ความคิดเห็นที่ 1 อาจจะไม่มีคำแนะนำนะครับ แต่ชื่นชม การคิด การวางแผนของน้องครับ จากคุณ : รอยยิ้มของคนดี เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 00:06:05

ความคิดเห็นที่ 2 ก็ .. เรียนทั้ง 2 อย่างเลย จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 01:55:38

ความคิดเห็นที่ 3 ถามตัวเองก่อนครับ อยากเป็นผู้พิพากษาจริงหรือไม่ ถ้าเรียนแบบพอผ่านๆ พื้นฐานกฎหมายก็จะไม่เเน่น สอบศาลยากแน่นอนครับ เดี๋ยวนี้คนจบ 2-3 ใบ มีเยอะแยะ น้องไปเรียนอินเตอร์ แล้วค่อยกลับมาต่อรามอีกทีก็ยังทัน จากคุณ : ดินสอปากกา เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 04:36:23

ความคิดเห็นที่ 4 ก็เรียนไปทั้งคู่เลย...หรือถ้าอยากเป็นผู้พิพากษาจริงๆ (ก็ต้องทุ่มเทมากๆ) ก็ต้องสละสักปีสองปี เพื่อความฝันตัวเอง...แต่ถามใจตัวเองก่อนว่าอยากเป็นอะไรแน่ ถ้าจบแบบมีคุณภาพ งานมีรองรับอยู่แล้ว ตระหนักถึงความสำคัญได้ แต่อย่าไปตื่นเต้นอะไรกับอาเซียนมากมายค่ะ คงไม่ถึงกับตกงานกันระเนระนาด ไม่มีจะกินอะไรขนาดนั้น ผลกระทบแรกน่าจะเป็นแรงงานเสียมากกว่า จากคุณ : kiria chalee เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 10:05:45

ความคิดเห็นที่ 5 เป้าหมายคุณคือ "เป็นผู้พิพากษา" สิ่งที่คุณกังวลคือ "เพราะคิดว่าถ้าไม่จบอะไรที่เป็นภาษาอังกฤษ จะหางานทำได้ยาก เนื่องจากถ้าเข้าสู่อาเซียนแล้ว การเคลื่อนย้ายแรงงานก็จะง่ายขึ้น พวกพม่า ลาว ประเทศเพื่อนบ้านที่เก่งด้านภาษาจะทยอยกันเข้ามาแย่งงานของคนไทยที่ไม่ค่อยเก่งภาษาเท่า" ^ ในเชิงตรรกะแล้วไซร้ มันขัดแย้งกันเอง เพราะอะไร ตอบ ในศาลไทยชาวต่างชาติที่จะสื่อสารกับผูัพิพากษาต้องพูดผ่านล่ามทั้งนั้น กระบวนความคิดอีกอย่างหนึ่งซึ่งคุณควรแม่นยำในเชิงตรรกะมากกว่านี้ก็คือ "คุณไม่มีปริญญานิติฯคุณประกอบอาชีพเป็นนักกฎหมายหรือทนายไม่ได้ แต่คุณไม่มีปริญญาด้านภาษาอังกฤษคุณยังใช้ความรู้ภาษาอังกฤษ (ที่เรียนด้วยตนเอง) ประกอบอาชีพด้านภาษาอังกฤษได้ เช่นเป็นล่ามหรือนักแปล" ในกระบวนความคิดลองแยกกิ่งก้านสาขาเหมือนเขียน flowchart เพื่อเขียน  computer programs ดิ จริงๆแล้วความกังวลของคุณต้องส่งเข้า interpreter  ของระบบ computer ให้มันแปลออกมา  เป็นงี้ "คุณกังวลว่าถ้าสอบเป็นผู้พิพากษาไม่ได้หรือเปลี่ยนใจไม่อยากสอบเป็นผู้พิพากษาแล้วต้องไปทำงานเป็นนักกฎหมายหรือทนายในบริษัทเอกชนหรือทำงานส่วนตัวเช่นเปิด website ของตนเองเพื่อให้บริการด้านกฎหมายระดับอินเตอร์ถ้าไม่เก่งอังกฤษคุณจะหางานยากต่างหากล่ะ" เอาหละเราช่วยคุณคิดอย่างเป็นระบบมาให้ในบางส่วนแล้ว  คราวนี้คุณลองใช้ตรรกะทายใจเราดิว่าเราพยายามจะแนะนำให้คุณเดินแต้มไหน  เพื่อให้มีโอกาสประสบความสำเร็จมากที่สุด? จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 17:10:39

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณ คุณ fortuneteller มากเลยนะครับ ผมมาคิดดูแล้วหลังจากที่อ่าน คำแนะนำของคุณ fortuneteller แล้ว ก็คิดว่า เป็นอย่างนั้นในบางส่วนเหมือนกันครับ เพราะคิดว่าอยากจะจบแล้วเรียนเนติฯต่อเร็วๆ แล้วระหว่างรอให้อายุครบการสอบผู้พิพากษา ก็ทำงานเป็นทนายไปก่อน อาจจะฝันหวานไปหน่อยแต่ก็คิดอย่างนี้นะครับ สงสัยจะรีบไปหน่อย ที่จริงล่ามกับนักแปลก็เคยคิดอยากจะเป็นเหมือนกัน แต่คาดว่าน่าจะไม่รุ่งสักเท่าไหร่ ผมขอตอบว่า คุณ fortuneteller แนะนำให้ผมเรียน นิติแบบเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อที่ว่า ถ้าไม่อยากเป็นผู้พิพากษาแล้วต้องไปเป็นทนายหรือนักกฏหมายในบริษัทเอกชน จะได้หางานทำได้ง่ายกว่าที่เรียนนิติอย่างเดียวแต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ถ้าสอบผู้พิพากษาไม่ได้หรือไม่อยากเป็น เพราะถึงเรียนนิติไปหนักๆ แล้วภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ก็ไม่มีหลักฐานให้กับบริษัทว่าเรามีความรู้ภาษาด้านนี้อย่าง ดีแน่หรือ?  แล้วก็ถ้าเรียนนิติภาษาอังกฤษแล้วไม่ได้อยากเป็นนักกฏหมายก็ยังใช้ความรู้ภาษาอังกฤษแปล หรือเป็นล่ามก็ได้อีกด้วย ใช่ไหมครับ ถ้าไม่ถูกก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ ขอบคุณเป็นอย่างสูงครับ แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 55 18:24:48 จากคุณ : ไปยาลเล็ก ฯ (ไปยาลเล็ก ฯ) เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 55 18:23:49

ความคิดเห็นที่ 7 ^ ^ ^ คนจบนิติมาแล้วเก่งภาษาอังกฤษมากๆโดยไม่ได้มีปริญญาด้านภาษาอังกฤษมีเยอะแยะไป แล้วคนพวกนี้รุ่งมากๆในอาชีพนักกฎหมายเพราะให้บริการด้านกฎหมายแก่ชาวต่างชาติได้เงินตั้งมากมาย อย่าไปยึดติดกับปริญญาด้านภาษาอังกฤษ สมัยก่อนมันได้เปรียบ เพราะอะไร? "ตอนยังไม่มี Internet ถ้าคุณไม่ได้เรียนเอกอังกฤษ มันก็ยากที่จะรู้ว่าคนเรียนเอกอังกฤษเขาต้องเรียนอะไรกัน พวกเขาถึงเก่ง เมื่อคุณไม่รู้คุณก็เสียเปรียบ" แต่สมัยนี้ คุณมี google ค้นข้อมูลดีๆ คุณรู้ทันเรียนทันคนเรียนเอกอังกฤษหมด ดังนั้น "อย่าเรียนควบ 2 ปริญญา มันจะทำให้สับสน จะเก่งสักอย่างก็ยาก" แต่เรียนเอาปริญญานิติอย่างเดียวโลดไปเลย แต่ในเวลาเดียวกันก็ไปเรียน conversation ที่ aua ให้ครบทุกระดับจนฟังกับพูดอังกฤษได้ แล้วใช้ทักษะการฟัง เปิด youtube ดู videos บันทึกการสอนภาษาอังกฤษที่อาจารย์ฝรั่งทำไว้แจกฟรี ลองติดตาม links ที่คุณ lovelypriest แปะไว้ดิ มีบานเบอะ ^ แต่ มันมีประโยชน์สำหรับคนที่ฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องเท่านั้นน่ะแหละ ถ้าคุณดู videos บันทึกการสอนภาษาอังกฤษให้หมด youtube นี่ภาษาอังกฤษคุณก็พอจะเก่งทาบรัศมีคนเรียนเอกภาษาอังกฤษได้แล้ว แต่จะเอาเก่งกว่านั้น ก็ต้องหมั่นดูหนังฟังเพลงอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเยอะๆ แล้วหาตำราหรือสื่อการสอนภาษาอังกฤษจากต่างประเทศมาศึกษาด้วยตัวเองต่อยอดไปจากนั้น เช่นตำราด้าน writing, phonetics, syntax ฯลฯ   ถ้าคุณเริ่มจากเรียน conversation จนฟังรู้เรื่องกับพูดได้ แล้วใช้ dictionaries อังกฤษเป็นอังกฤษ ไม่ใช้สื่อภาษาไทยในการเรียนภาษาอังกฤษเลย แต่มุ่งไปคว้าเอาความรู้จากตำราและสื่อการสอนภาษาอังกฤษจากต่างประเทศ คุณสามารถเรียนด้วยตัวเองแล้วเอาชนะเด็กที่จบเอกอังกฤษได้ในที่สุด (เว้นเสียแต่ว่าเด็กจบเอกอังกฤษจะอ่านตำราและสื่อการสอนภาษาอังกฤษจากต่างประเทศมากกว่าคุณ...555+++...)   เพราะสุดยอดของความรู้ภาษาอังกฤษ เวลาดวลกันในชีวิตจริง มันมาจากตำราและสื่อการสอนภาษาอังกฤษที่ผู้เชี่ยวชาญฝรั่งทำไว้เท่านั้น แพ้ชนะกันอยู่ที่ใครได้ความรู้จากตำราและสื่อการสอนภาษาอังกฤษจากต่างแดนมากกว่ากันและมีชั่วโมงบินในการฝึกภาษามากกว่ากัน แพ้ชนะมันไม่ได้ตัดสินกันที่ "ใครเรียนจบหรือไม่จบด้านภาษาอังกฤษ" เพราะเดี๋ยวนี้ Internet ทำให้คนที่ไม่ได้เรียนเอกอังกฤษสามารถเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองเก่งเท่าหรือเก่งกว่าคนเรียนจบเอกอังกฤษได้ (แถมยังมีปริญญาสาขาอื่นไว้หากินอีกด้วย) ถ้ารู้วิธีใช้ google ค้นข้อมูลจากต่างแดนอย่างชาญฉลาด แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 55 10:30:38 แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 01:20:04 จากคุณ : fortuneteller เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 00:55:06

ความคิดเห็นที่ 8 ขอขอบคุณคุณ fortuneteller เป็นอย่างสูงครับ แล้วก็ขออภัยในความ คิดน้อยของผมด้วยนะครับ ขออภัยจริงๆครับ ตอนนี้ผมสบายใจขึ้นมากเลยละครับ แล้วก็คิดวางแผนไว้บ้างแล้วเหมือนกันครับ สิ่งที่ผมอยากจะเป็นก็อยู่ในคณะนิติฯเป็นส่วนใหญ่ครับผม ขอบพระคุณมากครับ ^_^ จากคุณ : ไปยาลเล็ก ฯ (ไปยาลเล็ก ฯ) เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 10:15:24