงเฉาก่อกบฏ ชะตากรรมของถังก็อับแสงลงในที่สุด
4. ในช่วงต้นศตวรรษที่ 10 ถึงต้นศตวรรษที่ 13 นั้น เรียกกันว่า Medieval warm period เป็นยุคที่อากาศอบอุ่นครับ ในกรีนแลนด์อุ่นจนพวกไวกิ้งไปตั้งถิ่นฐานเพาะปลูกกันได้เลย (อุ่นกว่าปัจจุบันที่บอกกันว่าโลกร้อนอีก) ในจีนก็เช่นเดียวกัน อากาศในจีนเหนืออบอุ่นและชื้นมาก จนสามารถทำไร่ส้มไปทางเหนือได้ถึงเหอเป่ย ความอบอุ่นและชุ่มชื้นนี้เองทำให้ราชสำนักซ่งร่ำรวยจากการค้าและประชากรจีนก็เพิ่มสูงทะลุประวัติศาสตร์ไปได้ถึงเกิน 100 ล้านคนครับ แต่พอเริ่มเข้าสู่ศตวรรษที่ 13 Medieval warm period นั้นจบลงพร้อมกับความหนาวเย็นและแห้งแล้งในจีนเหนือ ตรงนี้เองเป็นสาเหตุที่ทำให้อาณาจักรต้าจินนั้นอ่อนแอลง (จริงๆก็เริ่มเห็นผลมาแต่ปลายศตวรรษที่ 12 แล้ว) เพราะการเพาะปลูกย่ำแย่ ไร่ส้มก็หายไปจากจีนเหนือ ประชากรในจีนเหนือลดลงเรื่อยๆ จนกองทัพมองโกลเข้าโจมตีต้าจิน จักวรรดิต้าจินก็อ่อนแอจนไม่อาจจะยืนหยัดต้านทานมองโกลได้อีกครับ
5. Dark Age Cold Period เป็นยุคที่หนาวเย็นในช่วงระหว่างปี 200-700 ครับ (อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำกว่าช่วงอบอุ่นก่อนหน้าที่เรียกว่า The Roman Warm Period 2-3 องศา) ซึ่งเจ้า Dark Age Cold Period นี่เอง ที่ทำให้จีนเข้าสู่ยุคมืด แม้ราชสำนักจิ้นจะสามารถรวบรวมประเทศได้ในช่วงปี 280 แต่จีนก็อ่อนแอลงไปมาก ประชากรเหลือเพียงครึ่งเดียวจาก 140 ปีก่อน พื้นนารกร้าง เศรษฐกิจล่มสลาย แต่ทว่าเมื่อเกิด Dark Age Cold Period อย่างต่อเนื่องนั้น จีนเหนือก็ต้องเผชิญกับภัยแล้งและความหนาวเหน็บ ทำให้การเพาะปลูกฟื้นฟูประเทศกระทำได้ยากลำบาก อีกทั้งความหนาวอย่างรุนแรงนี้เอง ทำให้ชนเร่ร่อนในทะเลทรายทางเหนือต้องอพยพลงมาทางใต้ เพื่อแสวงหาพื้นที่อบอุ่นในการเลี้ยงสัตว์ครับ จากการอพยพนี้เองส่งผลให้พวกอู่หูต้องเข้ารุกรานจีน (ในยุคที่วุ่นวายพอดี) และทำให้จีนเข้าสู่ยุคสงครามอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 400 ปี
Dark Age Cold Period เอง อาจจะเป็นเหตุผลที่อธิบายว่า ทำไมจักรวรรดิขนาดใหญ่ 2 แห่ง ที่มีประชากรมากที่สุดในโลกอย่าง จีนและโรมัน ที่รุ่งเรืองขึ้นมาในยุคใกล้ๆกัน (ทั้งสองอารยธรรมได้ผลประโยชน์จาก The Roman Warm Period ที่ยาวนาน 800 ปี ทำให้ประชากรเพิ่มขี้นมหาศาล) จะพบจุดจบในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันด้วยการรุกรานของอานารยชน (เพราะอานารยชนเหล่านี้ถูกสภาพอากาศที่ทารุณในช่วง Dark Age Cold Period ขับไล่ลงมาในเขตอบอุ่นกว่านั่นเอง)
จากหลักฐานทั้งหมดนี้ มันพยายามชี้ให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศนั้น ส่งผลต่อการสิ้นราชวงศ์หรือยุคสมัยไม่น้อยเช่นกัน
และปรากฎการณ์เปลี่ยนแปลงภูมิอากาศอย่างรุนแรงนี้ ก็เกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 2 เช่นกันครับ หลังปี ค.ศ. 150 อากาศในจีนเริ่มหนาวเย็นลง (หลังจากอบอุ่นมาเกือบร้อยปี ซึ่งทำให้ราชวงศ์ตงฮั่นมั่งคั่งและจีนมีประชากรแตะหลัก 50 ล้านคนได้) อุณหภูมิเฉลี่ยลดลงอย่างต่อเนื่องในระหว่าง ค.ศ. 150-200 ซึ่งแน่นอนว่ามันมาพร้อมกับความแห้งแล้ง, แมลงระบาด และโรคภัยต่างๆ สุดท้าย ราชสำนักฮั่นก็เลยต้องเผชิญกับกบฏชาวนาหรือการต่อต้านจากชาวบ้าน และกลายเป็นยุคขุนศึกจนเกิดสามก๊กในที่สุด
จากคุณ |
:
digimontamer
|
เขียนเมื่อ |
:
28 เม.ย. 55 07:23:36
|
|
|
|